นางไม่กลัวฟิงเหยียนและตระกูลเฟิงกลับคำพูด ยิ่งไปกว่านั้น หากนางชนะตระกูลเหยียน นางได้รับชื่อเสียง และนางมีทางเลือกค่อนข้างเยอะ แม้ว่าในที่สุด นางรักาาเฟิงเหยียน ไม่ได้จริง ๆ แต่นางก็ไม่ตื่นตระหนกแต่ตอนนี้...“เฮ้ ทีนี้ข้าอยากชนะจัง” จั๋วซือหรานถูมือ นางตัดสินใจจะศึกษาวิธีรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณอันยุ่งยากของเฟิงเหยียนการที่ตัวเองฆ่าตัวเองตายเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดใครก็ตามที่เรียนแพทย์ต้องรู้ว่าบางครั้งศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของร่างกายก็คือตัวมันเอง พายุภูมิคุ้มกัน เมื่อภูมิคุ้มกันมันบ้าคลั่ง มันก็น่ากลัวยิ่งกว่าทุกอย่าง มันเท่ากับสลายไปจากภายใน...กว่าจะรู้ตัวก็เช้าแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นบนกระเบื้องเคลือบของบ้านในจวนเฟิง ร่างสูงของชายคนนั้นยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับว่าเขานั่งในท่านั้นทั้งคืนจนกระทั่งที่ท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก แสงตะวันยามเช้าก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นชายชุดดำรีบปีนขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว นั่นคือฉูนจวีน ผู้พิทักษ์เงาของเฟิงเหยียนน้ำเสียงของฉูนจวีนเต็มไปด้วยความกังวล "นายท่านขอรับ พระอาทิตย์ขึ้นแล้วขอรับ"“ใช่” เฟิงเหยียนตอบด้วยเสียงเบา ๆ ดวงตาของเขามองไปที่
แม้ว่าฉูนจวีนไม่เคยเห็นคุณชายของตัวเองมีความสุขกับความทุกข์ของผู้อื่น และเขาไม่เคยเห็นคุณชายของตัวเองแสดงอารมณ์ที่ดีใจกับความทุกข์ของผู้ใดเลยแต่ในตอนนี้ เขาไม่แน่ใจตัวเองรู้สึดผิดหรือเปล่า แม้ว่าจะไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นในน้ำเสียงและสีหน้าของคุณชาย แต่เนื้อหาของคำพูด...เขากำลังดีใจกับความทุกข์ของคนผู้นั้นไม่ใช่หรือฉูนจวีนรู้สึกหมดคำพูดกับคุณชายของตัวเอง "ท่านขอรับ แม่นางจิ่วไ่ม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ"“ไม่หรอก” เฟิงเหยียนกล่าว “ข้ารู้ดี มันอาจต้องประสบกับความยากลำบากเล็กน้อย”ในขณะที่เฟิงเหยียนกล่าว เขาปลดกระดุมเสื้อคลุมของเขาแล้ววางมันลงบนเก้าอี้โดยสวมเพียงเสื้อผ้าชั้นในสีขาวพระจันทร์ เขาเดินไปที่ห้องด้าน ว่าจะพักผ่อน“หากไม่มีเรื่องอันใด เจ้าออกไปได้” เฟิงเหยียนกล่าวฉูนจวีนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ท่านขอรับ วันนี้หากคนของตระกูลเหยียนมาขอพบท่านอีก..."เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฟิงเหยียนขมวดคิ้วและพูด"ไม่เจอ พวกเขามาขอพบจะเพื่อเรื่องอันใดอีก"ฉูนจวีนเกาหัว "อาจเกี่ยวกับการแข่งขันกับแม่นางจั๋วจิ่ว คราวนี้แม่นางจิ่วผ่านการสอบแพทย์กลั่นยาอย่างง่ายดาย ตระกูลเหยียนอาจกังวลต้องอับอายต่อห
