”องค์จักรพรรดิทรงเตรียมกำลังคนเอาไว้แล้ว”เขาโบกมือแล้วก็มีองครักษ์เงาสองนายกระโดดออกมาจากเงามืดลั่วชิงยวนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เขาได้เห็นผู้ที่ลอบเข้ามาในห้องเมื่อคืนหรือไม่?“ว่ามา” ฟู่เฉินหวนเอามือไพล่หลังและมองลั่วชิงยวนด้วยแววตาเย็นชา“กรายทูลท่านอ๋อง เมื่อคืนผู้ที่เข้าห้องนี้มีเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”“เป็นนางรับใช้ข้างกายพระชายา แม่นางจือเฉา”ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจมาก “จือเฉาหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร!”“คนของข้าไม่ผิดพลาดแน่ นางเข้าไปในห้องพร้อมอาหาร” องครักษ์เงาทั้งสองต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันลั่วชิงยวนรู้สึกยากจะเชื่อ จะเป็นจือเฉาไปได้อย่างไรนางรีบส่งคนไปตามจือเฉามาทันทีเมื่อจือเฉามาถึง นางก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น“จือเฉา ข้าขอถามเจ้า เมื่อคืนนี้เจ้าออกมาจากเรือนหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามอย่างร้อนใจจือเฉาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด นางพยักหน้าและบอกว่า “ข้าออกเจ้าค่ะ”“แต่เมื่อคืนนี้พระชายาเข้านอนเร็ว และข้าก็ทำงานของข้าเสร็จเร็วจึงเข้านอนแต่หัววัน เมื่อคืนนี้ข้าเลยเข้านอนเร็วกว่าปกติ”ลั่วชิงยวนรู้สึกร้อนใจ จึงถามต่อว่า “ข้าหมายความว่า เมื่อคื
”หากหม่อมฉันต้องการฆ่าเขา หม่อมฉันมีวิธีการมากมายที่จะทำโดยไม่ให้ท่านรู้และให้เขาตายไปเงียบ ๆ”“เหตุใดหม่อมฉันต้องส่วนนางรับใช้ข้างกายไปฆ่าคนปิดปากด้วย และยังทิ้งร่องรอยไว้มากขนาดนี้?”ตอนนี้แววตาฟู่เฉินหวนเองก็ดำคล้ำเขาจ้องนางเขม็ง ดวงตาสั่นไหวด้วยความคลางแคลงใจลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเขาเองก็คิดเรื่องนี้ และอาจจะมีเวลาที่คิดว่านางนั้นโดนใส่ร้ายแต่แววตาฟู่เฉินหวนก็กลับมาเย็นเยียบ เขาสั่งเสียงเย็นชาว่า “เอานางไปขังไว้”หลังจากนั้นเขาก็เดินจากไปลั่วชิงยวนตกตะลึงเขานั้นยอมสังหารคนบริสุทธิ์นับพันดีกว่าปล่อยคนผิดลอยนวลเมื่อมีความแคลงใจบ่มเพาะในใจ ก็ยากที่จะมองคนผู้นั้นโดยไร้อคติอีกต่อไปลั่วชิงยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี“ท่านอ๋องเพคะ พระชายาบริสุทธิ์ พระชายาไม่เคยส่งหม่อมฉันไปที่คุก และหม่อมฉันเองก็ไม่เคยเข้าไปที่นั่นด้วยซ้ำ ทรงพิจารณาด้วยเถิดเพคะ”จือเฉาคุกเข่าขอร้อง นางถึงกับลุกเพื่อวิ่งตามฟู่เฉินหวนไปแต่ว่าเขาไม่ได้หยุดเท้าแม่นมเติ้งพยุงลั่วชิงยวนให้ลุกขึ้นอย่างไม่สบายใจ “พระชายา บ่าวควรทำเช่นไรดี?”ตอนนั้นเององครักษ์เงาสองคนก็เข้ามา และพาตัวลั่วชิงยวนและจือเฉาไปขังไว้ในคุก
