นางไม่พูดอะไรอีก เพราะทุกอย่างจัดเช่นอย่างมากจั๋วซือหรานเข้าใจทันทีว่าในชะตากรมมของเจ้าของร่างเดิม ทำไมท่านแม่ ซึ่งผู้ที่สามารถร่วมทสุขร่วมทุกข์กับตระกูลจั๋ว ตอนนี้กลับยอมลพทิ้ง ตระกูลจั๋วอย่างง่ายดายหลักการของผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอผู้นี้ไม่เคยคือการรักษาความซื่อสัตย์ต่อสามีของนางหลักการของนางมาโดยตลอดคือนางสามารถอยู่หรือตายร่วมกับใครก็ตามเมื่อคนผู้นั้นปฏิบัติต่อลูก ๆ ของนางอย่างดี เมื่อผู้ใดปฏิบัติต่อลูก ๆ ของนางไม่ดี นางจะเกลียดมันอย่างมากในชะตากรรมของเจ้าของร่างเดิม เหตุผลที่ท่านแม่สามารถอยู่และตายร่วมกับตระกูลจั๋ว ก็เพราะว่าเจ้าของร่างเดิมยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยาง ซึ่งน่าผิดหวังมาก แต่ตระกูลจั๋วก็ยังเตรียมสินสอดจำนวนมากมายแก่เจ้าของร่างเดิมและหลังจากที่เจ้าของเดิมแต่งงานกับ ฉินตวนหยาง อย่างไม่น่าพอใจนัก แม้ว่าตระกูลจั๋วจะไม่ปฏิบัติต่อจั๋วหวายอย่างดีเหมือนเมื่อก่อน แต่พวกเขายังคงปฏิบัติต่อจั๋วหวายในฐานะมนุษย์ แม้ว่าจะไม่มีการปฏิบัติพิเศษ แต่ทรัพยากรที่เด็กคนอื่นควรมีก็จะยังให้เขาอยู่นั่นเป็นเหตุผลที่อวิ๋นเหนียงยอมร่วมสุขร่วมทุกข์กับตระกูลจั๋วหลังจากจั๋วซือ
จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของคนรับใช้ นางมองคนรับใช้ด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากของนาง "จริงหรือ"“จริงขอรับคุณหนู ตอนนั้นบ่าวยืนอยู่นอกของห้องโถงบรรพบุรุษและได้ยินกับหูของตัวเอง”ในระหว่างการคุยกัน พวกเขามาถึงนอกห้องโถงบรรพบุรุษแล้ว ดังนั้นคนรับใช้จึงชี้ขณะที่พูดว่า "บ่าวได้ยินจากตรงนี้ขอรับ"ต้นไม้ล้มและฝูงลิงก็จะเดินหนี บูชาที่สูงและเหยียบย่ำที่ต่ำ มันก็เหมือนกันทุกที่ จึงไม่น่าแปลกใจคนรับใช้ดูถูกจั๋วซือหรานในอดีตมากเท่าใด และตอนนี้พวกเขาอาจจะดูถูกจั๋วหรูซินในตอนนี้มากเท่านั้นดูเหมือนเขายังอยากพูดอะไรอีก แต่ก่อนที่เขาจะพูดได้ เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงจริงจังที่ดังมาจากประตูห้องโถงบรรพบุรุษ“ คุณหนูจิ่ว เหล่าผู้อาวุโสกำลังรอคุณหนูอยู่ขอรับ”คนรับใช้เงียบทันที เขาเหลือบมองถังหยวน ซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตูห้องของโถงบรรพบุรุษ แล้วก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวังจั๋วซือหรานเดินไปแล้วทักทาย " ท่านลุงถัง สวัสดีตอนบ่าย""สวัสดีตอนบ่ายคุณหนูจิ่ว " ถังหยวนเงียบไปหลังจากทักทายเสร็จ จั๋วซือหรานคิดว่าเขาจะไม่พูดอะไรอีกโดยไม่คาดคิดหลังจากเงียบไปช่วงครู่หนึ่ง ถังหยวนพูดต่อ"ครั้งที่แล้ว บ่าวได้ส่งคำพู
