Share

บทที่ 102

Author: หว่านชิงอิ๋น
”เจ้ารักษาหน้าข้าหน่อยไม่ได้หรือไร? แค่นี้เจ้ายังทำข้าอับอายไม่พออีกรึ?”

น้ำเสียงตำหนินั้นเป็นเหมือนดั่งมีดแหลมคมที่บาดลึกเข้าไปในหัวใจของลั่วชิงยวน

แม้ว่านางจะชินชาแล้วกับเรื่องนี้ แต่ลั่วชิงยวนก็ยังคงรู้สึกไม่ดี ตอนนี้เหมือนว่านางได้กลายเป็นลั่วชิงยวนอย่างสมบูรณ์ และรับรู้ได้ถึงอารมณ์และความเจ็บปวดทั้งหมดของร่างลั่วชิงยวน

แต่นางก็โศกเศร้าอยู่เพียงชั่วขณะเท่านั้น

สิ่งที่ลั่วไห่ผิงสนใจก็มีแค่ว่า ตัวตนของนางนั้นจะทำให้เขาต้องขายหน้า ในเมื่อนางเป็นบุตรสาวที่ตัดทิ้งไปแล้ว ไยนางเองต้องมีเยื่อใยอยู่ด้วยเล่า

ยิ่งไปกว่านั้นลั่วไห่ผิงก็มีท่าทีเปลี่ยวเหงา และเขาเองก็ไม่มีญาติสนิทเลยเหมือนกัน

ลั่วไห่ผิงจากไปแล้ว

เมื่อมองแผ่นหลังที่อ้างว้างของเขา ลั่วชิงยวนก็หันกลับมาและมองไปยังจวนมหาราชครูที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม

ประกายเย็นเยียบฉายแวบผ่านดวงตาของนาง

นางจะต้องมาร่วมงานฉลองวันเกิดให้ได้

นางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือจวนมหาราชครู มันมีบรรยากาศที่อึมครึมอยู่จริง ๆ แต่ก็ไม่มากนัก นางไม่ได้เห็นสิ่งอื่นใดอีก

ก่อนอื่นต้องลองเดินสำรวจรอบ ๆ จวนดูเสียก่อน

“แม่นมเติ้ง ออกไปลองถามคนแถวนี้มาซิว่า ช่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 103

    ”หลิงหยวนถัง”ที่ตั้งของหลิงหยวนถังนั้นอยู่บนถนนที่ขึ้นชื่อในด้านพิธีการจัดงานศพ ผู้ที่มาที่นี่โดยทั่วไปจะเป็นคนสามัญ หรือคนรับใช้จากตระกูลชั้นสูงอาภรณ์ของลั่วชิงยวนนั้นค่อนข้างสะดุดตา ดังนั้นนางและแม่นมเติ้งจึงไปหาอาภรณ์ชุดใหม่เปลี่ยนเพื่อให้ดูเหมือนชาวบ้านธรรมดา ก่อนหาผ้าโปร่งมาปิดบังใบหน้าไว้จากนั้นพวกนางก็เดินเข้าไปในร้านที่มีตุ๊กตากระดาษมากมายวางเรียงอยู่เป็นตั้งตรงหัวมุมมีเก้าอี้ไม้โยกตั้งอยู่หลังกองตุ๊กตากระดาษ เสียงเก้าอี้นั้นโยกดังเอี๊ยดอ๊าด แน่นอนว่าต้องมีคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่จากนั้นก็มีเสียงหม่นขรึมดังขึ้น “ท่านต้องการเพียงแวะพักชั่วคราวหรือต้องการพักค้างคืน?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็อดนิ่วหน้าไม่ได้“ท่านหมายความเช่นไร…” แม่นมเติ้งเองก็งุนงงเพราะร้านที่พวกนางเข้ามานั้นไม่ใช่โรงเตี๊ยมลั่วชิวยวนจับแขนของแม่นมเติ้งก่อนยกยิ้มและเดินเข้าไปที่เก้าอี้โยก “เถ้าแก่ล้อเล่นแล้ว อยู่ในร้านจัดงานศพ แล้วจะนอนในโลงศพหรือไร?”เสียงเก้าอี้โยกหยุดลงทันทีอากาศดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะมีกระแสลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาในร้าน ทำให้ตุ๊กตากระดาษทั้งหลายพากันขยับไหวจนดูเหมือนว่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 104

