จั๋วหรูซินยังช่วยองค์หญิงเจาหมิ่นแก้ตัวคุณท่านจั๋วลิ่วโกรธมากจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด "ใจดีหรือ ท่านใจดีแและให้หนูทำร้ายน้องสาวของตัวเองหรือ นี่คือความใจดีของที่ไหนกัน แล้วหนู จั๋วหรูซิน สมองของหนูไปไหนแล้ว"จั๋วหรูซินอาจไม่เคยถูกพ่อของนางดุเช่นนี้มาก่อน นางตกตะลึงทันที ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และน้ำตาก็ไหลลงมา"หนู..." จั๋วหรูซินร้องไห้ขณะเช็ดน้ำตา "แต่ท่านใจดีมาก หลังจากท่านฟังหนูพูดมาหลายเรื่อง ในที่สุดท่านก็เอาของบางอย่างที่มาจากดินแดนทางใต้มาให้หนู ตราบใดที่หนูเล่นงานจั๋วจิ่ว ทำให้นางแต่งงานกับเฟิงซื่อจื่อไม่ได้ ดังนั้นการหมั้นหมายก็จะตกที่หนูเอง…”เสียงตบหน้า"เพี้ย"ดังขึ้นก่อนที่จั๋วหรูซิน จะพูดจบ นางก็ถูกขัดจังหวะด้วยการตบหน้าอันดังจั๋วหรูซินตกตะลึง“คนโง่ คนโง่ คนโง่” คุณท่านจั๋วลิ่วตะโกนด้วยความโกรธ “ข้ามีลูกสาวโง่ ๆ อย่างหนูได้อย่างไร ท่านให้หนูเป็นแพะรับบาทชัด ๆ แต่หนูยังไม่รู้ตัวเลย”ทีนี้จั๋วหรูซินตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง นางพูดไม่ออกสักคำคุณท่านจั๋วลิ่วโกรธมากจนเลือดของเขาพุ่งพล่าน เขาโกรธจนจะเป็นลม มองไม่เห็นอะไร และกลิ่นเลือดก็ดูเหมือนออกมาจากลำคอของ
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกสาว คุณท่านจั๋วลิ่วก็หัวเราะเยาะ "แต่หนูดูสิ นางได้ฟังคำพูดของท่านอ๋องเซี่ยน และทำร้ายพี่สางน้องสาวของครอบครัวบ้างไหม"“ไม่ว่าจั๋วจิ่วจะบ้าแค่ไหน นางก็แค่อยากได้ของของตัวเองกลับ ตัวอย่างเช่น นางได้รับตำแหน่งเรียนหอหลวงจากไทเฮาตามความสามารถของนางเอง หนูเคยเห็นนางทำร้ายคนในครอบครัวหรือ "คำถามของคุณท่านจั๋วลิ่วทำให้จั๋วหรูซินเงียบและพูดไม่ออกสักคำเมื่อเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ คุณท่านจั๋วลิ่วไม่พูดอะไรต่อแม้ว่าลูกสาวของเขาจะไม่มีความสามารถที่เก่งกาจ แต่สุดท้ายนางยังเป็นลูกสาวของเขาอยู่ดีคุณท่านจั๋วลิ่วหายใจเข้าลึก ๆ เล็กน้อย เขาสงบลงเล็กน้อย และถามด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า " ซินเอ๋อร์ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคิดที่จะตำหนิองค์หญิงเจาหมิ่น"จั๋วหรูซินกระซิบ "แต่... เราควรทำอย่างไรดี"คุณท่านจั๋วลิ่วถามว่า “นอกจากองค์หญิงเจาหมิ่นแล้ว มีใครรู้หนูทำร้ายจั๋วจิ่วอีกไหม”จั๋วหรูซินกล่าว " ฉินตวนหยางรู้"คุณท่านจั๋วลิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เขาไม่สำคัญ เขาได้รับตำแหน่งและเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ตระกูลขุนนางไม่สามารถแอบลงโทษเขา"จั๋วหรูซินกัดริมฝีปากของนาง "เช่นนั้นมี
