”เจ้าตอบแทนผู้ช่วยชีวิตเช่นนี้หรือ?”สายตาลึกล้ำสงบนิ่งนั้นเหมือนจะมองทะลุทุกสิ่ง ทำให้เงาที่ลอยอยู่ในอากาศนั้นตัวแข็งทื่อ และมือที่เกาะกุมลำคอลั่วชิงยวนแน่นก็คลายลง“ท่านเห็นข้าหรือ?” น้ำเสียงแหบพร่าของนางเต็มไปด้วยความสับสนมุมปากลั่วชิงยวนยกขึ้นเล็กน้อย “ข้าช่วยเจ้าออกมาจากภาพวาด แน่นอนว่าข้ามองเห็นเจ้า”เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาสตรีชุดแดงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง นางถามด้วยเสียงแหบพร่า “แล้วเหตุใดท่านต้องช่วยมันด้วย คนชั่วผู้นั้นทำร้ายข้าและลูก”ตอนนี้เองที่ลั่วชิงยวนเข้าใจว่า เหตุใดสตรีชุดแดงจึงอย่างฆ่านางและฟู่เฉินหวนเพราะว่าพวกเขาช่วยนักทำนายชะตามาไม่แปลกใจที่นักทำนายชะตามั่นใจมากว่าตนต้องตาย แม้ว่าจะไม่โดนผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังฆ่า เขาก็ต้องตายด้วยน้ำมือแม่ลูกคู่นี้นี่เป็นสิ่งที่กรรมชั่วสนองเขา ตอนนี้วิญญาณแม่ลูกนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและเจตนาสังหาร ดังนั้นจึงรับมือได้ไม่ง่าย“แต่เขาก็ตายอยู่ดี” ลั่วชิงยวนตอบหลังจากได้ยินเช่นนี้ สตรีชุดแดงยิ่งคลุ้มคลั่ง แววตาของนางแดงฉานและกรีดร้องว่า “มันตายแล้ว ข้าจะไปแก้แค้นกับผู้ใดกัน มันทรมานข้ามาห้าปี แล้วข้าจะไปทวงความแค
ยามนั้นสตรีชุดแดงรู้สึกได้ถึงพลังที่กดข่ม นางมิอาจสู้สตรีตรงหน้าได้ นางไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากร้องขอความเมตตาลั่วชิงยวนพูดเสียงเย็น “เจ้ามีความอาฆาตแค้นมากเกินไป ข้าจะช่วยสลายและช่วยให้เจ้าได้ไปเกิดใหม่”เมื่อได้ยินเช่นนั้นสตรีชุดแดงก็ตะลึง จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง “ข้าไม่ต้องการจะไปเกิดใหม่ ข้าไม่ต้องการ… ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ”สตรีชุดแดงอ้อนวอน นางคุกเข่าขอร้องอย่างสิ้นหวัง“เพราะเหตุใดเล่า?” ลั่วชิงยวนแปลกใจสตรีชุดแดงคุกเข่าอยู่กับพื้น นางร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าไม่เต็มใจรับ ข้าโดนหลอกให้จากบ้านมาแล้วลูกชายของข้าก็โดนคนชั่วสังหารพร้อมข้า”“แต่สามีของข้าโดนเจ้าคนชั่วนั่นหลอก เขาคิดมาตลอดว่า ข้านั้นเป็นคนหนีจากบ้านมาเองด้วยโทสะ เขานั้นทั้งรู้สึกผิด ทั้งเสียใจจนดื่มสุราเมามายทั้งวัน”“และนางหญิงผู้นั้นที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับข้า ก็หาทางเข้าสู่อ้อมกอดเขาแล้วหลอกลวงเขา เขารักใคร่นางนัก…”“ข้าไม่… ข้าไม่เต็มใจ”สตรีชุดแดงร้องไห้อย่างขมขื่นและเด็กที่อยู่ข้างกายนางก็เริ่มร้องไห้ พยายามที่จะกอดแม่ของเขาไว้ “ท่านแม่…”เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็รู้สึกสงสารและไม
ดึกสงัดในราตรีนั้น สายลมก็พัดเย็นเยียบ ลั่วชิงยวนมีแม่นมเติ้งประคองเดินออกมาสูดอากาศด้านนอกแต่ตอนนั้นที่เรือนหัวถิงมีลมกระโชกแรงลั่วเยวี่ยอิงที่นั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองกำลังทายาอย่างระมัดระวัง นางมองใบหน้าของตนในกระจกอย่างกังวลเมื่อไรที่แผลบนหน้าจะดีขึ้น?ทันใดนั้นลมก็โหมพัดหน้าต่างเปิดออก พาเอาฝุ่นและใบไม้มากมายเข้ามาในห้องลั่วเยวี่ยอิงตกใจและรีบยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยแขนเสื้อ แต่นางก็โดนละอองฝุ่นพัดใส่จนลืมตาไม่ขึ้น“เฉียงเวย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”เฉียงเวยรีบวิ่งเข้ามาปิดหน้าต่าง แต่มันก็โดนลมกระโชกพัดจนเปิดอีกรอบหลังจากที่ปิดไปแล้วครั้งแล้วครั้งเล่าลมแรงนั้นพัดใบไม้สั่นไหวเสียงดัง และกลิ่นก็แปลกพิกลครั้งสุดท้ายที่เฉียงเวยปิดประตู มันก็โดนลมแรงพัดจนเปิดออก เฉียงเวยโดนประตูกระแทกจนล้มใส่โต๊ะอย่างแรงและหมดสติไปตึง ตึง ตึงประตูหน้าต่างเปิดปิดไม่หยุด และเสียงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ลั่วเยวี่ยอิงนั้นหวาดกลัวมากจนนางทรุดตัวลงหลบกับพื้น ขนลุกชันทั่วร่างนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเจอเรื่องแบบนี้นางนั้นหวาดกลัวมาก คิดว่าหากนางหลบซ่อนตัวก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนนั้นเองนางก็
แม่นมเติ้งตกใจมาก “พระชายาน่าทึ่งมาก นางทำให้คุณหนูรองลั่วพูดความจริงออกมาได้ ท่านอ๋องต้องทรงได้ยินแน่เจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนหรี่ตาเล็กน้อย นางยกยิ้มมุมปากมองไปทางตำหนักที่ยังมีแสงไฟอยู่ ก่อนพูดเบา ๆ “แน่นอนว่าต้องได้ยิน”“แต่คงบอกยากว่า เมื่อได้ยินแล้วทีท่าจะเป็นเช่นไร”แม่นมเติ้งพูดอย่างยินดี “หากท่านอ๋องทรงทราบว่า คุณหนูรองลั่วมิได้อ่อนหวานเหมือนฉากหน้า แต่ที่จริงนางโหดเหี้ยมชั่วร้ายนัก เขาต้องไม่ปฏิบัติกับนางเหมือนเดิมแน่เจ้าค่ะ”ที่จริงช่วงหลังมานี้ท่านอ๋องหลบหน้าคุณหนูรองลั่ว และท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป พอตอนนี้เมื่อความจริงเปิดเผยแล้ว ท่านอ๋องจะต้องไม่ยอมรับคุณหนูรองลั่วแน่จู่ ๆ ประตูตำหนักก็เปิดออก และฟู่เฉินหวนก็เดินหน้าโกรธขึ้งออกมาเมื่อเขาเห็นลั่วเยวี่ยอิงอยู่ไม่ไกลดูตื่นตระหนก นางไม่รู้ถึงการมาของเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อลั่วชิงยวนเห็นเช่นนั้น นางก็ยกมือปิดปากและบอกว่า “เจ้าคิดวิธีนี้เพื่อจัดการกับลั่วชิงยวนเช่นนั้นรึ? เจ้าร่วมมือกับลั่วชิงยวนทำร้ายข้างั้นรึ?”ตอนนั้นในสายตาของลั่วเยวี่ยอิง คำพูดเหล่านี้ล้วนออกมาจากปากของเมิ่งจินอวี่ลั่วเยวี่ยอิงรีบอธิบาย “ข้าเปล่านะ ข้า