    ก่อนที่แม่นมเติ้งจะเข้าถึงกองหุ่นกระดาษนั้น ร่างที่อยู่ในกองกระดาษก็ลุกขึ้นจนตุ๊กตากระดาษร่วงพรูลงบนพื้นแม่นมเติ้งตกตะลึงไปอีกครั้งเมื่อนางมองลั่วชิงยวนอย่างพินิจ แม่นมเติ้งก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “พระชายา ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนปัดมือไปมาและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “ข้าจะเป็นอะไรไปได้เล่า”ลั่วชิงยวนหันหน้าไปมองเจ้าของร้านที่นอนอยู่บนพื้น นางกับแม่นมเติ้งช่วยกันอย่างมากเพื่อจะลากเขาออกมาชายผู้นั้นหมดสติไป และมีรอยบวมแดงเห็นได้ชัดอยู่บนหน้าผาก รวมถึงมีอักขระเวทย์หลายตัวอยู่ด้วยนี่เป็นรอยประทับที่เข็มทิศชะตาทิ้งเอาไว้นางเดินตรงไปที่โต๊ะแล้วหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาเปิดออกก่อนที่จะอ่านอย่างละเอียดธงอัญเชิญวิญญาณ โคมไฟล่อวิญญาณ จานสังเวยโลหิต ยันต์ชาตะ…มากมายหลายสิ่งยิ่งนักสิ่งของพวกนี้ล้วนมีไว้เพื่อดึงดูวิญญาณมีเสียงเล่าลือออกมาว่า จวนมหาราชครูนั้นมีวิญญาณสิงสู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่า พวกเขาเป็นผู้อัญเชิญวิญญาณเหล่านั้นมาเอง?หากว่าต้องการขจัดวิญญาณร้ายแน่นอนว่าต้องไม่ใช้ของพวกนี้ตอนนั้นเองเจ้าของร้านก็ฟื้นขึ้นมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดและสีหน้าก็งุนงง เมื่อเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 105

    ลั่วชิงยวนนิ่วหน้าหากเป็นนางแม้ว่าโหยหาลูกชายที่สูญเสียไปตั้งแต่วัยเยาว์ นางก็คงไม่คิดจะอัญเชิญวิญญาณเขามาหลังจากที่ผ่านไปหลายสิบปีเช่นนี้นางรู้สึกว่า เรื่องนี้มีบางอย่างแปลก ๆเจ้าของร้านเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก เขาแค่รับผิดชอบจัดหาของและเก็บเงินมาเท่านั้น หนนี้เขานึกโลภและบุ่มบ่ามมากเกินไป จนทำให้ตนต้องเดือดร้อนเพราะว่าเขานั้นซาบซึ้งที่ลั่วชิงยวนช่วยแก้ปัญหาให้ เขาจึงมอบเงินห้าร้อยตำลึงกับนางเป็นการขอบคุณเมื่อลั่วชิงยวนรับเงินนั้น นางรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า นี่อาจจะเป็นวิธีทำมาหากินของนางได้ หากว่านางใช้ศาสตร์นี้ทำเป็นอาชีพ นี่น่าจะดีกว่าต้องทนทุกข์และโมโหหัวเสียอยู่ในตำหนักอ๋องใช่หรือไม่?เมื่อมีความคิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกมุ่งมั่น…เราจะต้องแก้ไขปัญหาในจวนมหาราชครูให้จงได้หากว่าสามารถแก้ปัญหาในจวนมหาราชครูได้ และได้ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือจากจวนมหาราชครู ในอนาคตหากว่ามีเรื่องแปลกประหลาดอันใดเกิดขึ้นกับตระกูลร่ำรวยในเมือง พวกเขาก็ต้องแนะนำนางให้ไปดู นางเองต้องสร้างชื่อเสียงขึ้นมาเสียก่อนถึงจะเริ่มหาเงินทองได้เมื่อออกมาจากร้าน ลั่วชิงยวนเองก็ยังคงครุ่นคิดเรื่องนี้ไม่เลิกแ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 106