“ จั๋วเห้อหรงถูกลงโทษเพราะเขาพูดผิด ถึงอย่างไร เขาเป็นผู้อาวุโส เหตุใดเจ้าไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป” ผู้อาวุโสสามซักถาม“ตอนนี้ให้เจ้ากลับมาเป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่ของตระกูลอีกมิใช่หรือ คุณแม่และน้องชายของเจ้ายังอยู่สำนักงานใหญ่ของตระกูลอยุ่ เจ้าจะไปไหนหากเจ้าไม่กลับมา”ดวงตาของจั๋วซือหรานเย็นชาและนางจ้องมองผู้อาวุโสสาม "ท่านประกาศไล่ข้าออกต่อหน้าทุกคน ตอนนี้ท่านให้ข้ากลับมา ข้าต้องกลับมาเลยหรือ แล้วที่ข้าต้องเสียหน้าต่อหน้าชาวบ้าน ผู้ใดมาชดเชยข้า"ผู้อาวุโสสามยังอยากพูดต่อ แต่จั๋วซือหรานไม่ให้เขาพูดต่อ นางพูดต่อ "ข้าขอถามผู้อาวุโสสาม ในฐานะบุคคลที่ถูกไล่ออกจาก สำนักงานใหญ่ของตระกูล ตอนนี้ข้าไม่อยากกลับสำนักงานใหญ่ของตระกูล ข้าละเมิดกฎข้อใดหรือ"ผู้อาวุโสสามตกใจดวงตากลมโต แต่เข้าอ้าปากแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะ... ไม่มี นางไม่ได้ละเมิดกฎใด ๆ ของตระกูลก่อนอื่น กฎของสำนักงานใหญ่ของตระกูลเข้มงวดที่สุด ในขณะที่กฎของสาขาอื่นจะไม่เข้มวงดมากนัก ตราบใดที่ไม่ทำให้ตระกูลเสียหน้า นั่นจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่หาคนผู้นั้นไม่ชอยากกลับมาที่สำนักงานใหญ่ของตระกูล คนผู้นั้นไม่ละเมิดกฎของตระกูลจริง ๆเ
ก่อนหน้านี้ไม่นาน จั๋วหรูซินทราบจั๋วซือหรานมาที่ห้องโถงบรรพบุรุษ นางเลยมาดูบ้างนางรู้สึกทุกข์ใจมากเมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของพ่อของนางหลังจากถูกเฆี่ยนตี นางเลยยิ่งโกรธจั๋วซือหรานมากยิ่งขึ้นเมื่อนางมาถึง บังเอิญนางได้ยินผู้อาวุโสสามพูดอยู่ข้างใน นางเลยแอบยืนฟังอย่างที่ประตู นางไม่เคยคิดเลยว่า จั๋วซือหรานจะไม่ไว้หน้าแก่ผู้อาวุโสสามด้วยซ้ำและผู้อาวุโสใหญ่ก็เข้าข้างจั๋วซือหรานด้วยเมื่อสังเกตถึงเรื่องนี้ จั๋วซือหรานรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เนื่องจากแต่เดิม นางอยากมาหาเรื่องจั๋วซือหรานจั๋วหรูซินไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ในใจของนางได้ แม้ว่าเมื่อหลายปีก่อน จั๋วซือหรานได้รับการยกย่องอย่างสูงในครอบครัวมาโดยตลอด เนื่องจากความสามารถที่โดดเด่นของนาง ซึ่งทำให้จั๋วหรูซินรู้สึกอิจฉามากมาโดยตลอดแต่เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากฉินตวนหยางใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ กับนาง นางก็ถูกควบคุมโดยเสน่ห์หนอนพิษกู่ ซึ่งจั๋วหรูซินจึงรู้สึกจั๋วซือหรานไม่สามารถคุกคามนางอีกต่อไปจนกระทั่งจั๋วหรูซินเกือบลืมไปแล้วว่า นางมีความรู้สึกเป็นอย่างไรเมื่อจั๋วซือหรานได้รับการยกย่องอย่างมากจากตระกูลแต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ด