ดูเหมือนนางเพิ่งขจัดความเหนื่อยล้าส่วนใหญ่ในร่างกายของนางออกไปครึ่งหนึ่งฝูซูรีบเข้ามาหานางโดยถือถุงกระดาษน้ำมันอยู่ในมือ “คุณหนู”“จ้ะ” จั๋วซือหรานเห็นถุงกระดาษน้ำมันในมือของเขา นางจึงโน้มตัวไปข้างหน้าและดม “อาหารเช้าหรือ”นางเอื้อมมือไปหยิบเกี๊ยวน้ำตาลทอดออกมา กัดหนึ่งคำ แล้วหรี่ตาลงด้วยความพึงพอใจ“มันอร่อยมาก เจ้าไปซื้อที่ไหนมา” จั๋วซือหรานถามและยกมือขยี้ตา“ข้าง ๆ ขอรับ...” ฝูซูพูดและโบกมือ “ลืมไปเถิด คุณหนูไม่รู้จักหรอก ใช่แล้วคุณหนูขอรับ ส่วนคนเหล่านั้นที่มาจากจวนจั๋ว ข้าได้สั่งหน้าที่การงานของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ”“เอาล่ะ ดีเลย” จั๋วซือหรานพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นเรา…” ฝูซูมองนางแล้วถาม“ท่านอยากกลับไปหาฮูหยินและคุณชายไหมขอรับ”“ก็ดี” จั๋วซือหรานพยักหน้า “เดี๋ยวเจ้าตามข้าไปที่เรือนเก็บของ ไปเลือกของบางอย่างให้พวกเขา”“ขอรับ” ฝูซูพยักหน้าอย่างเร่งรีบ แต่เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและกังวลเล็กน้อย เขาพูดว่า “วันนี้คุณหนูจะไม่ไปพระราชวังหรือขอรับ”ฝูซูรู้ด้วยว่า ช่างนี้จั๋วซือหรานมีงานประจำของนาง นางต้องเข้าวังและรักษาไทเฮาจั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ดูอาการปัจจุบันของ
ในเวลานั้น เนื่องจากเจ้าของเดิมถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่ควบคุมสติ นางจึงยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยาง แล้วนางตกอยู่ในสถานะที่ถูกแยกออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลในเวลานั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าจวนจั๋วได้ แต่ตอนนี้ในเมื่อนางได้แยกออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูล นางก็สามารถเข้าประตูของจวนจั๋วได้โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆจั๋วซือหรานเล่าสถานการณ์ในขณะนั้น นางหันไปถามฝูซูและถาม"เจ้ารู้ไหมว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้"ฝูซูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ “เพราะตอนนี้คุณหนูแข็งแกร่งมาก”จั๋วซือหรานเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "เจ้าพูดเช่นนั้นก็ได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ความแข็งแกร่งเป็นเกณฑ์เดียวในการทดสอบความจริงนะ"เดิมทีประโยคนี้ควรคือ การปฏิบัติควรเป็นเกณฑ์เดียวในการทดสอบความจริงแต่ในโลกที่แปลกประหลาดนี้ ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่า ตระกูลจั๋วเป็นตระูลที่มีชื่อเสียงและมีกฎของตระกูลที่เข้มงวด แต่สุดท้ายยังต้องทดสอบความแข็งแกร่งอยู่ดี“ คุณหนูจิ่ว” คนรับใช้ที่เข้าไปรายงานก่อนหน้านี้วิ่งเข้ามาหานาง“เป็นอย่างไรบ้าง” จั๋วซือหรานมองเขา “ไม่ต้องรีบร้อน ข้าแค่กลับมาเยี่ยมท่านแม่และน้องชายของข้า”คนรับใช้พูดอย่างหอบหายใจ "ข้า