    ใบหน้าของแม่นมเติ้งเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อนางติดตามพระชายา "พระชายา ไม่ใช่ว่าแม่นางอวิ๋นสี่..."ลั่วชิงยวนรีบวิ่งตรงไปที่หอนางโลมอย่างไม่คิดชีวิต "เข้าไปดูสิว่ามีใครอยู่รึเปล่า!"ด้านหลังของเรือนลั่วอวิ๋นสี่ถือห่อผ้าแล้วคว้าแขนของชายคนหนึ่งเอาไว้ "พาข้าไปกับท่านด้วยเถิด! คนในบ้านข้าบ้ากันไปหมดแล้ว ถ้าท่านไม่พาข้าไปด้วย ข้าตายแน่!"สวีซงหย่วนดูลำบากใจ "แต่นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย ถ้าข้าพาเจ้าไปด้วย ก็เท่ากับว่า… เราหนีตามกันไป!"“ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พี่หย่วน ท่านไม่อยากอยู่กับข้ารึ? ข้าเต็มใจจะไปกับท่านเอง ยังมีเหตุผลอันใดให้ท่านปฏิเสธอีก” ลั่วอวิ๋นสี่โกรธเล็กน้อยสวีซงหย่วนขมวดคิ้วและกัดฟัน "ก็ได้ ไปกันเถอะ!"ทั้งสองจับมือกันไว้ มือข้างที่ว่างถือห่อผ้า ก่อนเปิดประตูเตรียมจะวิ่งออกไปขณะที่ลั่วชิงยวนและแม่นมเติ้งเข้าไปในเรือน พวกนางก็บังเอิญชนเข้ากับชายแปลกหน้าที่ดูเหมือนกำลังฉุดกระชากลั่วอวิ๋นสี่อยู่กับสองตาทันทีที่ทั้งสองฝ่ายสบตากัน สีหน้าของลั่วอวิ๋นสี่ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือลั่วชิงยวนยกมือขึ้นแล้วโจมตีชายแปลกหน้าทันที "ปล่อยนางเดี๋ยวนี้!"สวีซงหย่วนทำอะไรไม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 107

    “เจ้าจะพาข้าไปไหน! ลั่วชิงยวนเลิกเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นสักทีได้ไหม?” นางไม่รู้เลยว่า ลั่วชิงยวนมาพบกับที่แห่งนี้ได้อย่างไรการได้พบกับลั่วชิงยวนไม่ต่างอะไรกับการประสบเคราะห์ร้ายแปดชั่วโคตรอย่างไรอย่างนั้น!ลั่วชิงยวนไม่ได้พูดอะไร ทว่ากลับพานางมาที่จวนมหาราชครูแทนเมื่อลั่วอวิ๋นสี่รู้ดังนั้นนางก็เริ่มขัดขืนอีกหน "ปล่อยข้านะ! ข้าจะไม่กลับไปที่นั่น!"ลั่วชิงยวนดุด้วยความโกรธ "สตรีสูงศักดิ์อย่างเจ้า ไม่ยอมกลับจวนแต่คิดจะหนีไปกับบุรุษป่าเถื่อนอย่างนั้นได้อย่างไร? ไม่รู้สึกอับอายสักหน่อยรึ!"ลั่วอวิ๋นสี่โต้กลับทันที "พี่หย่วนมิใช่คนป่าเถื่อน! เขาเป็นผู้พิทักษ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุทธภพต่างหาก! ลั่วชิงยวน พูดจาระวังปากด้วย!"“อีกอย่างจะมีใครหน้าด้านได้มากกว่าเจ้าอีก? พอออกเรือนไปแล้วก็ใจกล้าหน้าด้านขึ้นอย่างนั้นสินะ?”คำพูดของลั่วอวิ๋นสี่บาดใจคนฟังแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วนี่เป็นเรื่องธรรมดานางยังไม่ยอมปล่อยมือของลั่วอวิ๋นสี่และเอ่ยด้วยความจริงจัง "เจ้าจะพูดอันใดก็เชิญ แต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ข้าก็จะพาเจ้ากลับจวน! สวีซงหย่วนผู้นั้นมิใช่คนดี!""นี่เจ้า!" ปฏิกิริยาของลั่วอวิ๋นสี่ดูถ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 108