เมื่อออกจากห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเหลือบมองจั๋วหรูซินแวบหนึ่ง จั๋วหรูซินสบตานางและย่อตัวลงโดยหวาดกลัวจั๋วหรูซินไม่ได้ดูหยิ่งเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ไม่ว่ารูปร่าง ท่าทาง หรือการแสดงออกในสายตาของนางก็ตามจั๋วซือหรานค่อย ๆ เดินลงบันไดจากประตูโถงบรรพบุรุษคนรับใช้ที่พานางมาที่นี่ก่อนหน้านี้เห็นคุณหนูจิ่ว ผู้มีเสน่ห์เดินลงมาจากประตูห้องโถงบรรพบุรุษและเดินผ่านพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นนอกจากนี้ยังมีคำพูดที่ลอยไปตามสายลมพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ศัตรูล้วนเป็นเสือกระดาษ”......เมื่อเทียบกับความสงบและความมั่นใจของจั๋วซือหรานแล้ว จั๋วหรูซินตื่นตระหนกอย่างมากเหล่าผู้อาวุโสกำลังคิดหาแผนว่าจะรักษาจั๋วซือหรานไว้อย่างไร ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจเรื่องที่นางเข้าไปในห้องโถงบรรพบุรุษโดยไม่ได้รับอนุญาตจั๋วหรูซินกลับมาที่ลานบ้านของนาง ใบหน้าของนางขาวราวกับน้ำค้างแข็งเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางแย่เช่นนี้ สาวใช้ก็เข้ามาถามว่า "คุณหนู คุณหนูสบายดีไหม คุณหนูดู"จั๋วหรูซินเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง นางโกรธและตะโกน "อย่าเรื่องมาก"สาวใช้ตัวสั่นจั๋วหรูซินถาม "ท่านพ่ออยู่ที่ไหน ท่านพี่อหลับหรือยัง"สาวใช้ตัวสั
คุณท่านจั๋วลิ่วขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วหรูซินเขาลดเสียงลงและถามลูกสาว "หรูซิน เเรื่องของจั๋วจิ่ว ความจริงคืออย่างไร บอกความจริงกับพ่อ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครช่วยหนูได้"เสียงของคุณท่านจั๋วลิ่วเข้มงวดมาก เดิมทีจั๋วหรูซินกลัวมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันเข้มงวดของท่านพ่อ นางยิ่งกลัวมากขึ้น นางหวาดกลัวจนเสียงสั่นเทาคุณท่านจั๋วลิ่วห้ามนางร้องไห้ด้วยเสียงเบา ๆ "อย่าร้องไห้ พูดดี ๆ "แม้ว่าจั๋วหรูซินจะเป็นลูกสาวของเขาจริง ๆ แต่ตอนนี้ เขาก็ต้องยอมรับจากในว่า สติปัญญาของลูกสาวของเขาไม่ดีเท่าของจั๋วจิ่วเขาคิดนึกถึงภาพว่า จั๋วจิ่วไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวเมื่อนางได้รับการลงโทษถึงเก้าแส้เขามีความรู้สึกเลยว่า... เขากับรูซินอาจจะรุกรานผิดคนจั๋วหรูซินสำลักอยู่ครู่หนึ่ง นางรีบเช็ดน้ำตา หายใจเข้าลึก ๆ เล็กน้อย และสงบอารมณ์ของนางลง“เจ้าค่ะ ...หนู หนูไม่ร้องไห้แล้วเจ้าค่ะ” จั๋วหรูซินค่อย ๆ สงบอารมณ์ลง“ตอนนี้เล่าให้พ่อฟังสิว่า เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ เรื่องก่อนหน้านี้ของจั๋วจิ่ว เกี่ยวอะไรกับหนู” คุณท่านจั๋วลิ่วถามเขาปวดหัวเล็กน้อยจริง ๆ เขามักจะตาม