สาวใช้วังงง “แต่ทำไมเพคะ”องค์หญิงเจาหมิ่นกล่าวว่า "เพราะว่า...นางเป็นตัวเสี่ยง กล่าวโดยสรุป เมื่อข่าวนี้เข้าหูของจั๋วจิ่ว นางต้องจำข้าอย่างแม่น ถูกคนฉลาดมองว่าข้าเป็นศัตรู นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย"“องค์หญิงคิดว่าจะทำอะไรต่อเพคะ” สาวใช้ในวังถาม“แน่นอน... ควรโจมตีก่อนดีกว่า” องค์หญิงเจาหมิ่นยิ้มเบา ๆ “ ข้าได้ยินมานานแล้วว่า คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วนั้นสวยงามอย่างน่าทึ่ง เสด็จพี่ห้าของข้าชอบสาวสวยมาตลอด ไปเสนอ เสด็จพี่ห้าจัดงานเลี้ยงน้ำชาและเชิญคุณหนูจั๋วจิ่วมาร่วมงาน หากไม่มีข้องอ้าง ให้ในนามวันเกิดของข้าละกัน”“หม่อมฉันรับทราบเพคะ” สาวใช้ในวังตอบรับคำสั่งและเตรียมตัวไปทำหน้าที่"เดี๋ยวก่อน"ดูเหมือนองค์หญิงเจาหมิ่นคิดอะไรบางอย่างออก นางจึงเรียกสาวใช้หยุด“องค์หญิงมีคำสั่งใด ๆ เพคะ”องค์หญิงเจาหมิ่นหยิบขวดกระเบื้องออกมาแล้วพูดว่า "เอาขวดนี้ไปให้เสด็จพี่ห้า แล้วบอกเสด็จพี่ว่า..."องค์หญิงเจาหมิ่นกล่าวพร้อมกับร้อยยิ้ม “บอกว่า คุณหนูจั๋วจิ่ว นั้นเป็นผู้ที่ไม่อาจควบคุมได้ นี่คือน้ำใจของน้องสาว นี่ไม่มีสีและไร้กลิ่น แม้เป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดก็สามารถกลายเป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนได้ และเ
“ ฮั่วชิงหยวน ”นิ้วที่ละเอียดอ่อนของหญิงสาวโบกมือต่อหน้าต่อตาของเขา และทันใดนั้นฮั่วชิงหยวนจึงมีสติกลับ“แม่นาง... แม่นางจิ่ว” ฮั่วชิงหยวนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ไเขาเคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มาก่อน เพราะในตระกูลของเขา พี่สาวน้องสาวของเขามีหน้าตาอันงดงามยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใช่คนที่ดิ้นรนหาสาวสวย แต่ทันใดนั้น เขาหลงไหลในความสวยของคุณหนูจั๋วจิ่ว“เป็นอะไร” จั๋วซือหรานเห็นฮั่วชิงหยวนใจไม่อยู่กับตัว “เจ้าไม่ได้พักผ่อนหรือ”“เปล่า ๆ ” ฮั่วชิงหยวน รีบโบกมือซ้ำ ๆ ด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองจั๋วซือหราน ดังนั้นเขาจึงพูดว่า "ก็... แม่นางจิ่วดูดีนะ ”จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่านางเข้าใจว่า ทำไมฮั่วชิงหยวนถึงมึนงงมาครู่หนึ่งแล้วนางโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย "เมื่อผู้คนเมีความสุข พวกเขาก็ดูดีตามธรรมชาติ ไม่พูดเรื่องนี้ก่อน คุณชายห้าฮั่วมาหาข้า มีธุระอันใดหรือ"“ แม่นางจิ่วยังจำข้อตกลงระหว่างเราสองคนได้ไหมขอรับ เรื่องที่ข้าเลี้ยงเจ้าดื่มชา” ฮั่วชิงหยวนถามจั๋วซือหรานมีความทรงจำที่ดีมาก และเวลาผ่านไปไม่นาน เธอจำได้ว่านางได้ตกลงกับฮั่วชิงหยวนที่ด้านนอกของหน่วยสืบสวนพิเศษ
