“ จั๋วเห้อหรงถูกลงโทษเพราะเขาพูดผิด ถึงอย่างไร เขาเป็นผู้อาวุโส เหตุใดเจ้าไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป” ผู้อาวุโสสามซักถาม“ตอนนี้ให้เจ้ากลับมาเป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่ของตระกูลอีกมิใช่หรือ คุณแม่และน้องชายของเจ้ายังอยู่สำนักงานใหญ่ของตระกูลอยุ่ เจ้าจะไปไหนหากเจ้าไม่กลับมา”ดวงตาของจั๋วซือหรานเย็นชาและนางจ้องมองผู้อาวุโสสาม "ท่านประกาศไล่ข้าออกต่อหน้าทุกคน ตอนนี้ท่านให้ข้ากลับมา ข้าต้องกลับมาเลยหรือ แล้วที่ข้าต้องเสียหน้าต่อหน้าชาวบ้าน ผู้ใดมาชดเชยข้า"ผู้อาวุโสสามยังอยากพูดต่อ แต่จั๋วซือหรานไม่ให้เขาพูดต่อ นางพูดต่อ "ข้าขอถามผู้อาวุโสสาม ในฐานะบุคคลที่ถูกไล่ออกจาก สำนักงานใหญ่ของตระกูล ตอนนี้ข้าไม่อยากกลับสำนักงานใหญ่ของตระกูล ข้าละเมิดกฎข้อใดหรือ"ผู้อาวุโสสามตกใจดวงตากลมโต แต่เข้าอ้าปากแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะ... ไม่มี นางไม่ได้ละเมิดกฎใด ๆ ของตระกูลก่อนอื่น กฎของสำนักงานใหญ่ของตระกูลเข้มงวดที่สุด ในขณะที่กฎของสาขาอื่นจะไม่เข้มวงดมากนัก ตราบใดที่ไม่ทำให้ตระกูลเสียหน้า นั่นจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่หาคนผู้นั้นไม่ชอยากกลับมาที่สำนักงานใหญ่ของตระกูล คนผู้นั้นไม่ละเมิดกฎของตระกูลจริง ๆเ
ก่อนหน้านี้ไม่นาน จั๋วหรูซินทราบจั๋วซือหรานมาที่ห้องโถงบรรพบุรุษ นางเลยมาดูบ้างนางรู้สึกทุกข์ใจมากเมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของพ่อของนางหลังจากถูกเฆี่ยนตี นางเลยยิ่งโกรธจั๋วซือหรานมากยิ่งขึ้นเมื่อนางมาถึง บังเอิญนางได้ยินผู้อาวุโสสามพูดอยู่ข้างใน นางเลยแอบยืนฟังอย่างที่ประตู นางไม่เคยคิดเลยว่า จั๋วซือหรานจะไม่ไว้หน้าแก่ผู้อาวุโสสามด้วยซ้ำและผู้อาวุโสใหญ่ก็เข้าข้างจั๋วซือหรานด้วยเมื่อสังเกตถึงเรื่องนี้ จั๋วซือหรานรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เนื่องจากแต่เดิม นางอยากมาหาเรื่องจั๋วซือหรานจั๋วหรูซินไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ในใจของนางได้ แม้ว่าเมื่อหลายปีก่อน จั๋วซือหรานได้รับการยกย่องอย่างสูงในครอบครัวมาโดยตลอด เนื่องจากความสามารถที่โดดเด่นของนาง ซึ่งทำให้จั๋วหรูซินรู้สึกอิจฉามากมาโดยตลอดแต่เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากฉินตวนหยางใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ กับนาง นางก็ถูกควบคุมโดยเสน่ห์หนอนพิษกู่ ซึ่งจั๋วหรูซินจึงรู้สึกจั๋วซือหรานไม่สามารถคุกคามนางอีกต่อไปจนกระทั่งจั๋วหรูซินเกือบลืมไปแล้วว่า นางมีความรู้สึกเป็นอย่างไรเมื่อจั๋วซือหรานได้รับการยกย่องอย่างมากจากตระกูลแต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ด
