"ที่ข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้า เพราะหวังว่าเจ้าจะเข้าใจความคิดความอ่านของคนในครอบครัวข้า!""แม้ว่าเจ้าจะมาที่นี่เพื่อวิ่งเต้นเรื่องในราชสำนักให้ลั่วไห่ผิง หรืออยากจะมาเป็นตัวแทนฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัว ข้าก็ขอแนะนำเจ้าว่า อย่ามัวมาเสียเวลาเลยจะดีกว่า!"น้ำเสียงของลั่วหรงหนักแน่นเป็นพิเศษ "ครอบครัวของเราไม่มีทางยอมรับลั่วไห่ผิง!"หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป็นเพราะเรื่องพวกนี้เองนางลดสายตาลงและยกยิ้มขมขื่น "ท่านอากังวลเกินไปจริง ๆ พ่อของข้า... เกลียดข้า และไม่ยอมให้ข้าไปร่วมงานฉลองวันเกิดของท่านมหาราชครูด้วยซ้ำ เขาคิดว่า การที่ข้าอ้วนและมีใบหน้าอัปลักษณ์ จะทำให้เขาต้องอับอาย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้… ข้าอยากเข้ามาที่จวนมหาราชครูถึงขนาดนี้”คำพูดที่ตรงไปตรงมาของนางทำให้ลั่วหรงตกใจไม่น้อยขณะมองไปที่ลั่วชิงยวน คิ้วของนางก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น "ลั่วไห่ผิงสนใจแต่ชื่อเสียงและเงินทองของตนเท่านั้น นี่แหละคือเขา!"หลังจากเข้าใจเหตุผลแล้วลั่วหรงก็รู้สึกเห็นใจลั่วชิงยวนขึ้นเล็กน้อย“เจ้าถึงได้ยอมออกเรือนเพื่อหลีกหนีจากท่านพ่อของเจ้าอย่างนั้นหรือ?” ลั่วหรงค
มันแปลกเกินไป“ท่านอา ข้าขอไปเจอท่านปู่รองได้หรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามลั่วหรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ คืนนี้ดึกเกินไปแล้ว" "ได้เจ้าค่ะ"จากนั้น ลั่วชิงยวนก็ตรวจชีพจรของลั่วอวิ๋นสี่ ก่อนเขียนเทียบยาแล้วส่งให้ลั่วหรง ลั่วหรงรู้สึกประหลาดใจมาก "ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีทักษะทางการแพทย์กับเขาด้วย"ลั่วหรงส่งใบสั่งยาให้หลินอวี้เวยทันทีและขอให้นางไปจัดการเรื่องนี้ลั่วชิงยวนหันไปมองนางรับใช้ที่ออกไปพร้อมกับใบสั่งยา มีรอยรองเท้าเปียกหลงเหลืออยู่บนพื้นสองสามรอยน่าแปลกเสียจริง ช่วงนี้มีแดดจัดและไม่มีฝนเลยแม้แต่น้อยแล้วทำไมถึงมีรอยเท้าเปียกเช่นนี้?แต่นางก็คิดว่านางรับใช้คนนี้คงไปทำงานที่สวนด้านหลังจวนจึงอาจทำให้เท้าเปียกได้“ท่านอาเจ้าคะ สิ่งของอาถรรพ์ในบ้านยังกำจัดไม่หมดเลยเจ้าค่ะ ทางที่ดี ท่านควรเตรียมโกฐจุฬาลัมพาให้มากหน่อย และทำความสะอาดเรือนให้เรียบร้อยเพื่อขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไป พรุ่งนี้ข้าจะจัดการให้และจะนำสิ่งเหล่านั้นออกไปทิ้งให้เร็วที่สุด ธงอัญเชิญวิญญาณทั้งที่ใช้ไปแล้วและยังไม่ได้ใช้จะต้องถูกเผาทิ้ง ขี้เถ้าจากธงอัญเชิญวิญญาณจะต้องถูกผลึกเอาไว้ในขวด
มีภาพวาดแขวนอยู่บนผนังตรงทางเข้าด้านหน้า มันเป็นภาพเหตุการณ์เพลิงไหม้รุนแรง ยังประกอบไปด้วยสตรีและเด็กอยู่ในภาพนั้น ก่อนจะมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นพวกเขาพยายามดิ้นรนหลบหนี แต่ก็ไม่อาจหนีจากเพลิงที่โหมกระหน่ำมาได้เมื่อหนีไม่ทัน พวกเขาจึงต้องตายในเปลวเพลิง“น้องหญิงชิงยวน?”