ฝูซูถาม “วันนี้คุณหนูไม่ออกไปข้างนอกหรือขอรับ”“จ้ะ วันนี้ไม่ออกไปแล้ว” จั๋วซือหรานพยักหน้า นางคิดแล้วยิ้ม “เพื่อไม่ให้คนอื่นว่าจะแข่งพรุ่งนี้แล้ว ข้ายังไม่ตั้งใจเตรียมตัว วัน ๆ เดินเล่นที่ข้างออก และไม่ไว้หน้าตระกูลเหยียน ”ฝูซูสับสนเล็กน้อยและถามว่า "ทำไมเราต้องเคารพตระกูลเหยียนด้วย พวกเขารังแกคุณหนูเช่นนั้น...""นั่นคือสิ่งที่ฉันพูด" จั๋วซือหราน คิดอยู่ครู่หนึ่ง "แต่คู่แข่งอาจเป็นเหยียนฉี เขาเป็นคนดี และเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านอ๋อง ดังนั้นถือว่าเราไว้หน้าให้ท่านอ๋องละกัน"“ถ้าอย่างนั้น ข้าหน้าใหญ่ดี” เสียงต่ำและเย็นชาดังขึ้นนอกประตู เสียงนั้นช่างมีเสน่ห์และไพเราะอย่างมากเสีนงนั้นมีความโดดเด่นอย่างมาก จั๋วซือหรานรู้ทันทีว่าเป็นเขาเมื่อได้ยินเสียงนั้น นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ทำไมท่านอ๋องถึงมาที่นี่"ทันทีที่นางพูดจบ มีร่างสูงหนนึ่งร่างเดินเข้ามา“ข้าอยากรอใครสักคนมารายงานเจ้า แต่จวนของเจ้าค่อนข้างน่าสนใจ” ชายคนนั้นสวมชุดสีดำและดูเรียบร้อย เขาตรง “ไม่มีแม้แต่เจ้าหน้าที่ดูแลแขกที่ประตู จากทางเข้าหลักไปยังห้องโถงหน้า ข้าไม่เห็นคนรับใช้สักคนเลย”“อ้าว” จั๋วซือหรานตอบ นาง
จั๋วซือหรานสังเกตสายตาของเขา และในขณะที่นางคิดเรื่องนี้พอดี นางเลยถาม " ท่านอ๋องรู้จักสวนพักผ่อนหลิ่วพ่านหรือไม่ ข้าจำได้ว่านั่นเป็นวังพักร้อนของราชวงศ์ใช่ไหม"ในความทรงจำของชะตาของเจ้าของร่างเดิม มีหลายเรื่องไม่ชัดเจนอย่างมาก และโชคชะตาของนางก็ถูกเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงจากการมาถึงของนาง ทุกเรื่องเสมือนทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกตอนนี้จั๋วซือหรานอาจรู้รายละเอียดสำคัญของบางเรื่องเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ บางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากนางไม่ได้เดินตามชะตากรรมอันน่าเศร้าดั้งเดิมของเจ้าของร่างเดิมสรุปคือในชะตากรรมของเจ้าของร่างเดิมไม่มีความทรงจำใด ๆ ที่เกี่ยวกับสวนพักผ่อนหลิ่วพ่านดังนั้นจั๋วซือหรานจึงพึ่งพาได้เพียงแค่การคาดเดา แต่ตอนนี้เมื่อ เฟิงเหยียนอยู่ที่นี่ นางสามารถถามเขาได้พอดีเฟิงเหยียนเหลือบมองนางแล้วพูดว่า "สวนแห่งหนึ่งของราชวงศ์ ช่วงไม่กี่ปีผ่านมา องค์ชายห้าใช้สวนนี้เป็นหลัก"เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ จั๋วซือหรานรู้ทันที นางเลิกคิ้วขึ้น "เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำตอบของท่านอ๋อง "เฟิงเหยียนก้าวเท้าและว่าจะจากไปจั๋วเสียวจิ่ว ผู้ที่สามารถสร้างความวุ่นว
“คุณหนู คุณหนูคงไม่ได้...หรอกนะ” ฝูซูถามอย่างระมัดระวัง“อ่อ” จั๋วซือหรานตอบ “ควรไปก็ต้องไป”ฝูซูไม่เข้าใจ เขาจับหัว เขารู้สึกสับสนอย่างมาก เขาถาม"ทำไมขอรับ"“รู้ล่วงหน้าว่านี่คือกับดัก หากข้าไปก็หลีกเลี่ยงได้พอสมควร พวกเขาอยากทำร้ายข้าหรือ เช่นนั้น ข้าจะวางแผนรับมือตามแผนการของพวกเขา ไม่ทราบนะ ว่าใครจะทำร้ายใครก่อน”จั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "ท้ายที่สุดแล้ว มีโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไม่มากนัก อีกอย่างข้าถูกเชิญไปงาน หลังจากข้าทำสิ่งเลวร้ายเสร็จแล้ว ข้าก็ยังบริสุทธิ์อยู่"หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ฝูซูกระพริบตา จากนั้นก็กระพริบตาอีกครั้ง จากนั้นส่ายหัวอย่างจริงใจแล้วพูดว่า "ข้าฟังไม่เข้าใจ"“หมายความว่า หนามยอกเอาหนามบ่ง เจ้าไปเข้าใจเองละกัน” จั๋วซือหรานยืดตัวฝูซูรีบถาม “คุณหนู คุณหนูจะไปไหนขอรับ”“ไปนอนต่อ”......ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ตระกูลเหยียนต้องแข่งขันกับจั๋วซือหราน เนื่องจากข่าวออกมาเร็วพอ ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงรู้เรื่องนี้กันหมดเดิมทีถนนที่ศูนย์การแพทย์ตั้งอยู่จะอยู่ในย่านที่เงียบสงบกว่าของย่านธุรกิจ แต่ปัจจุบันกลับคึกคักมากไม่ต้องพูดถึงเหล่าตระกูลขุนนางเลย แม้แต่ชาวบ้านธรร
ทันทีที่จั๋วซือหรานเดินเข้าไปในศูนย์การแพทย์ของตระกูลเหยียน เดิมทีนางคิดว่านางจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ตระกูลเหยียนมีคนจำนวนมากเพียงลำพังโดยไม่คาดคิด คนแรกที่นางเห็นเมื่อเดินเข้าไปในศูนย์การแพทย์ของตระกูลเหยียนคือใบหน้าที่สวมหน้ากากเปลวไฟสีดำแปลก ๆและข้างกายของชายผู้นี้มีชายร่างสูงสวมหน้ากากของตราตันติ่ง"...ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่เจ้าคะ" จั๋วซือหรานไม่คาดคิดจริง ๆ ว่า ซือหลี่ตันติ่งและ ซือหลี่ฝายเทียนจะปรากฏตัวที่นี่ ดังนั้นหลังจากแสดงความประหลาดใจ นางก็รีบทักทาย "สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านซือหลี่ทั้งสอง"เสียงของซือหลี่ตันติ่งนั้นสงบและเที่ยงธรรมเช่นเคย“เนื่องจากการแข่งขันระหว่างเจ้าและตระกูลเหยียนได้รับการตัดสินโดยหน่วยสืบสวนพิเศษ เช่นนั้นคนของหน่วยสืบสวนพิเศษมาชม เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”จั๋วซือหรานไม่ได้พูดอะไรในทันที นางมองไปที่ซือหลี่ตันติ่งสักครู่โดยโค้งริมฝีปากและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ท่านพูดสมเหตุสมผล ข้าแค่... ข้ารู้สึกภาคภูมิใจ "อันที่จริงจั๋วซือหรานตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า การที่ท่านทั้งสองนี้มาที่นี่เป็นเรื่องที่ดีมิเช่นนั้น หากตระกูลเหยียนอยากทำอะไรชั่ว ๆ เพราะพวกเขามีคน
แต่ว่าเนื้อหาในคำพูด กลับมีเหตุผล และชัดเจนมากเหล่าขุนพลไม่มีใครฟังไม่เข้าใจเข้าใจความคิดที่ฉีฮ่าวต้องการแสดงออกมาในทันที ถ้าหากพวกเขาเหล่านี้เป็นทหาร หากสูญเสียจิตใจปวงประชาไป เช่นนั้นก็จบสิ้นกันแล้ว...เช่นนั้นพวกเขาจะต่างอะไรกับโจรขโมย?จั๋วซือหรานยืนอยู่ข้างๆ ฟังฉีฮ่าวพูดประโยคเหล่านี้นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า ฉีฮ่าวแม้จะเป็นชายชาติทหารร่างใหญ่กักขฬะ แต่ในจุดนี้กลับเข้าใจเป็นอย่างดีนางไม่ได้คิดจะมอบให้เปล่าๆ นางไม่ใช่พวกทำการกุศลอะไรแคว้นชางอะไร กองทหารอะไร นั่นโน่นนี่ถ้าเจ้าของร่างเดิมก็อาจจะมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอยู่กระมัง?