Share

บทที่ 1050

Author: หว่านชิงอิ๋น
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ทั้งสองตกใจ

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรุนแรง

แต่เมื่อมองไปยังนอกประตูกลับมิพบสิ่งใด

เหมือนว่าถูกกระแสลมแรงพัดให้เปิดออก

สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปทันใด

เฉินเซี่ยวหานลูบไหล่ซ่งเชียนฉู่ปลอบโยน “มิเป็นอะไร เพียงแค่ลมแรงเท่านั้น”

กล่าวจบเขาก็เดินไปปิดประตู

“ยังเหลือยาต้องปรุงอีกมากหรือไม่? ข้าจะช่วยเจ้า”

เฉินเซี่ยวหานดึงซ่งเชียนฉู่ให้นั่งลง

แต่ใบหน้าของซ่งเชียนฉู่ซีดเผือด รู้สึกกลัวโดยมิรู้ตัว

แม้จะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและยังคงปรุงยาต่อไป แต่มือก็ยังคงสั่นเทามิหยุด

เฉินเซี่ยวหานจึงอยู่เป็นเพื่อนนางตลอดคืน

รุ่งเช้าซ่งเชียนฉู่ก็หยิบยาแล้วเตรียมออกเดินทาง

“ข้าไปตำหนักท่านอ๋อง ท่านมิต้องตามมาก็ได้”

เฉินเซี่ยวหานพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วย”

จากนั้นซ่งเชียนฉู่ก็ออกไป

นางก้าวเดินอย่างรวดเร็วมากตลอดทาง

หลังจากเดินผ่านถนนสายก็มาถึงที่เงียบสงบ เมื่อเลี้ยวโค้งตรงหัวมุม ซ่งเชียนฉู่ก็หยุดเดินและเอนตัวพิงกำแพง

มินานเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏในสายตา

ร่างนั้นสวมชุดคลุมสีขาว ท่าทางสง่างาม

อีกฝ่ายก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเช่นกัน

ซ่งเชียนฉู่กล่าวเ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1051

    หลังจากสอบถามแล้วก็พบว่าที่นี่คือจวนของจูหงที่เป็นเจ้ากรมพระคลังบันทึกที่หล่างมู่บันทึกไว้ได้กล่าวถึงเส้นทางการส่งเบี้ยหวัดทหารจากกรมพระคลัง ดูเหมือนว่าการสืบสวนครั้งนี้จะนำไปสู่การเปิดโปงจูหงแล้ว แต่มิรู้ว่าเหตุใดจึงรีบเร่งให้นางมาที่แห่งนี้ทหารเดินนำนางไปสู่ห้องลับในจวน ปรากฏว่าฟู่เฉินหวนและแม่ทัพใหญ่ฉินอยู่ภายในห้องนั้นเสียงสตรีร้องไห้คร่ำครวญแผ่วเบาแว่วมาจากเบื้องหลังฉากกั้นห้อง“เกิดเรื่องอันใดขึ้นเพคะ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถามฟู่เฉินหวนอธิบายว่า “จูหง เจ้ากรมพระคลังได้อ้างว่าตนล้มป่วยมาสิบวันแล้ว เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการสมคบคิดกับพวกเผ่านอกด่าน ซึ่งเจ้าเองก็คงรู้ดีอยู่แล้ว”ลั่วชิงยวนพยักหน้ารับฟู่เฉินหวนกล่าวต่อ “แม่ทัพใหญ่ฉินได้สืบสวนมาถึงจวนตระกูลจู จึงทราบว่าจูหงหายตัวไปสิบวันแล้ว”“เป็นคำบอกเล่าจากภรรยาของเขาเอง”ลั่วชิงยวนพยักหน้าพลางครุ่นคิด “ดังนั้นนับแต่ที่เขาอ้างว่าล้มป่วย เขาก็หายตัวไปแล้ว”“คนในจวนมิได้รายงานกับทางการเลยหรือเพคะ? มิได้ส่งคนออกไปตามหาเลยหรือ?”จากนั้นฟู่เฉินหวนก็หันไปมองคนที่อยู่เบื้องหลังฉากกั้นห้อง “เรื่องนั้นต้องถามฮูหยินจูดู”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1052