เมื่อออกจากห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเหลือบมองจั๋วหรูซินแวบหนึ่ง จั๋วหรูซินสบตานางและย่อตัวลงโดยหวาดกลัวจั๋วหรูซินไม่ได้ดูหยิ่งเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ไม่ว่ารูปร่าง ท่าทาง หรือการแสดงออกในสายตาของนางก็ตามจั๋วซือหรานค่อย ๆ เดินลงบันไดจากประตูโถงบรรพบุรุษคนรับใช้ที่พานางมาที่นี่ก่อนหน้านี้เห็นคุณหนูจิ่ว ผู้มีเสน่ห์เดินลงมาจากประตูห้องโถงบรรพบุรุษและเดินผ่านพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นนอกจากนี้ยังมีคำพูดที่ลอยไปตามสายลมพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ศัตรูล้วนเป็นเสือกระดาษ”......เมื่อเทียบกับความสงบและความมั่นใจของจั๋วซือหรานแล้ว จั๋วหรูซินตื่นตระหนกอย่างมากเหล่าผู้อาวุโสกำลังคิดหาแผนว่าจะรักษาจั๋วซือหรานไว้อย่างไร ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจเรื่องที่นางเข้าไปในห้องโถงบรรพบุรุษโดยไม่ได้รับอนุญาตจั๋วหรูซินกลับมาที่ลานบ้านของนาง ใบหน้าของนางขาวราวกับน้ำค้างแข็งเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางแย่เช่นนี้ สาวใช้ก็เข้ามาถามว่า "คุณหนู คุณหนูสบายดีไหม คุณหนูดู"จั๋วหรูซินเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง นางโกรธและตะโกน "อย่าเรื่องมาก"สาวใช้ตัวสั่นจั๋วหรูซินถาม "ท่านพ่ออยู่ที่ไหน ท่านพี่อหลับหรือยัง"สาวใช้ตัวสั
คุณท่านจั๋วลิ่วขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วหรูซินเขาลดเสียงลงและถามลูกสาว "หรูซิน เเรื่องของจั๋วจิ่ว ความจริงคืออย่างไร บอกความจริงกับพ่อ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครช่วยหนูได้"เสียงของคุณท่านจั๋วลิ่วเข้มงวดมาก เดิมทีจั๋วหรูซินกลัวมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันเข้มงวดของท่านพ่อ นางยิ่งกลัวมากขึ้น นางหวาดกลัวจนเสียงสั่นเทาคุณท่านจั๋วลิ่วห้ามนางร้องไห้ด้วยเสียงเบา ๆ "อย่าร้องไห้ พูดดี ๆ "แม้ว่าจั๋วหรูซินจะเป็นลูกสาวของเขาจริง ๆ แต่ตอนนี้ เขาก็ต้องยอมรับจากในว่า สติปัญญาของลูกสาวของเขาไม่ดีเท่าของจั๋วจิ่วเขาคิดนึกถึงภาพว่า จั๋วจิ่วไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวเมื่อนางได้รับการลงโทษถึงเก้าแส้เขามีความรู้สึกเลยว่า... เขากับรูซินอาจจะรุกรานผิดคนจั๋วหรูซินสำลักอยู่ครู่หนึ่ง นางรีบเช็ดน้ำตา หายใจเข้าลึก ๆ เล็กน้อย และสงบอารมณ์ของนางลง“เจ้าค่ะ ...หนู หนูไม่ร้องไห้แล้วเจ้าค่ะ” จั๋วหรูซินค่อย ๆ สงบอารมณ์ลง“ตอนนี้เล่าให้พ่อฟังสิว่า เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ เรื่องก่อนหน้านี้ของจั๋วจิ่ว เกี่ยวอะไรกับหนู” คุณท่านจั๋วลิ่วถามเขาปวดหัวเล็กน้อยจริง ๆ เขามักจะตาม