แต่จั๋วซือหรานอย่างนางนั้นไม่มีนางไม่ใช่ว่าคิดจะไม่มอบให้ เพียงแต่ว่านางคิดจะทำขึ้นเอง ถ้าเป็นไปได้ก็จะหขายให้กับกองทหารมีทักษะเช่นนี้ แน่นอนว่าอยู่ในมือตนเองจะมั่นคงกว่านางมาจากต่างโลก ต่างโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าโลกใบนี้พูดได้ว่ายืนอยู่บนบ่าของยักษ์ใหญ่แล้วยักษ์ใหญ่ก็ไม่ได้มีไว้ให้คนอื่นขโมยไป...คนคนนั้นเดินเข้ามา คุกเข่าลงตรงหน้าจั๋วซือหราน"ข้าขอโทษ แม่นางจิ่ว ข้ายอมรับโทษแล้ว!" ขุนพลเอ่ยขึ้น เขาหยิบหน้าไม้กลสอง
และเพราะนางยิ้มอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังยิ้มอย่างอัธยาศัยดีด้วย ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่านางตอบรับแล้วอย่างน้อยปฏิกิริยาแรกของฉีฮ่าวก็คือนางตอนรับแล้ว ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า "เช่นนั้นก็ขอบคุณ..."พูดไปได้แค่ครึ่งเดียว ฉีฮ่าวจึงเพิ่งตั้งตัวได้ ว่านางบอกว่าไม่ได้นี่นาชั่วขณะหนึ่งก็งงงันไป"ไม่ ไม่...ไม่ได้หรือ?" ฉีฮ่าวถามงึมงำขึ้นมาจั๋วซือหรานพยักหน้า "อืม ไม่ได้"ข้างๆ มีขุนพล ที่น่าจะรู้สึกหวั่นไหวกับอาวุธนี้จริงๆบวกกับอาการร้อนรน จึงเอ่ยขึ้นทันที "ทำไมจึงไม่ได้หรือ? ถ้าหากอาวุธเช่นนี้สามารถมอบให้กับกองทหารได้ จะยกระดับความสามารถการทำสงครามขึ้นมหาศาลเลย...""แต่นั้นเกี่ยวอะไรกับข้าหรือ" จั๋วซือหรานมองไปทางเขาขุนพลคนนี้ถูกคำพูดของนางทำให้ชะงัก ชั่วขณะหนึ่งพูดอะไรไม่ออกแต่ก็มองออกไม่ยาก สีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาแล้ว ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า "ท่านเป็นประชาชนของต้าชาง ของเช่นนี้ หากมอบให้กับกงอทหาร จะนำคุณประโยชน์มาได้มากมาย"จั๋วซือหรานมองเขาเย็นชา "ตอนที่ข้าถูกคนเป็นหมื่นตำหนิ ก็ไม่เห็นว่าพวกเจ้าจะมาปกป้องข้าในฐานะคนของต้าชางเลย"ฉีฮ่าวพอได้ยินน้ำเสียงของจั๋วซือหราน ในใจก็สั่นกึก ฉั
"จั๋วจิ่ว! เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีจุดจบอย่างไรกัน?! แดนใต้ไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่""สำนักพวกเราเองก็จะไม่ปล่อยเจ้าด้วย!""สภาผู้อาวุโสก็จะไม่ปล่อยเจ้า!""จั๋วจิ่วเจ้าจะไม่ตายดี! เจ้าจะไม่ได้ตายดี!"จั๋วซือหรานได้ยินเสียงก่นด่าของพวกเขา สีหน้ายังคงเรียบเฉยแต่รองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ นาง พอได้ยินคำนี้ กระทั่งคิ้วก็ยังขมวดขึ้นมาเขากำลังจะเตือนจั๋วซือหรานว่าไม่ต้องโกรธ อย่าไปใส่ใจคำพูดของคนพวกนี้แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูด ก็ได้ยินหญิงสาวข้างกาย เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ "โอ้ ถ้าอย่างนั้นตอนเจ้าไปเข้าฝันพวกเขาก็อย่าจำผิดล่ะ ข้าชื่อจั๋วซือหราน"เพียงไม่นาน คนเหล่านี้ก็ตอบอะไรนางไม่ได้อีกรองแม่ทัพดูจนใจขึ้นมา "ท่านไม่ได้โกรธเลยสินะ...""