แชร์

บทที่ 292

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ลั่วชิงยวน

ทันใดนั้นเขาก็นึกสงสัยขึ้นมา ลั่วชิงยวนทำนายดวงชะตาเก่งขนาดนั้นเชียวหรือ?

หากลั่วชิงยวนมีความสามารถถึงเพียงนั้น วันข้างหน้านางย่อมกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงโดยไม่ต้องสงสัยเลย

ไฉนนางถึงคิดไม่ตกแล้วอยากเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลเหยียนด้วยเล่า?

เมื่อนึกได้เช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็รู้สึกหม่นหมองอยู่บ้าง

เขามองแผ่นหลังของฉู่ลั่วด้วยสายตาลึกล้ำแล้วถอนหายใจ หากนางสามารถเป็นเทพพยากรณ์ที่แสนบริสุทธิ์และซื่อตรงได้อย่างฉู่ลั่ว นางจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า

เมื่อถึงยามบ่าย

เมื่อแสงแดดอบอุ่น ก็ทำให้มีผู้คนออกมากันมากขึ้น

ในยามนี้มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งมาด้วย

"นี่มันทำนายดวงชะตาไร้สาระอันใดกัน? ก็แค่เรื่องหลอกลวง! ไม่เห็นแม่นเลยสักนิด! อย่าโดนมันหลอกเข้าเชียว!"

"นักต้มตุ๋น! ไอ้คนลวงโลก!"

ชาวบ้านตะโกนด่าแล้วขว้างปาเศษผักใส่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ลั่วชิงยวนรู้ว่าจะต้องเป็นฝีมือของลั่วอวิ๋นสี่อีกแล้ว พวกเขาเป็นคนธรรมดาสามัญจึงได้แต่ขว้างปาเศษผักแล้วก่นด่าอยู่ไกล ๆ แต่มิได้เข้ามาลงไม้ลงมือ ทำให้ลั่วชิงยวนไม่มีโอกาสโต้ตอบ

เศษผักเน่า ๆ ผสมเข้ากับไข่เละ ๆ ทำให้ประตูท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 293

    ระหว่างนั้นนางก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าพร้อมแล้ว วันนี้ข้าจักเปิดโปงสวีซงหย่วน ส่วนท่านต้องดึงดูดความสนใจของลั่วอวิ๋นสี่!" ลั่วชิงยวนพยักหน้า "มิต้องห่วง!" ซ่งเชียนฉู่หยิบกล่องเปล่าแล้วเดินออกไปหาสวีซงหย่วนทางประตูหลัง ลั่วชิงยวนเองก็เปิดประตูแล้วเริ่มดำเนินกิจการเช่นกัน ฟู่เฉินหวนมาอีกแล้วดังที่คาดคิดเอาไว้ ทว่ายามนี้ลั่วชิงยวนปฏิบัติกับเขาราวกับว่าเขาไร้ตัวตนและไม่สนใจเขาอีก หลังจากนั้นสักพัก ชาวบ้านอีกกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นบนถนน ลั่วชิงยวนรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาพวกเขา แน่นอนว่านางย่อมเห็นลั่วอวิ๋นสี่อยู่ไม่ไกลจากเบื้องหลังฝูงชน จากนั้นนางก็เดินตรงเข้าไปหา "มาคุยกันเถอะ" ลั่วอวิ๋นสี่กอดอกพลางยิ้มอวดดีแล้วเดินเข้ามาหา "ในที่สุดเจ้าก็ยินดีตกปากรับคำแล้วใช่หรือไม่? คนฉลาดย่อมรู้ว่าเมื่อใดถึงต้องยอมก้มหัว!" ลั่วชิงยวนเหลือบมองผู้คนที่กำลังมุ่งหน้ามาที่ร้านพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เจ้าจักหยุดได้แล้วหรือไม่?" ลั่วอวิ๋นสี่รีบส่งสัญญาณให้คนพวกนั้นหยุดมือ เมื่ออยู่ตรงหน้าลั่วชิงยวน นางก็ยื่นเงินถุงหนึ่งให้แก่พวกเขา "เอาไปแบ่งกันเสีย วันนี้ไม่จำเป็นต้องก่อเรื่อง!" "ข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 294