    เรื่องนี้มิธรรมดาเลยลั่วชิงยวนถามอีกว่า “ฮูหยินจู ช่วงนี้ท่านได้ติดต่อกับคนแปลกหน้าหรือไม่? หรือเกิดเหตุการณ์แปลก ๆ ขึ้นบ้างหรือไม่?”ฮูหยินจูตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังดังนั้น จากนั้นก็หลบสายตากล่าวว่า “ไม่มีเจ้าค่ะ”ดูเหมือนว่าฮูหยินจูจะปกปิดบางอย่างลั่วชิงยวนมิได้ถามประเด็นนี้มากเกินไป ต้องสอบถามรายละเอียดก่อนสอบถามหลายอย่างจึงทราบว่าจูหงรักภรรยามาก ถึงแม้ว่าฮูหยินจูจะไม่มีบุตรธิดา แต่จูหงก็ไม่มีอนุเลยดังนั้นหากเขารู้ว่าตระกูลเหยียนจะฆ่าปิดปากเขา การหลบหนีก็ต้องพาภรรยาไปด้วยแน่นอนแต่สถานการณ์ปัจจุบันคือ ทรัพย์สินในจวนลดลง แต่ฮูหยินจูยังอยู่ที่นี่ลั่วชิงยวนคิดว่า อาจจะเป็นเพราะตระกูลเหยียนใช้สิ่งลึกลับมาฆ่าปิดปากเขา และขโมยทรัพย์สินไปเพื่อปลอมแปลงว่าจูหงหลบหนีไปเองหลังจากพูดคุยกับฮูหยินจูเสร็จแล้ว ลั่วชิงยวนก็ออกจากห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฟู่เฉินหวนถามด้วยความกังวลแม่ทัพใหญ่ฉินก็มองนางด้วยความคาดหวังแต่ลั่วชิงยวนมิได้เล่าเรื่องนี้“เปลี่ยนที่พูดคุยกันเถิดเพคะ”เมื่อนั่งลงในสวนที่ไม่มีใครอยู่ ทหารก็วิ่งมา “ท่านแม่ทัพใหญ่ คุณชายรองมาแล้ว กล่าวว่าพบเบาะแสของวังชิงแล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1053

    “เช่นนั้นก็ดี จะได้มิต้องรบกวนท่านเซียนฉู่อีกต่อไปแล้ว”ลั่วชิงยวนคิดว่าจะส่งฟู่เฉินหวนออกไปได้แล้วแต่ปรากฏว่าฟู่เฉินหวนกลับพูดว่า “นานแล้วที่เรามิได้นั่งดื่มสุราด้วยกัน คืนนี้แสงจันทร์งดงามนัก มาดื่มกันสักสองสามจอกดีหรือไม่?”ซ่งเชียนฉู่รีบลุกไปยังห้องครัวหลังบ้านเพื่อนำถ้วยสุรามา“เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อน ท่านทั้งสองโปรดสนทนากันตามอัธยาศัยเถิดเพคะ”ซ่งเชียนฉู่กลับไปยังห้องของตนฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวนจึงดื่มสุราด้วยกันฟู่เฉินหวนถามซ้ำอีกครั้งว่า “ท่านเซียนฉู่ ช่วยตรวจดูให้ข้าอีกครั้งเถิด ว่าข้าถูกวางยาพิษหรือถูกควบคุมด้วยยาชนิดใดหรือไม่?”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงไปเล็กน้อย“ท่านอ๋อง คือว่า... กระหม่อมได้ตรวจดูให้ท่านอ๋องแล้วหลายครั้ง แต่กระหม่อมก็ยังดูมิออกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาก“หากท่านยังดูมิออก เช่นนั้นใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดจะรักษาได้แล้วกระมัง?”น้ำเสียงที่หนักอึ้งและเศร้าโศกนั้น ทำให้ใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกของหนักทับจึงรีบกล่าวว่า “ท่านอ๋องมิควรสิ้นหวังเช่นนั้น กระหม่อมดูมิออกก็มิได้หมายความว่าจะไม่มีวิธีรัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1054

