Share

บทที่ 103

Author: หว่านชิงอิ๋น
”หลิงหยวนถัง”

ที่ตั้งของหลิงหยวนถังนั้นอยู่บนถนนที่ขึ้นชื่อในด้านพิธีการจัดงานศพ ผู้ที่มาที่นี่โดยทั่วไปจะเป็นคนสามัญ หรือคนรับใช้จากตระกูลชั้นสูง

อาภรณ์ของลั่วชิงยวนนั้นค่อนข้างสะดุดตา ดังนั้นนางและแม่นมเติ้งจึงไปหาอาภรณ์ชุดใหม่เปลี่ยนเพื่อให้ดูเหมือนชาวบ้านธรรมดา ก่อนหาผ้าโปร่งมาปิดบังใบหน้าไว้

จากนั้นพวกนางก็เดินเข้าไปในร้านที่มีตุ๊กตากระดาษมากมายวางเรียงอยู่เป็นตั้ง

ตรงหัวมุมมีเก้าอี้ไม้โยกตั้งอยู่หลังกองตุ๊กตากระดาษ เสียงเก้าอี้นั้นโยกดังเอี๊ยดอ๊าด แน่นอนว่าต้องมีคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่

จากนั้นก็มีเสียงหม่นขรึมดังขึ้น “ท่านต้องการเพียงแวะพักชั่วคราวหรือต้องการพักค้างคืน?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็อดนิ่วหน้าไม่ได้

“ท่านหมายความเช่นไร…” แม่นมเติ้งเองก็งุนงงเพราะร้านที่พวกนางเข้ามานั้นไม่ใช่โรงเตี๊ยม

ลั่วชิวยวนจับแขนของแม่นมเติ้งก่อนยกยิ้มและเดินเข้าไปที่เก้าอี้โยก “เถ้าแก่ล้อเล่นแล้ว อยู่ในร้านจัดงานศพ แล้วจะนอนในโลงศพหรือไร?”

เสียงเก้าอี้โยกหยุดลงทันที

อากาศดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

มีกระแสลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาในร้าน ทำให้ตุ๊กตากระดาษทั้งหลายพากันขยับไหวจนดูเหมือนว่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 104

    ก่อนที่แม่นมเติ้งจะเข้าถึงกองหุ่นกระดาษนั้น ร่างที่อยู่ในกองกระดาษก็ลุกขึ้นจนตุ๊กตากระดาษร่วงพรูลงบนพื้นแม่นมเติ้งตกตะลึงไปอีกครั้งเมื่อนางมองลั่วชิงยวนอย่างพินิจ แม่นมเติ้งก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “พระชายา ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนปัดมือไปมาและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “ข้าจะเป็นอะไรไปได้เล่า”ลั่วชิงยวนหันหน้าไปมองเจ้าของร้านที่นอนอยู่บนพื้น นางกับแม่นมเติ้งช่วยกันอย่างมากเพื่อจะลากเขาออกมาชายผู้นั้นหมดสติไป และมีรอยบวมแดงเห็นได้ชัดอยู่บนหน้าผาก รวมถึงมีอักขระเวทย์หลายตัวอยู่ด้วยนี่เป็นรอยประทับที่เข็มทิศชะตาทิ้งเอาไว้นางเดินตรงไปที่โต๊ะแล้วหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาเปิดออกก่อนที่จะอ่านอย่างละเอียดธงอัญเชิญวิญญาณ โคมไฟล่อวิญญาณ จานสังเวยโลหิต ยันต์ชาตะ…มากมายหลายสิ่งยิ่งนักสิ่งของพวกนี้ล้วนมีไว้เพื่อดึงดูวิญญาณมีเสียงเล่าลือออกมาว่า จวนมหาราชครูนั้นมีวิญญาณสิงสู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่า พวกเขาเป็นผู้อัญเชิญวิญญาณเหล่านั้นมาเอง?หากว่าต้องการขจัดวิญญาณร้ายแน่นอนว่าต้องไม่ใช้ของพวกนี้ตอนนั้นเองเจ้าของร้านก็ฟื้นขึ้นมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดและสีหน้าก็งุนงง เมื่อเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 105