    "ช่วยด้วย! ช่วยด้วยเจ้าค่ะ!" "อย่าเข้ามานะ!" "ปล่อยข้านะ!" เสียงร้องอุทานของสตรีดังขึ้นมาจากห้องข้าง ๆ นางกำลังวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนกแล้วชนเข้ากับโต๊ะ ลั่วชิงยวนหน้าเปลี่ยนสีแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกห้อง ลั่วอวิ๋นสี่เองก็ตามไปทันที ลั่วชิงยวนถีบประตูห้องข้าง ๆ แล้วรีบวิ่งเข้ามา เมื่อนางเห็นซ่งเชียนฉู่ถูกกดลงกับเตียง ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที "เจ้าคนไร้ยางอาย!" ลั่วชิงยวนบริภาษแล้วรีบก้าวเข้ามาผลักสวีซงหย่วนออกไป เมื่อลั่วอวิ๋นสี่เข้ามาในห้อง นางก็เห็นสวีซงหย่วนเข้าพอดี ชวนให้คนเขารู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมาทันที "พี่หย่วน?" สวีซงหย่วนเองก็รู้สึกตื่นตะลึงเช่นกัน เขามาเจอลั่วอวิ๋นสี่เอาที่นี่ได้อย่างไรกัน? ลั่วชิงยวนรีบเข้าไปช่วยประคองซ่งเชียนฉู่ให้ลุกขึ้น "แม่นาง เจ้าเป็นอันใดหรือไม่?" ซ่งเชียนฉู่ดวงตาแดงก่ำ จากนั้นนางก็คว้าคอเสื้อที่คลายออกแล้วชี้นิ้วใส่สวีซงหย่วนด้วยความโกรธแค้น "ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ! เจ้าคนสารเลว!" สวีซงหย่วนขมวดคิ้วแล้วพูดไม่ออก น่าเสียดายที่เขาแย่งชิงดีงูไม่สำเร็จ ลั่วอวิ๋นสี่จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ด้วยสายตาว่างเปล่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 295

    ซ่งเชียนฉู่ผงกศีรษะ "แน่นอน ข้ารู้แล้ว มิต้องเป็นห่วง!" พวกนางสองคนกำลังเดินมาตามตรอกเพื่อกลับเรือน แต่ทันใดนั้นกลับมีร่างหนึ่งยืนพิงกำแพงอยู่ข้างหน้าพวกนาง จากนั้นก็มีน้ำเสียงเยียบเย็นดังขึ้นมา "ร่วมมือกันขุดหลุมพรางใส่ลั่วอวิ๋นสี่ ก็คือทางเลือกที่สามที่ท่านเซียนฉู่ว่าเช่นนั้นหรือ?" ฟู่เฉินหวนหรี่ตาเล็กน้อย เขาล่วงรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมภายในวันนี้ เขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างที่ฉู่ลั่วคิดจะแยกพวกเขาสองคนออกจากกัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ถูกขว้างปาเศษผักอยู่ทุกวัน ลั่วชิงยวนกับซ่งเชียนฉู่ต่างรู้สึกตื่นตกใจมากเสียจนต้องหยุดก้าวเดิน ซ่งเชียนฉู่ลอบกระตุกแขนเสื้อของลั่วชิงยวน จากนั้นก็ลดเสียงลงพลางกล่าวว่า "พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?" ลั่วชิงยวนตบมือของนางเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "กลับไปก่อนเถอะ" เมื่อเห็นท่าทีสนิทสนมของทั้งสองคน ฟู่เฉินหวนก็หรี่ตาพลางคาดเดาความสัมพันธ์ของพวกนาง ซ่งเชียนฉู่จึงรีบจากไป ลั่วชิงยวนค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวน "ท่านอ๋องเสด็จมาที่นี่เพื่อขัดขวางกระหม่อมโดยเฉพาะเลยเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?" ฟู่เฉินหวนกอดอกแล้วจ้องมองนางด้วยควา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 296