จั๋วหรูซินยังช่วยองค์หญิงเจาหมิ่นแก้ตัวคุณท่านจั๋วลิ่วโกรธมากจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด "ใจดีหรือ ท่านใจดีแและให้หนูทำร้ายน้องสาวของตัวเองหรือ นี่คือความใจดีของที่ไหนกัน แล้วหนู จั๋วหรูซิน สมองของหนูไปไหนแล้ว"จั๋วหรูซินอาจไม่เคยถูกพ่อของนางดุเช่นนี้มาก่อน นางตกตะลึงทันที ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และน้ำตาก็ไหลลงมา"หนู..." จั๋วหรูซินร้องไห้ขณะเช็ดน้ำตา "แต่ท่านใจดีมาก หลังจากท่านฟังหนูพูดมาหลายเรื่อง ในที่สุดท่านก็เอาของบางอย่างที่มาจากดินแดนทางใต้มาให้หนู ตราบใดที่หนูเล่นงานจั๋วจิ่ว ทำให้นางแต่งงานกับเฟิงซื่อจื่อไม่ได้ ดังนั้นการหมั้นหมายก็จะตกที่หนูเอง…”เสียงตบหน้า"เพี้ย"ดังขึ้นก่อนที่จั๋วหรูซิน จะพูดจบ นางก็ถูกขัดจังหวะด้วยการตบหน้าอันดังจั๋วหรูซินตกตะลึง“คนโง่ คนโง่ คนโง่” คุณท่านจั๋วลิ่วตะโกนด้วยความโกรธ “ข้ามีลูกสาวโง่ ๆ อย่างหนูได้อย่างไร ท่านให้หนูเป็นแพะรับบาทชัด ๆ แต่หนูยังไม่รู้ตัวเลย”ทีนี้จั๋วหรูซินตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง นางพูดไม่ออกสักคำคุณท่านจั๋วลิ่วโกรธมากจนเลือดของเขาพุ่งพล่าน เขาโกรธจนจะเป็นลม มองไม่เห็นอะไร และกลิ่นเลือดก็ดูเหมือนออกมาจากลำคอของ
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกสาว คุณท่านจั๋วลิ่วก็หัวเราะเยาะ "แต่หนูดูสิ นางได้ฟังคำพูดของท่านอ๋องเซี่ยน และทำร้ายพี่สางน้องสาวของครอบครัวบ้างไหม"“ไม่ว่าจั๋วจิ่วจะบ้าแค่ไหน นางก็แค่อยากได้ของของตัวเองกลับ ตัวอย่างเช่น นางได้รับตำแหน่งเรียนหอหลวงจากไทเฮาตามความสามารถของนางเอง หนูเคยเห็นนางทำร้ายคนในครอบครัวหรือ "คำถามของคุณท่านจั๋วลิ่วทำให้จั๋วหรูซินเงียบและพูดไม่ออกสักคำเมื่อเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ คุณท่านจั๋วลิ่วไม่พูดอะไรต่อแม้ว่าลูกสาวของเขาจะไม่มีความสามารถที่เก่งกาจ แต่สุดท้ายนางยังเป็นลูกสาวของเขาอยู่ดีคุณท่านจั๋วลิ่วหายใจเข้าลึก ๆ เล็กน้อย เขาสงบลงเล็กน้อย และถามด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า " ซินเอ๋อร์ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคิดที่จะตำหนิองค์หญิงเจาหมิ่น"จั๋วหรูซินกระซิบ "แต่... เราควรทำอย่างไรดี"คุณท่านจั๋วลิ่วถามว่า “นอกจากองค์หญิงเจาหมิ่นแล้ว มีใครรู้หนูทำร้ายจั๋วจิ่วอีกไหม”จั๋วหรูซินกล่าว " ฉินตวนหยางรู้"คุณท่านจั๋วลิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เขาไม่สำคัญ เขาได้รับตำแหน่งและเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ตระกูลขุนนางไม่สามารถแอบลงโทษเขา"จั๋วหรูซินกัดริมฝีปากของนาง "เช่นนั้นมี
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้