    ลั่วชิงยวนนิ่วหน้าหากเป็นนางแม้ว่าโหยหาลูกชายที่สูญเสียไปตั้งแต่วัยเยาว์ นางก็คงไม่คิดจะอัญเชิญวิญญาณเขามาหลังจากที่ผ่านไปหลายสิบปีเช่นนี้นางรู้สึกว่า เรื่องนี้มีบางอย่างแปลก ๆเจ้าของร้านเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก เขาแค่รับผิดชอบจัดหาของและเก็บเงินมาเท่านั้น หนนี้เขานึกโลภและบุ่มบ่ามมากเกินไป จนทำให้ตนต้องเดือดร้อนเพราะว่าเขานั้นซาบซึ้งที่ลั่วชิงยวนช่วยแก้ปัญหาให้ เขาจึงมอบเงินห้าร้อยตำลึงกับนางเป็นการขอบคุณเมื่อลั่วชิงยวนรับเงินนั้น นางรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า นี่อาจจะเป็นวิธีทำมาหากินของนางได้ หากว่านางใช้ศาสตร์นี้ทำเป็นอาชีพ นี่น่าจะดีกว่าต้องทนทุกข์และโมโหหัวเสียอยู่ในตำหนักอ๋องใช่หรือไม่?เมื่อมีความคิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกมุ่งมั่น…เราจะต้องแก้ไขปัญหาในจวนมหาราชครูให้จงได้หากว่าสามารถแก้ปัญหาในจวนมหาราชครูได้ และได้ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือจากจวนมหาราชครู ในอนาคตหากว่ามีเรื่องแปลกประหลาดอันใดเกิดขึ้นกับตระกูลร่ำรวยในเมือง พวกเขาก็ต้องแนะนำนางให้ไปดู นางเองต้องสร้างชื่อเสียงขึ้นมาเสียก่อนถึงจะเริ่มหาเงินทองได้เมื่อออกมาจากร้าน ลั่วชิงยวนเองก็ยังคงครุ่นคิดเรื่องนี้ไม่เลิกแ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 106

    ใบหน้าของแม่นมเติ้งเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อนางติดตามพระชายา "พระชายา ไม่ใช่ว่าแม่นางอวิ๋นสี่..."ลั่วชิงยวนรีบวิ่งตรงไปที่หอนางโลมอย่างไม่คิดชีวิต "เข้าไปดูสิว่ามีใครอยู่รึเปล่า!"ด้านหลังของเรือนลั่วอวิ๋นสี่ถือห่อผ้าแล้วคว้าแขนของชายคนหนึ่งเอาไว้ "พาข้าไปกับท่านด้วยเถิด! คนในบ้านข้าบ้ากันไปหมดแล้ว ถ้าท่านไม่พาข้าไปด้วย ข้าตายแน่!"สวีซงหย่วนดูลำบากใจ "แต่นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย ถ้าข้าพาเจ้าไปด้วย ก็เท่ากับว่า… เราหนีตามกันไป!"“ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พี่หย่วน ท่านไม่อยากอยู่กับข้ารึ? ข้าเต็มใจจะไปกับท่านเอง ยังมีเหตุผลอันใดให้ท่านปฏิเสธอีก” ลั่วอวิ๋นสี่โกรธเล็กน้อยสวีซงหย่วนขมวดคิ้วและกัดฟัน "ก็ได้ ไปกันเถอะ!"ทั้งสองจับมือกันไว้ มือข้างที่ว่างถือห่อผ้า ก่อนเปิดประตูเตรียมจะวิ่งออกไปขณะที่ลั่วชิงยวนและแม่นมเติ้งเข้าไปในเรือน พวกนางก็บังเอิญชนเข้ากับชายแปลกหน้าที่ดูเหมือนกำลังฉุดกระชากลั่วอวิ๋นสี่อยู่กับสองตาทันทีที่ทั้งสองฝ่ายสบตากัน สีหน้าของลั่วอวิ๋นสี่ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือลั่วชิงยวนยกมือขึ้นแล้วโจมตีชายแปลกหน้าทันที "ปล่อยนางเดี๋ยวนี้!"สวีซงหย่วนทำอะไรไม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 107