    “ของพวกนั้นไม่อาจพาคนที่ท่านอยากพบกลับมาได้ มันมีแต่จะนำปัญหาไม่รู้จบ และแม้แต่ความหายนะมาสู่ตระกูลของท่านด้วย”ทันทีที่นางได้ยินสิ่งนี้ ลั่วหรงก็ชะงักฝีเท้าลงและร่างกายของนางก็แข็งทื่อลั่วหรงยืนตัวแข็งทื่ออยู่เป็นเวลานานก่อนจะหันหลังกลับมานางสบตากับลั่วชิงยวนด้วยสายตาเฉียบคม "นี่เจ้าคิดจะเข้ามาสอดแนมเรื่องของตระกูลข้าอย่างนั้นสินะ? ฮ่า ข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป!"แม้แต่สมาชิกในตระกูลก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้ความลับเรื่องนี้ แต่คนนอกอย่างลั่วชิงยวนกลับรู้เรื่องนี้กับเขาด้วย!แน่นอนว่า คนที่หาวิธีจับผู้ชายได้อย่างนาง ย่อมมีหัวคิดไม่ธรรมดาแม้ว่าภายนอกนางจะดูอ้วนและไม่ฉลาดนัก แต่ภายใต้รูปร่างหน้าตาเช่นนั้นของนางได้เก็บซ่อนความฉลาดหลักแหลมเอาไว้!รอยยิ้มมีนัยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของลั่วชิงยวน "ข้าอยากจะขอถามท่านตรง ๆ สักหน่อย"“ฮูหยินลั่ว ท่านเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่? คนที่ท่านอยากพบตายจากไปหลายสิบปีแล้ว หากเขาหมดกรรมและไปเกิดนานแล้ว เขาจะยังอยู่ในใต้หล้านี้อีกหรือ? จริงอยู่ที่ท่านทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเรียกให้เขากลับมา แต่สิ่งที่ถูกเรียกมานั้นจะใช่เขาแน่หรือ?”คำถามนี้ทำให้ลั่วหรงชะงั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 109

    ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ก่อนพบเทียนเล่มหนึ่งในห้องนางจึงจุดจนมันสว่างไปทั่วฉะนั้นแล้วในห้องรับรองแขกอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีเพียงแสงเทียนเล่มนี้เพียงอย่างเดียวท่ามกลางความมืดดังกล่าว มีไฟดวงน้อย ๆ สว่างขึ้น มันเป็นดั่งเป้าสายตาท่ามกลางความมืดมิดในยามกลางคืนลั่วชิงยวนไม่ได้ปิดประตู นางคลายผ้าห่มออกแล้วล้มตัวลงนอน ตั้งแต่วินาทีแรกที่นางก้าวเข้าไปในห้องแห่งนี้ เข็มทิศก็สั่นไม่หยุด ที่นี่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความโกรธแค้น!ข้างนอกเกิดลมพัดแรงอย่างอธิบายไม่ได้ มันทำให้ใบไม้ในลานบ้านส่งเสียงกรอบแกรบ คล้ายกับเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัว “วะ ฮ่า ฮ่า"ทันใดนั้นก็มีลมพัดแรง กระแทกมาที่ประตูเข็มทิศในมือของลั่วชิงยวนหมุนอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ลมเข้าปะทะประตูอย่างแรง จนมันเปิดออกลมกระโชกแรงขึ้นและพัดไปทั่วประตูลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดและกระแทกปึงปังนางยังคงปลอดภัยในห้องรับรองแขกเล็ก ๆ ของนางไม่ว่าวิญญาณชั่วร้ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีวิญญาณชั่วร้ายตนใดบุกเข้ามาในห้องได้นางสัมผัสได้ว่า วิญญาณร้ายเหล่านั้นรวมตัวกันอยู่รอบห้องของนาง และล้อมรอบนางเอาไว้ลั่วชิงยวนหลับตาและพักผ่อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 110

    แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ลั่วหรงจะไม่ยอมออกไปไหน ลั่วชิงยวนจับลั่วอวิ๋นสี่เอาไว้อย่างรวดเร็ว กัดนิ้วของนางแล้ววาดอักขระบนหน้าผากของลั่วอวิ๋นสี่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่วิญญาณอาฆาตที่อยู่โดยรอบจะค่อย ๆหายไปลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้แกะมือของลั่วอวิ๋นสี่ และในที่สุดนางก็คลายมือออกจากลำคอของตนรอยฝ่ามือสีเข้มที่คอทำให้ดูน่ากลัวนัก!ลั่วหรงที่คิดว่าตนเคยเห็นลมกระโชกแรงเช่นนี้มาหลายครั้ง และไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใด ในตอนนี้กลับหน้าซีดและแทบจะสิ้นสติเมื่อได้เห็นบุตรสาวของตนเป็นเช่นนี้ หัวใจของนางก็แทบจะสลายแต่ทว่าลั่วชิงยวนยังคงสงบและนิ่งเฉย หลังจากขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่อยู่รอบตัวไปได้แล้ว นางก็รีบหยิบยันต์ออกมา เผาน้ำ แล้วป้อนให้ลั่วอวิ๋นสี่ดื่มอาการตาเหลือกและฟองในปากของนางค่อย ๆ หายไปนางค่อย ๆ กลับมาสงบและล้มตัวลงนอนกับพื้น“รีบพานางกลับห้องเร็วเข้า!”ดวงตาของลั่วหรงแดงกำ และนางก็รีบเรียกคนสองสามคนให้พาลั่วอวิ๋นสี่กลับไปที่ห้องอย่างร้อนรนในขณะที่ลั่วหรงกำลังจะจากไป นางเหลือบมองลั่วชิงยวนอย่างลังเล "แล้วเจ้าล่ะ!"ลั่วชิงยวนเตะโต๊ะพิธีและแท่นบูชาแล้วเอ่ยขึ้นว่า "พวกท่านไปกันก่อนเถิด เด

