“เสียวจิ่ว ผู้นี้คือจวงเหยาเหยา นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในท้องของนางแล้ว ในเมื่อวันนี้เป็นพิธีงานแต่งระหว่างข้าและเจ้า ข้าไม่อยากปิดบังอะไรเจ้า ข้าได้วางแผนที่จะให้นางมาเป็นนางสนม และข้าจะแต่งเจ้ากับนางเข้าเรือนในวันนี้"ฉินรุ่ยหยางไม่รู้สึกไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว“เจ้า...เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดอีกครั้งสิ…”สีหน้าของจั๋วซือหรานดูซีดขาวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีแดงสดและมงกุฎหงส์นางจ้องเขม็งไปยังชายและหญิงที่อยู่ตรงหน้านางฉินรุ่ยหยาง"เสียวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าจะเป็นภรรยาหลวงที่มีเกียรติเสมอ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือเจ้าได้ ในภายภาคหน้า เหยาเหยาจะเคารพเจ้าอันเป็นแท้ และลูกของนางก็จะเรียกเจ้าว่า แม่ใหญ่"จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ข้าเกลียดคำเรียกนี้เสียจริง เด็กเหี้ยอะไรกันกล้ามาเรียกข้าเป็นแม่"ใบหน้าของฉินรุ่ยหยางนิ่งขรึมจวงเหยาเหยาน้ำตาเอ่อคลอ " พี่จั๋วเจ้าคะ หนูรู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย แต่เด็กที่อยู่ในท้องของข้านั้น เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย โปรดเห็นแก่เด็กคนนี้ที่เป็นสายเลือดของพี่ฉินด้วยนะ... "จั๋วซือหรานไม่มองนาง สายตาจ้องไปยังฉินรุ่ยหยางอย่
ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่
แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า
ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้
จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ
จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกนจั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีดระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถามฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าค
เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียนจั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถามเฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูกเพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมากเมื่อรวมกับยาน้ำค้
แต่ยังมีท่าทีที่...ที่...ท่าทีที่จะออกไปทันที หลังจากหลับนอนกับเขาของนางความรู้สึกนั้นมันเหมือนกับ...ตอนนี้เอง จั๋วซือหรานก็ได้ยินเขาถามมาคำหนึ่ง "แล้วต้องอย่างไรล่ะ? ท่านอ๋องจะรอให้ข้ารับผิดชอบท่านไหม?"ในหัวเฟิงเหยียนจู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา ใช่เลย มันคือเรื่องที่...