    “เจ้าจะพาข้าไปไหน! ลั่วชิงยวนเลิกเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นสักทีได้ไหม?” นางไม่รู้เลยว่า ลั่วชิงยวนมาพบกับที่แห่งนี้ได้อย่างไรการได้พบกับลั่วชิงยวนไม่ต่างอะไรกับการประสบเคราะห์ร้ายแปดชั่วโคตรอย่างไรอย่างนั้น!ลั่วชิงยวนไม่ได้พูดอะไร ทว่ากลับพานางมาที่จวนมหาราชครูแทนเมื่อลั่วอวิ๋นสี่รู้ดังนั้นนางก็เริ่มขัดขืนอีกหน "ปล่อยข้านะ! ข้าจะไม่กลับไปที่นั่น!"ลั่วชิงยวนดุด้วยความโกรธ "สตรีสูงศักดิ์อย่างเจ้า ไม่ยอมกลับจวนแต่คิดจะหนีไปกับบุรุษป่าเถื่อนอย่างนั้นได้อย่างไร? ไม่รู้สึกอับอายสักหน่อยรึ!"ลั่วอวิ๋นสี่โต้กลับทันที "พี่หย่วนมิใช่คนป่าเถื่อน! เขาเป็นผู้พิทักษ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุทธภพต่างหาก! ลั่วชิงยวน พูดจาระวังปากด้วย!"“อีกอย่างจะมีใครหน้าด้านได้มากกว่าเจ้าอีก? พอออกเรือนไปแล้วก็ใจกล้าหน้าด้านขึ้นอย่างนั้นสินะ?”คำพูดของลั่วอวิ๋นสี่บาดใจคนฟังแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วนี่เป็นเรื่องธรรมดานางยังไม่ยอมปล่อยมือของลั่วอวิ๋นสี่และเอ่ยด้วยความจริงจัง "เจ้าจะพูดอันใดก็เชิญ แต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ข้าก็จะพาเจ้ากลับจวน! สวีซงหย่วนผู้นั้นมิใช่คนดี!""นี่เจ้า!" ปฏิกิริยาของลั่วอวิ๋นสี่ดูถ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 108

    “ของพวกนั้นไม่อาจพาคนที่ท่านอยากพบกลับมาได้ มันมีแต่จะนำปัญหาไม่รู้จบ และแม้แต่ความหายนะมาสู่ตระกูลของท่านด้วย”ทันทีที่นางได้ยินสิ่งนี้ ลั่วหรงก็ชะงักฝีเท้าลงและร่างกายของนางก็แข็งทื่อลั่วหรงยืนตัวแข็งทื่ออยู่เป็นเวลานานก่อนจะหันหลังกลับมานางสบตากับลั่วชิงยวนด้วยสายตาเฉียบคม "นี่เจ้าคิดจะเข้ามาสอดแนมเรื่องของตระกูลข้าอย่างนั้นสินะ? ฮ่า ข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป!"แม้แต่สมาชิกในตระกูลก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้ความลับเรื่องนี้ แต่คนนอกอย่างลั่วชิงยวนกลับรู้เรื่องนี้กับเขาด้วย!แน่นอนว่า คนที่หาวิธีจับผู้ชายได้อย่างนาง ย่อมมีหัวคิดไม่ธรรมดาแม้ว่าภายนอกนางจะดูอ้วนและไม่ฉลาดนัก แต่ภายใต้รูปร่างหน้าตาเช่นนั้นของนางได้เก็บซ่อนความฉลาดหลักแหลมเอาไว้!รอยยิ้มมีนัยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของลั่วชิงยวน "ข้าอยากจะขอถามท่านตรง ๆ สักหน่อย"“ฮูหยินลั่ว ท่านเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่? คนที่ท่านอยากพบตายจากไปหลายสิบปีแล้ว หากเขาหมดกรรมและไปเกิดนานแล้ว เขาจะยังอยู่ในใต้หล้านี้อีกหรือ? จริงอยู่ที่ท่านทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเรียกให้เขากลับมา แต่สิ่งที่ถูกเรียกมานั้นจะใช่เขาแน่หรือ?”คำถามนี้ทำให้ลั่วหรงชะงั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 109

    ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ก่อนพบเทียนเล่มหนึ่งในห้องนางจึงจุดจนมันสว่างไปทั่วฉะนั้นแล้วในห้องรับรองแขกอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีเพียงแสงเทียนเล่มนี้เพียงอย่างเดียวท่ามกลางความมืดดังกล่าว มีไฟดวงน้อย ๆ สว่างขึ้น มันเป็นดั่งเป้าสายตาท่ามกลางความมืดมิดในยามกลางคืนลั่วชิงยวนไม่ได้ปิดประตู นางคลายผ้าห่มออกแล้วล้มตัวลงนอน ตั้งแต่วินาทีแรกที่นางก้าวเข้าไปในห้องแห่งนี้ เข็มทิศก็สั่นไม่หยุด ที่นี่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความโกรธแค้น!ข้างนอกเกิดลมพัดแรงอย่างอธิบายไม่ได้ มันทำให้ใบไม้ในลานบ้านส่งเสียงกรอบแกรบ คล้ายกับเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัว “วะ ฮ่า ฮ่า"ทันใดนั้นก็มีลมพัดแรง กระแทกมาที่ประตูเข็มทิศในมือของลั่วชิงยวนหมุนอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ลมเข้าปะทะประตูอย่างแรง จนมันเปิดออกลมกระโชกแรงขึ้นและพัดไปทั่วประตูลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดและกระแทกปึงปังนางยังคงปลอดภัยในห้องรับรองแขกเล็ก ๆ ของนางไม่ว่าวิญญาณชั่วร้ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีวิญญาณชั่วร้ายตนใดบุกเข้ามาในห้องได้นางสัมผัสได้ว่า วิญญาณร้ายเหล่านั้นรวมตัวกันอยู่รอบห้องของนาง และล้อมรอบนางเอาไว้ลั่วชิงยวนหลับตาและพักผ่อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 110

    แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ลั่วหรงจะไม่ยอมออกไปไหน ลั่วชิงยวนจับลั่วอวิ๋นสี่เอาไว้อย่างรวดเร็ว กัดนิ้วของนางแล้ววาดอักขระบนหน้าผากของลั่วอวิ๋นสี่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่วิญญาณอาฆาตที่อยู่โดยรอบจะค่อย ๆหายไปลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้แกะมือของลั่วอวิ๋นสี่ และในที่สุดนางก็คลายมือออกจากลำคอของตนรอยฝ่ามือสีเข้มที่คอทำให้ดูน่ากลัวนัก!ลั่วหรงที่คิดว่าตนเคยเห็นลมกระโชกแรงเช่นนี้มาหลายครั้ง และไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใด ในตอนนี้กลับหน้าซีดและแทบจะสิ้นสติเมื่อได้เห็นบุตรสาวของตนเป็นเช่นนี้ หัวใจของนางก็แทบจะสลายแต่ทว่าลั่วชิงยวนยังคงสงบและนิ่งเฉย หลังจากขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่อยู่รอบตัวไปได้แล้ว นางก็รีบหยิบยันต์ออกมา เผาน้ำ แล้วป้อนให้ลั่วอวิ๋นสี่ดื่มอาการตาเหลือกและฟองในปากของนางค่อย ๆ หายไปนางค่อย ๆ กลับมาสงบและล้มตัวลงนอนกับพื้น“รีบพานางกลับห้องเร็วเข้า!”ดวงตาของลั่วหรงแดงกำ และนางก็รีบเรียกคนสองสามคนให้พาลั่วอวิ๋นสี่กลับไปที่ห้องอย่างร้อนรนในขณะที่ลั่วหรงกำลังจะจากไป นางเหลือบมองลั่วชิงยวนอย่างลังเล "แล้วเจ้าล่ะ!"ลั่วชิงยวนเตะโต๊ะพิธีและแท่นบูชาแล้วเอ่ยขึ้นว่า "พวกท่านไปกันก่อนเถิด เด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 111