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1411

    “แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1407

    ตามแผนที่นั้น ลั่วชิงยวนนำทางพวกเขาอ้อมไปอ้อมมา ในที่สุดก็มาถึงถ้ำที่โหยวเซียงผลักนางลงไปเนื่องจากก่อนหน้านี้โหยวเซียงนำคนมาไล่ตามพวกนางจากด้านล่าง ด้านบนจึงไม่มีสิ่งใดปิดบังแล้วและบนผนังหินก็มีเถาวัลย์ยาวห้อยลงมาด้วยเมื่อลองดึงเถาวัลย์นั้นก็พบว่าแข็งแรงมาก“ไปกันเถอะ”คนใบ้ยังคงเดินนำหน้า เขาจับเถาวัลย์ปีนขึ้นไปเมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้วลั่วชิงยวนก็ปีนตามไปสุดท้ายก็ดึงโฉวสือชีขึ้นไปทัศนวิสัยเบื้องหน้าพลันสว่างและกว้างขึ้นลั่วชิงยวนมองไปที่คนใบ้ “ยามนั้นเจ้าถูกลากตัวมาที่นี่หรือ?”คนใบ้พยักหน้าโฉวสือชีกล่าวว่า “ข้าก็เหมือนจะเคยมาที่นี่เช่นกัน รู้สึกว่าที่นี่มีพลังหยินเข้มข้นนัก”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ถูกต้อง ก็ที่นี่แหละ”นี่คือจุดหมายที่สองของพวกเขาลั่วชิงยวนทำได้เพียงค้นหาไปทีละแห่ง ตามตำแหน่งที่อยู่ใกล้พวกนางมากที่สุดนางหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมาเริ่มค้นหาตำแหน่งที่แน่นอนทั้งสามถือโอกาสพักผ่อนในป่าสักครู่และหาอะไรกินเพื่อเติมพลังยามนี้ก็บ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าฟ้าใกล้จะมืดลง ทั้งสามจึงออกเดินทางต่ออีกครั้งจนได้พบถ้ำแห่งหนึ่งด้านนอกถูกปกคลุมไปด้วยพุ่มไม้หนา เ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1406

    ทั้งสามรีบวิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในมิช้า โหยวเซียงและต่งอวิ๋นซิ่วก็นำผู้คนจำนวนมากมาถึงที่นี่อย่างรีบร้อนแต่เมื่อทั้งคณะพุ่งเข้าไปในถ้ำ กลับพบว่าสิ่งนั้นหายไปแล้ว!สีหน้าของต่งอวิ๋นซิ่วเปลี่ยนไป นางตวาดเสียงดัง “ตามหาให้ทั่ว!”“ข้ามิเชื่อหรอกว่าจะยังมีใครที่เดินเหินไปมาอย่างอิสระในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ได้!”ยามนี้ลั่วชิงยวนมีแผนที่อยู่ในมือ นางสามารถเดินไปไหนมาไหนในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ได้อย่างอิสระจริง ๆนางถึงขนาดรู้ทุกซอกทุกมุมในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ดีกว่าต่งอวิ๋นซิ่วและพรรคพวกด้วยซ้ำเพราะนั่นคือแผนที่ที่อวี๋ตันเฟิ่งวาดให้นาง ซึ่งละเอียดลออยิ่งส่วนพวกต่งอวิ๋นซิ่ว ท้ายที่สุดแล้วความทุ่มเทที่พวกนางมีต่อเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ย่อมมิอาจเทียบกับอวี๋ตันเฟิ่งได้ ความเข้าใจที่พวกนางมีจึงด้อยกว่าอวี๋ตันเฟิ่งลั่วชิงยวนเดินตามแผนที่ มิได้วิ่งหนีเข้าไปในหน้าผาหากไปในเส้นทางนั้นก็อาจถูกตามทันได้ขณะที่วิ่งหนี ลั่วชิงยวนก็แหงนหน้ามองตามผนังหินไปด้วยในที่สุดก็พบทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งแม้จะสูงไปสักหน่อยแต่ทางขึ้นไปก็มิได้ชันมาก ปีนป่ายขึ้นไปก็ได้แล้ว“ปีนขึ้นไปทางนั้น!”เมื่อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1405