    สิ่งที่เขาเห็นคือ รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนาง เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เช่นนั้นนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ฉู่ลั่วสวมผ้าคลุมหน้าเช่นนั้นหรือ? ลั่วชิงยวนพลันดึงผ้าคลุมหน้าลงพลางปิดบังใบหน้าแล้วจ้องมองเขาด้วยความโกรธจัด ในยามนี้เอง ก็มีท่านป้าผู้หนึ่งถือตะกร้าเดินผ่านมาพลางเหลือบมองพวกเขาแล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยความรังเกียจว่า "เป็นบุรุษตัวโต ๆ สองคนแท้ ๆ พวกเจ้ามียางอายบ้างหรือไม่?" ลั่วชิงยวนซัดฝ่ามือใส่หน้าอกของฟู่เฉินหวน เพื่อบังคับให้ฟู่เฉินหวนปล่อยนางไป ตอนนั้นฟู่เฉินหวนรู้สึกตื่นตกใจและเห็นว่าฉู่ลั่วกำลังจะร่วงลงกับพื้น แต่ทันทีที่ลั่วชิงยวนหล่นสู่พื้น นางก็ใช้มือยันพื้นพลางพลิกตัวแล้วร่อนลงอย่างสง่างาม นางปกปิดรอยแผลเป็นตรงแก้มแล้วจ้องฟู่เฉินหวนตาเขม็ง "ท่านอ๋อง ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน! ท่านสงสัยหน้าตาของผู้อื่นจนมิสนใจว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นเลยใช่หรือไม่?" น้ำเสียงตั้งคำถามอันเย็นชาทำให้ฟู่เฉินหวนแววตามืดดำลงบ้าง "ข้า..." เขาเพียงแค่รู้สึกว่าฉู่ลั่วคล้ายกับลั่วชิงยวนเกินไป มิหนำซ้ำจู่ ๆ ก็มีเทพพยากรณ์ปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง เขาจึงรู้สึกว่าออกจะน่าสงสัยอยู่บ้าง ไม่ค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 297

    เมื่อแม่สื่อหลิวได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็เริ่มเอ่ยวาจาไม่รู้จักจบสิ้นและคำพูดของนางก็ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุด หลังจากได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็รู้สึกปวดศีรษะจึงตอบไปเพียงว่า "ข้ามีคนในใจอยู่แล้ว" วาจาประโยคนี้ทำเอาแม่สื่อหลิวพูดไม่ออกทันที "ท่านมีคนในใจอยู่แล้วหรือเจ้าคะ? จริงหรือเจ้าคะ? เช่นนั้นท่านอยากให้ข้าช่วยจัดการเรื่องสู่ขอหรือไม่?" แม่สื่อหลิวยังไม่ยอมแพ้ "ไม่ต้องหรอก พวกเรารักใคร่กันก็พอ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องพิธีการ ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างดำเนินไปเองเถอะ" วาจาของลั่วชิงยวนทำเอาแม่สื่อหลิวหมดสนุก นางคิดว่ามีผู้คนตั้งมากมายขนาดนั้นชอบพอเทพพยากรณ์ฉู่ ไม่ว่านางจะแนะนำผู้ใดให้แก่เทพพยากรณ์ฉู่ นางย่อมหาเงินได้มากมาย นางไม่คาดคิดว่าเช้านี้จะเดินทางมาเสียเที่ยว! "อายุยังน้อยเพียงนั้น แต่กลับงมงายในรักเสียแล้ว" แม่สื่อหลิวสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปทันที ระหว่างที่เดินอยู่นั้น แม่สื่อหลิวก็เอาแต่บ่นกับตนเอง เมื่อนางเดินมาถึงปากตรอก หญิงชราที่ถือตะกร้าใส่ไข่ก็ถามแม่สื่อหลิวว่า "ท่านเซียนฉู่อยู่ถนนสายนี้ใช่หรือไม่?" "ใช่ แค่เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นแผงทำนายดวงชะตาตั้งอย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 298

    แต่นางกลัวอะไรอยู่กันแน่? เช้าวันรุ่งขึ้น ลั่วอวิ๋นสี่ก็พาคนมาอีกครั้ง แต่วันนี้เป็นบุรุษวัยฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ทันทีที่ลั่วอวิ๋นสี่มาถึง นางก็คว่ำโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าลั่วชิงยวนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงพลางจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้น "พวกเจ้ากล้ารวมหัวกันหลอกข้าเช่นนั้นหรือ?" "เจ้าเล่ห์นัก ฉู่ลั่ว!" "วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ซึ้งถึงผลที่ตามมาของการหลอกลวงข้า!" ลั่วอวิ๋นสี่โกรธจัดแล้วตะโกนขึ้นมาว่า "ทำลายมันให้หมด! แล้วข้าจะจ่ายค่าตอบแทนอย่างงาม!" ดังนั้นบุรุษทั้งกลุ่มจึงกรูกันเข้ามาในร้านแล้วทำลายข้าวของอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ลั่วชิงยวนหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นนางก็รีบวิ่งเข้าไปในร้านเพื่อขวางคนพวกนั้นมิให้แตะต้องเครื่องยาสมุนไพร ถึงแม้ว่าจะมิได้เก็บสมุนไพรราคาแพงของซ่งเชียนฉู่เอาไว้ที่นี่ทั้งหมด แต่บางส่วนก็ตั้งแสดงตัวอย่างเอาไว้ที่นี่ ของล้ำค่ามากมายเช่นนั้นจะต้องไม่ถูกผู้อื่นทำลายทิ้ง! นางมายืนอยู่หน้าตู้เก็บโอสถและจัดการผู้ใดก็ตามที่ย่างกรายเข้ามา ถึงแม้ว่าหลังจากนางลดน้ำหนักแล้ว วรยุทธของนางจะรุดหน้าขึ้น ทว่าพละกำลังก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าแต่ก่อน การรับมือกับคนมากมายถึงเพียงน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 299

