แชร์

บทที่ 1135

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
ทั้งสองแวะเก็บผลไม้ระหว่างทาง เผื่อมีโอกาสจะนำไปให้พวกซ่งเชียนฉู่ด้วย

มินานอาเสินก็กลับมา

ลั่วชิงยวนมอบห่อสมุนไพรชุดที่สองให้

ทั้งสองคนรีบเปลี่ยนที่ซ่อนอีกครั้ง

คนพวกนั้นมิลงจากเขา ยังคงค้นหาไปทั่ว

บางครั้งลั่วชิงยวนกับหล่างมู่ก็เผชิญหน้ากับศัตรู แต่พวกเขาก็สามารถจัดการได้อย่างเงียบเชียบ แล้วหนีไป

จากนั้นก็ยังวนเวียนอยู่บนเขา

ค่อย ๆ ส่งห่อสมุนไพรออกไปจนหมด

ในป่าแห่งหนึ่ง เฉินชีเดินมามองศพที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา

“นายท่าน พวกมันหนีไปอีกแล้ว ทั้งสองคนมีฝีมือ จะเพิ่มกำลังคนหรือไม่ขอรับ?”

เฉินชีหรี่ตาครุ่นคิด ดวงตาเป็นประกาย มุมปากพลันแสยะยิ้ม “สตรีผู้นี้ช่างน่าสนใจ”

“เรียกคนทั้งหมดมา”

“ข้าต้องการตัวนาง!”

ผู้ใต้บังคับบัญชาตกใจ “ทั้งหมดเลยหรือขอรับ? แต่พวกเขายังมีภารกิจอื่น”

เฉินชีกล่าวเสียงเย็น “เหยี่ยวตัวนั้นบินลงเขาหลายครั้ง คาบอะไรบางอย่างไปด้วย น่าจะเป็นห่อยา”

“เจ้าจิ้งจอกเฒ่าซ่งอวี่ยังมีสมุนไพรอยู่ ตอนนี้จะขัดขวางก็มิทันแล้ว ภารกิจของพวกมันต้องล้มเหลว”

“ยิ่งกว่านั้น ข้าสนใจนางมากกว่าชีวิตพวกต่ำต้อยเหล่านั้น”

ดวงตาของเฉินชีเป็นประกาย “ส่วนคนที่เหลือต้องซ่อนอยู่ใ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1136

    เหล่าศัตรูจำนวนมากบุกเข้าล้อมพวกเขาอย่างรวดเร็วซ่งอวี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “วางข้าลงเถิด หากพาข้าไปด้วย พวกเจ้าจะหนีมิพ้น”“ท่านพ่อ ข้าจะมิทิ้งท่านไปไหนทั้งนั้น” ซ่งเชียนฉู่กล่าวอย่างแน่วแน่ทุกคนเตรียมพร้อมจะต่อสู้จากนั้นศึกอันดุเดือดก็ปะทุขึ้นครั้งนี้รุนแรงยิ่งนักคมกระบี่และคมดาบปะทะกัน จิตสังหารลุ่งพล่านรุนแรงในการต่อสู้ ฝ่ายที่มีคนน้อยกว่าต่างเหนื่อยล้า ลั่วชิงยวนจำต้องใช้กลวิธีพิเศษ นางรู้สึกได้ว่าสายตาของเฉินชีจ้องมองนางอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่ทำลายวงเวทสะกดวิญญาณ เฉินชีคงจับตามองนางมาแล้วแต่ลั่วชิงยวนไม่มีทางเลือกอื่น ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ การเอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด!นางกรีดฝ่ามือตัวเอง แล้วใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาอัญเชิญวิญญาณมาต่อสู้นางเรียกวิญญาณของผู้คนในสำนักใหญ่ทั้งหมดออกมาครั้งนี้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ลมพายุปั่นป่วน ทำให้เฉินชีเปลี่ยนสีหน้าเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาของเขามิได้แสดงความหวาดกลัว แต่กลับมีเปลวไฟแห่งความกระหายที่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น“น่าสนใจ”วิญญาณมากมายส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนอย่างน่าสยดสยอง เสียงนั้นดุร้ายอย่างยิ่งพลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1137