เมื่อเห็นว่านางตะลึงไป ลั่วหลางหลางก็เอ่ยเรียกจากนั้นลั่วชิงยวนก็กลับมามีสติอีกครั้ง และยิ่งมองเข้าไปใกล้มากขึ้น ภาพวาดนั้นก็แสดงให้เห็นภาพของสตรีกิริยาอ่อนโยนกำลังอุ้มเด็กเอาไว้ผู้คนในภาพดูคล้ายจะมีชีวิตอยู่อย่างไร้กังวลลั่วชิงยวนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวหลังจากที่ลั่วหลางหลางเข้าไปในห้อง ลั่วชิงยวนก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก ทั้งห้องเต็มไปด้วยภาพวาดที่คล้ายกันมีทั้งรูปเดี่ยวของสตรีและรูปเดียวของเด็กแขวนอยู่ด้วยจะเห็นได้ว่า ภาพวาดเหล่านี้ไม่ได้ถูกวาดโดยศิลปินคนเดียวกันทั้งหมด อีกทั้งมันยังมีรูปแบบการวาดที่แตกต่างกันอีกด้วย และแน่นอนว่าภาพวาดบุคคลเหล่านี้ถูกวาดตามคำอธิบายของมหาราชครูลั่ว นั่นก็เพราะว่าเขามีภาพวาดในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่ให้ความรู้สึกราวกับเป็นคนละคนเกือบทั้งห้องถูกรายล้อมไปด้วยภาพบุคคลและสิ
ลั่วหลางหลางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลั่วชิงยวน ครั้นยังวัยเยาว์พวกนางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แม้ว่าแม่ของพวกนางจะไม่ยอมให้พวกนางคบหากัน แต่พวกนางก็จะได้พบกันโดยบังเอิญในโอกาสพิเศษบางอย่างและจะได้เล่นด้วยกันเสมอหลังจากที่ลั่วชิงยวนป่วยและมีรูปร่างอวบอ้วนขึ้น พวกนางก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยนั่นเพราะลั่วชิงยวนไม่ยอมออกมานอกจวน“ถ้าท่านปู่รองได้รับรู้ถึงอาการของอวิ๋นสี่ เขาจะต้องกังวลและเศร้าโศกเป็นแน่ อีกทั้งเขาทำเรื่องพวกนี้ก็เพราะต้องการอัญเชิญวิญญาณของคนที่เขารัก ทั้งจะทำให้เขาตำหนิตัวเองเปล่า ๆ เช่นนั้นเราอย่าได้บอกเรื่องนี้กับท่านปู่จะดีกว่า"เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วชิงยวน ดวงตาของลั่วหลางหลางก็เป็นประกายขึ้น นางพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม "เจ้านี่คิดได้รอบคอบทีเดียว"“น้องหญิงชิงยวน ยังฉลาดเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด!”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนข้างนอกต่างหัวเราะเยาะลั่วชิงยวน ด่าว่าลั่วชิงยวนว่าเป็นหมู นางรวบรวมความกล้าโต้เถียงกับพวกคนเหล่านั้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังถูกรังแกอย่างน่าสังเวชอยู่ดีนางไม่อาจปกป้องลั่วชิงยวนได้ และรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ทันทีที่ได้เห็นนางว
ลั่วหรงเข้ามาฟังลั่วชิงยวนกระซิบหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของลั่วหรงเป็นประกาย "เจ้าทำเช่นนั้นได้จริงหรือ?”“เชื่อข้าเถิด” ลั่วชิงยวนยิ้มและพยักหน้าอย่างมั่นคงลั่วหรงคิดว่า ตนไม่ใช่คนประเภทเชื่อใจใครง่าย ๆ ยังไม่รวมว่านางเพิ่งกลับใจได้เมื่อคืน และไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไรแต่เมื่อได้เห็นท่าทางมั่นใจของลั่วชิงยวน นางก็รู้สึกว่ามันน่าเชื่อถืออย่างอธิบายไม่ถูก“เอาล่ะ ข้าขอโทษที่รบกวนเจ้า! หากมันได้ผลจริง ข้าจะขอบคุณเจ้ามาก!” ลั่วหรงยกแขนขึ้นและโค้งคำนับลั่วชิงยวนช่วยพยุงนางไว้และพูดว่า "ท่านอา ข้าเต็มใจช่วย เพราะการช่วยท่าน ข้าก็เหมือนได้ช่วยตัวข้าเองด้วย"ว่ากันตามตรง การให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาก็ถือเป็นประโยชน์ของตัวนางเองด้วยสิ่งนี้ทำให้ลั่วหรงรู้สึกชอบลั่วชิงยวนขึ้นอีกเล็กน้อยอาจกล่าวได้ว่า ลั่วชิงยวนไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไร จุดประสงค์ของนางค่อนข้างชัดเจน แล้วไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ทั้งยังสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจของนางอีกด้วยลั่วชิงยวนบอกกับพวกนางถึงสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ และวิธีจัดการกับสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นก่อนที่นางจะเดินทางออกจากจวนมหาราชครูไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงอันสง่างามดังมาจากด้านหลัง“เมื่อคืนนี้ พระชายาอยู่ที่จวนของหม่อมฉันจริง ๆ เพคะ!”