“แม่แก่มากแล้ว แม่จะส่วนได้ยังอย่างไรล่ะ หญิงสาวอย่างพวกเจ้านี่แหละ ถึงจะเรียกได้ว่าหน้าตาดี” อวิ๋นเหนียงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยจั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "เอาล่ะ เราไม่ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว สิ่งภายนอกที่หนูนำมาเหล่านี้ไม่สำคัญ"จั๋วซือหรานโบกมือเรียกจั๋วหวายมาหานาง ซึ่งตอนนี้เขากำลังถือดาบสั้น ๆ อยู่ข้าง ๆ และทำท่าทางพร้อมกับส่งเสียง “ เสี่ยวหวาย มานี่หน่อย”“ขอรับ” จั๋วหวายกระโดดเข้ามา “พี่สาว มีเรื่องอะไรขอรับ”จากนั้นจั๋วซือหรานหยิบขวดออกมา“นี่แหละ เป็นของขวัญที่มีประโยชน์ที่สุดที่ข้าเอามาให้ท่านแม่และน้องในครั้งนี้” จั๋วซือหรานกล่าวจั๋วหวายเหลือบมองขวดแล้วถามอย่างลังเลว่า "นี่คือ...ขวดยาเม็ดใช่หรือไม่""เจ้าค่ะ" จั๋วซือหราน กล่าวว่า "คราวนี้ฉันไปสอบ นักเล่นแร่แปรธาตุ และถูกถามคำถามที่ยาก ฉันถูกขอให้ปรับแต่ง ยาเม็ดกู้หยวน มันยากมาก แต่ฉันทำสำเร็จ ดังนั้นฉันจึงถูกถาม เอาไปเถอะ คุณแม่ ทานไปทีละเม็ด ของดีอย่ารอช้า เอาไปเลย”จั๋วซือหรานเปิดฝาขวดแล้วเทยากลมสองเม็ดออกมาจั๋วหวายและอวิ๋นเหนียงตกใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งคู่รู้ว่านี่เป็นของดีแต่พวกเขายิ่งทราบดีว่า ในตระกูล
จากนั้นทุกคนได้ยินเสียงอันเย็นชาของจั๋วซือหราน "มีเรื่องอันใด"“ขอรับ” คนรับใช้ได้ยินเสียงของจั๋วซือหราน พวกเขาจึงรีบทำความเคารพแล้วตอบว่า “คุณหนูจิ่วขอรับ บ่าวมาส่งอาหารให้ขอรับ ท่านคิดว่าจะวางตรงไหนเหมาะสมกว่ากันขอรับ”เมื่อเห็นว่าวันนี้อากาศดี จั๋วซือหรานจึงพูดว่า "วางในสวนเลย"พวกคนรับใช้ก็รีบจัดการให้มีอาหารหลายอย่าง จั๋วซือหรานมองอาหารบนโต๊ะและทำท่าหยุดท่านแม่ของและจั๋วหวายทำอะไรต่อจากนั้นนางก็หยิบตะเกียบขึ้น และลองตรวจพิษทีละจานหลังจากนางตรวจเส็จแล้ว นางจึงบอกท่านแม่และจั๋วหวาย"เอาล่ะ กินข้าวกันเถิด"อวิ๋นเหนียงเป็นผู้หญิงที่มีการศึกษาดีและได้สอนมารยาทที่ดีให้กับลูกสองคนของนาง ดังนั้นนางจึงเข้าใจดีว่า จั๋วซือหรานไม่ขาดมารยาทบนโต๊ะอาหารมากนักนางเดาได้อย่างคลุมเครือว่าจั๋วซือหรานถึงทำตัวเช่นนี้ ต้องเพื่ออะไร แต่นางไม่ทราบว่าเพื่ออะไรกันแน่ในเวลานั้นมันเป็นคำพูดตลกของของจั๋วหวายที่ทำให้อวิ๋นเหนียงรู้เรื่องทันทีจั๋วหวายยิ้มและถามจั๋วซือหราน"ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่กำลังทำอะไรอยู่ขอรับ ท่านพี่กำลังทดสอบพิษหรือขอรับ"จั๋วหวายแค่พูดเล่น ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงยิ้มแล้วพูดว่า