    หลังจากลั่วชิงยวนพูดจบ นางก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้านแล้วปิดประตูลงกลอน ฟู่เฉินหวนตะลึงงันอยู่ท่ามกลางสายลมหนาว ฉู่ลั่วผู้นี้รนหาที่ตายใช่หรือไม่? กล้าดีอย่างไรถึงทำเช่นนี้กับตน? ! ฟู่เฉินหวนก้มหน้ามองเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อน แววตาก็ยิ่งอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็เหลือบมองมาที่ร้านด้วยสายตาเย็นชาแล้วข่มกลั้นโทสะพร้อมเดินจากไป ไร้เหตุผล! ไม่เข้าใจเลย! ฟู่เฉินหวนกลับตำหนักไปด้วยท่าทีฉุนขาด ครั้นซูโหยวเดินมาที่เรือนหน้าก็เห็นท่านอ๋องมีสีหน้าหม่นคล้ำ เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาพลางกล่าวว่า "ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? ไฉนเสื้อผ้าของท่านถึงเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเช่นนั้นได้?" ฟู่เฉินหวนไม่ตอบ ในยามนี้เอง ลั่วเยวี่ยอิงก็เดินยิ้มเข้ามาหา "ท่านอ๋อง พักนี้หม่อมฉันไม่เห็นท่านเลยคิดว่าท่านอ๋องมัวแต่ยุ่งกับงานราชการ ดังนั้นข้าจึงทำขนมมาให้ท่านอ๋อง ท่านอ๋องอยากจะมานั่งเล่นที่เรือนของข้าหรือไม่เพคะ?" ฟู่เฉินหวนเพียงแค่เหลือบมองลั่วเยวี่ยอิง ก็เกือบอดใจที่จะตอบตกลงมิได้ แต่เขากลับหยิกฝ่ามืออย่างแรง จากนั้นก็เบือนหน้าหนีแล้วรีบเดินจากไป ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกตื่นตกใจแล้วรีบก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 300

    ข้างนอกมีผู้ชมดูเหตุการณ์กลุ่มหนึ่งกำลังชี้มือชี้ไม้แล้วพูดคุยกันอย่างออกรส สายตาแปลกพิกลเหล่านั้นประดุจดั่งมีดคมกริบ ลั่วชิงยวนมองไปยังทิศทางที่พวกเขาชี้นิ้วไปด้วยความสงสัย จากนั้นก็เห็นธงสองผืนที่กำลังโบกสะบัดท่ามกลางสายลม บนนั้นเขียนเอาไว้ว่า: นักต้มตุ๋นแห่งยุทธภพ หลอกเอาเงินทองและทำลายชีวิตคน ธงผืนใหญ่กำลังโบกสะบัดท่ามกลางสายลมหนาว อักษรทั้งแปดตัวเป็นที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ จนสามารถมองเห็นได้ชัดจากถนนสองสามสายที่ห่างไกลออกไป! "พวกเราเคยได้ยินว่าท่านเซียนฉู่ผู้นี้ทำนายดวงชะตาแม่นด้วยหรือ?" "ข้าได้ยินมาว่าเขาจ้างคนมาทำทีเป็นลูกค้า มิฉะนั้นก็คงหามีผู้ใดมาให้เขาทำนายดวงชะตามากมายถึงเพียงนั้นหรอก" "ข้าเคยบอกไปแล้วหนา จะมีเทพพยากรณ์อายุน้อยขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? มันเป็นพวกต้มตุ๋นชัด ๆ เลย!" "จริงด้วย! ข้าได้ยินว่ามีคนในครอบครัวของลูกค้าตายด้วยล่ะ มิหนำซ้ำยังแจ้งให้ทางการทราบเรื่องนี้อีกต่างหาก" เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินความคิดเห็นเหล่านี้ นางก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่คิดเลยว่าลั่วอวิ๋นสี่จะใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนั้น! เมื่อก่อนนางแค่เรียกได้ว่าหยิ่งยโสโอหัง ถ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1108

    “ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1107

    “คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1106

    ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1105

    ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1104

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1103

    น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1101

    ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1100

    ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั

DMCA.com Protection Status