ลั่วชิงยวนหันหลังกลับไปมองและเห็นลั่วหรงเดินมาอย่างช้า ๆ โดยมีนางรับใช้อยู่เบื้องหลังนางหลายคน ในมือนางถือถุงผ้าเอาไว้นางจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อยฟู่เฉินหวนเองก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นผู้มาเยือน และสุภาพขึ้นกว่าเก่า "ฮูหยินลั่ว"ฮูหยินลั่วหรงสาวเท้าเข้ามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า นางเหลือบมองลั่วชิงยวนแล้วพูดว่า "ชิงยวนช่วยหม่อมฉันได้มากทีเดียว แถมหม่อมฉันยังไม่มีเวลาได้ขอบคุณเลยด้วยซ้ำ เพราะมาคิด ๆ ดูแล้ว หม่อมฉันรู้สึกว่า มันไม่เหมาะสม หม่อมฉันจึงตั้งใจนำโอสถมาให้นาง”ลั่วหลางหลางย้ำเตือน ลั่วชิงยวนเคยป่วยหนักมาก่อน เพราะเหตุนี้นางถึงได้เป็นสตรีอ้วนหน้าตาอัปลักษณ์จวนของนางมีเครื่องยาสมุนไพรมากที่สุด เพราะใครต่อใครต่างก็มอบของกำนัลมาให้ทุกปี จวนของนางไม่เคยรับของเหล่านั้นไว้เนื่องจากมันมีมูลค่ามากเกินไป เมื่อเวลาผ่านไปคนเหล่านั้นจึงเปลี่ยนมามอบเครื่องยาสมุนไพรแทน พวกเขาบอกว่าให้ใช้เพื่อรักษาโรคและบำรุงสุขภาพของมหาราชครู เช่นนั้นของขวัญเหล่านั้นจึงไม่ถูกปฏิเสธแม้ว่านางจะไ
ฟู่เฉินหวนศึกษาตำรารอจนถึงเที่ยง ก่อนที่ซูโหยวจะกลับมารายงาน “ท่านอ๋อง คนรับใช้ของจวนมหาราชครูนั้นแทบไม่ปริปากอะไรเลย กระหม่อมรู้แค่ว่า พระชายาพาลั่วอวิ๋นสี่กลับจวนไปเมื่อวานนี้ และฮูหยินลั่วก็ให้ที่พักแก่พระชายาเป็นเวลาหนึ่งคืนพ่ะย่ะค่ะ”“คนของกระหม่อมเเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกจวนมหาราชครูมานานกว่าหนึ่งก้านธูป ทุกคนในจวนม่วนอยู่กับการทำความสะอาดจวน ดูเหมือนเมื่อคืนจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น แต่จวนมหาราชครูทั้งหลังกลับปิดสนิท ลอบสอบถามอะไรมิได้เลยพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็มีร่องรอยความโกรธเกิดขึ้นระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของตัวเองลั่วชิงยวนคิดจะทำอะไรกันแน่!แค่เพราะนางตามหาลั่วอวิ๋นสี่เจอ และเหตุใดฮูหยินลั่วถึงได้นำเครื่องยาสมุนไพรมามอบให้ด้วยตัวเองเช่นนี้ยิ่งไปกว่านั้น ของแทนน้ำใจทั้งหมดนั่นยังเป็นเครื่องยาสมุนไพรที่หายาก และมีราคาแพงมากอีกด้วยขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ ก็มีเสียงฝีเท้าและเสียงร้องอันคุ้นหูดังอยู่ข้างนอก“ท่านอ๋อง...” ลั่วเยวี่ยอิงเจ็บปวดมากจนพูดไม่ชัด น้ำตาของนางไหลอาบหน้า อีกทั้งดวงตายังบวมจากการร้องไห้เพิ่มเข้าไปอีกหัวใจของฟู่เฉินหวนเจ็บ
แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่า เมื่อถึงตอนค่ำจะได้รับข่าวของฟู่อวิ๋นโจวเสียก่อน“พระชายา ทุกคนในตำหนักต่างพูดกันถึงเรื่องนี้ วันนี้องค์ชายห้าถูกคนทำร้ายอยู่ข้างนอก! อาการบาดเจ็บสาหัส!”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย "ถูกทำร้าย ได้อย่างไรกัน?"เขาเป็นถึงองค์ชายใครจะกล้าทำอะไรองค์ชายเช่นเขา?“ข้าได้ยินมาว่า… วันนี้ชายสูงศักดิ์กลุ่มหนึ่งกำลังนินทาพระชายา พูดจาส่อเสียดและดูหมิ่น องค์ชายห้าที่บังเอิญผ่านมาได้ยินเข้าจึงออกหน้าเถียงแทนอยู่สองสามคำ อีกฝ่ายกลับบอกว่าพระชายาก็ไม่ต่างจากองค์ชาย องค์ชายห้าทำกิริยาลับ ๆ ล่อ ๆ น่าเกลียด และเป็นชู้กับสตรีไปทั่ว”“องค์ชายห้าโกรธจึงเริ่มลงไม้ลงมือกับพวกเขาบางคน เป็นผลให้ร่างอันอ่อนแอขององค์ชายห้าถูกคนกลุ่มนั้นทำร้ายจนลงไปกองกับพื้นลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว ว่ากันว่าพระองค์ถูกหามกลับเข้ามาในตำหนัก ด้วยอาการสาหัส ช่างน่าอนาถจริง ๆ!”แม่นมเติ้งแทบจะทนเล่าจนจบไม่ไหวลั่วชิงยวนรู้สึกแย่ลงไปอีกเมื่อนางได้ยินว่า อีกฝ่ายบาดเจ็บเพราะต้องการที่จะปกป้องไม่ให้นางเสียหาย“แม่นมเติ้ง ไปดูทีเถิดว่าอาการบาดเจ็บขององค์ชายห้าเป็นอย่างไรบ้าง”เนื่องจากตอนนี้ค่ำมืดแล้ว นางจึงรู้สึกไ
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด
เดิมทีนางตั้งใจจะบอกข่าวดีนี้แก่เขาในยามที่เขากับนางคืนดีกันแล้วทว่าสิ่งที่รอคอยกลับเป็นการหลอกลวง เขาชิงเอาเข็มทิศอาณัติสวรรค์ของนางไปบัดนี้เขาใจแข็งเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงจำต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาในใจนางยังคงมีความหวัง หวังว่าเพื่อลูกในครรภ์ ฟู่เฉินหวนอาจจะใจอ่อนลงบ้างทว่าประตูบานนั้นยังคงปิดสนิทนอกจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านก็ไม่มีเสียงตอบรับใดสายลมหนาวราวกับจะพัดพาความอบอุ่นสุดท้ายในใจนางให้หายไปน้ำตาใสไหลรินอาบแก้มซีดเผือดลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันเหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักเห็นนางแล้วอยากจะทักทาย แต่ก็ลังเล มิกล้าเอ่ยปากบัดนี้ลั่วชิงยวนราวกับคนไร้วิญญาณ เดินออกจากตำหนักไปอย่างไร้จุดหมายนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าสายลมหนาวจะพัดพาร่างนางให้แหลกสลายไป ความหนาวเหน็บกัดกร่อนกระดูก......ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนทรุดลงนอนสลบแน่นิ่งกองอยู่ที่มุมห้อง พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนกระทั่งซูโหยวกลับมาพบเข้า จึงรีบให้คนไปตามหมอหลวงมู่มาโดยด่วนหมอหลวงมู่ตรวจอาการแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบปรุงยาให้ทันทีและยังนำโสมมังกรที่ตกทอดกันมาในตระกูลออกมาตัดแบ่งส่วนเล็ก
เขามิอยากแตะต้องนางแม้เพียงปลายเล็บฟู่เฉินหวนรีบส่งคนออกไปตามล่าเฉินชี แล้วจึงกวาดสายตามองลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “พากลับไป”องครักษ์สองนายเข้ามาพยุงลั่วชิงยวน แล้วพานางออกไปจากศาลาลั่วชิงยวนจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจนางก็พลันเหมือนถูกบีบขณะที่นางถูกพาตัวออกไป เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วศาลาเสียดแทงโสตประสาทยิ่งนักเมื่อกลับถึงตำหนัก ฟู่เฉินหวนก็รีบจัดการวางกำลังคนไปจับตัวเฉินชีลั่วชิงยวนยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ จนกระทั่งเขาจัดการทุกอย่างเสร็จจึงเดินเข้าไปหา“ฟู่เฉินหวน...”ทว่าฟู่เฉินหวนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตำรา แล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจนางมิยอมแพ้ เดินไปเคาะประตู “ฟู่เฉินหวน ท่านรังเกียจหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่!”“เฉินชีกับลั่วฉิงร่วมมือกัน! เหตุใดท่านจึงหลอกเอาเข็มทิศของหม่อมฉันไป! ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกเขา!”นางทุบประตูเรียก “ฟู่เฉินหวน ท่านต้องอธิบายให้หม่อมฉันฟัง!”ประตูเปิดออกกะทันหันฟู่เฉินหวนก้าวออกมาด้วยความโกรธ
ลั่วชิงยวนเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเขาด้วยความโกรธครั้นเห็นนางมิยอมอ้าปากแม้สักนิด เฉินชีจึงโน้มกายเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้าอยากให้ข้าทำเกินเลยกว่านี้รึ?”ลั่วชิงยวนขบฟันแน่นก่อนจะยอมอ้าปากรับสิ่งที่เฉินชีป้อนให้เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบด้าน“สวรรค์โปรด! สองคนนี้กำลังทำสิ่งใดกันอยู่”“พระชายาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการกำลังลักลอบคบชู้ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้หรือ?”เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ต่างส่งคนไปทูลท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการให้รีบมาโดยพลันเฉินชีนั่งอยู่ในศาลา ยังคงจงใจแสดงท่าทีคลอเคลียกับลั่วชิงยวน แล้วกระซิบเสียงเบา “หลังจากวันนี้ เจ้าคงมิอาจอยู่ในเมืองหลวงได้อีกแล้วกระมัง?”“เหตุใดจึงมิติดตามข้ากลับแคว้นหลีเล่า?”“เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นคนของแคว้นหลี”“ข้าสามารถส่งเจ้ากลับสู่ตำแหน่งเดิม ให้เป็นนักบวชหญิงผู้สูงส่งได้”“หากเจ้าเต็มใจ จงกะพริบตา แล้วข้าจะพาเจ้าไป”ช่างไร้ยางอาย!ลั่วชิงยวนเบิกตากว้างจนดวงตาแดงก่ำ มิยอมกะพริบตาแม้เพียงน้อยในใจนางก่นด่าเฉินชีนับร้อยครั้งครั้นเห็นนางดื้อรั้นเช่นนี้ เฉินชีกลับหัวเราะออกมา“ดูท่าว่าอาเหลายังคงรู้จักข้าดี”ทั
จนกระทั่งฟ้าสาง ผู้คนเริ่มทยอยออกมาตามถนนบรรยากาศบนท้องถนนเริ่มคึกคักขึ้น เฉินชียังคงโอบนางเดินไปข้างหน้าอย่างแช่มช้าในสายตาของคนภายนอก ทั้งสองดูสนิทสนมกันมากจนกระทั่งเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่งก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจ “นั่นมิใช่พระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการหรือ? เหตุใดนางจึง...”ลั่วชิงยวนได้ยินดังนั้น หัวใจก็พลันกระตุกแต่เฉินชีกลับยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ แล้วพาลั่วชิงยวนไปที่ร้านขนมร้านนั้นก่อนจะแสร้งถามลั่วชิงยวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าชอบกินอันไหน?”ลั่วชิงยวนจ้องมองเขาด้วยความโกรธเฉินชีกลับยิ่งหัวเราะอย่างลำพองใจเขาโยนถุงเงินหนัก ๆ ลงบนแผงร้าน “ข้าเหมาทั้งหมด!”เถ้าแก่ตกตะลึงจากนั้นเฉินชีก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งมาป้อนที่ปากของลั่วชิงยวน “ลองชิมดูหรือไม่?”ลั่วชิงยวนจ้องมองเขา มิยอมอ้าปากแววตาของเฉินชีเย็นชา มือใหญ่เลื่อนไปที่ท้ายทอยของนางแล้วออกแรงบีบพลางยัดขนมเข้าไปในปากของนางด้วยรอยยิ้ม“กินสิ”ท้ายทอยของลั่วชิงยวนเจ็บปวด นางจำใจต้องอ้าปากกัดขนมชิ้นนั้นเฉินชีเห็นดังนั้นจึงพอใจมาก “ชอบหรือไม่?”เขามองนางด้วยสายตาคมกริบ ก่อนยกมือขึ้นเช็ดเศษขนมที่มุมปากของนางท่าทาง