"ดังนั้นจึงมาลงมือกับเจ้าหรือ?" จั๋วซือหรานมองไปทางแมงมุมน้อย "ถึงอย่างไรพอพูดขึ้นมา เจ้าเองก็ก็เป็นสิ่งมีพิษที่หาได้ยากด้วยนี่ แล้วยังเป็นระดับราชาสัตว์ด้วย ถ้าเขาเสพติดพิษขึ้นมาด้วยคุณสมบัติร่างกายแบบนั้นจริงล่ะก็..."จั๋วซือหรานตบเบาๆ ลงไปบนแขนเคียวของราชาแมงมุมหน้าผี "เจ้าเองก็ตัวใหญ่ขนาดนี้ ถือเป็นของบำรุงที่ไม่เลยเลยทีเดียว"จั๋วซือหรานก็เหมือนตระหนักได้ถึงแก่นแท้เรื่องราวในชั่วพริบตาราชาแมงมุมหน้าผีได้ยินการคาดเดากับการวิเคราะห์ของจั๋วซือหราน ก็คิดขึ้นมาถึงความเป็นไปได้นี้ พอคิดไปถึงว่าตนเองเกือบถูกคนเอาไปเป็นของบำรุงแล้ว ก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"ยังดีที่นายท่านช่วยเหลือไว้" แมงมุมน้อยเอ่ยขึ้นแม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานเข้าใกล้แก่นแท้ของเรื่องราวไปแล้วในชั่วพริบตานั้น แต่นางก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนักนางโบกไม้โบกมือ เอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าคิดเล็กคิดน้อย ด้วยพลังของคนเมื่อครู่นี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้าก็ไม่ไปหาเรื่องเขาหรอก คนแบบนั้น การสู้ให้ตายกันไปข้าง น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางสังเกตสภาพของแมงมุมน้อยไปด้วย จากนั้นจึงตบเบาๆ แล้วเอ่ยขึ
เจ้าคิดว่าข้าทรยศเจ้า ใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งเต็มประดานักหรือ?! เจ้ามันก็จนตรอกแล้วเท่านั้น!รอให้เจ้าจนตรอกเสียก่อน เพื่อจะมีชีวิตต่อไปเจ้าก็ต้องทรยศคนทั้งหมดเหมือนกัน! เจ้าจะลงหมอบคลานกับพื้นส่ายหางอย่างน่าสงสาร!เจ้าไม่ได้ดีกว่าข้าหรอก! เจ้าก็จะเป็นเหมือนข้า! ถึงอยี่างไร ข้าก็เป็นคนสอนเจ้ามา!"หลงเฉินพูดจบ ก็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่งเขาไม่ได้สังเกตเห็นสีตาของเฟิงเหยียน ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาพอควรเสียงของเฟิงเหยียนกดลงต่ำมาก แต่กลับหนักแน่น "ข้าไม่มีทางเป็นแบบนั้น"เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่น่าเศร้าซึ่งพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดในสมองก็อดคิดถึงเรื่องเหล่านั้นสมัยยังเด็กขึ้นมาไม่ได้เสียงที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ นั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อบานสะพรั่ง หลับตาพริ้ม กำลังดื่มชาขาวดอกสาลี่ยิ้มตาหยีบอกกับเขาว่า "เหยียนเอ๋อร์ อันที่จริงเจ้าไม่ต้องพยายามอยากจะเติบโตอยากจะแข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก เพราะพอเติบโตแล้ว...มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด คำของข้า รอเจ้าโตแล้วก็จะเข้าใจเอง"ตอนนั้นใบหน้าที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับใบหน้าที่บ้าคล