    สิ่งที่อยู่ในโลงเริ่มสั่นไหวรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น และโลงศพก็ระเบิดออกในที่สุดทันใดนั้น ศพชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาบีบคอฝูเหมิ่งไว้สิ่งที่เป็นกึ่งคนกึ่งผีทั้งสองเริ่มต่อสู้กันลั่วชิงยวนสังเกตอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่า ชายคนนั้นก็ดุร้ายเช่นกันและเป็นสิ่งที่อันตรายมากทั้งสองเข้าโรมรันต่อสู้กันอย่างดุเดือดเนื่องจากศพชายคนนั้นฉุดรั้งฝูเหมิ่งไว้ ลั่วชิงยวนจึงหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ขึ้นมาสังเกตการณ์ในถ้ำแห่งนี้อย่างเงียบ ๆแท้จริงแล้วที่นี่คือหนึ่งในจุดรวมพลังศพของอวี๋ตันเฟิ่งก็ควรจะอยู่ที่นี่ ไม่มีทางผิดพลาดแน่แต่ถ้ำแห่งนี้มีขนาดเล็กเพียงเท่านี้ มองปราดเดียวก็เห็นทั่วแล้ว ไม่มีที่ให้เข้าไปลึกกว่านี้แล้วลั่วชิงยวนถือเข็มทิศมองอยู่นาน และทันใดนั้นดวงตาของนางก็พลันเป็นประกายใต้พื้นถ้ำ!เมื่อมองไปยังใต้โลงศพก็พบว่าเป็นจานกลมขนาดใหญ่ น่าจะขยับได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็เริ่มค้นหาตัวไขกลไก ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่รูปปั้นหินบนผนัง“พวกเจ้าช่วยคุ้มกันข้าหน่อย!”ลั่วชิงยวนหยิบเชือกออกมาคล้องที่เอวพร้อมมัดไว้ก่อนจะส่งปลายเชือกให้อาถู่และโฉวสือชีถือไว้จากนั้นนางก็กระโจนไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1404

    โฉวสือชีชะงักไปครู่หนึ่ง “มีทางลงไปจากหน้าผาด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนพยักหน้าหลังจากที่ทั้งสามพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าลงจากเขาไปเมื่อเดินไปได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม ลั่วชิงยวนก็พาพวกเขามาถึงเชิงผา ที่นี่มีหน้าผาสูงชันทั้งสองด้านและด้านล่างเป็นลำธารตื้น ๆ สายหนึ่งพวกเขาก้าวเท้าไปตามลำธาร เดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆที่นี่อากาศหนาวเย็นจัด หนาวจนมือเท้าชาเลยทีเดียวทางเดินบางครั้งก็กว้าง บางครั้งก็แคบ แสงสว่างบางครั้งก็สว่างจ้า บางครั้งก็สลัวเดินไปนานมาก ในที่สุดด้านหน้าก็ปรากฏร่างหนึ่งศพของหงไห่นั่นเองเมื่อตกลงมาจากที่สูงเช่นนั้นจึงมิเหลือแม้แต่ซากศพที่สมบูรณ์...ลั่วชิงยวนหดหู่ใจ หยิบยันต์รวมวิญญาณออกมาแล้วนำขวดออกมาบรรจุวิญญาณของหงไห่แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าโฉวสือชีและคนใบ้ค้นบริเวณนี้มาครู่หนึ่งแล้วเมื่อกลับมาถึง ทั้งสามก็สบตากัน สีหน้าหนักอึ้งไปตามกัน“ฝูเหมิ่งยังมิตาย”พวกเขามิพบศพของฝูเหมิ่งเรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของลั่วชิงยวนอยู่แล้ว เพราะท้ายที่สุด ในร่างของฝูเหมิ่งในตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิงแต่เมื่อตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น ร่างกายของฝูเหมิ่งก็น่าจะได้ร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status