จะไปโกรธอะไรกับคนใกล้ตายกัน" จั๋วซือหรานกลอกตามองรองแม่ทัพ "มาหาข้ามีอะไรหรือ?"รองแม่ทัพพยักหน้า "ท่านแม่ทัพเชิญท่านเข้าไปน่ะ"จั๋วซือหรานขานรับคำหนึ่ง เงยหน้าเหลือบมองคานหัวมนุษย์ผาดหนึ่ง แล้วจึงหมุนตัวขึ้นม้ากลับไปในค่ายในกระโจมค่าย ฉีฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่น ไม่ใช่แค่ฉีฮ่าว แต่ยังมีกลุ่มขุนพลของเขาด้วยอยู่กันครบองค์ประชุม"คึกครื้นขนาดนี้เชี
จักรพรรดิเฒ่ามองไปทางซือคงเซี่ยน ถามขึ้นมาคำหนึ่ง "น้องเจ็ด เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"ซือคงเซี่ยนมองออกว่า เสด็จพ่อประทับใจคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานเข้าแล้วยิ่งไปกว่านั้นในคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน ซือคงเซี่ยนเองก็สังเกตออก ว่านางมีท่าทีไม่ยอมรับต่อการการมอบงานอภิเษกของเสด็จพ่อดังนั้นซือคงเซี่ยนจึงเอ่ยว่า "ลูก...ไม่มีความเห็น แล้วแต่เสด็จพ่อจะจัดวางเลย"จักรพรรดิเฒ่าได้ยินคำนี้ของซือคงเซี่ยน ในใจก็อดถอนใจไม่ได้อันที่จริงถ้าหากน้องเจ็ดกัดฟันพูดว่าต้องการงานอภิเษกนี้ล่ะก็จักรพรรดิเฒ่าคิดว่า ตนเองจะยอมรับอยู่แต่ว่าลูกชายของตนเองนั้น...ถ้าหากบอกว่าน้องห้าทะเยอทะยานเกินไป เช่นนั้นน้องเจ็ดก็...ไม่มีความทะเยอะทะยานเอาเสียเลยน่าจะเพราะพระสนมเอกคิดได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่แรกนางรู้ว่าฐานะของตัวเองและอำนาจทางตระกูลฝ่ายแม่ จะสร้างความระแวงต่อนางและอ๋องเซี่ยนรวมถึงตระกูลฝ่ายแม่ของนางกับองค์จักรพรรดิภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งแรกที่ต้องวางลงมาก็คือความทะเยอทะยานที่ไม่เหมาะสมสรุปคือ จักรพรรดิเฒ่าไม่เห็นความเร่งร้อนกับความปรารถนาใดจากในตาของซือคงเซี่ยน เห็นแค่ความผิดหวังรางๆ เท่านั้
นางอดมองไปบนกำแพงสูงไม่ได้คนของ...ตระกูลเฟิงหรือ? หรือว่า...ในลานเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที แต่เพราะจักรพรรดิเฒ่าไม่เป็นอะไร ในลานจึงสงบลงมาอย่างรวดเร็วแต่หัวข้อสนทนาเรื่องจะจัดอภิเษกเมื่อครู่ ก็ถูกปัดตกไปแล้วตอนนี้ถ้าถูกยกขึ้นมาใหม่ ก็ไม่ได้เป็นทางการแบบเมื่อครู่แล้วจั๋วซือหรานมองไปทางจักรพรรดิเฒ่า นางครุ่นคิด หลังจากคิดคำพูดอยู่พักหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ฝ่าบาท ข้ารู้สึกว่า ตัวตนฐานะข้าตอนนี้เหมาะสมไหม ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไร? ในเมืองหลวง...ยังวุ่นวายกันอยู่เลย"จักรพรรดิเฒ่าฉลาดเสียขนาดไหน พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็เข้าใจความหมายที่นางคิดจะแสดงออกมาทันทีพริบตานี้ จักรพรรดิเฒ่าเองรู้สึกแค่ว่า...อยากจะถอนใจเสียเหลือเกิน หญิงสาวคนนี้ฉลาดจริงๆไม่ใช่คนธรรมดาเลยจริงๆยิ่งไปกว่านั้นยังไม่บอกว่าลูกเจ็ดคู่ควรกับนางหรือไม่ถ้าหากจะนำหญิงสาวแบบนี้ไปพันธนาการไว้ในกรงทองวังหลังล่ะก็ เท่ากับเป็นการทำลายของมีค่าไปหญิงสาวเช่นนี้ สมควรจะบินทะยานจักรพรรดิเฒ่าฟังความหมายคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานออกแน่นอนตัวตนตอนนี้ของนางเหมาะมากเพราะตัวตนของนางตอนนี้ ไม่ชัดเจนอย่างที่สุดจะบอก