สีหน้าหลงเฉินปั้นยากมาก แต่...ไอ้การข่มกันของธาตุนี้เหมือนกับเป็นความสามารถแต่กำเนิด! ควบคุมได้ยากมากดังนั้นในพริบตาที่อุณหภูมิร้อนแรงบนตัวเฟิงเหยียน กับประกายไฟไร้รูปร่างปรากฏขึ้นร่างของหลงเฉินก็เบี่ยงหลบไปอย่างควบคุมไม่ได้เขียนเอ่ยเสียงแข็ง "เจ้า...จะทำอะไร"เฟิงเหยียนเหมือนห่อไว้ด้วยเปลวไฟทั้งตัว ทั้งร่างราวกับเป็นลูกไฟ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างร้ายกาจแล้วจึงเดินไปด้านหน้าโดยไม่สนใจใครไม่นานนักก็มาถึงตำแหน่งใจกลางหมอกพิษ จึงมองเห็นบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบใจกลางเทียนช่อนั้นมันเป็นเหมือนกับชื่อเลย มีเจ็ดดอก ใบเจ็ดใบ ทุกดอกล้วนเป็นสีม่วง เกสรสีเหลืองยาวมาก ราวกับเป็นเทียนแล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นมันบานอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ บ่อน้ำยังใหญ่ไม่เท่าใบหน้าเลย แต่ของเหลวที่อยู่ด้านใน ดูแล้วกลับเป็นสีม่วงเข้ม!และเจ้าของเหลวสีม่วงเข้มเหล่านี้ พอเดือดระเหย แล้วผสมเข้ากับความชื่นในอากาศของป่าทวนแสง นานวันเข้าจึงกลายเป็นหมอกพิษที่เข้มข้นขึ้น"ที่แท้ท่านก็คอยคุ้มครองเจ้าสิ่งนี้นี่เอง" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งหลังจากนั้นจึงยื่นมือไปทางบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนช่อนั้น"หยุดนะ!" หลงเฉินตะโก
หลงเฉินเนื่องจากร่างกายแบกพลังมังกรหนามม่วงไว้ แต่สิ่งที่ต้องนำมาสะกดนั้นตรงข้ามกับเฟิงเหยียนหลงเฉินเป็นประเภทที่ต้องพึ่งพาคุณสมบัติต่อพิษ ถ้าหากไม่มีการหาสิ่งที่พิษ พิษของมังกรหนามม่วงในร่างกายก็จะเริ่มทำร้ายตนเองอันที่จริงถ้าหากจั๋วซือหรานอยู่ที่นี่แล้วมีปฏิกิริยากับเนื้อหาที่เฟิงเหยียนพูดมาล่ะก็ คงจะมีคำจำกัดความให้อย่างรวดเร็วว่า:นี่มันก็เหมือนกับติดยาเสพติดนี่นาสถานการณ์ของหลงเฉินตอนนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ"เพราะที่พรมแดนใต้มีสิ่งมีพิษอยู่มากกว่า" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "แต่ก่อน บางทีท่านก็หายไประยะหนึ่ง บอกว่าตนเองปิดด่าน หลังจากกลับมาสีหน้ากับสภาพก็ไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้พอคิดๆ ดู ท่านก็น่าจะไปเอาสิ่งมีพิษมาใช้ประโยชน์กับตัวเองสินะ...ท่านอยู่แค่ในป่านี้ ก็เพราะที่นี่มีหมอกพิษข้าเดาว่าท่านคิดจะสูดรับหมอกพิษเหล่านี้แล้ว ค่อยไปยังใจกลางหมอกพิษเอาสมบัติที่ก่อหมอกพิษหนาแน่นนี้มาใช้ประโยชน์กับตนเองและสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ท่านลงมือกับสัตว์อสูรของจั๋วเสียวจิ่ว ก็น่าจะเพราะแมงมุมตัวนั้นไปพบกับสมบัติที่ใจกลางหมอกพิษ แล้วกำลังจะเก็บมันมาสินะยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะ แมงมุมตัวนั้นก็เ