    ทุกคนวิ่งหนีในความมืดเมื่อวิ่งออกจากป่ามาถึงหน้าผา ลมหนาวก็พัดกระหน่ำ ทำให้ต้องฝีเท้าชะงัก“อยู่ข้างล่างนี้”ซ่งเชียนฉู่ประคองลุงซ่งลงพื้นทุกคนมาถึงริมหน้าผาแล้วมองลงไป มันมืดสนิท มองมิเห็นว่าข้างล่างลึกเท่าใด รู้แต่ว่าหากตกลงไป ร่างคงแหลกละเอียดแน่“มีเถาวัลย์อยู่ด้านข้าง พวกเจ้ารีบลงไปเถิด” ซ่งอวี่เร่ง“ท่านลุงซ่ง ข้าจะแบกท่านลงไป” เฉินเซี่ยวหานแก้เข็มขัดเตรียมจะมัดตัวเองกับซ่งอวี่แต่ซ่งอวี่ยกมือห้าม “ข้าจะอยู่ที่นี่ พวกมันจะตามมา ข้าจะกระโดดลงไปต่อหน้าพวกมัน พวกมันจะได้มิตามลงมา”“ข้างล่างนี้แม้จะเป็นสุสานของตระกูลซ่ง แต่ไม่มีทางลงเขา หากพวกมันตามมาก็จะหนีไปไหนมิได้”ซ่งเชียนฉู่ได้ฟังดังนั้นก็ร้อนใจ “ท่านพ่อ! หากท่านจะอยู่ที่นี่ ข้าก็จะอยู่ด้วย!”นางจะทิ้งบิดาไปได้อย่างไร เขาคือญาติเพียงคนเดียวของนางซ่งอวี่ยังจะพูดต่อลั่วชิงยวนยืนริมหน้าผาแล้วใช้คันฉ่องสุริยันจันทราส่องดู จึงเห็นแสงวาววับแวบอยู่ข้างล่างมิเหมือนทางตัน“ไม่มีเวลาแล้ว ลงไปก่อนเถิด” นางรีบเร่งเฉินเซี่ยวหานมิรอช้า แบกซ่งอวี่ขึ้นแล้วใช้เถาวัลย์มัดตัว โรยตัวลงไปตามหน้าผาลั่วชิงยวนกับคนอื่น ๆ ก็รีบตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1138

    คนอื่น ๆ ก็เห็นแล้วเช่นกันไม่มีเวลาแล้ว ทุกคนรีบวิ่งไปยังอีกฝั่ง สะพานจึงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงโชคดีที่สะพานแข็งแรง ไม่มีใครตกลงไปข้างล่างแต่เฉินชีกับพรรคพวกข้างหลังก็ลงมาถึงพื้นแล้วลั่วชิงยวนหันไปมอง แล้วเห็นเฉินชีวิ่งมาโดยมิพาคนตามมาด้วยนางชะงัก รู้สึกสังหรณ์ใจมิดีแล้วก็เห็นเฉินชีถือกระบี่พิชิตมารเดินไปที่ริมสะพาน เขาแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วใช้กระบี่ฟันโซ่เส้นหนึ่งแคร้ง!โซ่ขาดสะบั้น ร่วงลงไปในหุบเหวสะพานสั่นคลอนอย่างรุนแรงโชคดีที่ยังมีโซ่อีกเส้นยึดไว้ทุกคนบนสะพานต่างตื่นตระหนกเฉินชียกกระบี่พิชิตมารขึ้นเตรียมจะตัดโซ่อีกเส้นหากโซ่ขาดอีกเส้นสะพานจะพลิกคว่ำและทุกคนจะตกลงไปซ่งอวี่ร้องตะโกน “หยุดนะ! เจ้าต้องการสมุนไพร ข้าจะยกให้ทั้งหมด! ปล่อยพวกเขาไป!”เขาจะมิยอมให้ลูกสาวและคนอื่น ๆ ต้องมาตายที่นี่!เฉินชีหัวเราะเย็นชา “มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าคิดว่าข้ายังสนใจสมุนไพรพวกนั้นอีกรึ?”กล่าวจบ เขาก็ยกกระบี่พิชิตมารฟันไปที่โซ่อีกเส้นหากโซ่เส้นนี้ขาดพวกเขาจะตกหน้าผาตายหมดอย่างมิต้องสงสัย!ทุกคนใจหายวาบลั่วชิงยวนมิสนใจอะไร ร้องตะโกน “เฉินชี!”ทันทีที่คำนี้หลุ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1139