    แม่ของนางคิดจะทำอะไรบางอย่างกับนางจริง ๆ ด้วย เช่นนี้แล้วลั่วอวิ๋นสี่จะไม่หนีจากเรื่องบ้า ๆ และอันตรายถึงชีวิตไปได้อย่างไรคำพูดเหล่านี้ทำให้ใบหน้าของลั่วหรงมืดลงเล็กน้อย มือของนางกำแขนเสื้อของตนเอาไว้โดยไม่รู้ตัว "ข้ามิได้ตั้งใจจะทำร้ายนาง!"ลั่วชิงยวนจึงใช้โอกาสในสถานการณ์นี้เอ่ยถามออกไปว่า "ฮูหยินลั่ว ท่านต้องการที่จะอัญเชิญวิญญาณของคุณชายให้มาสิงร่างของลั่วอวิ๋นสี่ แล้วให้เขาไปพบกับมหาราชครูลั่วเพื่อแก้ไขปมที่ติดอยู่ในใจของมหาราชครูลั่วมาหลายปีแล้วใช่หรือไม่?"เมื่อได้ยินคำถามนี้ ลั่วหรงก็ดูตกใจและมองคู่สนทนาด้วยความไม่เชื่อ "เจ้า… เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร!"ลั่วชิงยวนรู้ตื้นลึกหนาบางถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?!นางเป็นใครกันแน่?นางเป็นบุตรสาวของลั่วไห่ผิงจริง ๆ หรือ?ลั่วชิงยวนยังคงยิ้มอย่างสงบ และการแสดงออกที่สงบของนางก็ทำให้นางดูลึกลับขึ้นมาก“อย่างที่ข้าบอกท่าน คนผู้นั้นคงจะไปเกิดใหม่นานแล้ว ไม่เพียงแต่ท่านจะไม่อาจอัญเชิญวิญญาณของเขามาได้เท่านั้น แต่ท่านยังได้ดึงดูดบางสิ่งที่เลวร้ายเข้าไปในร่างกายของหลัวอวิ๋นสี่อีกด้วย”ลั่วชิงยวนอธิบายสั้น ๆ ถึงสาเหตุและผลกระทบของเหตุการณ์ก่อนห

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1277

    เกาเหมียวเหมี่ยวกำหมัดแน่น รู้สึกโมโหมากจนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามาหานางเหมือนกับคลื่นยักษ์“เฉินชี คอยดูเถอะ!” เกาเหมียวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวนางสวมอาภรณ์แล้วหนีไปทันที……คืนก่อนวันประลองที่หอรักษ์ดาราทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบหลังจากลั่วชิงยวนพักผ่อนได้หนึ่งวัน นางก็เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดท่องราตรีนางแอบเปิดประตูห้องแล้วอาศัยจังหวะที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน มุ่งหน้าไปยังหอปรุงโอสถทั้งยังปล่อยเตี่ยฉุยออกมาเพื่อช่วยนางดูคนที่ผ่านไปมาให้อีกแรงหอปรุงโอสถเป็นสถานที่สำคัญของสำนักนักบวช บุคคลทั่วไปมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปตามใจชอบ หากนางถูกจับได้ จะต้องตายสถานเดียวทว่าหากมิขโมยโอสถ วันพรุ่งก็ต้องตายในการประลองที่หอรักษ์ดาราอยู่ดีดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงดูสักครั้งลั่วชิงยวนอาศัยความที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำการหลบเลี่ยงจุดที่อาจจะมีคนและมาถึงด้านนอกของหอปรุงโอสถขณะนี้ หอปรุงโอสถเงียบสงบและไม่มีใครเฝ้ายามลั่วชิงยวนเดินเข้ามาในลานจนถึงประตูที่ลงกลอนเอาไว้นางดึงปิ่นปักผมออกมาปลดกลอนประตูอย่างชำนาญจากนั้นก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1276

    “ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1275

    ฟู่เฉินหวนหาได้แปลกใจไม่ คนที่ปรากฏตัวที่นี่ได้ย่อมมิใช่คนธรรมดาเขามิได้ตอบ เพราะกำลังครุ่นคิดฉินอี้พูดต่อ “คนของเฉินชีล้อมภูเขาทั้งลูกไว้แล้ว เจ้าบาดเจ็บสาหัส ออกไปเองมิได้หรอก”“มีเพียงการไปกับข้าเท่านั้น ข้าจึงจะพาเจ้าออกจากที่นี่ได้”“อีกอย่าง เจ้าก็น่าจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินชี ถึงแม้ว่าเจ้าจะรอดชีวิตออกจากภูเขาลูกนี้ก็เข้าเมืองหลวงมิได้อยู่ดี และไม่มีทางได้พบลั่วชิงยวน”“ทั่วแผ่นดินแคว้นหลี มีเพียงข้าเท่านั้นที่ช่วยเจ้าได้”ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลง “เงื่อนไขคืออะไร?”“เจ้าอุตส่าห์มาช่วยข้า คงต้องมีเงื่อนไขกระมัง”ฉินอี้ยกยิ้ม “ข้าชอบคบหากับคนฉลาด!”“สิ่งเดียวที่ข้าอยากทำ ก็คือฆ่าเฉินชี!”แววตาของฉินอี้เต็มไปด้วยจิตสังหารเฉินชีควบคุมกองทัพ มักทำอะไรตามใจชอบถึงแม้ว่าภายนอกจะเชื่อฟังราชวงศ์ แต่ความจริงแล้วเขาแทบมิยอมรับข้อบังคับของราชวงศ์ มิเคยเห็นใครอยู่ในสายตายิ่งไปกว่านั้น เขามิเคยนับถือองค์ชายผู้นี้เลย คอยแต่จะเยาะเย้ยเสมอเมื่อมีโอกาสสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในชีวิตคือ ฆ่าเฉินชี!ฟู่เฉินหวนดูออก ฉินอี้มิได้โกหกเรื่องนี้ ความเกลียดชังในดวงตาของเขาแทบจะพวยพุ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1274

    นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหลบ ทว่าหาได้มีทางหลบได้ไม่ เงาดำหลายร่างจับร่างจองนางเหวี่ยงไปมาร่างของนางราวกับใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิวไปมา ชนกำแพง ชนประตู ชนต้นไม้จนเลือดไหลออกมาดูน่าเวทนายิ่งนักมีคนหลายคนยืนดูความเคลื่อนไหวในเรือนจากในที่มืดระยะไกล แล้วต่างหัวเราะอย่างพึงพอใจ“คิดว่าจะเก่งแค่ไหนกันเชียว กล้ามาท้าทายจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดารา สุดท้ายก็ได้แค่นี้”“ความจริงนางก็มิได้เก่งหรอก มิรู้ว่าปราบสิบวายร้ายได้อย่างไร”“ส่งไปอีกสองตัว! ทรมานอีกสักรอบ อีกสองวันข้างหน้าเมื่อไปหอรักษ์ดารา นางอาจจะยอมแพ้ไป!”พูดจบ พวกเขาก็เปิดกล่องที่ผนึกด้วยยันต์แปดทิศ และกระดาษยันต์หนึ่งแผ่นก็เริ่มควบคุมสิ่งของในกล่องให้บินออกมาทันใดนั้นก็มีเท้าข้างหนึ่งยื่นออกมาเตะกล่องคว่ำสิ่งที่พุ่งออกมาทันทีนั้นส่งเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง ทำให้หลายคนตกใจพลันรีบถอยหลังหลบกันไป“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึไร!” หลายคนรีบลุกขึ้นตะโกนใส่อวี๋โหรวที่เตะกล่องคว่ำพวกเขาลุกขึ้นยืน ทุกคนตัวสูงกว่าอวี๋โหรวยิ่งทำให้อวี๋โหรวดูตัวเล็กดูน่ารังแกแต่อวี๋โหรวกลับมองพวกเขาด้วยแววตาเย็นชา “พอได้แล้ว!”“หากทำให้นางตาย ข้าจะดูว่าเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status