นางไม่พูดอะไรอีก เพราะทุกอย่างจัดเช่นอย่างมากจั๋วซือหรานเข้าใจทันทีว่าในชะตากรมมของเจ้าของร่างเดิม ทำไมท่านแม่ ซึ่งผู้ที่สามารถร่วมทสุขร่วมทุกข์กับตระกูลจั๋ว ตอนนี้กลับยอมลพทิ้ง ตระกูลจั๋วอย่างง่ายดายหลักการของผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอผู้นี้ไม่เคยคือการรักษาความซื่อสัตย์ต่อสามีของนางหลักการของนางมาโดยตลอดคือนางสามารถอยู่หรือตายร่วมกับใครก็ตามเมื่อคนผู้นั้นปฏิบัติต่อลูก ๆ ของนางอย่างดี เมื่อผู้ใดปฏิบัติต่อลูก ๆ ของนางไม่ดี นางจะเกลียดมันอย่างมากในชะตากรรมของเจ้าของร่างเดิม เหตุผลที่ท่านแม่สามารถอยู่และตายร่วมกับตระกูลจั๋ว ก็เพราะว่าเจ้าของร่างเดิมยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยาง ซึ่งน่าผิดหวังมาก แต่ตระกูลจั๋วก็ยังเตรียมสินสอดจำนวนมากมายแก่เจ้าของร่างเดิมและหลังจากที่เจ้าของเดิมแต่งงานกับ ฉินตวนหยาง อย่างไม่น่าพอใจนัก แม้ว่าตระกูลจั๋วจะไม่ปฏิบัติต่อจั๋วหวายอย่างดีเหมือนเมื่อก่อน แต่พวกเขายังคงปฏิบัติต่อจั๋วหวายในฐานะมนุษย์ แม้ว่าจะไม่มีการปฏิบัติพิเศษ แต่ทรัพยากรที่เด็กคนอื่นควรมีก็จะยังให้เขาอยู่นั่นเป็นเหตุผลที่อวิ๋นเหนียงยอมร่วมสุขร่วมทุกข์กับตระกูลจั๋วหลังจากจั๋วซือ
จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของคนรับใช้ นางมองคนรับใช้ด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากของนาง "จริงหรือ"“จริงขอรับคุณหนู ตอนนั้นบ่าวยืนอยู่นอกของห้องโถงบรรพบุรุษและได้ยินกับหูของตัวเอง”ในระหว่างการคุยกัน พวกเขามาถึงนอกห้องโถงบรรพบุรุษแล้ว ดังนั้นคนรับใช้จึงชี้ขณะที่พูดว่า "บ่าวได้ยินจากตรงนี้ขอรับ"ต้นไม้ล้มและฝูงลิงก็จะเดินหนี บูชาที่สูงและเหยียบย่ำที่ต่ำ มันก็เหมือนกันทุกที่ จึงไม่น่าแปลกใจคนรับใช้ดูถูกจั๋วซือหรานในอดีตมากเท่าใด และตอนนี้พวกเขาอาจจะดูถูกจั๋วหรูซินในตอนนี้มากเท่านั้นดูเหมือนเขายังอยากพูดอะไรอีก แต่ก่อนที่เขาจะพูดได้ เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงจริงจังที่ดังมาจากประตูห้องโถงบรรพบุรุษ“ คุณหนูจิ่ว เหล่าผู้อาวุโสกำลังรอคุณหนูอยู่ขอรับ”คนรับใช้เงียบทันที เขาเหลือบมองถังหยวน ซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตูห้องของโถงบรรพบุรุษ แล้วก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวังจั๋วซือหรานเดินไปแล้วทักทาย " ท่านลุงถัง สวัสดีตอนบ่าย""สวัสดีตอนบ่ายคุณหนูจิ่ว " ถังหยวนเงียบไปหลังจากทักทายเสร็จ จั๋วซือหรานคิดว่าเขาจะไม่พูดอะไรอีกโดยไม่คาดคิดหลังจากเงียบไปช่วงครู่หนึ่ง ถังหยวนพูดต่อ"ครั้งที่แล้ว บ่าวได้ส่งคำพู
นางอดมองไปบนกำแพงสูงไม่ได้คนของ...ตระกูลเฟิงหรือ? หรือว่า...ในลานเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที แต่เพราะจักรพรรดิเฒ่าไม่เป็นอะไร ในลานจึงสงบลงมาอย่างรวดเร็วแต่หัวข้อสนทนาเรื่องจะจัดอภิเษกเมื่อครู่ ก็ถูกปัดตกไปแล้วตอนนี้ถ้าถูกยกขึ้นมาใหม่ ก็ไม่ได้เป็นทางการแบบเมื่อครู่แล้วจั๋วซือหรานมองไปทางจักรพรรดิเฒ่า นางครุ่นคิด หลังจากคิดคำพูดอยู่พักหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ฝ่าบาท ข้ารู้สึกว่า ตัวตนฐานะข้าตอนนี้เหมาะสมไหม ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไร? ในเมืองหลวง...