    เฉินชีผู้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็อดทนใจเย็น เขาหรี่ตามองนางพลางยกยิ้มอย่างมีเลศนัยจนกระทั่งอาเสินบินวนกลับมา ลั่วชิงยวนจึงรู้ว่าพวกเขาลงจากสะพานอย่างปลอดภัยแล้วนางจึงก้าวเท้าก้าวสุดท้ายขึ้นไปบนลานเฉินชีเดินเข้ามาบีบคางนาง แล้วจ้องมองด้วยสายตาเหี้ยมโหด “เจ้าเป็นใคร?”“เหตุใดเจ้าจึงรู้จักข้า?”“วงเวทอัญเชิญวิญญาณ วงเวทสะกดวิญญาณ เจ้าเป็นคนแคว้นหลีหรือ?”“เหตุใดข้ามิเคยเห็นเจ้ามาก่อน?” ผู้ที่รู้จักมนตราเช่นนี้ย่อมมิใช่คนธรรมดาในแคว้นหลีต้องเป็นคนในสำนักนักบวชแต่เขามิเคยเห็นสตรีตรงหน้ามาก่อนลั่วชิงยวนจ้องมองเขา แล้วสะบัดมือเขาออก “แม่ทัพใหญ่เฉินชีมาแคว้นเทียนเชวียเพื่อช่วยลั่วฉิงใช่หรือไม่?”“น่าเสียดาย ลั่วฉิงบอกเล่าเรื่องของแม่ทัพใหญ่หมดแล้ว”เหตุผลที่เฉินชีมาที่นี่ ลั่วชิงยวนคิดได้เพียงว่าต้องมาช่วยลั่วฉิงนางพยายามยุยงให้เฉินชีกับลั่วฉิงแตกคอกันแต่เฉินชีกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนเจ้าจะรู้อะไรมิน้อย แม้แต่ลั่วฉิงก็ไม่มีความสามารถพอจะต่อกรกับเจ้า!”“แผนล้มเหลวก็มิเป็นอะไร ข้าแค่มาร่วมสนุก ทว่าหากจับเจ้ากลับไปได้ก็พอให้ข้าเล่นสนุกได้พักหนึ่ง นับว่า... มามิเสียเที่ยว”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1140

    หล่างมู่กับเซียวชูเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปช่วยลั่วชิงยวน แล้วพานางวิ่งหนีไปแต่เฉินชีก็ตามมาทันอย่างรวดเร็ว กระบี่พิชิตมารคมกริบทรงพลังยากจะต้านทานแม้จะสามรุมหนึ่งก็ยังเอาชนะได้ยากแล้วคนอื่น ๆ ก็ตามมาล้อมพวกเขาไว้ได้เฉินชีหยุดมือ มองพวกเขาอย่างสนใจ “หนีไปได้แล้วยังกลับมาหาที่ตายอีกรึ?”“อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน”ลั่วชิงยวนพยายามต่อต้าน แต่ก็รู้ว่าหนีมิพ้นจึงลองเจรจากับเฉินชี“ข้าจะมิหนีแล้ว เจ้าปล่อยพวกเขาไป”เฉินชีเป็นคนบ้า หากเซียวชูกับหล่างมู่ตกไปอยู่ในมือเขาคงมีจุดจบที่น่าอนาถ“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะมิหนี?” เฉินชีเลิกคิ้วถาม“ข้ารับรอง”เฉินชีโบกมือ คนข้างล่างก็หยุดหล่างมู่ดึงแขนลั่วชิงยวน “พี่หญิง!”ลั่วชิงยวนตบบ่าเขา “มิต้องห่วง”“พวกเจ้าไปก่อนเถิด”ลั่วชิงยวนส่งสายตาให้เซียวชูเซียวชูเข้าใจ รีบพาหล่างมู่หนีไป“อย่ากลับมาอีก!” ลั่วชิงยวนกำชับหล่างมู่กัดฟันวิ่งตามเซียวชูไปลั่วชิงยวนหันไปหาเฉินชี “เจ้าห้ามส่งคนไปจับพวกเขา!”เฉินชียกยิ้มเย็นชา “เหตุใดข้าต้องฟังเจ้า?”“เจ้ามิฆ่าข้า แสดงว่าข้ามีประโยชน์กับเจ้า หากเจ้ากล้าจับพวกเขา ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะมิยอมให้เ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1141

    เมื่อเข้าใกล้ชายแดนแคว้นหลี ลั่วชิงยวนมิอาจก้าวต่อไปได้อีก“ข้าเหนื่อยนัก ข้าเดินมิไหวแล้ว ข้าขอพักเสียหน่อยก่อนเถิด!”ลั่วชิงยวนทรุดกายลงนั่ง มิปรารถนาจะเคลื่อนไหวอีกเฉินชียืนเท้าสะเอวก้มมองนางพลางกล่าว “อย่าคิดว่ายื้อเวลาแล้วพวกเขาจะช่วยเจ้ากลับไปได้”“ผู้ใดที่ข้าหมายเอาไว้ ยังมิเคยมีผู้ใดรอดพ้นจากเงื้อมมือข้าไปได้”ใจลั่วชิงยวนสั่นสะท้านนางเงยหน้าขึ้นพูดกระชากเสียงด้วยความขุ่นเคือง “แม้แต่จะพักผ่อนสักครู่ยังมิยอม เช่นนั้นก็จงสังหารข้าเสีย อย่างไรเสียข้าก็มิอยากจะไปต่อแล้ว ข้าปวดขาเหลือเกิน”เฉินชีหรี่ตาลงแล้วอุ้มนางขึ้นทันทีลั่วชิงยวนดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย “วางข้าลง!”แต่เฉินชีมิหยุด เขากล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “เจ้าบอกว่าเดินมิไหวมิใช่รึ เช่นนั้นข้าก็จะอุ้มเจ้าไปเอง”“หากเจ้ายังใช้ข้ออ้างนี้รบกวนข้าอีก ข้าจะตัดขาเจ้าทิ้งเสีย เจ้าจะได้มิปวดขาอีก”ลั่วชิงยวนมิกล้าขยับเขยื้อนอีกเพราะเฉินชีสามารถกระทำการเช่นนั้นได้จริงเฉินชีอุ้มนางข้ามภูเขาสูงตระหง่านพวกเขาได้เข้าสู่เขตแดนแคว้นหลีแล้วแต่ขณะที่ลั่วชิงยวนกังวลว่าเซียวชูและพวกพ้องจะตามมาถึงแคว้นหลีมิได้ เฉินชีกลับห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1142

    เฉินชีเอื้อมมือไปจับข้อมือของนางที่พยายามดิ้นรนไว้ พลางกล่าวว่า “อย่าขยับ มันมิลวกเจ้าหรอก”“จะมิลวกได้อย่างไร! ปล่อยข้า! หากมือข้าไร้ประโยชน์ ข้าจะมิอาจใช้คาถาอาคมอะไรได้อีก แล้วข้าจะมิอาจช่วยเจ้าได้!”เฉินชีได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเบา ๆ “ยากนักที่ในเวลาเช่นนี้เจ้ายังคิดถึงเรื่องช่วยข้า ถูกใจข้ายิ่งนัก ข้าจะมิให้รอยแผลเป็นใด ๆ เกิดขึ้นบนมือคู่นี้ของเจ้าเป็นแน่”กล่าวจบ เขาก็ค่อย ๆ รินสิ่งนั้นลงบนกลไกที่ติดอยู่บนข้อมือของนางรังสีอันร้อนแรงแผดเผา ทำให้ใจของลั่วชิงยวนหวาดหวั่นนางมิอาจเชื่อใจเฉินชีได้เลยเปลวเพลิงยังคงลุกโชนอยู่ในเหล็กหลอมเหลว ทำให้ลั่วชิงยวนเบี่ยงตัวหลบอย่างตื่นตระหนกเหล็กหลอมเหลวร้อนระอุถูกกั้นไว้ด้วยเหล็กเพียงชั้นเดียว แทบจะแนบชิดกับผิวหนังของนาง ความรู้สึกร้อนผ่าวเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกว่าเครื่องมือนั้นจะถูกหลอมละลายได้ทุกเมื่อ แล้วของเหลวนั้นจะทะลุลงมาถึงข้อมือของนางนางอดมิได้ที่จะตัวสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนกบังเอิญว่าเฉินชีใช้มือข้างหนึ่งหมุนกลไก ทำให้ฝ่ามือของลั่วชิงยวนหงายขึ้น เนื่องจากนางตัวสั่นค่อนข้างแรง ทำให้เหล็กหลอมเหลวที่กำลังถูกรินลงมามีบางส่วนเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1143

    หรือว่าเฉินชีมิได้หวั่นเกรงว่านางจะหลบหนีไป?ครั้นเมื่อนางวิ่งวนรอบเขาและวิ่งออกจากป่า จึงได้ตระหนักว่าสามด้านล้วนเป็นหน้าผาสูงชัน นางจึงเข้าใจว่าเหตุใดเฉินชีมิได้ส่งคนมาเฝ้านางก่อนฟ้าจะมืด นางรีบวิ่งกลับไปยังกระท่อมไม้ไผ่ทันทีที่กลับเข้าไปในกระท่อม เฉินชีก็ตามมาติด ๆแล้วนำอาหารมาให้“เป็นเช่นไรบ้าง? ทิวทัศน์บนเขางดงามหรือไม่?”เฉินชีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มลั่วชิงยวนเอนกายพิงเก้าอี้ หลับตาพักผ่อน “แม่ทัพเฉินช่างมีอำนาจล้นฟ้า ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็รู้แจ้งไปเสียหมด”เฉินชียืนกอดอกเลิกคิ้วครุ่นคิด “แม่ทัพเฉินรึ? นานนักแล้วที่ไม่มีผู้ใดเรียกข้าเช่นนี้”“เจ้าช่างละม้ายกับสหายเก่าของข้าผู้หนึ่ง”ใจของลั่วชิงยวนหวั่นไหวแล้วหัวเราะเยาะ “คนอย่างแม่ทัพเฉินก็มีสหายด้วยหรือ?”เฉินชียกยิ้มแล้วเลิกคิ้ว “ไม่มี”“เช่นนั้นเปลี่ยนเป็น... ศัตรูเก่า?”ลั่วชิงยวนมิอยากพูดเรื่องไร้สาระอีก นางเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด บอกข้าก่อนได้หรือไม่”“มิต้องรีบร้อน” เฉินชียกยิ้มจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป โดยทิ้งท้ายไว้ว่า “ยามราตรีบนเขาหนาวเย็น จงจำไว้ว่าต้องสวมอาภรณ์เพิ่ม มีอยู่ในตู้”เมื่อเส

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1227

    นางสะบัดมือ ผงยาพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของฉู่จิ้งฉู่จิ้งมึนหัวทันที“เป็นเจ้านี่เอง!” ฉู่จิ้งโยนคนที่อยู่ในอ้อมแขนออกไปลั่วฉิงตีลังกาลงพื้นอย่างมั่นคง แล้วมองฉู่จิ้งด้วยสายตาเย็นชา “ที่แท้ก็ต้องปลอมตัวเป็นเด็กคนนี้จริง ๆ ถึงจะหลอกเจ้าได้สินะ”“ตอนนั้นเฉินเซี่ยวหานมีโอกาสใช้ซ่งเชียนฉู่มาข่มขู่เจ้า แต่เขากลับมิทำ ทำให้แผนของข้าล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างโง่เขลาสิ้นดี!”“วันนี้ข้าจะควักดีงูของเจ้าด้วยตัวเอง!”“จัดการเจ้าแล้วข้าค่อยไปจัดการลั่วชิงยวน!”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉู่จิ้งก็เปลี่ยนไปลั่วชิงยวนคงจะตกอยู่ในอันตรายเขามิอยากต่อสู้กับนาง ตัดสินใจรีบหันหลังวิ่งหนีแต่บนพื้นกลับมีแสงสีทองส่องประกายวงเวทสีทองอยู่ใต้เท้าของเขาเขาออกไปมิได้!ลั่วฉิงเดินเข้ามาหาช้า ๆ พลางหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้ามิได้เตรียมตัวเลยงั้นรึ?”“มีโอกาสล่อเจ้าออกมาได้เช่นนี้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้อย่างไรเล่า”ลั่วฉิงถือกระบี่ยาวเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดนางจะควักดีของเขาทั้งเป็น!ถึงตอนนั้น มิเพียงแต่อาการบาดเจ็บของนางจะหายเท่านั้น แต่ยังจะทำให้พลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย!

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1226

    ลั่วชิงยวนหยิบยันต์ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วถือไว้ในมือ วินาทีต่อมายันต์นั้นลุกไหม้เป็นเถ้าถ่าน พลังหยินอันรุนแรงพวยพุ่งออกมาลั่วฉิงตกใจมากนางเห็นยันต์ลุกไหม้ก่อนที่มิติจะเปิดออก ทันใดนั้นงูยักษ์ก็พุ่งทะยานออกมาจากมิติมันอ้าปากเปื้อนเลือดขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาลั่วฉิงเสียงคำรามดังกึกก้องลั่วฉิงรีบหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา แต่กลับไร้ประโยชน์ นางถูกเสียงคำรามผลักจนกระเด็นออกจากห้อง เข็มทิศอาณัติสวรรค์ในมือหล่นลงพื้นนางตกลงไปที่ห้องโถงชั้นล่าง ได้แต่ลุกขึ้นยืนโซซัดโซเซ และเงยหน้ามองห้องนั้นด้วยความโกรธนางกัดฟันแล้วหันหลังเดินออกไปข้างกายลั่วชิงยวนมีงูยักษ์คอยปกป้อง!แต่ก็ดี ทั้งเข็มทิศอาณัติสวรรค์และดีงู นางต้องการทั้งหมด!ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้งลั่วชิงยวนก้มลงเก็บเข็มทิศอาณัติสวรรค์ที่ตกอยู่บนพื้น ในที่สุดก็วางใจได้เสียทีของอย่างอื่นจะหายไปก็ได้แต่เข็มทิศอาณัติสวรรค์จะหายไปมิได้นางรู้ว่าลั่วฉิงต้องสะกดรอยตามมาแน่นอน จึงจงใจแวะพักที่นี่เพื่อให้ลั่วฉิงมีโอกาสลงมือครู่หนึ่งจือเฉาและฉู่จิ้งก็กลับมา ลั่วชิงยวนรีบพาพวกเขาเดินทางไปซีหลิงในทันทีมิกล้าเสียเวลาอีกบนรถม้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1225

    พระชายาใช้ชีวิตอย่างไรในตอนที่ถูกขังอยู่หลังจากกินข้าวเสร็จลั่วชิงยวนก็มอบสมุนไพรให้จือเฉา ให้นางไปต้มที่ห้องครัวส่วนลั่วชิงยวนนอนพักบนเตียง ขณะสะลึมสะลือ นางได้ยินเสียงบุรุษหลายคนกำลังพูดคุยเรื่องสงครามอยู่ชั้นล่างลั่วชิงยวนได้ยินเรื่องกองทัพแคว้นหลีและซีหลิงนางจึงลุกไปเปิดประตูแล้วยืนฟังที่มาจากทางเดิน“สู้รบกันมาตั้งนานแล้ว ยังมิรู้ผลแพ้ชนะ ครั้งนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการคงจะแพ้กระมัง”“เป็นไปมิได้ นี่เป็นสิ่งที่ท่านมหาปราชญ์ทำนาย บอกว่าท่านอ๋องไปแล้วจะชนะอย่างแน่นอน!”“แต่ก็มิรู้ว่าต้องรอนานเท่าใด”“จะว่าไปแล้ว ท่านมหาปราชญ์ผู้นี้มีความสามารถจริงหรือ? เทียบกับพระชายาอ๋องคนก่อนแล้ว ความสามารถช่างห่างไกล”ลั่วชิงยวนกลับเข้าห้องปรากฏว่ากองทัพแคว้นหลียังมิถอยทัพฟู่เฉินหวนถึงกับไปซีหลิงเพื่อต่อสู้กับกองทัพแคว้นหลี ดูเหมือนว่าอยากจะช่วยลั่วฉิงรักษาสถานะในราชสำนักจริง ๆมิรู้ว่าทั้งสองกลายเป็นมิตรกันได้อย่างไรหรือเป็นเพราะมีศัตรูร่วมกันก็คือนาง?จือเฉาต้มยาเสร็จแล้วนำมาให้ หลังจากที่ลั่วชิงยวนกินยาแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าต่างพลางสัมผัสแสงแดดภายนอกจือเฉานำผ้าห่ม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1224

    ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาดุจสายน้ำ เลือดเอ่อล้นขึ้นมาในลำคอ“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่จิ้งขมวดคิ้ว“มิเป็นอะไร” ลั่วชิงยวนพยายามพยุงตัวเองขึ้น สิ่งที่ทรมานยิ่งกว่าคือแสงแดดที่แยงตาในขณะนี้แสบตามากจนน้ำตาไหลมิหยุด“พระชายา พระชายา!” จือเฉาโผเข้ามาหาพลางร้องไห้โฮ “พระชายา โชคดีเหลือเกินที่ท่านปลอดภัย”“ตอนที่ยังวุ่นวาย พวกเราหนีไปตอนนี้กันเถิดเจ้าค่ะ ” จือเฉาจูงมือลั่วชิงยวน แล้วรีบหนีออกจากประตูหลังนางยังจำคำพูดของซูโหยวได้ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ต้องพาพระชายาออกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่โตมิเช่นนั้นหากทุกคนรู้ว่าพระชายายังมิตาย พระชายาอาจจะออกไปมิได้แล้วลั่วชิงยวนถูกพาตัวออกจากประตูหลัง แสงแดดแยงตาจนมองมิเห็นทางข้างหน้าเมื่อขึ้นรถม้าได้จึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง“พระชายา เหตุใดท่านจึงร้องไห้หรือเจ้าคะ” จือเฉารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสักพักฉู่จิ้งก็ขึ้นรถม้าตามมา “พระชายาของเจ้าถูกขังอยู่ในห้องลับที่มืดมิดนานเกินไป ยังปรับตัวเข้ากับแสงภายนอกมิได้”ได้ยินดังนั้น จือเฉาก็รีบหยิบห่อผ้ามาจากกล่อง แล้วหยิบเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ออกมาแล้วคลุมศีรษะให้ลั่วชิงยวนร่างผอมบางถูกคลุมด้วยเสื้อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1223

    หัวใจของลั่วชิงยวนกระตุก แต่มิส่งเสียง ได้ยินลั่วฉิงยืนอยู่ข้างนอกครู่หนึ่งก็จากไปแต่ประตูห้องเปิดอยู่ ลั่วชิงยวนมองเห็นแสงสว่างจากด้านนอก ในที่สุดก็ได้เห็นแสงที่แตกต่างจากแสงเทียนแต่ทันใดนั้น นางก็ได้กลิ่นไหม้และเห็นไฟลุกไหม้จากด้านนอกบ้านไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว มินานลั่วชิงยวนก็ได้กลิ่นควันไฟเปลวเพลิงกำลังแผดเผาเรือนหลังนี้ลั่วชิงยวนรีบนำน้ำมาชุบผ้าห่มแล้วอุดช่องว่างเพื่อป้องกันมิให้ควันลอยเข้ามาฟู่เฉินหวนอาจจะมิสนใจชีวิตของนาง แต่เมื่อเรือนไฟไหม้ก็ต้องให้คนมาช่วยดับไฟเพียงแค่นางยืนหยัดต่อไป ไฟก็จะมิลามเข้ามา อีกสักพักก็คงจะดับแล้วแต่ไฟกลับยิ่งลุกไหม้รุนแรงขึ้นผู้คนในตำหนักพบเห็นเข้าจึงรีบมาช่วยกันดับไฟจือเฉาได้ยินข่าวจึงรีบมา แล้วเห็นไฟไหม้ในเรือนนั้นเหมือนกับครั้งก่อนไม่มีผิดนางร้อนใจมากพระชายายังอยู่ข้างใน!นางรีบไปตักน้ำดับไฟกับคนอื่น ๆท่ามกลางความวุ่นวาย ลั่วฉิงแอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ไม่มีใครสังเกตเห็นนางแน่นอนว่านางต้องรอ รอลั่วชิงยวนออกมาครั้งนี้มิว่าอย่างไรก็จะมิปล่อยให้ลั่วชิงยวนหนีไปได้!“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก...” ลั่วชิงยวนพิงกำแพง ควันที่ลอยเข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1222

    “ตามข้ามา” ซูโหยวสั่งจือเฉาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตามซูโหยวไปเมื่อมาถึงห้องของซูโหยว ซูโหยวก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมายื่นให้จือเฉาจือเฉางุนงง “นี่คือ...”“นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องให้เจ้าทำก่อนหน้านี้ จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่ท่านอ๋องเขียนถึงพระชายา”จือเฉารับจดหมายมาอ่าน แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด “พระชายามิได้...”ซูโหยวยกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “พระชายายังมิตาย”“ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของท่านอ๋อง”“ข้าเตรียมทุกอย่างให้เจ้าแล้ว เช้าวันพรุ่ง เจ้าก็พาพระชายาออกจากตำหนัก ออกจากเมืองหลวง แล้วอย่าได้กลับมาอีก”“ส่วนจดหมายฉบับนี้ค่อยมอบให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปี”“เจ้าทำได้หรือไม่?”จือเฉาตกใจมากและรู้สึกสับสน “แผนการของท่านอ๋องคืออะไรกันแน่”“เจ้าอย่าสนใจมาก ทำตามที่ท่านอ๋องสั่งก็พอ เจ้าแค่ต้องรู้ว่าทำเช่นนี้จึงจะรักษาชีวิตของพระชายาได้”“เรื่องที่ข้าบอกเจ้า ห้ามบอกพระชายา แค่ส่งจดหมายฉบับนี้ให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปีก็พอ”“นี่เป็นโอกาสที่เจ้าทั้งสองจะมีชีวิตรอด เข้าใจหรือไม่?”จือเฉาตั้งใจฟัง พยักหน้า แล้วเก็บจดหมายไว้ในอกเสื้อ“แล้วตอนนี้พระชายาอยู่ที่ใด? วันพร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1221

    ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกไปนอกช่อง พยายามดึงถุงเข้ามาแล้วหยิบขวดยาออกมาทีละขวดหลังจากตรวจสอบดูว่ามียาอะไรบ้าง ลั่วชิงยวนก็กินยาเม็ดหนึ่งนางกำลังจะถามฉู่จิ้งว่าหายาพวกนี้มาจากที่ใด แต่เมื่อมองไปที่มุมห้องก็กลายเป็นว่าฉู่จิ้งขดตัวหลับไปเสียแล้วลั่วชิงยวนลากผ้าห่มมาห่มให้เขาเมื่อเข้าเหมันตฤดู พลังของฉู่จิ้งจะอ่อนแอลง ทำให้เขาง่วงนอนและต้องจำศีล ปกติแล้วจะมิค่อยตื่นขึ้นมาการออกไปหายาคงจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มียาที่นำมาเพียงพอสำหรับพวกเขาใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ได้แต่หวังว่าเหมันตฤดูจะผ่านพ้นไปโดยเร็วในห้องลับที่มืดมิด ลั่วชิงยวนได้แต่นอนและกินเท่านั้น มองมิเห็นแสงตะวัน มีเพียงความมืดมิดมิรู้จบห้วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานช่างยาวนานเหลือเกินเสบียงแห้งแข็งราวกับหิน ทั้งแห้งและแข็งจนกลืนลำบาก กลืนลงไปแล้วก็เหมือนกินใบมีด เจ็บคอมากบาดแผลทั่วร่างก็มิสามารถล้างทำความสะอาดได้ ได้แต่ใช้ผ้าสะอาดเช็ดรอบแผล ทายาและพันแผลใหม่ทุกวันถึงแม้ว่าบาดแผลส่วนใหญ่จะมิแย่ลง แต่ก็มิได้ดีขึ้นเลยในห้องลับนั้นหนาวเหน็บ หนาวจนต้องห่มผ้าห่มสองผืนแต่ก็ยังคงรู้สึกหนาวผิวแห้งแตกไปหมด บางค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1220