    ฟู่เฉินหวนก็ประหลาดใจเช่นกันเขาสั่งให้ซูโหยวส่งคนไปสืบประวัติของผู้ที่แจ้งความเหล่านั้นทันทีโดยให้ไปเยี่ยมเยียนและสอบถามข้อมูลและเบาะแสเพิ่มเติมทีละคนลั่วชิงยวนก็ตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนด้วยตนเองเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมแต่ขณะที่กำลังจะออกจากประตู เด็กขอทานตัวน้อยก็วิ่งตรงมาหานางแล้วยื่นสิ่งของบางอย่างให้นาง ก่อนจะวิ่งหนีไปทันที“ช้าก่อน!” ลั่วชิงยวนแทบจะเรียกเขามิทันด้วยซ้ำนางรีบคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกดูปรากฏว่าเขียนไว้ว่า ตระกูลเหยียนจะฆ่าปิดปากกระหม่อม หากท่านสามารถช่วยชีวิตกระหม่อมได้ กระหม่อมจะมอบหลักฐานทั้งหมดให้ท่าน! คืนนี้เที่ยงคืนโปรดเสด็จไปรอกระหม่อมที่ใต้ต้นไทรเมืองหลิวหยางตะวันตก เสด็จมาคนเดียว!” “เกิดอะไรขึ้น?” ฟู่เฉินหวนก้าวเข้ามาลั่วชิงยวนรีบส่งกระดาษแผ่นนั้นให้เขาฟู่เฉินหวนอ่านแล้วก็ตกตะลึง นัยน์ตาเคร่งขรึมขึ้นจากนั้นเดินเข้าประตูไป“เป็นลายมือของวังชิง”“เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจูหงและยังมีข้อมูลลับมากมาย หลังจากจูหงหายตัวไป แม่ทัพใหญ่ฉินก็ให้ความสำคัญกับวังชิง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วชิงยวนจึงถามว่า “เช่นนั้นคืนนี้ท่านอ๋องจะไปคนเดียวหรือเพคะ? หม่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1055

    “นี่... คงมิใช่วังชิงหรอกกระมัง?” ซ่งเชียนฉู่เอ่ยถามขณะคิ้วขมวดมุ่นฟู่เฉินหวนย่อกายลงตรวจดูรอบ ๆ พลันสัมผัสเข้ากับป้ายหยกแผ่นหนึ่งบนพื้นดินมันคือป้ายหยกของกรมคลัง“คงเป็นวังชิงมิผิดแน่”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว นางรีบชักเอาคันฉ่องสุริยันจันทราออกมา ปลายนิ้วเรืองรองด้วยอักขระเวทเมื่อแสงจากอักขระเวทมอดดับลง ภาพบุรุษชุดขาวก็ปรากฏขึ้นในกระจกสุริยันจันทราขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงรัศมีอันแข็งแกร่งหัวใจของลั่วชิงยวนกระตุกวูบ อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง!นางรีบเหาะทะยานตามไปทางทิศใต้โดยพลันด้วยวิชาตัวเบาดุจขนนก มินานนางก็หายลับไปในความมืดฟู่เฉินหวนตกใจ รีบติดตามไปทันที......ยามราตรีอันมืดมิด ลั่วชิงยวนไล่ตามออกไปนอกเมือง ร่างกายลอยละลิ่วอยู่เหนือยอดไม้ราวกับควบคุมสายลมได้ในมือนางปรากฏเชือกอักขระเวท นางมองไปยังบุรุษชุดขาวแล้วเหวี่ยงเชือกออกไปอีกฝ่ายไหวตัวทัน กระโดดหลบไปได้แต่ก็ถูกลั่วชิงยวนสกัดกั้นเอาไว้นางพุ่งเข้าหา ดาบวงพระจันทร์ฟาดฟันไปที่ลำคอของอีกฝ่ายท่ามกลางแสงจันทร์ ดวงตาของบุรุษผุดความประหลาดใจ หางงูปรากฏขึ้นด้านหลังพยุงร่างของเขาให้ลอยขึ้น หลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดใน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1056

    ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังมาจากในป่าฉู่จิ้งตกใจ เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังวิ่งหนีไปจากนั้นก็คืนร่างกลับเป็นงูเลื้อยหายเข้าไปในพงหญ้ามินานฟู่เฉินหวนก็ตามมาถึงลั่วชิงยวนยังมิทันได้เอ่ยปากฟู่เฉินหวนก็พูดด้วยความร้อนใจ “คราวหน้าอย่าวิ่งนำหน้าไปคนเดียวเช่นนี้อีก มันอันตรายรู้หรือไม่!”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไป“มิกลัวว่าข้าจะตามมิทันรึ”ฟู่เฉินหวนมองไปรอบๆ “แล้วเจ้าตามคนผู้นั้นทันหรือไม่?”“เขาหนีไปแล้วเพคะ” ลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง“หนีไปแล้วก็ช่างเถิด เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว”ฟู่เฉินหวนยังคงขมวดคิ้ว แต่ลั่วชิงยวนกลับแอบยิ้มจางทั้งสามคนกลับไปที่ลานบ้านหลังนั้นแล้วค้นหาอย่างละเอียดแต่ก็มิพบหลักฐานใด ๆ ที่วังชิงทิ้งไว้เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น“มีเบาะแสอื่นอีกหรือไม่? หรือว่าจะหมดหวังแล้วเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็ยังปลอบโยน “น่าจะมี”“กลับไปก่อนเถิด ข้าจะให้คนมาจัดการเอง”......เมื่อกลับถึงตำหนักอ๋อง ฟู่เฉินหวนก็กลับไปทำงานอย่างหนักเพราะวังชิงตายแล้ว เขาจึงต้องรีบสืบหาเบาะแสอื่นโดยเร็วดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีหลักฐานที่แน่ช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1057

    “แต่เดิมตระกูลข้าประกอบอาชีพค้าขาย สามีข้าเป็นชายที่เข้ามาเป็นเขย ก่อนพิธีสมรส เขาประพฤติตนราวกับสุภาพบุรุษ แต่หลังจากนั้นกลับเผยธาตุแท้ เที่ยวเตร่ในแหล่งอบายมุข นำเงินจากบัญชีการค้าไปใช้จ่ายในสถานเริงรมย์”“พ่อแม่ข้าทราบเรื่องนี้จึงคิดจะขับไล่เขาออกจากบ้าน แต่เพียงเดือนเดียว พ่อแม่ข้าก็ล้มป่วยลงอย่างรวดเร็วและสิ้นใจ”“ท่านทั้งสองมีสุขภาพแข็งแรงดีเสมอมา! ข้ารู้แน่ว่าสามีข้าต้องเป็นคนลงมือ! แต่ข้าหาหลักฐานมิได้”“เขายังยึดครองทรัพย์สินของตระกูลข้าและทำร้ายข้าทุกวัน ขู่เข็ญข้าว่าหากข้ากล้าไปแจ้งความ เขาจะฆ่าข้า”นางกล่าวจบ น้ำตาก็รินไหลลงมาอาบแก้ม ลั่วชิงยวนฟังด้วยความเวทนา แล้วจึงเอ่ยถาม “แล้วเจ้าแจ้งความหรือไม่?”“ข้าแอบไปแจ้งความครั้งหนึ่ง แต่คนใจโหดนั้นกลับขายข้าให้หอนางโลม!”“เขาขู่ข้า ข้าหวาดกลัวเกินกว่าจะทำอะไรได้”“ข้าหวาดผวาอยู่ทุกวันทุกคืน”“ปรารถนาเพียงให้เขาตายไปเสีย!”“ต่อมาข้าได้ยินมาว่าศาลเจ้าที่เขาหลิงซานศักดิ์สิทธิ์นัก เพียงแต่เขียนความปรารถนาและความทุกข์ยากลงไป แล้วจุดธูปบูชาติดต่อกันสิบวันก็จะสมปรารถนา!”“ข้าจึงไปที่นั่น!”“หลังจากกลับมาได้สามวัน คนใจร้ายน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1058

    “ฮูหยินจู ข้ารู้ทุกอย่างแล้ว ข้าจะปล่อยท่านไป ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะจริงใจหรือไม่”ฮูหยินจูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกลับไปที่สวนด้านหลังกับลั่วชิงยวนและซ่งเชียนฉู่ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ฮูหยินจูจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต่อหน้าคนอื่นเขาดูเป็นคนรักภรรยา แม้ข้าจะไม่มีลูก เขาก็มิหย่าและมิเคยรับอนุด้วยซ้ำ”“แต่ไม่มีใครรู้ว่าความจริงแล้วเขามีชู้ และชู้คนนั้นก็คือน้องสาวแท้ ๆ ของข้าเอง”“พวกเขามีทั้งลูกชายและลูกสาวด้วยกัน”“เงินที่เขานำกลับบ้านมีเพียงเบี้ยหวัดเท่านั้น แต่เงินที่มอบให้ชู้มีมากมายมหาศาล แต่เขามิเคยให้ข้ารู้เลย”“ต่อมาข้าจึงรู้ว่านั่นคือบ้านหลักที่แท้จริงของเขา”“ส่วนข้าเป็นเพียงภรรยาที่ใช้รับแขกเท่านั้น ที่เขาบอกว่าอาจมีอันตรายเมื่อมินานมานี้เป็นความจริง แต่เขามิได้บอกข้า”“ข้าเกิดความสงสัยเขาจึงตามไปดู จึงได้รู้ความลับที่เขาปิดบังข้ามานานสิบกว่าปี”“เขาบอกว่าเขาจะพาครอบครัวหนีออกจากเมืองหลวง แล้วจะขนย้ายเงินก่อน”“ส่วนที่เมืองหลวง ตราบใดที่จวนตระกูลจูยังอยู่และข้ายังเป็นฮูหยินจูก็จะไม่มีใครสงสัยว่าเขาหนีไป”“ความรักที่เขามอบให้ข้าต่อหน้าคนอื่นเป็นเพียงการแสด

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1217

    “พ่ะย่ะค่ะ!”ศพถูกนำออกจากตำหนักอ๋องเฉินชีที่กำลังรีบมาที่ตำหนักอ๋องบังเอิญเห็นเข้า จึงรีบเข้าไปในตำหนักอ๋อง แล้วตรงไปยังเรือนที่ลั่วชิงยวนพักอาศัยก็เห็นเรือนที่ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้นเฉินชีตกใจมาก รีบคว้าคอเสื้อคนรับใช้คนหนึ่งมาถามเสียงดัง “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ท่าทางดุร้ายนั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัว“พระชายา... ถูกไฟคลอกสิ้นไปแล้ว!”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฉินชีก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีก่อนจะรีบไปที่เรือนด้านหน้า ปรากฏตัวต่อหน้าฟู่เฉินหวน จิตสังหารแผ่ซ่านจนทำให้องครักษ์ในเรือนชักดาบขึ้นมาด้วยความระมัดระวังแล้วเข้าล้อมเฉินชีไว้“ฟู่เฉินหวน ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ฟู่เฉินหวนที่มีสีหน้าเย็นชากล่าวอย่างใจเย็น “ตายแล้ว”เฉินชีโกรธจัด กระโจนเข้าใส่ฟู่เฉินหวน “ไฟไหม้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?!”ถึงแม้จะมิใช่เขาที่จุดไฟ ก็ต้องเป็นเขาที่สั่งให้คนจุด!มิเช่นนั้นทั้งตำหนักอ๋อง เหตุใดจึงมีเพียงเรือนของลั่วชิงยวนที่ถูกไฟไหม้!คนในตำหนักมากมาย เหตุใดจึงมีเพียงลั่วชิงยวนคนเดียวที่ตาย!แต่ฟู่เฉินหวนหาได้ปฏิเสธไม่ เขามองเฉินชีด้วยแววตาดุดัน เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู“นางทรยศข้า ต่อให้ข้าต้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1216

    สุดท้ายเหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ที่มีแผ่นไม้ตอกปิดไว้ กลายเป็นหน้าต่างที่เปิดปิดได้ในตอนนั้นลั่วชิงยวนยังรู้สึกโชคดีที่เขามิได้ปิดตายนางไว้หลังกำแพงแต่หลังจากที่ปิดหน้าต่างนั้นแล้วก็ถูกลงกลอนจากด้านนอก บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความมืดมิดได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปห่างไกลออกไปเรื่อย ๆลั่วชิงยวนพิงกำแพงพลางทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงเมื่อมองค่ายกลขนาดใหญ่แล้วก็รู้สึกหดหู่ใจครั้งนั้นนางช่างรู้เท่ามิถึงการณ์ กลับเป็นผู้สร้างกรงขังตนเองเสียได้เมื่อนานมาแล้ว เพื่อแลกชีวิตของลั่วหลางหลางคืนมานางจึงได้ตั้งค่ายกลผนึกห้องนี้เอาไว้เดิมทีที่นี่ควรจะเป็นเรือนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ตอนนั้นนางมิเคยคิดเลยว่าสุดท้ายตนเองจะถูกขังไว้ที่นี่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมึนหัวและล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง......จือเฉาซื้อของมากมายและกลับมายังตำหนักอ๋องนางถือสมุนไพรเดินไปที่เรือนครั้งนี้ซื้อสมุนไพรมามากมาย ต้องทำให้แผลของพระชายาหายดีได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเข้าไปในเรือนด้านในก็ได้ยินเสียงดังโวยวายมีแต่ความวุ่นวายสับสนจือเฉาตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นแสงไฟลุกไหม้มาจากทางเรือนพระช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1214

    “หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status