เหมือนไม่ใส่ใจกับความบริสุทธิ์ของตัวนางเองเลยแม้แต่น้อยไม่มีท่าทีคิดจะให้เขาต้องรับผิดชอบเลยเฟิงเหยียนขมวดคิ้ว เสียงเย็นชาขึ้นมา "เจ้าเป็นหญิงสาวหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ใส่ใจกับความบริสุทธิ์ของตัวเองเลย? ไม่คิดจะให้ฝ่ายชายรับผิดชอบหรือ?"จั๋วซือหรานลุกขึ้น บนผิวขาวนาวเหมือนไขมัน มีรอยแดงที่เขาฝากไว้อยู่พอสมควร แวบไปมาอยู่ตรงหน้าเขาทำให้ความปรารถนาที่สงบลงไปหน่อยแล้วของเขา เหมือนจุดลุกพรึบขึ้นมาอีกครั้งทันทีจั๋วซือหรานยื่นมือไปดึงเสื้อผ้ามาคลุมไม่ได้ใส่ใจเลยแม้เพียงน้อย กับการย้อนถามเมื่อครู่ของเฟิงเหยียน นางเลิกคิ้วเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "ข้าใช่หญิงสาวหรือไม่ ท่านอ๋องน่าจะเข้าใจยิ่งกว่าใครๆ กระมัง? ส่วนเรื่องที่ไม่สนใจกับความบริสุทธิ์ของตัวเองนี่..."จั๋วซือหรานเอียงตามองเขา "ทำไมหรือ? ท่านอ๋องฉวยโอกาสตอนที่ข้าอ
จั๋วซือหรานมีนิสัยแบบนี้ ชอบให้ใช้ไม้อ่อนต่อให้ฟ้าถล่มลงมานางก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วแต่จั๋วซือหรานก็เข้าใจเป็นอย่างดี ในเวลาเช่นนี้ ตามหลักแล้วไม่ควรพูดเชื้อเชิญชายหนุ่มแล้วชายหนุ่มตรงหน้านี่...นางเองก็ มองออกแล้ว ตระกูลเฟิง...หรืออาจจะสภาผู้อาวุโส จะต้องทำอะไรกับเขาไปแน่ๆ กดความทรงจำต่อตัวนางของเขาเอาไว้ดังนั้นคนคนนี้จึงดูเหมือนเจ้าโง่คนหนึ่งแต่ว่าพอกดความทรงจำลงไปแล้ว ความรู้สึกกับความรักที่มีต่อตัวนางก็อาจจะไม่ได้กดลงไปทั้งหมดไม่เช่นนั้นตอนที่เห็นนางยื่นคอรอความตาย กระทั่งตอนที่หยิบกระบี่จะปาดคอตัวเอง เขาคงไม่ตกใจขนาดนั้นถ้าหากคนแปลกหน้ามาปาดคอต่อหน้าเขา ด้วยนิสัยของชายคนนี้ น่าจะถอยห่างออกมาสองก้าว เลือดจะได้ไม่กระเด็นมาโดนตนเองกระมังไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ในจิตใต้สำนึกเขาอาจจะมีอะไรต่อนางบ้าง แต่คุณสมบัติตอนนี้ขอเขาก็ยังเป็นคนโง่อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะยังไม่เข้าใจว่าตนเองทำไมจึงมีความรู้สึกเช่นนี้กับนางด้วย...โง่ซ้ำซากในสถานการณ์เช่นนี้ ไปกระตุ้นคนโง่ซ้ำซากแบบนี้...ไม่ใช่เรื่องที่ชาญฉลาดพูดให้เข้าใจง่ายหน่อย คือถูกเล่นงานจนน่าเวทนามากถึงอย่างไรชายคนนี้ก็หึ
สายตาของจั๋วซือหรานตอนที่เห็นใบหน้าเขา ก็ผ่อนคลายลงมาหน่อยแล้วตอนนี้พอได้ยินคำนี้ นางก็หัวเราะเฮอะขึ้นมา "ท่านมาสนใจว่าข้าจะไปเจอใครทำไม ข้าอยากจะเจอใครข้าก็ไปเจอคนนั้นนั่นล่ะ...."เฟิงเหยียนรู้สึกว่า น่าจะจัดการอุดปากนี้ไปเลยก็คงดีหน้าตาดีเสียขนาดนี้ แต่ปากทำไมถึงน่ารำคาญเสียขนาดนี้กัน?