    ลั่วฉิงรีบกลับไปที่ตำหนัก ค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมแต่ก็มิพบลั่วชิงยวนนางขมวดคิ้ว ลั่วชิงยวนถูกซ่อนไว้ที่ใดกันแน่!กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบนี้เป็นฝีมือของลั่วชิงยวนเอง หรือฟู่เฉินหวนเป็นผู้บงการ?หากเป็นฟู่เฉินหวน แล้วเขาคิดจะทำอะไร!ลั่วฉิงออกจากตำหนักอ๋องด้วยความโกรธ และส่งคนไปเฝ้าประตูหน้าและประตูหลังของตำหนักอ๋องไว้หากลั่วชิงยวนปรากฏตัว ต้องจับนางให้ได้ในทันที!ในเมื่อเฉินชีไปซีหลิงแล้ว ก็ต้องสู้กับฟู่เฉินหวนจนตายไปข้างหนึ่ง มีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้นที่สามารถจับลั่วชิงยวนได้ มิเช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสอีก!......ลั่วชิงยวนถูกกัดจนสะดุ้งตื่นความเจ็บปวดที่ข้อเท้าทำให้นางสะดุ้งตื่น นางลืมตาขึ้นอย่างงุนงง เมื่อพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งก็เห็นงูนอนขดอยู่ข้างเท้าของนาง และกัดนางเข้าทันทีที่รู้สึกตัว นางก็รู้สึกเจ็บปวดที่ท้องอย่างรุนแรงนางก้มลงมองใต้แสงสลัว เมื่อเห็นเลือดไหลนองพื้นใต้ชายกระโปรงก็ตกใจสุดขีดขณะที่ลูบท้อง น้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินไม่มีแล้ว!ไม่มีลูกแล้ว!เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าตัวเองสลบไปนานเท่าใด แต่นึกถึงคืนที่ถูกขังไว้ ยาที่ฟู่เฉินหวนกรอกให้นา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1219

    “แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องก็เคยรับลั่วเยวี่ยอิงเป็นพระชายารองมาก่อน เรื่องของลั่วเยวี่ยอิงกับเหยียนผิงเซียวก็ดังไปทั่ว ท่านอ๋องยังแต่งงานกับลั่วเยวี่ยอิง”“ตอนนั้นท่านยังมิรู้สึกเสียหน้า เหตุใดจึงมารู้สึกตอนที่พระชายาอ๋องทำให้ท่านเสียหน้าเล่า!”“ใช่ นี่มันมากเกินไปแล้ว!”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องยังเป็นถึงมหาปราชญ์ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงด้วย! ท่านอ๋องช่างอาจหาญนัก บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า!”“ท่านก็มิได้ฆ่าอย่างเปิดเผย แค่ไฟไหม้ พระชายาจึงสิ้นใจไป ใครจะมีหลักฐานว่าท่านเป็นคนฆ่า เฮ้อ...”“น่าสงสารพระชายา ต้องอดทนมาตลอดชีวิต”เพียงวันเดียว ชื่อเสียงของฟู่เฉินหวนก็เสื่อมเสียลงอย่างมากจือเฉาคุกเข่าร้องไห้อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังครึ่งวัน เดิมทีอยากจะออกจากตำหนักอ๋องไปแต่กลับถูกองครักษ์ขวางไว้ “เจ้าออกจากตำหนักมิได้”“เหตุใด? พระชายาจากไปแล้ว ข้ามิอยากอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว!” จือเฉาพูดพลางน้ำตาไหล“ไม่มีเหตุผล เจ้าไปมิได้”กล่าวจบ องครักษ์สองคนก็ลากจือเฉาไปขังไว้ในเรือนอีกแห่ง“ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!”“พวกเจ้าจะทำอะไร!”ประตูลั่นดาล จือเฉาทุบประตูอย่างสุดกำลังแต่ก็ไร้ผลสุดท้ายก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status