ในห้องขังจือเฉาขยับร่างของนักทำนายชะตาไปด้านข้าง แล้วจัดเตียงง่าย ๆ “พระชายา มานั่งพักสักนิดเถิดเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนตรวจดูอาหารและเห็นว่าสิ่งที่สังหารนักทำนายชะตาเป็นเพียงพิษดาษดื่นธรรมดาเท่านั้นทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังจากนอกห้องพลันประตูห้องขังก็โดนเปิดออก แม่นมเติ้งเดินเข้ามาพร้อมอาหาร “พระชายา”เมื่อวางอาหารลงแล้วแม่นมเติ้งก็รีบมากระซิบที่ข้างหูนางว่า “พระชายา ข้าแอบไปตรวจดูแล้ว นางรับใช้หลายคนที่รูปร่างคล้ายจือเฉาต่างพิสูจน์ได้ว่าเมื่อคืนพวกนางไม่ได้ออกจากเรือนเจ้าค่ะ”“แต่มีนางรับใช้คนหนึ่งที่ท่าทางคล้ายกัน นางออกไปซื้อของตอนเย็นแล้วยังมิได้กลับเข้ามา”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็นิ่วหน้า “หาตัวนางรับใช้นั้นให้เจอ”แม่นมเติ้งพยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าจะหาทางหาตัวนาง ท่านอ๋องเองก็คงกำลังคิดว่าจะทำเช่นไรต่อไป หากว่านางรับใช้คนนั้น…”ลั่วชิงยวนนิ่วหน้าตอบว่า “หาคนให้ได้ก่อนเถอะ”“เจ้าค่ะ” แม่นมเติ้งรับคำและรีบจากไปห้องขังถูกใส่กุญแจจากด้านนอกอีกครั้งดูเหมือนว่าตอนนี้ด้านนอกจะไม่มีใครอยู่ แต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่ามีองครักษ์เงาสองคนคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่างหลังจาก
จือเฉาร้อนใจจนนางก้าวออกมาอย่างฉุนเฉียวและผลักเฉียงเวยออกไป “เจ้าพูดไร้สาระอันใดกัน? อย่ามาแตะต้องพระชายานะ”“เราต่างก็เห็นกันอยู่กับตา องค์ชายห้าเอาสัมภาระมาด้วย หากว่านี้ไม่ใช่หนีตามกันแล้วคืออันใดเล่า?” เฉียงเวยพูดเสียงแหลมอย่างประชดประชัน“ข้าไม่คิดเลยว่า หน้าตาและเรือนร่างอย่างพระชายาจะสามารถล่อลวงบุรุษได้ ขนาดองค์ชายห้ายังยอมเสี่ยงทุ่มเทเพื่อหนีตามไปกับท่าน”การหนีตามกันนั้นเป็นเรื่องใหญ่ในราชวงศ์ และจะเป็นเรื่องน่าอับอายให้โดนติฉินนินทามากสำหรับองค์ชายหากว่าเรื่องนี้แพร่ออกไปส่วนพระชายานั้นต้องโดนฝังทั้งเป็น หรือไม่ก็โดนจับถ่วงแม่น้ำเมื่อเป็นเช่นนั้นแน่นอนว่าเฉียงเวยจึงไม่มีอะไรต้องกลัวลั่วเยวี่ยอิงยิ่งยินดีเมื่อได้ยินเช่นนั้น แบบนี้ลั่วชิงยวนยังจะเอาชีวิตรอดไปได้อีกหรือ?“อย่าพูดจาไร้สาระ…” ฟู่อวิ๋นโจวเริ่มร้อนใจและไอออกมาอีกครั้งก่อนที่จะทันพูดได้จบ“ไร้สาระหรือเพคะ? เรื่องที่หม่อมฉันพูดไร้สาระตรงไหน? นี่เป็นเพราะพระชายากระทำตัวไม่เหมาะสม ก่อนหน้านี้นางก็พยายามดิ้นรนจนได้สมรสกับท่านอ๋องจนสำเร็จ วิธีการของนางนั้นช่างชั่วร้ายนัก”“ตอนนี้หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่านางล่อลวงอง
ลั่วชิงยวนไม่ได้หลบดาบเย็นเยียบนั้นชี้มาที่นาง ข่มขู่ถึงแก่ชีวิตน้ำเสียงของเขาเย็นชาเหมือนดั่งวันที่ลั่วชิงยวนตื่นขึ้นมาและพบว่าตนเป็นภรรยาของเขา น้ำเสียงที่ไร้ซึ่งอารมณ์และความอบอุ่นใด…“นั่นก็เพราะว่าโดนจับได้ก่อนหนีตามสำเร็จ”ริมฝีปากลั่วชิงยวนยกโค้งเป็นรอยยิ้มหยันตนเอง “เพราะว่าลั่วเยวี่ยอิงบังเอิญมาเห็นเข้าสินะ ดังนั้นหากว่าไม่โดนจับได้ก็คงจะหนีตามกันไปแล้วใช่หรือไม่เล่า? ช่างเถอะ ข้าไม่คิดว่าท่านอ๋องจะเชื่อข้าอยู่แล้ว”นางไม่คิดจะตามองค์ชายห้าไปจริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าคำอธิบายนั้นจะยิ่งเหมือนคำแก้ตัวดังนั้นนางจึงหลับตาลงแล้วรอให้ดาบของฟู่เฉินหวนแทงเข้ามามือของนางกำแน่นอยู่ใต้แขนเสื้อเข็มทิศนั้นสั่นไหว เริ่มจากสั่นช้า ๆ ก่อนที่จะเร่งความเร็วขึ้นมีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามาเมื่อเห็นว่าลั่วชิงยวนเจตนาจะหลับตาลง แววตานิ่งไร้อารมณ์ของฟู่เฉินหวนก็มีประกายบางอย่างพาดผ่านชั่วแวบ ดาบนั้นก็ยังคงไม่ขยับ“ท่านอ๋อง…” เมื่อได้เห็นว่าฟู่เฉินหวนชักช้าไม่ลงมือ ลั่วเยวี่ยอิงก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเขาแต่นางไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก เพราะห่วงว่าตนจะทิ้งภาพที่ไม่ดีในสายตาของท่านอ๋องจือเฉาคุ
แต่ในวันที่สองของการแต่งงานเข้ามาแทน นางก็แสร้งทำจะเป็นจะตายให้เขาดูตอนนี้ลั่วเยวี่ยอิงเองก็ตื่นตระหนกไม่ใช่เพราะว่าลั่วชิงยวนนั้นหาที่ตาย แต่ว่านางได้ยินความร้อนรนในน้ำเสียงของท่านอ๋องเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้ลั่วชิงยวนตายนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ท่าทีของท่านอ๋องที่มีต่อลั่วชิงยวนเห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนไป เพียงแต่ท่านอ๋องนั้นไม่รู้ตัว หรือไม่ก็ไม่ยอมรับ“ท่านอ๋อง…” ลั่วเยวี่ยอิงพูดอย่างระแวดระวัง อยากจะเตือนท่านอ๋องว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระชายารนหาที่ตายแต่ตอนนั้นเปลือกตาของลั่วชิงยวนก็ปิดลง นางหมดสติไปแล้วฟู่เฉินหวนดูร้อนใจมากและอุ้มลั่วชิงยวนเดินออกไป “ไปตามท่านหมอกู้มา”จือเฉารีบวิ่งตามไปลั่วเยวี่ยอิงยืนค้างอยู่ตรงนั้น นางและเฉียงเวยมองพวกเขาเดินจากไป นางกัดฟันแน่นอย่างเกลียดชัง“เหตุใดกัน? ท่านอ๋องถึงไม่อยากให้นางตาย? เพราะเหตุใดกัน?”ลั่วเยวี่ยอิงคิดไม่ออกว่า เหตุใดทั้งท่านอ๋องและองค์ชายห้าถึงได้ปฏิบัติกับลั่วชิงยวนต่างออกไปทั้งที่นางน่าเกลียดราวกับสุกรเฉียงเวยอยากจะพูดบางอย่าง แต่เพราะขากรรไกรที่หลุดนั้นเจ็บปวดมากจนนางได้แต่ร้องไห้ นางจึงไม่ได้สนใจอะไรลั่วเยว
”เจ้าตอบแทนผู้ช่วยชีวิตเช่นนี้หรือ?”สายตาลึกล้ำสงบนิ่งนั้นเหมือนจะมองทะลุทุกสิ่ง ทำให้เงาที่ลอยอยู่ในอากาศนั้นตัวแข็งทื่อ และมือที่เกาะกุมลำคอลั่วชิงยวนแน่นก็คลายลง“ท่านเห็นข้าหรือ?” น้ำเสียงแหบพร่าของนางเต็มไปด้วยความสับสนมุมปากลั่วชิงยวนยกขึ้นเล็กน้อย “ข้าช่วยเจ้าออกมาจากภาพวาด แน่นอนว่าข้ามองเห็นเจ้า”เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาสตรีชุดแดงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง นางถามด้วยเสียงแหบพร่า “แล้วเหตุใดท่านต้องช่วยมันด้วย คนชั่วผู้นั้นทำร้ายข้าและลูก”ตอนนี้เองที่ลั่วชิงยวนเข้าใจว่า เหตุใดสตรีชุดแดงจึงอย่างฆ่านางและฟู่เฉินหวนเพราะว่าพวกเขาช่วยนักทำนายชะตามาไม่แปลกใจที่นักทำนายชะตามั่นใจมากว่าตนต้องตาย แม้ว่าจะไม่โดนผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังฆ่า เขาก็ต้องตายด้วยน้ำมือแม่ลูกคู่นี้นี่เป็นสิ่งที่กรรมชั่วสนองเขา ตอนนี้วิญญาณแม่ลูกนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและเจตนาสังหาร ดังนั้นจึงรับมือได้ไม่ง่าย“แต่เขาก็ตายอยู่ดี” ลั่วชิงยวนตอบหลังจากได้ยินเช่นนี้ สตรีชุดแดงยิ่งคลุ้มคลั่ง แววตาของนางแดงฉานและกรีดร้องว่า “มันตายแล้ว ข้าจะไปแก้แค้นกับผู้ใดกัน มันทรมานข้ามาห้าปี แล้วข้าจะไปทวงความแค
ยามนั้นสตรีชุดแดงรู้สึกได้ถึงพลังที่กดข่ม นางมิอาจสู้สตรีตรงหน้าได้ นางไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากร้องขอความเมตตาลั่วชิงยวนพูดเสียงเย็น “เจ้ามีความอาฆาตแค้นมากเกินไป ข้าจะช่วยสลายและช่วยให้เจ้าได้ไปเกิดใหม่”เมื่อได้ยินเช่นนั้นสตรีชุดแดงก็ตะลึง จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง “ข้าไม่ต้องการจะไปเกิดใหม่ ข้าไม่ต้องการ… ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ”สตรีชุดแดงอ้อนวอน นางคุกเข่าขอร้องอย่างสิ้นหวัง“เพราะเหตุใดเล่า?” ลั่วชิงยวนแปลกใจสตรีชุดแดงคุกเข่าอยู่กับพื้น นางร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าไม่เต็มใจรับ ข้าโดนหลอกให้จากบ้านมาแล้วลูกชายของข้าก็โดนคนชั่วสังหารพร้อมข้า”“แต่สามีของข้าโดนเจ้าคนชั่วนั่นหลอก เขาคิดมาตลอดว่า ข้านั้นเป็นคนหนีจากบ้านมาเองด้วยโทสะ เขานั้นทั้งรู้สึกผิด ทั้งเสียใจจนดื่มสุราเมามายทั้งวัน”“และนางหญิงผู้นั้นที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับข้า ก็หาทางเข้าสู่อ้อมกอดเขาแล้วหลอกลวงเขา เขารักใคร่นางนัก…”“ข้าไม่… ข้าไม่เต็มใจ”สตรีชุดแดงร้องไห้อย่างขมขื่นและเด็กที่อยู่ข้างกายนางก็เริ่มร้องไห้ พยายามที่จะกอดแม่ของเขาไว้ “ท่านแม่…”เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็รู้สึกสงสารและไม
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด
เดิมทีนางตั้งใจจะบอกข่าวดีนี้แก่เขาในยามที่เขากับนางคืนดีกันแล้วทว่าสิ่งที่รอคอยกลับเป็นการหลอกลวง เขาชิงเอาเข็มทิศอาณัติสวรรค์ของนางไปบัดนี้เขาใจแข็งเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงจำต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาในใจนางยังคงมีความหวัง หวังว่าเพื่อลูกในครรภ์ ฟู่เฉินหวนอาจจะใจอ่อนลงบ้างทว่าประตูบานนั้นยังคงปิดสนิทนอกจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านก็ไม่มีเสียงตอบรับใดสายลมหนาวราวกับจะพัดพาความอบอุ่นสุดท้ายในใจนางให้หายไปน้ำตาใสไหลรินอาบแก้มซีดเผือดลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันเหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักเห็นนางแล้วอยากจะทักทาย แต่ก็ลังเล มิกล้าเอ่ยปากบัดนี้ลั่วชิงยวนราวกับคนไร้วิญญาณ เดินออกจากตำหนักไปอย่างไร้จุดหมายนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าสายลมหนาวจะพัดพาร่างนางให้แหลกสลายไป ความหนาวเหน็บกัดกร่อนกระดูก......ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนทรุดลงนอนสลบแน่นิ่งกองอยู่ที่มุมห้อง พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนกระทั่งซูโหยวกลับมาพบเข้า จึงรีบให้คนไปตามหมอหลวงมู่มาโดยด่วนหมอหลวงมู่ตรวจอาการแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบปรุงยาให้ทันทีและยังนำโสมมังกรที่ตกทอดกันมาในตระกูลออกมาตัดแบ่งส่วนเล็ก
เขามิอยากแตะต้องนางแม้เพียงปลายเล็บฟู่เฉินหวนรีบส่งคนออกไปตามล่าเฉินชี แล้วจึงกวาดสายตามองลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “พากลับไป”องครักษ์สองนายเข้ามาพยุงลั่วชิงยวน แล้วพานางออกไปจากศาลาลั่วชิงยวนจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจนางก็พลันเหมือนถูกบีบขณะที่นางถูกพาตัวออกไป เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วศาลาเสียดแทงโสตประสาทยิ่งนักเมื่อกลับถึงตำหนัก ฟู่เฉินหวนก็รีบจัดการวางกำลังคนไปจับตัวเฉินชีลั่วชิงยวนยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ จนกระทั่งเขาจัดการทุกอย่างเสร็จจึงเดินเข้าไปหา“ฟู่เฉินหวน...”ทว่าฟู่เฉินหวนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตำรา แล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจนางมิยอมแพ้ เดินไปเคาะประตู “ฟู่เฉินหวน ท่านรังเกียจหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่!”“เฉินชีกับลั่วฉิงร่วมมือกัน! เหตุใดท่านจึงหลอกเอาเข็มทิศของหม่อมฉันไป! ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกเขา!”นางทุบประตูเรียก “ฟู่เฉินหวน ท่านต้องอธิบายให้หม่อมฉันฟัง!”ประตูเปิดออกกะทันหันฟู่เฉินหวนก้าวออกมาด้วยความโกรธ