ยังวุ่นวายกันอยู่เลย"จักรพรรดิเฒ่าฉลาดเสียขนาดไหน พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็เข้าใจความหมายที่นางคิดจะแสดงออกมาทันทีพริบตานี้ จักรพรรดิเฒ่าเองรู้สึกแค่ว่า...อยากจะถอนใจเสียเหลือเกิน หญิงสาวคนนี้ฉลาดจริงๆไม่ใช่คนธรรมดาเลยจริงๆยิ่งไปกว่านั้นยังไม่บอกว่าลูกเจ็ดคู่ควรกับนางหรือไม่ถ้าหากจะนำหญิงสาวแบบนี้ไปพันธนาการไว้ในกรงทองวังหลังล่ะก็ เท่ากับเป็นการทำลายของมีค่าไปหญิงสาวเช่นนี้ สมควรจะบินทะยานจักรพรรดิเฒ่าฟังความหมายคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานออกแน่นอนตัวตนตอนนี้ของนางเหมาะมากเพราะตัวตนของนางตอนนี้ ไม่ชัดเจนอย่างที่สุดจะบอก
อสังหาริมทรัพย์แบบนี้ มีเยอะไว้ก็ดีถึงจะบอกว่า...ได้รับไปก็อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่อุทยานหลิ่วพ่านก็สวยงามมากจริงๆเป็นที่พักผ่อนที่ไม่เลวเลยจักรพรรดิเฒ่าพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเขาจึงเตรียมพูดเรื่องหลังจากนี้จั๋วซือหรานไม่รอให้เขาพูดอะไร เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า "ฝ่าบาทถ้าหากรังเกียจ สวนชิวอีกับจวนชินอ๋องอวี้จะยกให้ข้าด้วยกันก็ได้นะ ข้าไม่รังเกียจจริงๆ จริงๆ นะ..."จักรพรรดิเฒ่าพอได้ยินคำนี้ ก็งงงันขึ้นทันทีเขางงงันไปครู่หนึ่ง ในสายตาก็เกิดประกายลึกซึ้ง "เจ้าอยากได้จริงหรือ?""ใช่" จั๋วซือหรานตาโค้ง รอยยิ้มในดวงตาเองก็ดูสบายๆ ไร้กังวล ราวกับว่า...ดวงตาพญาหงส์ดำขลับคู่นี้ สามารถมองทะลุได้ทุกสิ่งองค์จักรพรรดิเฒ่ารู้สึกว่า นางคงมองทะลุความคิดตนเองแล้วแน่นอน ดังนั้นจึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาจั๋วซือหรานพูดต่อ "ฝ่าบาทเองก็รู้ ข้าอยู่ในเมืองหลวงไม่มีตระกูล ไม่มีสำนัก ไม่มีที่พึ่งพา ดังนั้นของนอกกายเหล่านี้ แน่นอนว่ายิ่งมีมากก็ยิ่งดี คนอื่นจะได้ไม่ดูถูกข้า""ช่างเถอะ แล้วแต่เจ้าละกัน แต่ว่า..." องค์จักรพรรดิเฒ่าคิดจะพูดแต่หยุดไว้จั๋วซือหรานยิ้ม "อา ฝ่าบาทโปรดวางใจ ที่ดินของข้า ข้าจะ
เขาขี่ม้าเข้ามาตรงหน้าจั๋วซือหรานร่างสูงใหญ่ ผิวดำขลับ ดวงตาเปล่งประกายอย่างน่าตกใจ สายตาจับจ้องไปที่จั๋วซือหรานเสียงหัวเราะเริงร่าดังขึ้น "แม่นางจิ่ว! ท่านมาจริงๆ! ไม่เคยทำให้ข้าน้อยผิดหวังเลย!"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองเขา "ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ทัพไว้แล้ว ก็จะไม่คืนคำหรอก""ฝ่าบาทรอท่านอยู่ในค่าย" ฉีฮ่าวเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานพยักหน้า จูงม้ามาตัวหนึ่งแล้วกระโจนขึ้นไป หนีบเบาๆ ไปที่ท้องม้าตอนที่ขี่ม้า ความเร็วก็ไม่ได้มากอะไรนักบนความรู้สึกกระทั่งดูเหมือนจะเกียจคร้านหน่อยๆ ด้วย ตรงเข้าไปในค่ายทหารตลอดทาง จุดที่นางเดินผ่าน เปล่าทหารล้วนหลีกทางให้กับนางเหล่าทหารล้วนกู่ก้องบารมีของแม่นางจิ่ว!ส่วนนางก็ยกมุมปาก สายตาดูจะไม่ค่อยจดจ่อนัก สบายๆ เหมือนขี่ม้าอยู่ในสวนหลังบ้านตนเองมองไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านสงครามโหดร้ายก่อนหน้านี้มาเลย?จั๋วซือหรานเข้ามาแบบสบายๆ จนมาถึงในค่ายทหาร มาถึงหน้ากระโจมแม่ทัพนางกระโจนลงจากหลังม้า ด้วยท่าทางแคล่วคล่องที่ประตูกระโจม จักรพรรดิเฒ่าในชุดเหลืองยืนอยู่ตรงนั้น สายตาเปล่งประกายเล็กน้อยก่อนหน้านี้เขากับฉีฮ่าวยังมีขุนพลกลุ่มหนึ่งอยู่ด้วยกันในกร
ถ้าหากพูดว่า ไม่ได้เห็นสถานการณ์ก่อนหน้านี้กับตา พวกเขาบางทีอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมจั๋วซือหรานจึงเลือกพวกเขาแต่เมื่อครู่พวกเขาเห็นจั๋วซือหรานนำนางพญากู่ตัวหนึ่ง ยัดเข้าไปในปากของปรมาจารย์กู่ที่จะระเบิดตัวเองคนนั้น!พวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์กู่ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจั๋วซือหรานคิดจะทำอะไร?'นางต้องการกู่ของพวกเรา!'ในใจพวกเขาล้วนมีความคิดเช่นนี้ออกมา"เก็บพวกเขาไว้หรือ?" รองแม่ทัพถามขึ้นแต่อันที่จริงเขาก็มองไม่ออกว่าคนเหล่านี้กับคนอื่นแตกต่างกันตรงไหนเพียงแต่ว่า สำหรับการตัดสินใจของจั๋วซือหราน เข้าไม่เคยต้องคิดมากมายแต่ไหนแต่ไร ทำตามไปก็จบจั๋วซือหรานพยักหน้า "อืม ข้าจะเก็บพวกเข้าไว้ใช้""ได้เลย" รองแม่ทัพตอบเดิมทีเขายังคิดจะถามต่อ ว่าแม่นางจิ่วมีการจัดการอย่างไรกับคนอื่นๆ บ้างแต่ไม่ต้องให้นางถาม เขาก็เห็นแม่นางจิ่วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ "คนอื่นๆ สังหารทิ้งให้หมดแล้วจับแขวนขึ้นไป"เรื่องแขวนหัวมนุษยื สำหรับคนแดนใต้แล้ว มีความน่าเกรงขามที่ต่างออกไปหน่อยปรมาจารย์กู่ที่ถูกจั๋วซือหรานเลือกมาเหล่านั้น บนสีหน้าพวกเขา เดิมทียังหน้าซีดอยู่บ้าง รู้สึกว่าถ้าตกไปอยู่ในมือนาง จะต
จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้แล้วไม่ยอมรับหรือปฏิเสธซือคงเซี่ยนที่อยู่ข้างๆ มองสีหน้าของจั๋วซือหราน ก็รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ จึงถามไปว่า "ซือหราน มีอะไรไม่ถูกต้องไหม?"จั๋วซือหรานพอคิดไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ข้าแค่ไม่เข้าใจ""ไม่เข้าใจอะไรหรือ?" ซือคงเซี่ยนมองนาง จากนั้นจึงยื่นมือไปรัดผ้าคลุมให้แน่นขึ้นจั๋วซือหรานตอบ "ยังไม่พูดเรื่องอื่น แค่ควันพิษเมื่อครู่นี้ ก็รู้สึกว่า...พอมีฝีมืออยู่บ้าง แล้วคนมีฝีมือแบบนี้ ทำไมถึงถูกข้าวางแผ่นใส่ง่ายๆ จนหมอบกระแตไป...?"พอจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ รองแม่ทัพกับซือคงเซี่ยนก็ไม่ส่งเสียงกันแล้วพวกเขาก็เหมือนจะคิดออกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง รู้สึกแค่ว่าไม่ค่อยดีนัก"ความหมายของแม่นางจิ่วคือ...พวกเขายังออมมือไว้หรือ?"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยักไหล่ "ไม่แน่ใจ พูดยาก แน่นอนว่าอาจจะเป็นสิ่งที่พวกเขาได้มาจากคนที่เก่งกาจกว่าให้มาเพื่อรักษาชีวิต..."พูดถึงจุดนี้ เสียงครวญครางที่อยู่ข้างๆ ก็ตัดบทสนทนาของจั๋วซือหราน ดึงดูดความสนใจของนางขึ้นมาจั๋วซือหรานหยุดคำพูดของตัวเองลง หันมองไปทันทีแล้วจึงไปสบตากับปรมาจารย์กู่ที่มองออกมาก่อนหน้านี้คนนั้นปรมาจารย์
สิ่งที่เรียกว่าขวัญทหาร มาก็ไว ไปก็ไวคนเถื่อนเหล่านี้ ตอนที่ได้เปรียบก่อนหน้าทำตัวหยิ่งยโสกำเริบเสิบสานมากแค่ไหน ตอนนี้พอเสียเปรียบ ก็ดูพังมากขึ้นเท่านั้นมีเสียงกรีดร้องระงมดังขึ้นเป็นระยะในเสียงร้องที่น่าเวทนานี้ ความหยิ่งทะนงแต่เดิมเหล่านั้นของพวกเขา ก็ถูกฉีกทึ้งจนย่อยยับถูกจั๋วซือหรานฉีกทึ้งจนย่อยยับพวกเขาจะอย่างไรก็ไม่อาจจินตนาการได้ ว่าหญิงสาวคนนี้จะพากลุ่มคนไม่ได้เรื่อง เข้ามาท้าทายพวกเขาอย่างไม่เกรงกลัวแบบนี้จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงบางทีถ้าเป็นคนอื่น ก็คงคิดถึงความเป็นไปได้นี้ไม่ออกพวกเขาอันที่จริงก็สัมผัสได้แล้ว ว่าพวกที่ปลอมตัวเป็นองครักษ์ชินอ๋องอวี้เหล่านี้ ฝีมือไม่ได้สูงมากถ้าหากปะทะกันตรงๆ เจ้าพวกนี้เอาชนะพวกเขาไม่ได้แน่..."อ่อค...!" คนเถื่อนคนหนึ่งกระอักเลือดสดออกมาโฮกใหญ่ คำรามขึ้นว่า "เจ้าพวกชั้นต่ำ ถ้ามีฝีมือ...ก็มาสู้กับพวกเราตรงๆ เซ่!"จั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชา "พวกเจ้า พวกคนเถื่อนต่างแดน วิ่งแจ้นมาแคว้นของคนอื่นเขา ถือเป็นการรุกราน แล้วข้ายังต้องรักษามารยาทในการสู้กับคนรุกรานอย่างพวกเจ้าเนี่ยนะ?"จั๋วซือหรานพูดพลางหมุนข้อมือบริหาร ดาบยาวในมือเปล่งประ
"ฆ่าคนเดียวเสมอตัว! ฆ่าสองคนถือว่ากำไร!"เหล่าคนเถื่อนพวกนี้ก็ขยับตัวกันขึ้นมาและตอนนี้เอง พวกเขาก็เห็นหญิงสาวที่งดงามจนแทบจะเหมือนปีศาจคนนั้น กระโจนขึ้นกลางอากาศกะทันหันจากนัน นางก็นั่งลงบนสัตว์อสูรปีกตัวหนึ่ง พยุงนางขึ้นมา หยุดค้างอยู่กลางอากาศทุกคนเห็นนางกางสองมือออก แต่บนมือกลับไม่มีอะไร มองไม่เห็นอาวุธลับหรืออาวุธอะไรเลย ไม่มีอะไรทั้งนั้นเหล่าคนเถื่อนปล่อยวางจากตัวนางอย่างรวดเร็ว ความแค้นหันไปยังตัวทหารหัวกะทิเหล่านั้น"ฆ่า...!" เหล่าคนเถื่อนคำรามขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เสียงตะโกนสังหารก็ดังลั่นฟ้า!ตามหลักการแล้ว พวกเขาอันที่จริงก็ไม่ได้เห็นพวกทหารหัวกะทิในสายตาสักเท่าไรถึงอย่างไร ในค่ายคุ้มกันก็มีทหารหัวกะทิอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้ไปอยู่ไหนกันหมดล่ะ? ไม่ใช่ถูกแขวนหัวขึ้นไปหมดแล้วหรือ?แต่เจ้าขยะตรงหน้านี้? เฮอะ! พวกเขาถ้าไม่ได้เล่นแผนสกปรกลอบโจมตีล่ะก็ ไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวเลย!ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เห็นทหารพวกนี้ในสายตา ไม่เพียงแต่ไม่กลัวพวกเขา กระทั่งยังรู้สึกว่า เจ้าสุนัขต้าชางพวกนี้มากกว่าที่น่ากลัว!แต่ว่า...พวกเขามองออกว่าบนหน้าของทหารต้าชางที่พวกเขาดูถูก ไม่มีคามหว
"พวกเจ้า...""ให้ตายเถอะ..."เหล่าคนเถื่อนเห็นลูกหน้าไม้ทะลุร่างกาย ในดวงตามีความโกรธแค้นและความตกใจ และมีคนที่เข้าใจขึ้นมา"แค่ก..." คนเถื่อนคนหนึ่งถูกลูกหน้าไม้แทงทะลุปอด กระอักเลือดสดออกมาเต็มปากแต่ถึงจะเจ็บปวดแบบนี้ แต่สมองก็ยังกระจ่างชัดอยู่ไม่น้อย "...ที่แท้ ก็พวกเดียวกัน""พวกเขา...เป็นพวกเดียวกัน ดูท่าบนตัวพวกเขา ตราของจวนชินอ๋องอวี้...ก็คงจะปลอมด้วย...กระมัง..."รองแม่ทัพก้มลงมองตราชินอ๋องอวี้บนตัวอีกครั้ง รู้สึกเหมือนมองเห็นสิ่งสกปรกอะไรบางอย่างเจตนาร้ายในสายตาไม่มีปิดบัง เขายกมือขึ้นดึงตรานั่นแล้วโยนลงพื้นเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา "ตรานี่ไม่ใช่ของปลอม ตัวตนฐานะต่างหากที่ปลอม""ดูท่า..." มีคนเถื่อนฝืนทนความเจ็บปวดจากลูกหน้าไม้ เอ่ยต่อว่า "...คนของชินอ๋องอวี้ คงจะตายไปแล้ว""อ่อค...! อา...!" มีคนเถื่อนฝืนทนเจ็บแล้วคำรามออกมาด้วยความโกรธ รู้สึกโกรธแค้นกับการลอบโจมตีเช่นนี้มากต่อให้จะบาดเจ็บ ก็ยังคงคิดจะลากคนลงไปด้วยก่อนที่ตนเองจะตาย!"ถ้าข้าต้อง...ตาย! ก็จะไม่ยอมให้พวกเจ้า...ได้ดี!" คนเถื่อนคนนี้ทั้งตัวเริ่มแดงเริ่มพองขยาย ความรู้สึกนั้น...ราวกับในร่างกายมีอะไรจะระเบิ
และพวกเขาพอเห็น 'เหล่าองครักษ์ชินอ๋องอวี้' กลุ่มนี้ ก็เหมือนจะงงงันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้'เหล่าองครักษ์ชินอ๋องอวี้' พวกนี้ทยอยกันกระจายออก เหมือนคิดจะหาร่างเงา 'เชลย' คนสวยของพวกเขาในกลุ่มคนเหล่าคนเถื่อนเองก็อยากจะหาร่างนางเหมือนกันยิ่งไปกว่านั้นแม้พวกเขาจะพลังบำเพ็ญไม่พอ ในแดนใต้ล้วนเป็นคนของสำนักหรือพรรคต่างๆ แต่ว่าพวกเขาก็เป็นแค่คนของสำนักเท่านั้นแตกต่างกับทหารหัวกะทิของรองแม่ทัพเหล่านี้พูดอย่างนี้ดีกว่า ถ้าเทียบกันด้านทักษะต่อสู้ คนเถื่อนเหล่านี้เป็นแค่พวกที่ความรู้ไม่ได้มาตรฐานกลุ่มหนึ่งพวกของรองแม่ทัพต่างหากที่เป็นทหารจริงๆดังนั้นคนเถื่อนเหล่านี้จึงแทบไม่สังเกตเลย ในความวุ่นวายที่เกิดจากการที่จั๋วซือหรานหายตัวไป 'เหล่าองครักษ์ชินอ๋องอวี้' เหล่านี้ใช้การค้นห้านี้เพื่อกระจายตัวออกไป''อันที่จริง คือการเข้าใกล้แล้วโอบล้อมพวกเขาไว้!ขั้นตอนนี้ หน้าและหลังรวดเร็วมากและตอนนี้เอง คนทาสีฟ้าในที่สุดก็ได้ยินเสียงใสเย็นขึ้นมาใกล้มาก ใกล้จนแทบจะแนบใบหูเขาเสียงกระซิบใกล้หูแบบนี้ กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกว่า...ใกล้ชิดสนิทสนมแต่กลับทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นเ