นี่ไม่ต้องรอให้เขาได้พูดอะไรมากร่างที่อ่อนยวบร่างหนึ่ง ก็ทิ่มหัวเข้ามาที่หน้าอกของเขาเฟิงเหยียนตกตะลึง ยกมือขึ้นมาจับแขนนางไว้ ตอนนี้จึงเพิ่งรู้สึกว่า ร่างกายของนางร้อนมาก กระทั่งแค่ลมหายใจก็ยังร้อนผ่าวเฟิงเหยียนขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ปล่อยไปไม่ได้ เขาโค้งตัวไปช้อนใต้เข่าเธออุ้มขึ้นมาอุ้มนางขึ้นมา พานางออกจากศาลาริมน้ำไปที่ห้องของเขาเองเพราะเรื่องประกาศงานหมั้นขึ้นที่นี่ รวมถึงตระกูลเฟิงจะไปร่วมมือกับอ๋องสุนัขนั่นดังนั้นตระกูลเฟิงจึงถูกยกขึ้นเป็ฯแขกคนสำคัญ มีห้องของตัวเองในสวนชิวอีพอเพิ่งเข้ามาในห้อง เฟิงเหยียนเดินไปที่เตียงไม้ คิดจะวางนางไว้ด้านบนเพราะเตียงของเขาใช้น้ำแข็งทมิฬทำขึ้น นางตอนนี้อยู่ในสภาพร้อนผ่าวไปทั้งตัว บนเตียงนางสามารถผ่อนคลายลงมาได้พอดีแต่ว
เฟิงเหยียนอยู่ตรงหน้านาง ก่อนหน้านี้เขาเห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตาเขาเองก็ไม่รู้เพราะอะไรทั้งที่ตนเองแค่ต้องทำตามที่รับปากกับเหล่าผู้อาวุโสไว้ ล่อนางเข้ามาก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องให้เขามากังวลและไม่ต้องให้เขามารับมือกับหญิงสาวคนนี้เหล่าผู้อาวุโสบอกว่า จะมีคนมาจัดการกับหญิงสาวหยิ่งผยองที่ดูหมิ่นตระกูลเฟิงคนนี้และเขาแค่คอยช่วยล่อนางเข้ามาในสถานการณ์นี้ก็พอ พวกเขาจะยอมขอเรียกร้องที่ขอให้เขาออกจากเมืองหลวง ออกไปแสวงหาประสบการณ์ภายนอกเฟิงเหยียนทำเพื่อสิ่งนี้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังราบรื่นมากด้วยหญิงสาวคนนี้ปรากฏตัวขึ้นตามคาดจริงๆเขาถอนตัวออกไปสำเร็จ ออกไปจากศาลาริมน้ำตามหลักการขอแค่ไปบอกกับเหล่าผู้อาวุโส เขาก็ออกไปได้แล้ว สามารถออกจากเมืองหลวงไปแสวงหาประสบการณ์ภายนอกได้เขาเบื่อที่จะต้องอยู่แต่ในตระกูลทุกวันดังนั้นต่อให้ต้องหมั้นหมายกับตระกูลเหยียนตามที่ตระกูลต้องการก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรการหมั้นนี้ ก็เป็นแค่การหมั้นตอนที่สองตระกูลมีความสัมพันธ์อันดีกันก็เท่านั้นถ้าสองตระกูลพังทลายลง มันก็จะไม่ใช่อะไรต่อไปอีกเฟิงเหยียนอันที่จริงก็ไม่ได้ใส่ใจนัก แต่เขากลับไม่เดินออกไปจากเร
ราชาแมงมุมหน้าผีเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ "ได้เลย ข้าเตรียมพร้อมแล้ว นายท่าน"จั๋วซือหรานเพ่งสมาธิมองลายอักขระบนพื้น ค่อยๆ สูดลมหายใจหลังจากนั้นก็อัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมาร่างของราชาแมงมุมหน้าผีหดเล็กลงมาก จนสูงพอพอกับจั๋วซือหราน แขนเคียวคู่เปล่งประกายเย็บวาบ!ชิ้ง...! เสียงฉัวะดังขึ้น!ขุดลงไปบนพื้นตรงๆ ขุดพื้นตรงนั้นลึกจนเป็นรู!ร่างของจั๋วซือหรานอ่อนยวบลงไปทันที นางลงไปนั่งกับพื้นราชาแมงมุมหน้าผีดูกังวล ถามขึ้นว่า "นายท่าน ท่านยังไหวไหม สำเร็จไหม?"จั๋วซือหรานก้มหน้า ชุดสีแดงเพลิงกางแผ่ที่ใต้ตัว ยุ่งเหยิงแต่สวยงามนางถอนหายใจยาว "สำเร็จแล้ว ยังดีที่ข้าเดิมพันถูก"จั๋วซือหรานรู้สึกว่าตนเองดวงไม่เลวนัก ด้วยความเข้าใจต่อค่ายกลของนาง คงไม่ใช่แค่พังพื้นแล้วจะสำเร็จแต่ค่ายกลจุดนั้นก็เป็นจุดที่เปราะบางพอดี เพราะค่ายกลหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งสมบูรณ์แบบจนทุกจุดแข็งแกร่งไปทั้งหมด+ราชาแมงมุมหน้าผีเห็นสภาพนางแล้วยังคงรู้สึกกังวล "หัวใจท่านยังเต้นเร็วอยู่ ไม่เป็นไรจริงหรือ?"จั๋วซือหรานไม่เงยหน้าขึ้น ยังคงก้มหน้า นางส่ายหัวเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "เป็นเพราะฤทธิ์ยาน่ะ ไม่เป็น