จั๋วหรูซินยังช่วยองค์หญิงเจาหมิ่นแก้ตัวคุณท่านจั๋วลิ่วโกรธมากจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด "ใจดีหรือ ท่านใจดีแและให้หนูทำร้ายน้องสาวของตัวเองหรือ นี่คือความใจดีของที่ไหนกัน แล้วหนู จั๋วหรูซิน สมองของหนูไปไหนแล้ว"จั๋วหรูซินอาจไม่เคยถูกพ่อของนางดุเช่นนี้มาก่อน นางตกตะลึงทันที ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และน้ำตาก็ไหลลงมา"หนู..." จั๋วหรูซินร้องไห้ขณะเช็ดน้ำตา "แต่ท่านใจดีมาก หลังจากท่านฟังหนูพูดมาหลายเรื่อง ในที่สุดท่านก็เอาของบางอย่างที่มาจากดินแดนทางใต้มาให้หนู ตราบใดที่หนูเล่นงานจั๋วจิ่ว ทำให้นางแต่งงานกับเฟิงซื่อจื่อไม่ได้ ดังนั้นการหมั้นหมายก็จะตกที่หนูเอง…”เสียงตบหน้า"เพี้ย"ดังขึ้นก่อนที่จั๋วหรูซิน จะพูดจบ นางก็ถูกขัดจังหวะด้วยการตบหน้าอันดังจั๋วหรูซินตกตะลึง“คนโง่ คนโง่ คนโง่” คุณท่านจั๋วลิ่วตะโกนด้วยความโกรธ “ข้ามีลูกสาวโง่ ๆ อย่างหนูได้อย่างไร ท่านให้หนูเป็นแพะรับบาทชัด ๆ แต่หนูยังไม่รู้ตัวเลย”ทีนี้จั๋วหรูซินตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง นางพูดไม่ออกสักคำคุณท่านจั๋วลิ่วโกรธมากจนเลือดของเขาพุ่งพล่าน เขาโกรธจนจะเป็นลม มองไม่เห็นอะไร และกลิ่นเลือดก็ดูเหมือนออกมาจากลำคอของ
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกสาว คุณท่านจั๋วลิ่วก็หัวเราะเยาะ "แต่หนูดูสิ นางได้ฟังคำพูดของท่านอ๋องเซี่ยน และทำร้ายพี่สางน้องสาวของครอบครัวบ้างไหม"“ไม่ว่าจั๋วจิ่วจะบ้าแค่ไหน นางก็แค่อยากได้ของของตัวเองกลับ ตัวอย่างเช่น นางได้รับตำแหน่งเรียนหอหลวงจากไทเฮาตามความสามารถของนางเอง หนูเคยเห็นนางทำร้ายคนในครอบครัวหรือ "คำถามของคุณท่านจั๋วลิ่วทำให้จั๋วหรูซินเงียบและพูดไม่ออกสักคำเมื่อเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ คุณท่านจั๋วลิ่วไม่พูดอะไรต่อแม้ว่าลูกสาวของเขาจะไม่มีความสามารถที่เก่งกาจ แต่สุดท้ายนางยังเป็นลูกสาวของเขาอยู่ดีคุณท่านจั๋วลิ่วหายใจเข้าลึก ๆ เล็กน้อย เขาสงบลงเล็กน้อย และถามด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า " ซินเอ๋อร์ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคิดที่จะตำหนิองค์หญิงเจาหมิ่น"จั๋วหรูซินกระซิบ "แต่... เราควรทำอย่างไรดี"คุณท่านจั๋วลิ่วถามว่า “นอกจากองค์หญิงเจาหมิ่นแล้ว มีใครรู้หนูทำร้ายจั๋วจิ่วอีกไหม”จั๋วหรูซินกล่าว " ฉินตวนหยางรู้"คุณท่านจั๋วลิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เขาไม่สำคัญ เขาได้รับตำแหน่งและเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ตระกูลขุนนางไม่สามารถแอบลงโทษเขา"จั๋วหรูซินกัดริมฝีปากของนาง "เช่นนั้นมี
สาวใช้วังงง “แต่ทำไมเพคะ”องค์หญิงเจาหมิ่นกล่าวว่า "เพราะว่า...นางเป็นตัวเสี่ยง กล่าวโดยสรุป เมื่อข่าวนี้เข้าหูของจั๋วจิ่ว นางต้องจำข้าอย่างแม่น ถูกคนฉลาดมองว่าข้าเป็นศัตรู นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย"“องค์หญิงคิดว่าจะทำอะไรต่อเพคะ” สาวใช้ในวังถาม“แน่นอน... ควรโจมตีก่อนดีกว่า” องค์หญิงเจาหมิ่นยิ้มเบา ๆ “ ข้าได้ยินมานานแล้วว่า คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วนั้นสวยงามอย่างน่าทึ่ง เสด็จพี่ห้าของข้าชอบสาวสวยมาตลอด ไปเสนอ เสด็จพี่ห้าจัดงานเลี้ยงน้ำชาและเชิญคุณหนูจั๋วจิ่วมาร่วมงาน หากไม่มีข้องอ้าง ให้ในนามวันเกิดของข้าละกัน”“หม่อมฉันรับทราบเพคะ” สาวใช้ในวังตอบรับคำสั่งและเตรียมตัวไปทำหน้าที่"เดี๋ยวก่อน"ดูเหมือนองค์หญิงเจาหมิ่นคิดอะไรบางอย่างออก นางจึงเรียกสาวใช้หยุด“องค์หญิงมีคำสั่งใด ๆ เพคะ”องค์หญิงเจาหมิ่นหยิบขวดกระเบื้องออกมาแล้วพูดว่า "เอาขวดนี้ไปให้เสด็จพี่ห้า แล้วบอกเสด็จพี่ว่า..."องค์หญิงเจาหมิ่นกล่าวพร้อมกับร้อยยิ้ม “บอกว่า คุณหนูจั๋วจิ่ว นั้นเป็นผู้ที่ไม่อาจควบคุมได้ นี่คือน้ำใจของน้องสาว นี่ไม่มีสีและไร้กลิ่น แม้เป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดก็สามารถกลายเป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนได้ และเ
“ ฮั่วชิงหยวน ”นิ้วที่ละเอียดอ่อนของหญิงสาวโบกมือต่อหน้าต่อตาของเขา และทันใดนั้นฮั่วชิงหยวนจึงมีสติกลับ“แม่นาง... แม่นางจิ่ว” ฮั่วชิงหยวนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ไเขาเคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มาก่อน เพราะในตระกูลของเขา พี่สาวน้องสาวของเขามีหน้าตาอันงดงามยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใช่คนที่ดิ้นรนหาสาวสวย แต่ทันใดนั้น เขาหลงไหลในความสวยของคุณหนูจั๋วจิ่ว“เป็นอะไร” จั๋วซือหรานเห็นฮั่วชิงหยวนใจไม่อยู่กับตัว “เจ้าไม่ได้พักผ่อนหรือ”“เปล่า ๆ ” ฮั่วชิงหยวน รีบโบกมือซ้ำ ๆ ด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองจั๋วซือหราน ดังนั้นเขาจึงพูดว่า "ก็... แม่นางจิ่วดูดีนะ ”จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่านางเข้าใจว่า ทำไมฮั่วชิงหยวนถึงมึนงงมาครู่หนึ่งแล้วนางโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย "เมื่อผู้คนเมีความสุข พวกเขาก็ดูดีตามธรรมชาติ ไม่พูดเรื่องนี้ก่อน คุณชายห้าฮั่วมาหาข้า มีธุระอันใดหรือ"“ แม่นางจิ่วยังจำข้อตกลงระหว่างเราสองคนได้ไหมขอรับ เรื่องที่ข้าเลี้ยงเจ้าดื่มชา” ฮั่วชิงหยวนถามจั๋วซือหรานมีความทรงจำที่ดีมาก และเวลาผ่านไปไม่นาน เธอจำได้ว่านางได้ตกลงกับฮั่วชิงหยวนที่ด้านนอกของหน่วยสืบสวนพิเศษ
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น
หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา
จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท
นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้
"ดังนั้นจึงมาลงมือกับเจ้าหรือ?" จั๋วซือหรานมองไปทางแมงมุมน้อย "ถึงอย่างไรพอพูดขึ้นมา เจ้าเองก็ก็เป็นสิ่งมีพิษที่หาได้ยากด้วยนี่ แล้วยังเป็นระดับราชาสัตว์ด้วย ถ้าเขาเสพติดพิษขึ้นมาด้วยคุณสมบัติร่างกายแบบนั้นจริงล่ะก็..."จั๋วซือหรานตบเบาๆ ลงไปบนแขนเคียวของราชาแมงมุมหน้าผี "เจ้าเองก็ตัวใหญ่ขนาดนี้ ถือเป็นของบำรุงที่ไม่เลยเลยทีเดียว"จั๋วซือหรานก็เหมือนตระหนักได้ถึงแก่นแท้เรื่องราวในชั่วพริบตาราชาแมงมุมหน้าผีได้ยินการคาดเดากับการวิเคราะห์ของจั๋วซือหราน ก็คิดขึ้นมาถึงความเป็นไปได้นี้ พอคิดไปถึงว่าตนเองเกือบถูกคนเอาไปเป็นของบำรุงแล้ว ก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"ยังดีที่นายท่านช่วยเหลือไว้" แมงมุมน้อยเอ่ยขึ้นแม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานเข้าใกล้แก่นแท้ของเรื่องราวไปแล้วในชั่วพริบตานั้น แต่นางก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนักนางโบกไม้โบกมือ เอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าคิดเล็กคิดน้อย ด้วยพลังของคนเมื่อครู่นี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้าก็ไม่ไปหาเรื่องเขาหรอก คนแบบนั้น การสู้ให้ตายกันไปข้าง น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางสังเกตสภาพของแมงมุมน้อยไปด้วย จากนั้นจึงตบเบาๆ แล้วเอ่ยขึ
เจ้าคิดว่าข้าทรยศเจ้า ใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งเต็มประดานักหรือ?! เจ้ามันก็จนตรอกแล้วเท่านั้น!รอให้เจ้าจนตรอกเสียก่อน เพื่อจะมีชีวิตต่อไปเจ้าก็ต้องทรยศคนทั้งหมดเหมือนกัน! เจ้าจะลงหมอบคลานกับพื้นส่ายหางอย่างน่าสงสาร!เจ้าไม่ได้ดีกว่าข้าหรอก! เจ้าก็จะเป็นเหมือนข้า! ถึงอยี่างไร ข้าก็เป็นคนสอนเจ้ามา!"หลงเฉินพูดจบ ก็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่งเขาไม่ได้สังเกตเห็นสีตาของเฟิงเหยียน ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาพอควรเสียงของเฟิงเหยียนกดลงต่ำมาก แต่กลับหนักแน่น "ข้าไม่มีทางเป็นแบบนั้น"เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่น่าเศร้าซึ่งพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดในสมองก็อดคิดถึงเรื่องเหล่านั้นสมัยยังเด็กขึ้นมาไม่ได้เสียงที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ นั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อบานสะพรั่ง หลับตาพริ้ม กำลังดื่มชาขาวดอกสาลี่ยิ้มตาหยีบอกกับเขาว่า "เหยียนเอ๋อร์ อันที่จริงเจ้าไม่ต้องพยายามอยากจะเติบโตอยากจะแข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก เพราะพอเติบโตแล้ว...มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด คำของข้า รอเจ้าโตแล้วก็จะเข้าใจเอง"ตอนนั้นใบหน้าที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับใบหน้าที่บ้าคล
สีหน้าหลงเฉินปั้นยากมาก แต่...ไอ้การข่มกันของธาตุนี้เหมือนกับเป็นความสามารถแต่กำเนิด! ควบคุมได้ยากมากดังนั้นในพริบตาที่อุณหภูมิร้อนแรงบนตัวเฟิงเหยียน กับประกายไฟไร้รูปร่างปรากฏขึ้นร่างของหลงเฉินก็เบี่ยงหลบไปอย่างควบคุมไม่ได้เขียนเอ่ยเสียงแข็ง "เจ้า...จะทำอะไร"เฟิงเหยียนเหมือนห่อไว้ด้วยเปลวไฟทั้งตัว ทั้งร่างราวกับเป็นลูกไฟ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างร้ายกาจแล้วจึงเดินไปด้านหน้าโดยไม่สนใจใครไม่นานนักก็มาถึงตำแหน่งใจกลางหมอกพิษ จึงมองเห็นบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบใจกลางเทียนช่อนั้นมันเป็นเหมือนกับชื่อเลย มีเจ็ดดอก ใบเจ็ดใบ ทุกดอกล้วนเป็นสีม่วง เกสรสีเหลืองยาวมาก ราวกับเป็นเทียนแล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นมันบานอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ บ่อน้ำยังใหญ่ไม่เท่าใบหน้าเลย แต่ของเหลวที่อยู่ด้านใน ดูแล้วกลับเป็นสีม่วงเข้ม!และเจ้าของเหลวสีม่วงเข้มเหล่านี้ พอเดือดระเหย แล้วผสมเข้ากับความชื่นในอากาศของป่าทวนแสง นานวันเข้าจึงกลายเป็นหมอกพิษที่เข้มข้นขึ้น"ที่แท้ท่านก็คอยคุ้มครองเจ้าสิ่งนี้นี่เอง" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งหลังจากนั้นจึงยื่นมือไปทางบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนช่อนั้น"หยุดนะ!" หลงเฉินตะโก
หลงเฉินเนื่องจากร่างกายแบกพลังมังกรหนามม่วงไว้ แต่สิ่งที่ต้องนำมาสะกดนั้นตรงข้ามกับเฟิงเหยียนหลงเฉินเป็นประเภทที่ต้องพึ่งพาคุณสมบัติต่อพิษ ถ้าหากไม่มีการหาสิ่งที่พิษ พิษของมังกรหนามม่วงในร่างกายก็จะเริ่มทำร้ายตนเองอันที่จริงถ้าหากจั๋วซือหรานอยู่ที่นี่แล้วมีปฏิกิริยากับเนื้อหาที่เฟิงเหยียนพูดมาล่ะก็ คงจะมีคำจำกัดความให้อย่างรวดเร็วว่า:นี่มันก็เหมือนกับติดยาเสพติดนี่นาสถานการณ์ของหลงเฉินตอนนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ"เพราะที่พรมแดนใต้มีสิ่งมีพิษอยู่มากกว่า" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "แต่ก่อน บางทีท่านก็หายไประยะหนึ่ง บอกว่าตนเองปิดด่าน หลังจากกลับมาสีหน้ากับสภาพก็ไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้พอคิดๆ ดู ท่านก็น่าจะไปเอาสิ่งมีพิษมาใช้ประโยชน์กับตัวเองสินะ...ท่านอยู่แค่ในป่านี้ ก็เพราะที่นี่มีหมอกพิษข้าเดาว่าท่านคิดจะสูดรับหมอกพิษเหล่านี้แล้ว ค่อยไปยังใจกลางหมอกพิษเอาสมบัติที่ก่อหมอกพิษหนาแน่นนี้มาใช้ประโยชน์กับตนเองและสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ท่านลงมือกับสัตว์อสูรของจั๋วเสียวจิ่ว ก็น่าจะเพราะแมงมุมตัวนั้นไปพบกับสมบัติที่ใจกลางหมอกพิษ แล้วกำลังจะเก็บมันมาสินะยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะ แมงมุมตัวนั้นก็เ