ลั่วเยวี่ยอิงกัดฟันแน่น นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้จะจบเช่นไรเล่า?หากว่าการที่ลั่วชิงยวนรนหาที่ตายนั้นสามารถเปลี่ยนท่าทีที่ท่านอ๋องมีให้นางได้ ตัวนางเองก็ทำได้เช่นกันนางวิ่งเข้าใส่กำแพงอย่างแรงตอนนี้หน้าผากกำลังจะชนผนังก็มีมือมารั้งนางไว้อย่างแรงสีหน้าของฟู่เฉินหวนนั้นบิดเบี้ยวดูไม่ได้ลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้และคุกเข่าลง “ท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้จริง ๆ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น หม่อมฉันไม่รู้ว่าพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกไปบ้าง ทั้งหมดนั้นหม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ…”ตอนนั้นเองท่านหมอกู้ก็รีบเดินเข้ามา เขามองหน้าลั่วเยวี่ยอิงและพูดกับฟู่เฉินหวนว่า “ท่านอ๋อง คุณหนูรองลั่วดููสับสนนัก นางอาจจะกินยาบางอย่างที่ทำให้นางมึนงงสับสน”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงก็เหมือนเห็นฟางช่วยชีวิต นางรีบพูดว่า “เพคะ ท่านอ๋อง ต้องมีคนพยายามทำร้ายหม่อมฉันแน่”“ท่านหมอกู้เองก็พูดเช่นนี้ ท่านอ๋องต้องเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ”แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนรู้ว่าลั่วเยวี่ยอิงนั้นไม่รู้ตัว หากว่านางมีสตินางจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาได้อย่างไรสิ่งที่ลั่วเยวี่ยอิงทำคืนนี้นั้นแปลกมากเขาอดไม่ได้
ภาพใบหน้านั้นไปอยู่บนหน้าของเวินซีหลันประกอบกับชุดสีแดงและผมดำดุจม่านน้ำตก ใบหน้านั้นยิ่งงดงามชวนตะลึงเหวินซีหลันยกมือสัมผัสหน้าและแปลกใจจนรีบคุกเข่าลงอีกครั้ง “ขอบคุณท่านมาก”ลั่วชิงยวนใช้วิธีการเดียวกันกับใบหน้าของลูกชายเวินซีหลันเมื่อไม่มีแผลเป็นน่ากลัว เด็กน้อยก็กล้าจะเงยหน้าขึ้นลั่วชิงยวนไอสองครั้งและค่อย ๆ นั่งลง “ตอนนี้เจ้าบอกข้าเรื่องของครอบครัวและตัวตนของเจ้ามา ข้าจะได้ช่วยเจ้าได้”ลั่วชิงยวนอยากจะช่วยจัดการปัญหานี้ให้เร็ว และช่วยเวินซีหลันได้ภายในพรุ่งนี้แต่นางไม่คิดว่าเมื่อเวินซีหลันเอ่ยปากจะทำให้นางต้องตกตะลึงไป…“สามีของข้าคือบุตรชายคนรองของจวนแม่ทัพใหญ่ ฉินไป๋ลี่”ลั่วชิงยวนเกือบสำลักชาที่กำลังดื่มอยู่“จวนแม่ทัพใหญ่งั้นรึ?” นางคิดไว้อยู่แล้วว่าสามีของเวินซีหลันนั้นน่าจะมีฐานะร่ำรวย แต่นางไม่คาดว่าสถานะของเขาจะสูงส่งเช่นนี้เวินซีหลันดูโศกเศร้าและบอกว่า “ก่อนนี้ข้าปกปิดบางเรื่องไว้ จวนแม่ทัพใหญ่นั้นไม่ใช่ธรรมดา ข้าอยากจะออกไปตามหาเขาหลายครั้งแต่ว่า มียันต์อักขระเวทย์ในจวนแม่ทัพใหญ่และบนร่างของเขา ทำให้ข้าเข้าใกล้เขามิได้”“หากว่าเรื่องนี้ยากเกินมือ ก็ไม่จ
ลั่วอวิ๋นสี่ลั่วอวิ๋นสี่เกาะแขนสตรีผู้นั้นอยู่ พร้อมมองลงมาและแค่นเสียงเดียดฉันท์“ใครในเมืองนี้ไม่รู้บ้างว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการนั้นชอบพอเยวี่ยอิง? แค่ไม่สังหารนังผู้หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ก็ถือว่าเมตตามากแล้ว นางจะกล้ามาอวดอ้างอำนาจของท่านอ๋องได้อย่างไร?”นี่มันถือว่าเป็นการเจอศัตรูบนทางแคบจริง ๆ ลั่วอวิ๋นสี่อยู่ที่นี่ด้วยแต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจมากกว่าคือเสียงตื่นเต้นของเวินซีหลันดังเข้ามาในหูนางว่า“หลิวฮุ่ยเซียง คนที่ถือพัดกลมนั่นคือหลิวฮุ่ยเซียง”เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็แปลกใจนางหรี่ตามอง เห็นว่าลั่วอวิ๋นสี่นั้นเกาะแขนของหลิวฮุ่ยเซียงอย่างรักใคร่ ดูเหมือนว่าทั้งสองนั้นสนิทสนมกันอย่างมากไยลั่วอวิ๋นสี่ถึงได้มาคบหากับคนชั่วช้าแบบนี้ได้? นี่นางไม่มีสหายที่ดีอยู่ข้างกายบ้างเลยหรือไร?ลั่วชิงยวนอดปวดหัวแทนท่านอาลั่วหลงไม่ได้“เจ้ามองหาพระแสงอันใด? หากเจ้ามองอีกครั้งข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา” คนที่พูดนั้นคือคนที่เยาะเย้ยลั่วชิงยวนในตอนแรกแม้ว่าลั่วชิงยวนจะจำไม่ได้ว่านางเป็นใคร แต่ก็รู้สึกคุ้นหน้าว่าน่าจะเป็นคนที่อยู่กับลั่วเยวี่ยอิงนางเดาว่าคนผู้นี้ก็คงไม่ได้มีพื
”ท่านป้า อยากพูดอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถิด ไม่ต้องมากมารยาทหรอก” ลั่วชิงยวนยิ้มอ่อนหวานและมองหลิวฮุ่ยเซียงเมื่อได้ยินคำว่าป้าอีกครั้งก็ทำให้หลิวฮุ่ยเซียงทนไม่ไหวอีกต่อไป นางยกมือขึ้นจะตบและบอกว่า “หุบปาก”ลั่วชิงยวนนั้นทั้งตาไว มือไว นางเตะหลิวฮุ่ยเซียงทันทีลูกเตะนั้นซัดใส่ร่างของหลิวฮุ่ยเซียงจนนางกระเด็นเมื่อเวินซีหลันเห็นดังนั้น นางก็รีบก่อกระแสลมลูกหนึ่งและใช้พลังนั้นพัดส่งหลิวฮุ่ยเซียงออกไปนอกหอตอนนั้นเองสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงทุกคนต่างตกตะลึงตาค้างตูมจากนั้นก็มีเสียงดังสนั่นทุกคนรีบวิ่งไปดู และเห็นหลิวฮุ่ยเซียงตกลงไปในน้ำ มีน้ำสาดกระจายไปทั่ว“ตายแล้ว”“ลั่วชิงยวนคนนี้กล้าเกินไปแล้ว”“รีบไปช่วยคนเร็ว”ทั้งหอเริงรมย์พลันชุลมุนฟู่เฉินหวนเองก็โดนจักรพรรดิฟู่จิ่งหานที่ปลอมตัวเป็นสามัญชนลากมาที่หอเริงรมย์“พี่สาม ท่านมาดูกับข้าสิ ได้ยินมาว่าหอเริงรมย์นั้นน่าสนใจยิ่ง แต่ข้ายังไม่เคยมาที่นี่มาก่อน”ฟู่เฉินหวนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “หากว่าไทเฮาทรงรู้ว่าพระองค์ทรงแอบออกมาจากวังหลวงอีกแล้ว พระนางต้องเรียกไปตำหนิอีกแน่”“ข้าไม่ได้ออกจากวังมาครึ่งปีแล้วนะ ข้าอึ
ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“
หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา
ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?
ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั
ฟู่เฉินหวนใจตึงเครียดจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อลั่วชิงยวนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เหยียนผิงเซียวชกเข้าที่ท้องของลั่วชิงยวนอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากนางเหยียนผิงเซียวจิกผมของนางแล้วกระซิบข้างหูอย่างร้ายกาจว่า “เจ้าเก่งนักมิใช่หรือ! ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องลาออกจากตำแหน่งกลับไปยังเมืองฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตำหนักอ๋องนี่!”“เจ้าลองเดาดูสิว่าฟู่เฉินหวนจะช่วยเจ้าหรือไม่?”“แต่มิสำคัญแล้ว เพราะข้าต้องการเพียงให้เจ้าตายเท่านั้น!”เหยียนผิงเซียวใช้ร่างของลั่วชิงยวนบังสายตาของผู้คนส่วนมืออีกข้างที่กำหมัดแน่นมีแผ่นเหล็กแหลมคมติดอยู่ แล้วกระแทกลงไปที่ท้องของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนเห็นอาวุธลับนั้นแล้วก็ตึงเครียดมากฟู่เฉินหวนแทบขาดใจ ความรู้สึกมิสบายใจอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาฟู่อวิ๋นโจวผู้นั่งอยู่มุมห้องใต้หลังคาก็กำมือแน่นด้วยความตึงเครียดเช่นกันแม้ว่าฝีมือของลั่วชิงยวนจะสู้เหยียนผิงเซียวมิได้ แต่ก็มิควรจะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เช่นนี้จะลงมือช่วยนางตอนนี้เลยดีหรือไม่!ฟู่อวิ๋นโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วในวินาทีนั้นเองเงาร่
ในมิช้าการประลองก็เริ่มขึ้นโชคดีที่ลั่วเยวี่ยอิงมิได้ก่อเรื่องวุ่นวายอีก นางเฝ้าดูการประลองอย่างสงบลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ดาบและกระบี่นั้นไร้ตา ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงห้ามใช้ดาบและอาวุธลับแต่เมื่อปรมาจารย์ต่อสู้กันก็อาจจะควบคุมมือมิทัน เพื่อให้ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การประลองครั้งนี้ ความเป็นความตายจึงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตชัยชนะครั้งสุดท้ายมิใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญคือการแสดงผลงานในระหว่างการประลอง ฟู่เฉินหวนจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางคนสำหรับฟู่จิ่งหาน การประลองครั้งนี้มิใช่เพียงการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการชมการประลองที่น่าตื่นเต้นด้วย ดังนั้นจึงมีความอิสระสูงทุกคนสามารถขึ้นไปท้าทายได้ หนึ่งรอบมีผู้แข่งขันสิบคน ผู้ชนะจะได้พักแล้วเข้าสู่รอบที่สองดังนั้นผู้ชนะในแต่ละรอบจะสามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างอิสระการประลองรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนกับฟู่จิ่งหานวิเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมในรอบนี้อย่างจริงจังฟู่จิ่งหานพยักหน้าให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างจดบันทึกชื่อทุกอย่าง
“พระชายา เหตุใดมิลงไปหามาให้ข้าเล่า? หากขุดพบรากบัวได้สองหัว ข้าจะเมตตาตกรางวัลให้อย่างงาม!”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและหยิ่งผยองนั้น มิใช่ปฏิบัติต่อลั่วชิงยวนดุจพระชายา หากแต่ปฏิบัติเสมือนทาสบริวารเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพริดตำแหน่งของลั่วชิงยวนในตำหนักอ๋องนั้นต่ำต้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฟู่เฉินหวนอดรนทนมิไหวอีกต่อไป จึงพูดเสียงเย็นเยียบว่า “ฤดูกาลนี้จะมีรากบัวอยู่ได้อย่างไร มิต้องลำบากเช่นนั้นเลย”ลั่วเยวี่ยอิงกลับคว้าแขนฟู่เฉินหวนพลางทำท่าทางออดอ้อน“ไม่เพคะ ท่านอ๋อง เผื่อว่าจะมีก็ได้! โปรดให้พระชายาลงไปค้นหาดูเถิดเพคะ!”นางกล่าวจบก็ถอดกำไลหยกที่ข้อมือ แล้วขว้างลงไปในบึงจากนั้นเชิดหน้าพูดกับลั่วชิงยวนว่า “ไปสิ กำไลหยกวงนี้เป็นรางวัลของเจ้า!”ท่าทางเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังสั่งการสุนัขตัวหนึ่งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น รู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นดังนั้นก็กังวลเพราะอาการของฟู่เฉินหวน นัยน์ตานางฉายแววเย็นชาขณะมองหน้าลั่วเยวี่ยอิง แล้วหันหลังกระโดดลงไปในสระน้ำเมื่อเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เสียงฮือฮาต่างก็ดังมาจากทั่วบริเวณ“นางกระโดดลงไปจริง ๆ