อสังหาริมทรัพย์แบบนี้ มีเยอะไว้ก็ดีถึงจะบอกว่า...ได้รับไปก็อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่อุทยานหลิ่วพ่านก็สวยงามมากจริงๆเป็นที่พักผ่อนที่ไม่เลวเลยจักรพรรดิเฒ่าพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเขาจึงเตรียมพูดเรื่องหลังจากนี้จั๋วซือหรานไม่รอให้เขาพูดอะไร เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า "ฝ่าบาทถ้าหากรังเกียจ สวนชิวอีกับจวนชินอ๋องอวี้จะยกให้ข้าด้วยกันก็ได้นะ ข้าไม่รังเกียจจริงๆ จริงๆ นะ..."จักรพรรดิเฒ่าพอได้ยินคำนี้ ก็งงงันขึ้นทันทีเขางงงันไปครู่หนึ่ง ในสายตาก็เกิดประกายลึกซึ้ง "เจ้าอยากได้จริงหรือ?""ใช่" จั๋วซือหรานตาโค้ง รอยยิ้มในดวงตาเองก็ดูสบายๆ ไร้กังวล ราวกับว่า...ดวงตาพญาหงส์ดำขลับคู่นี้ สามารถมองทะลุได้ทุกสิ่งองค์จักรพรรดิเฒ่ารู้สึกว่า นางคงมองทะลุความคิดตนเองแล้วแน่นอน ดังนั้นจึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาจั๋วซือหรานพูดต่อ "ฝ่าบาทเองก็รู้ ข้าอยู่ในเมืองหลวงไม่มีตระกูล ไม่มีสำนัก ไม่มีที่พึ่งพา ดังนั้นของนอกกายเหล่านี้ แน่นอนว่ายิ่งมีมากก็ยิ่งดี คนอื่นจะได้ไม่ดูถูกข้า""ช่างเถอะ แล้วแต่เจ้าละกัน แต่ว่า..." องค์จักรพรรดิเฒ่าคิดจะพูดแต่หยุดไว้จั๋วซือหรานยิ้ม "อา ฝ่าบาทโปรดวางใจ ที่ดินของข้า ข้าจะ
เขาขี่ม้าเข้ามาตรงหน้าจั๋วซือหรานร่างสูงใหญ่ ผิวดำขลับ ดวงตาเปล่งประกายอย่างน่าตกใจ สายตาจับจ้องไปที่จั๋วซือหรานเสียงหัวเราะเริงร่าดังขึ้น "แม่นางจิ่ว! ท่านมาจริงๆ! ไม่เคยทำให้ข้าน้อยผิดหวังเลย!"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองเขา "ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ทัพไว้แล้ว ก็จะไม่คืนคำหรอก""ฝ่าบาทรอท่านอยู่ในค่าย" ฉีฮ่าวเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานพยักหน้า จูงม้ามาตัวหนึ่งแล้วกระโจนขึ้นไป หนีบเบาๆ ไปที่ท้องม้าตอนที่ขี่ม้า ความเร็วก็ไม่ได้มากอะไรนักบนความรู้สึกกระทั่งดูเหมือนจะเกียจคร้านหน่อยๆ ด้วย ตรงเข้าไปในค่ายทหารตลอดทาง จุดที่นางเดินผ่าน เปล่าทหารล้วนหลีกทางให้กับนางเหล่าทหารล้วนกู่ก้องบารมีของแม่นางจิ่ว!ส่วนนางก็ยกมุมปาก สายตาดูจะไม่ค่อยจดจ่อนัก สบายๆ เหมือนขี่ม้าอยู่ในสวนหลังบ้านตนเองมองไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านสงครามโหดร้ายก่อนหน้านี้มาเลย?จั๋วซือหรานเข้ามาแบบสบายๆ จนมาถึงในค่ายทหาร มาถึงหน้ากระโจมแม่ทัพนางกระโจนลงจากหลังม้า ด้วยท่าทางแคล่วคล่องที่ประตูกระโจม จักรพรรดิเฒ่าในชุดเหลืองยืนอยู่ตรงนั้น สายตาเปล่งประกายเล็กน้อยก่อนหน้านี้เขากับฉีฮ่าวยังมีขุนพลกลุ่มหนึ่งอยู่ด้วยกันในกร
ถ้าหากพูดว่า ไม่ได้เห็นสถานการณ์ก่อนหน้านี้กับตา พวกเขาบางทีอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมจั๋วซือหรานจึงเลือกพวกเขาแต่เมื่อครู่พวกเขาเห็นจั๋วซือหรานนำนางพญากู่ตัวหนึ่ง ยัดเข้าไปในปากของปรมาจารย์กู่ที่จะระเบิดตัวเองคนนั้น!พวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์กู่ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจั๋วซือหรานคิดจะทำอะไร?'นางต้องการกู่ของพวกเรา!'ในใจพวกเขาล้วนมีความคิดเช่นนี้ออกมา"เก็บพวกเขาไว้หรือ?" รองแม่ทัพถามขึ้นแต่อันที่จริงเขาก็มองไม่ออกว่าคนเหล่านี้กับคนอื่นแตกต่างกันตรงไหนเพียงแต่ว่า สำหรับการตัดสินใจของจั๋วซือหราน เข้าไม่เคยต้องคิดมากมายแต่ไหนแต่ไร ทำตามไปก็จบจั๋วซือหรานพยักหน้า "อืม ข้าจะเก็บพวกเข้าไว้ใช้""ได้เลย" รองแม่ทัพตอบเดิมทีเขายังคิดจะถามต่อ ว่าแม่นางจิ่วมีการจัดการอย่างไรกับคนอื่นๆ บ้างแต่ไม่ต้องให้นางถาม เขาก็เห็นแม่นางจิ่วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ "คนอื่นๆ สังหารทิ้งให้หมดแล้วจับแขวนขึ้นไป"เรื่องแขวนหัวมนุษยื สำหรับคนแดนใต้แล้ว มีความน่าเกรงขามที่ต่างออกไปหน่อยปรมาจารย์กู่ที่ถูกจั๋วซือหรานเลือกมาเหล่านั้น บนสีหน้าพวกเขา เดิมทียังหน้าซีดอยู่บ้าง รู้สึกว่าถ้าตกไปอยู่ในมือนาง จะต
จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้แล้วไม่ยอมรับหรือปฏิเสธซือคงเซี่ยนที่อยู่ข้างๆ มองสีหน้าของจั๋วซือหราน ก็รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ จึงถามไปว่า "ซือหราน มีอะไรไม่ถูกต้องไหม?"จั๋วซือหรานพอคิดไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ข้าแค่ไม่เข้าใจ""ไม่เข้าใจอะไรหรือ?" ซือคงเซี่ยนมองนาง จากนั้นจึงยื่นมือไปรัดผ้าคลุมให้แน่นขึ้นจั๋วซือหรานตอบ "ยังไม่พูดเรื่องอื่น แค่ควันพิษเมื่อครู่นี้ ก็รู้สึกว่า...พอมีฝีมืออยู่บ้าง แล้วคนมีฝีมือแบบนี้ ทำไมถึงถูกข้าวางแผ่นใส่ง่ายๆ จนหมอบกระแตไป...?"พอจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ รองแม่ทัพกับซือคงเซี่ยนก็ไม่ส่งเสียงกันแล้วพวกเขาก็เหมือนจะคิดออกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง รู้สึกแค่ว่าไม่ค่อยดีนัก"ความหมายของแม่นางจิ่วคือ...พวกเขายังออมมือไว้หรือ?"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยักไหล่ "ไม่แน่ใจ พูดยาก แน่นอนว่าอาจจะเป็นสิ่งที่พวกเขาได้มาจากคนที่เก่งกาจกว่าให้มาเพื่อรักษาชีวิต..."พูดถึงจุดนี้ เสียงครวญครางที่อยู่ข้างๆ ก็ตัดบทสนทนาของจั๋วซือหราน ดึงดูดความสนใจของนางขึ้นมาจั๋วซือหรานหยุดคำพูดของตัวเองลง หันมองไปทันทีแล้วจึงไปสบตากับปรมาจารย์กู่ที่มองออกมาก่อนหน้านี้คนนั้นปรมาจารย์