จั๋วซือหรานไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของตนเองถูกเห็นนางกำลังหารือเสียงต่ำกับสัตว์อสูรของตนเองแต่ว่าเหล่าเจ้าก้อนเนื้อของนาง ทุกตัวล้วนกังวลเป็นห่วงนาง เอะอะเอ็ดตะโรกันว่าจะลองดึงไหมกู่ออกมาถ้าหากดึงไหมกู่ออกมาแล้วแก้ไขได้ล่ะก็ นางก็ไม่ต้องเอาแรงมาใช้กับการอัญเชิญแมงมุมน้อยหรอกทำแบบนี้ยังพอเหลือแรงไว้ได้บ้าง หลังจากหลุดจากสถานการณ์นี้ อย่างน้อยก็ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์อื่นได้จั๋วซือหรานอันที่จริงก็รู้สึกว่ามีโอกาสไม่มากเพราะถ้าหากมีช่องโหว่แบบนี้ ซือคงอวี้คงไม่ได้กร่างขนาดนี้ จนทำท่าแบบว่านางไม่มีทางแก้ไขได้อะไรแบบนั้นถ้าหากนางไม่เอาปืนพวกนั้นออกมา ให้เขาได้ลิ้มรสกับพลังเทคโนโลยีล่ะก็ สถานการณ์เมื่อครู่ก็น่าจะยากลำบากอยู่ค่ายกลที่ก่อตัวขึ้นจากอักขระคำสาปนี้ น่าจะมีฤทธิ์ร้ายกาจน่าดู ถึงแม้จั๋วซือหรานจะดูถูกซือคงอวี้อยู่แต่ว่าซือคงเจาหมิ่นคนนั้น รวมถึงขั้วอำนาจเบื้องหลังซือคงเจาหมิ่น...จั๋วซือหรานรู้สึกว่าไปดูถูกไม่ได้เลยแต่เสียงของขนมถั่วแดงแทบจะร้องไห้อยู่แล้วจั๋วซือหรานดูจนใจ ถอนหายใจเหมือนปลอบเด็กน้อยว่า "ได้ได้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเจ้าลองดูแล้วกัน"จั๋วซือห
เจ้าก้อนเนื้อพวกนี้ร้อนรนกระวนกระวายกันน่าดูในมิติน้ำพุวิเศษ แต่ก็รู้ว่าคำพูดของจั๋วซือหรานก็มีเหตุผลอยู่ "แล้ว แล้วจะทำอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานคิดๆ "ปล่อยแบบนี้ไปก่อนเถอะ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่บาดเจ็บอะไร แค่รู้สึกแย่หน่อยๆ แล้วก็แค่ยังออกไปไม่ได้เท่านั้น ถูกขังอยู่ตรงนี้ ยังสามารถคิดหาวิธีอื่นได้ รอให้ข้าดีขึ้นหน่อย ข้าจะศึกษาเจ้าอักขระคำสาปนี้..."ขนมถั่วแดงร้อนรนขึ้นมา "แต่ท่านตอนนี้ก็รู้สึกแย่นี่นา ไม่มีวิธีผ่อนให้เบาลงบ้างหรือ?"ฟังถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็หัวเราะออกมาเบาๆ "แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีวิธีนี่ แต่ข้าตอนนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกแย่จนถึงขั้นทนไม่ไหว ยังไม่ต้องสนเรื่องนี้หรอก"เสียงยังไม่ทันขาด ก็มีความร้อนวาบแล่นไปทั้งตัวจั๋วซือหรานหอบหายใจเบาๆ จึงข่มระลอกนี้ลงไปได้หลังจากนั้นจึงนั่งยองลงมา ค้นคว้าอักขระคำสาปบนพื้นเหล่าสัตว์อสูรล้วนใจสื่อถึงจั๋วซือหรานได้ ดังนั้นจึงเข้าใจว่านางเป็นคนมีนิสัยแบบไหน นางตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้วพวกมันกังวล แต่ก็ไม่ได้เอะอะใส่นางจั๋วซือหรานมองอักขระคำสาปบนพื้นอย่างละเอียด ดูแล้วเหมือนจะเป็นอักษรจากดินแดนทางใต้ไม่ค่อยแตกต่างกับอักษรของแคว้น
ซือคงอวี้รู้สึกว่าปฏิกิริยาของตนเองไม่เคยรวดเร็วขนาดนี้มาก่อน!ท่าทางแบบนี้ของจั๋วซือหราน บังหน้าของเธอไปกว่าครึ่งแล้วแต่ว่าในบางมุม ก็ยังมองเห็นมุมปากสีแดงของนางได้อยู่ซือคงอวี้มองเห็นมุมปากนั่น...กำลังยิ้มพริบตานั้น ซือคงอวี้ก็รู้สึกว่ามีอันตรายมหาศาลกำลังโถมเข้าใส่เขา!เขามีปฏิกิริยาขึ้นมาในพริบตา! หลังจากนั้นจึงไปหลบข้างๆ องครักษ์คนหนึ่ง!ขณะเดียวกัน เสียง "ปัง" ก็ดังขึ้นมา!ซือคงอวี้รู้สึกตาลาย ตอนที่ตั้งตัวกลับมาได้ ก็ถูกองครักษ์คนอื่นดึงไปหลบแล้ว"เป็น เป็นอะไรไป..." ซือคงอวี้เสียงตะกุกตะกักราวกับตั้งตัวไม่ทันสีหน้าขององครักษ์ขาวซีดไป ริมฝีปากสั่นระริกแต่พูดออกมาไม่ได้แล้วซือคงอวี้ก็มองตามสายตาขององครักษ์ไป จึงได้เห็นว่าองครักษ์ที่ตนเองหลบไปอยู่ข้างๆ เมื่อครู่ หัวไหลครึ่งหนึ่งถูกระเบิดเละไปแล้ว ร่างทั้งร่างถูกแรงปะทะมหาศษล ซัดลอยห่างออกไปคนผู้นี้นอนอยู่บนพื้น เป็นตายไม่ทราบ เลือดสดทะลักจากร่างกายกระจายเป็นวงกว้างสีหน้าซือคงอวี้ซีดกว่าเดิม ใจเต้นผางอย่างรุนแรง แค่รู้สึกราวกับความตายเฉียดผ่านหัวไหล่ไปแล้วเขาในตอนนี้เพิ่งรู้สึกตัวว่า จั๋วซือหรานคนนั้น! ไม่ได้พู
มีฝีมือก็สังหารนางเสียสิจั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชา ในสายตาไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย จ้องมองซือคงอวี้ เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ใช่ว่าปากแข็ง แต่ว่า...ในเมื่อสภาผู้อาวุโสร้ายกาจขนาดนั้น ไม่รู้ว่าพอเจ้าตายไปพวกเขาจะช่วยให้เจ้ารอดกลับมาได้หรือเปล่า"คำพูดนี้ถูกนางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงบซือคงอวี้งงงันไป ในใจก็แอบรู้สึกไม่ค่อยสงบ บางครั้งก็จะเป็นเช่นนี้ ยิ่งอีกฝ่ายทำท่าทางดุร้ายมากเท่าไร ก็ยิ่งเหมือนดีแต่ขู่ให้กลัวมากกว่าแต่ว่าอีกฝ่ายถ้าหากพูดด้วยน้ำเสียงสงบเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้รู้สึกไม่สงบ เพราะจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นมีความมั่นใจอะไรอยู่สีหน้าซือคงอวี้แข็งไป "เจ้าอย่ามาข่ม..."ปัง!ยังไม่ทันที่ซือคงอวี้จะพูดจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น แล้วยังดังมาก ฉับพลันกะทันหัน ทำเอาซือคงอวี้ตกใจสะดุ้งโหยง!ร่างหนึ่งเอียงคะมำไปข้างๆเป็นองครักษ์ติดตามเขา ที่มีปฏิกิริยาฉับไวมาก เข้ามาขวางตรงหน้าเขาได้ทันเวลาพอดีตอนนี้ตำแหน่งใต้กระดูกไหปลาร้า ช่วงอกด้านบน กลายเป็นแผลขนาดใหญ่ที่มีเลือดไหลออกมาอย่างรุนแรงซือคงอวี้ม่านตาหดลง! เขาเคยได้ยินเรื่องอาวุธพิเศษแบบนี้ของจั๋วซือหรานมานานแล้ว และเคยได้ยินตระกูลเฟิงเอ่ยถ