เฟิงเหยียนหลังจากพูดคำนี้ ก็ได้เห็นสีหน้าหลงเฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชากับปั้นยากอย่างที่หวังเอาไว้ชั่วพริบตา เฟิงเหยียนก็รู้สึกสุขล้นขึ้นมาก่อนหน้านี้อันที่จริงเขาไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้ หลายครั้ง ที่เขาขี้เกียจจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนอื่นการพูดจาแทงใจดำคนอื่นเช่นนี้ เป็นความสามารถของจั๋วซือหรานนางเหมือนจะมีความสามารถที่พูดแค่ไม่กี่คำ ก็ทำให้คนอื่นโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้และเฟิงเหยียนในตอนนี้ ก็เหมือนจู่ๆ เข้าใจถึงความสุขนั้นขึ้นมาแล้ว?ถึงอย่างไร พอเห็นคนที่ไม่ชอบหน้า เห็นสีหน้ากับหน้าตาที่ปั้นยากนั่นในใจก็รู้สึกเป็นสุขมากกว่าธรรมดา"หญิงสาวคนนั้นบ้าบิ่นหยิ่งยโสนัก" เสียงของหลงเฉินเอ่ยขึ้นมาโดยไม่เหลือความอบอุ่น "ดูท่าก่อนหน้านี้ข้าจะใจดีไป ถึงได้ปล่อยนางหนีไปกับเจ้า""องค์กรเดิมทีก็คิดจะกำจัดนางอยู่แล้ว ข้าเห็นแก่หน้าเจ้าหรอกนะ ถึงไม่ได้ทำอะไรนาง" หลงเฉินยิ้มเย็นชา "แต่นี่ก็ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ จัดการนางทิ้งน่าจะดีกว่า"เฟิงเหยียนเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ท่านอย่ามาทำเป็นแข็งกร้าวนักเลย""โอ๋?" หลงเฉินมองเขา "ข้าแข็งกร้าวเรอะ?"เฟิงเหยียนเอ่ยเสียงเรียบ "ถ้าท่านรีบออกจากป่านี้ เ
ท้ายสุดก็ยังไม่สามารถให้อภัยได้ สักนิดก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงตัดความสัมพันธ์กับอาจารย์ แยกทางกับพี่น้องไปเขาสูงทะเลกว้าง ราวกับไม่มีวันได้พบกันอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง เหล่าพี่น้องล้วนรู้สึกว่าเขาทำผิดไปแต่เฟิงเหยียน ทุกคนล้วนยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ดื้อรั้น แม้ว่าจะผิด แต่เขาก็ยืนยันที่จะเดินไปจนถึงที่สุดแต่ว่า...หลังจากนั้นล่ะแล้ว...ตอนนี้ล่ะ?เฟิงเหยียนมองเรียบๆ ไปเบื้องหน้า...มองไปยังอดีตอาจารย์ที่เคยเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ๋ในสายตาเขาเสียงของเฟิงเหยียนไม่ได้เย็นชาอะไร หรือห่างเหินโกรธแค้นอย่างไรมีแต่ความสงบความสงบที่ไม่มีอาการขึ้นลงของอารมณ์ดวงตาที่เฟิงเหยียนมองหลงเฉิน ถามขึ้นเสียงเรียบว่า "พวกเขาเคยบอกว่าข้าทำผิด พวกเขาล้วนคิดว่า ท่านแค่ทำเพื่อข้า เป็นข้าที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เป็นข้าที่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่""แต่พวกเขาตอนนี้ ไปอยู่ที่ไหนกันแล้ว?" เฟิงเหยียนถามขึ้นหลังจากนั้น ความสงบที่อบอุ่นบนหน้าหลงเฉิน ก็เหมือนพังทลายลงในพริบตา เผยให้เห็นความมืดมนราวกับถูกย่ำลงไปบนจุดเจ็บอย่างไรอย่างนั้นศิษย์เหล่านั้นที่เคยรายล้อมอยู่รอบตัวเขา ทุกวันเหมือนเต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา
จะเรียกว่าเยี่ยนหรานหรือว่าเฟิงเหยียนก็ได้ทั้งนั้น แต่คำว่าศิษย์นั้นไม่ได้เขาตัดขาดความสัมพันธ์กับหลงเฉินไปแล้ว และไม่ใช่ศิษย์ของเขานานแล้วหลงเฉินได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็ฟังออกถึงความหมายของเขาจึงหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา "เป็นเด็กดื้อจริงๆ มิน่าตอนนั้นอวิ๋นเอ๋อร์กับเซิ่นเอ๋อร์ถึงได้ทะเลาะกับเจ้า"พอได้ยินสองชื่อนี้ มุมปากเฟิงเหยียนก็เม้มแน่นขึ้นมาตอนนั้นศิษย์ที่อยู่ใต้สังกัดของหลงเฉินไม่ใช่มีแค่เขา แต่ยังมีศิษย์คนอื่นอยู่ด้วยแม้เขาจะนิสัยค่อนข้างเย็นชา แต่เพราะพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม จึงได้รับความโปรดปรานจากหลงเฉินมากศิษย์คนอื่น แม้อันที่จริงตอนนั้นจะมีความผูกพันธ์ฉันท์พี่น้องลึกซึ้ง แต่ในกลุ่มเด็กหนุ่มที่ชอบแข่งขัน ก็ย่อมมีคนอิจฉาที่เขาได้ความรักจากอาจารย์มากที่สุดในกลุ่มเด็กหนุ่ม ไม่มีความแค้นฝังลึกอะไรแบบนั้น ก็แค่อิจฉาริษยาเท่านั้น ทะเลาะกันสักยกก็จบเรื่องแต่เฟืงเหยียนไม่ว่าจะสู้กับคนอื่นอย่างไร ก็ไม่เคยก้มหน้าให้ดื้อแพ่งสุดๆและต่อมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ ว่าตนเองถูกอาจารย์รังแก ถูกทรยศมาตลอดเหตุผลตั้งแต่ต้นจนจบ ก็แค่เพราะเข้าเหมาะที่จะเป็นภาชนะหงส์แดงมากที่สุดเท่า
เพียงแต่ว่า ถ้าจะให้พูดจริงๆ เฟิงเหยียนเองก็อาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากออกเมืองหลวงมาก็อยากจะติดตามหญิงสาวคนนั้นทั้งที่จำไม่ได้แล้วแท้ๆ ทั้งที่ตัดสินใจจะขีดเส้นคั่นแล้วแท้ๆแต่ก็ยังตามนางมาเพราะรู้ว่านางระแวดระวังแค่ไหน ก็เลยใช้วิะีการแปลงโฉมที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่เข้าใกล้นางอยู่ตลอด จนกระทั่งนางเข้ามาในป่าทวนแสงนี้พอมาถึงพื้นที่ป่าที่หมอกพิษหนาทึบ สัมผัสของคนเราก็จะอ่อนแอลง ตอนนี้จึงร่นระยะเข้าใกล้ขึ้นมาและเพราะเหตุนี้ จึงได้มองออกถึงหลงเฉิน...ภาชนะมังกรหนามม่วงตั้งแต่แรกเห็นหลงเฉินเป็นอาจารย์ของเขา หนึ่งในภาชนะสัตว์เทพที่สภาผู้อาวุโสรวบรวมเข้ามาตอนนั้นที่สภาผู้อาวุโสให้หลงเฉินได้เจอกับเขา สั่งสอนเขา ให้เขาพึ่งพาศรัทธาเป็นอาจารย์ เป้าหมายหลักๆ แล้ว อันที่จริงก็คือแบบนั้นสภาผู้อาวุโสหวังจะรวบรวมภาชนะหงส์แดงเข้ามา เพียงแต่เนื่องจากตระกูลเฟิงเจ้าเล่ห์เกินไป เพื่อรับประกันว่าตระกูลตนเองยังสามารถใช้ประโยชน์พลังของสัตว์เทพได้ จึงใช้มันออกมาแทบทุกวิถีทางไม่ว่าจะพันธนาการดวงวิญญาณของสัตว์เทพ หรือลงมือกับภาชนะสัตว์เทพอย่างเขาดังนั้นสภาผู้อาวุโสจึงทำไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงทำ