ซางถิงตอบ "ไม่มีใครมีข้อมูลเลย แค่พูดกันว่าเหมือนมีรถม้าหลายคนจอดอยู่ตรงนั้น ต่อมาก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา ขับรถม้าพวกนั้นออกไปแล้ว""เฟิงเหยียนล่ะ" จั๋วซือหรานถามขึ้นซางถิงส่ายหัว "ไม่ได้ยินว่ากลับไปที่บ้านเลย""แล้วคนที่ขับรถพวกนั้นออกไปคือใครกัน? มีเบาะแสบ้างมั๊ย" จั๋วซือหรานถาม"ไม่มีเลย" ซางถิงคิดๆ เอ่ยต่อมาว่า "พอข้าคิดๆ ก็เลยไปหาข่าวที่ประตูเมืองมา รู้แค่ว่า มีรถม้าของตระกูลเฟิงออกไปแล้ว""ได้ ข้ารู้แล้ว ขอบคุณเจ้ามาก" จั๋วซือหรานพอฟังถึงจุดนี้ ก็ร้องเชอะหัวเราะขึ้นเสียงเย็นชานางสะบัดชายเสื้อ หมุนตัวเข้าไปในห้องฉุนจวินกำลังเขียนหนังสือ บนหน้าผากมีเหงื่อผุดซึมจั๋วซือหรานเดินเข้าไปพลางถามขึ้นว่า "คนที่จับนายท่านเจ้าไป คือคนของตระกูลเฟิงใช่ไหม?"ฉุนจวินพอได้ยินคำนี้ ก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว จากนั้นก็พยักหน้าตอบเบาๆเขาก้มหน้า สีหน้ารู้สึกผิดมาก เขารีบเขียนกระดาษอย่างรวดเร็ว ยื่นส่งไปให้จั๋วซือหรานจั๋วซือหรานกวาดมองผาดหนึ่ง ก็เห็นเนื้อหาที่เขียนว่า "คุณหนูจิ่ว ผิดที่ข้าเอง เพราะข้าบาดเจ็บ นายท่านเพื่อช่วยชีวิตข้า จึงเอาพลังวิญญาณที่ท่านให้ไปทั้งหมดส่งมาให้ข้า จากนั้นเขาก็
เดิมทีฉุนจวินคิดว่า นางมีสายตากับน้ำเสียงเช่นนั้น ก็เพราะยังไม่มีเบาะแสอะไรแต่ใครจะรู้ ว่าพริบตาต่อมา เขาก็อ่านออกถึงความเด็ดเดี่ยวกับจิตสังหารถึงที่สุดใน...ดวงตาแม่นางจิ่ว"หลังจากนั้นข้าก็จะเริ่มสังหารคน" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฉุนจวินรู้สึกแค่ว่าแผ่นหลังเย็นวาบ เขาเองก็พูดไม่ออกว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกแบบนี้ แต่มันไม่ใช่ความกลัวทว่าแปลกมาก เขาไม่กลัวจั๋วซือหราน แต่กลับสันหลังวาบจากคำพูดนี้ของจั๋วซือหราน คล้ายกับความยำเกรงต่อผู้แข็งแกร่งอะไรแบบนั้น..."ข้าจะดูว่าต้องสังหารคนแค่ไหน พวกเขาถึงจะคืนคนให้ข้า" จั๋วซือหรานสายตายังคงเหม่อไปไกล แต่จิตสังหารในสายตา ยังคงไม่จางหายนางเอ่ยต่อมาเสียงเรียบ "พวกเขาไม่ใช่คิดจะให้ข้าโกรธหรือ ตอนนี้ข้าโกรธแล้ว ข้าจะดู ว่าพวกเขาจะแบกรับความโกรธของข้าได้ไหม"จั๋วซือหรานพูดประโยคนี้จบ ก็บอกกับฉุนจวินคำหนึ่งว่า "เจ้าเขียนสิ่งที่ควรเขียนมาเถอะ แล้วก็รักษาตัวให้ดี ข้ามีเรื่องต้องออกไปข้างนอกหน่อย เพิ่งนึกออก ว่าก่อนที่จะเก็บพวกตระกูลเฟิงนี่ยังมีคนอื่นที่ต้องไปจัดการอยู่"ฉุนจวินรีบเขียนขึ้นมา: ใครหรือขอรับ?จั๋วซือหรานเอียงตามองเขา ถามขึ้นว่า
พวกเขาเพิ่งกระโจนออกมา ก็เห็นว่าในมือจั๋วซือหรานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วราวกับเล่นกลเจ้าของสีดำที่ส่งเสียงกัมปนาทลั่นท้องฟ้าก่อนหน้านี้หายไปแล้ว ตอนนี้ในมือของนางมีดาบคู่เข้ามาแทน!พริบตาต่อมาร่างของนางก็หายไป"เร็ว! จัดการนางให้ได้!" คนที่ส่งเสียงขู่จั๋วซือหรานเมื่อครู่ รีบร้องขึ้นมาอีกครั้งแต่ว่า องครักษ์เงากับคนคุ้มกันของจวนตระกูลเฟิงเหล่านั้น ก็ไม่สามารถใช้สายตาจับร่องรอยจั๋วซือหรานได้เลยตอนที่พวกเขายังพยายามค้นหาร่องรอยจั๋วซือหรานในเรือน ใครก็ไม่ทันสังเกต ว่าจั๋วซือหรานปรากฏขึ้นด้านหลังคนที่ตะโกนขึ้นเมื่อครู่แล้วคนผู้นี้เดิมทียังเหลียวซ้ายระวังขวาอยู่ พิจารณารอบๆ อย่างระมัดระวัง คอยมองว่าปีศาจหญิงคนนั้นอยู่ที่ไหนแต่กลับไม่สังเกตเลย ว่าร่างที่ราวกับเป็นภูติผีปรากฏขึ้นมาด้านหลังเขา หลังจากนั้นดาบเล่มหนึ่ง ก็เหวี่ยงเข้าที่หลังคอเขาพาดอยู่บนคอหอยเขา"อั่ก..." เสียงของเขาชะงักไปฉับพลัน จากนั้นจึงมีเสียงสั้นๆ ดังออกมาเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่เย็นเฉียบแนบอยู่กับผิวหนังของตนเองคนอื่นๆ ที่ยังค้นหาคนอยู่ในเรือน กลับยังไม่ทันสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงทางนี้ใ
เหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีพริบตาต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงจั๋วซือหรานที่อยู่ด้นหลัง เป่าปากดังขึ้นมาสายตาทั้งหมดหันไปทางนางทันที!พริบตาต่อมา สายตาทั้งหมดก็ตกตะลึงไป!เพราะพวกเขาเห็นหญิงสาวที่ราวกับเป็นภูตผีคนนี้ นางที่สวมชุดสีแดงราวกับเพชรฆาตที่จ้องเอาชีวิตใช้ดาบเล่มหนึ่งแทงเข้าไปในคอคนคนนั้น!เลือดสดพุ่งกระฉูด สาดกระเซ็นไปทั่ว มีหยดเลือดกระเด็นไปบนหน้านางด้วยผิวขาวนวลของนางค่อยๆ กลายเป็นสีแดงจัดเขาจ้องมองคนเหล่านี้เขม็ง ปากยิ้มโค้งขึ้นมา เผยฟันขาวสะอาด สวยงามจนยากจะเปรียบเทียบ แต่ในสายตาของศัตรูแล้ว มันกลับเป็นความหวาดผวานางบอกจะสังหารก็สังหารจริงๆยิ่งไปกว่านั้นยังแจ้นมาสังหารคนถึงในจวนชาวบ้านเข้าอีก!วินาทีต่อมา ร่างของนางก็หายไปเพียงไม่นาน ก็มีคนล้มลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีแผลถึงกับชีวิต แต่ที่ล้มลงไป ส่วนใหญ่คือบาดเจ็บสาหัส!หญิงสาวคนนี้ ตอนที่รักษา ก็ราวกับแย่งชีวิตจากยมทูต แต่พอสังหารคนขึ้นมาก็ราวกับเป็นเทพแห่งความตายที่ลงมาเก็บเกี่ยวชีวิตคนติ๋ง ติ๋ง...เลือดสดหยดลงมาจากปลายดาบนางอี้ชิงพบว่า ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ คนที่คอยซุ่มโจมตีจั๋วซือหรานในเรือน ทยอยกันล้
ยาลูกกลอนไหลลงไปในคอเขาอย่างรวดเร็ว!อี้ชิงถลึงตาโต เสียงแหบพร่า "เจ้าให้ข้า...กินอะไรลงไป?!"เขาได้ยินเสียงหัวเราะเย็นชาของจั๋วซือหราน ราวกับได้ยินเสียงทุ้มต่ำมาจากนรก!"ก็แค่ของเล่นที่น่าสนใจบางส่วนน่ะ น่าจะทำให้ประสาทสัมผัสของเจ้าดีขึ้นมาหลายเท่าตัวกระมัง" จั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชา "กระดูกบนตัวมนุษย์มีสองร้อยหกชิ้น มีให้พวกเราเล่นสนุกเหลือเฟือเลย"พอพูดจบคำนี้วินาทีต่อมา ความเจ็บปวดวูบหนึ่งก็ระเบิดขึ้นบนขาเขา!"อ๊าค...!" อี้ชิงคุกเข่าลงกับพื้นแต่การเคลื่อนไหวของจั๋วซือหรานกลับไม่ได้หยุดที่การคุกเข่าลงของเขานางแทบจะเป็นมีดชอนไชไปตามร่องกระดูกเลยทีเดียว บีบกระดูกบนตัวเขาทิ้งไปทีละท่อนๆไม่ได้ใช้อุปกรณ์อะไร แค่มือเรียวของนางเท่านั้น แต่กลับรู้สึกว่าโหดร้ายยิ่งกว่าคีมเสียอีก!และอี้ชิงเองก็ได้ลิ้มรสสิ่งที่นางพูดไว้...ความเจ็บปวดหลายเท่าสติของเขาก็แทบจะไม่เหลือแล้วเลือดในปากเขาไหลลงมาจากคาง มองแล้วดูซมซานน่าเวทนาราวกับว่ากระทั่งสติสัมปชัญญะก็ค่อยๆ หายไปแล้วแต่ว่าก็ค่อยๆ ฟื้นฟูสติสัมปชัญญะกลับมาด้วย และในช่วงเวลาสั้นๆ ที่สติกลับคืนมา เขาก็พูดตะกุกตะกักกับจั๋วซือหราน "ไว้
นี่เกือบจะตัดขาของนางออกมาอยู่แล้วเพราะว่าพวกเขา...รู้ว่าวิชาเคลื่อนไหวของนางยอดเยี่ยม ถนัดการส่งข่าว กลัวว่านางจะเอาข่าวไปรายงานกับเฟิงเหยียนหรือจั๋วซือหรานดังนั้นจึงทำให้ขานางบาดเจ็บสาหัสเสีย ยิ่งกว่านั้นยังส่งนางเข้ามาขังในคุกใต้ดิน แล้วยังเป็นห้องขังที่น้ำท่วมอีกตอนนี้ ขาของนางแช่อยู่ในน้ำสกปรกของคุกใต้ดิน เจ็บปวดขึ้นมาเป็นระยะ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังรู้สึกว่าตนเองกำลังตัวร้อนสถานการณ์แย่ลงทุกที ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงต้อง...ตายแน่ๆตนเองตายไม่ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ยังไม่ทันได้รายงานกับนายท่าน ยังไม่ได้รายงานกับแม่นางจิ่ว...ถ้าหากต้องตายไปเช่นนี้ นางไม่ยอม นางตายตาไม่หลับ!ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าพวกพ้อง แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกล้าหาญ ตอนนี้ก็ถูกขังกันอยู่ในคุกใต้ดินนี่มัน...ปัง!ตอนที่หานกวงถูกไข้ความร้อนทำให้มึนงง ในใจทั้งโกรธแค้นและเสียใจเสียงหนึ่งก็ดังลอดเข้ามาน่าจะเป็นด้านนอกคุก แต่ว่าต่อให้อยู่ในคุก ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน!เสียงนี้ดังมาก สะเทือนขึ้นมาจนนางได้สติเดิมทีสมองที่ยังมึนงงเพราะความร้อน ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นกระจ่างขึ้นมาแล้วพอควรหานกวงตกตะลึงขึ้นมา จากนั้น
จั๋วซือหรานยืนอยู่ที่ประตูคุก เห็นเหล่าองครักษ์เงาถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน แต่ละคนล้วนบาดเจ็บ ดูแล้วเพราะขัดขืน จึงเจอกับการปฏิบัติเช่นนี้จั๋วซือหรานเดินลงไปจ้านหลูกะเผลกออกมารับ"แม่นางจิ่ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? พวกเขาไม่ได้ซุ่มโจมตีท่านหรือ?" จ้านหลูขมวดคิ้วถาม ฟังแล้วเหมือนจะกังวลความปลอดภัยของจั๋วซือหราน ทั้งที่สภาพของตัวเองย่ำแย่ขนาดนี้องครักษ์เงาคนอื่นเองก็ทยอยกันถามข้น "ใช่เลย อันตรายมากจริงๆ พวกเราอยู่ในนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่ตายหรอก ท่านทำไมต้องเสียงตัวเองขนาดนี้""นายท่านของพวกเจ้าถูกจับไปแล้ว" จั๋วซือหรานมองพวกเขาพอนางพูด องครักษ์เงาทั้งหมดล้วนถลึงตาค้าง มีบางคนตาแดงก่ำขึ้นมา"คอของฉุนจวินถูกธนูดอกหนึ่งปักจนทะลุ..." จั๋วซือหรานยืนมือไปปิดที่ตำแหน่งคอตอนนี้กระทั่งเสียงของจ้านหลูก็ยังแหบพร่าปนสะอื้นขึ้นมา "หัวหน้าเขา...ตายแล้วหรือ?"บรรยากาศ ดิ่งวูบลงมาทันทีในคุกใต้ดินเดิมทีก็อึมครึมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมืดมนขึ้นไปอีกจั๋วซือหรานจุ๊ปาก ยกมือจิ้มไปที่หัวของจ้านหลู "นายท่านของพวกเจ้าเพื่อจะช่วยชีวิตฉุนจวิน ถึงได้ถูกจับตัวไป แล้วข้าจะปล่ยอให้ฉุนจวินเป็นอะไรได้อย่างไร ยังไม
จากนั้นจึงรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา และเห็นแม่นางจิ่วใช้อุปกรณ์บางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไร หัวเข็มแหลมๆ แทงเข้าไปในแขนนางพอทเียบกับอาการบาดเจ็บบนตัวตนเองแล้ว ความเจ็บปวดนี้มันเล็กน้อยมากจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "จะจัดการให้เจ้าสักหน่อยก่อน จากนั้นออกไปแล้วค่อยว่ากัน ทนหน่อยนะ""ได้..ซี๊ด!" หานกวงขานรับ อดพูดไม่ได้เลยว่าแม่นางจิ่วทำงานได้รวดเร็วเด็ดขาดมากจริงๆพอขานรับก็ปวดจี๊ดขึ้นทันที! แม่นางจิ่วไม่รู้ว่าสาดอะไรลงไปที่แผลบนขานาง ทำเอาแผลของนางเจ็บจนแทบทะลุไปถึงใจ!หลังจากนั้น จั๋วซือหรานก็คลี่ผ้าคลุมผืนหนึ่งออกมาห่อตัวนางไว้จากนั้นจึงตะโกนออกไปด้านนอก ขอคนสองขาดีดีเข้ามาแบกหานกวงออกไปหน่อย พวกเราเตรียมออกไปได้แล้วและก็มีองครักษ์เงาสองคนเข้ามาทันที พอเห็นสภาพแผลของหานกวง ก็ล้วนรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาเพราะวในกลุ่มองครักษ์เงาอย่างพวกเขาเดิมทีไม่มีหญิงสาว มีแค่หานกวงคนเดียว ปกติพวกเขาก็ค่อนข้างจะยอมให้นางหน่อยตอนนี้ถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้"ระวังขาของนางด้วย พยายามอย่าไปโดนเข้า พวกเราไป"เหล่าองครักษ์เงาแบกหานกวงตามไปอยู่กับเหล่าองครักษ์เงาคนอื่นในคุกใต้ดิน เดินตามหลังจั๋วซือหรานออกจา
จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้แล้ว มุมปากกระตุก "มองไม่ออกเลย ว่าข้าจะมีชื่อเสียงขนาดนี้"องครักษ์เงาเอ่ยต่อ "แล้วก็ตระกูลเฟิงเหมือนคิดจะร่วมมือกับพลังแห่งราชวงศ์..."จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ ดวงตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "พลังของราชวงศ์หรือ...ถ้าอย่างนั้นก็คงมีแค่ซือคงอวี้เจ้าขยะนั่น ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้ข้าก็เกือบจะลืมเรื่องเขาไปแล้วนะ เขาน่ะไม่ได้น่ากลัวอะไร ถ้าเขาไปสมคบคิดกับตระกูลเฟิงจริง วันไหนน่ารำคาญฆ่าทิ้งไปก็จบ"จั๋วซือหรานหลังจากได้รับข่าวนี้ จึงปล่ยอให้พวกเขาไปกินกันอย่างเอร็ดอร่อยส่วนนางหมุนตัวไปที่เรือนข้างๆคืนนี้ การคุ้มกันของตระกูลเฟิงยิ่งเข้มงวดขึ้น!ถ้าบอกว่าเมื่อคืนนี้ยังลาดตระเวนกันอยู่ล่ะก็ คืนนี้ไม่ใช่แค่ลาดตระเวน แต่กำหนดจุดยามเลยทีเดียวบนกำแพงสูงทุกช่วงของตระกูลเฟิง ล้วนมีคนคอยเฝ้าทั้งสิ้นเช่นนี้ ไม่เชื่อเลยว่านางจะยังลอบเข้ามาในจวนตระกูลเฟิงได้!แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ...ในค่ำคืนนี้ ตระกูลเฟิงยังคงมีคนตายทุกคนล้วนรู้ว่าเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงไปผิดใจกับนังบ้าจั๋วไว้เต็มที่แล้ว นางคิดจะสังหารคนจริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกว่า นางสังหารคนแบบไม่มีทิศทางด
อินเจ๋ออันงึมงำขึ้นมา "เจ้านี่มันสุดยอดไปเลย!"จั๋วซือหรานยิ้มยิ้ม "แต่นี่ข้าก็แค่พูดกับพวกเจ้าเท่านั้นนะ เพราะข้ากับพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ที่อยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว ส่วนฮั่วจือโจวทางนั้น..."สายตาจั๋วซือหรานลึกซึ้ง "เขาดูแล้วถึงจะเหมือนว่านิสัยไม่เลวก็เถอะ แต่ข้าก็ไม่เคยชื่อใจพวกตระกูลขุนนาง ดังนั้น เรื่องนี้ยังไม่ต้องบอกพวกเขาแล้วกัน"เจี่ยงเทียนซิงกับอินเจ๋ออันเดิมทียังไม่ได้สติกลับมา แต่เห็นได้ชัด ว่าไม่ใช่เรื่องว่าจะบอกหรือไม่บอกพวกตระกูลขุนนาง แต่ว่าเรื่องนี้เดิมทีก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาตกตะลึงไปแล้ว"หก หกสิบเม็ด?" เจี่ยงเทียนซิงงึมงำจั๋วซือหรานพยักหน้า "หกสิบแปด หลังจากนี้ถ้าพัฒนาขึ้นก็น่าจะได้มากขึ้นไปอีก"อันที่จริงนี่คือการที่นักกลั่นยาของนางเลื่อนขั้นขึ้นมา ตอนนี้นางจะกลั่นยาลูกกลอนขั้นห้าออกมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ว่าเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องไปบอกให้ใครรู้ส่วนที่ว่าทำไมปริมาณการผลิตถึงได้มาก นี่ก็เป็นวิธีการใหม่ที่จั๋วซือหรานค้นพบ ตนเองขอแค่กลั่นยาในมิติน้ำพุวิเศษ ถึงแม้มาตรฐานขั้นการกลั่นยาจะไม่ได้แตกต่างกับการกลั่นยาภายนอกมากนักแต่ปริมาณการผลิดกลับเปลี่ยนไปอย่าง
"เท่าไรนะ?!""เจ้าบอกว่าเท่าไรนะ?!"ทั้งสามคนแทบจะร้องออกมาพร้อมกันจั๋วซือหรานแหงนตามองพวกเขา "แปดเม็ด ทำไมหรือ?"ฮั่วจือโจวพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ยื่นมือชี้ไปที่นาง สายตาตกตะลึง ครู่ต่อมา จึงพยักหน้าเอ่ยว่า "ขอตัวก่อน! จือโจวจะกลับไปหารือกับผู้อาวุโสทันที"จั๋วซือหรานขานรับอืมไปเสียงหนึ่ง นางคิดๆ เสิรมขึ้นมาว่า "มีแค่โอกาสเดียวเท่านั้นนะ""อะไรนะ?" ฮั่วจือโจวไม่ค่อยเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ถ้าหากเจ้าปฏิเสธครั้งนี้ จากนี้จะมาเสียใจแล้วอยากร่วมมือกับข้า ข้าก็จะไม่รับปากแล้วนะ"ฮั่วจือโจวมองรอยยิ้มบนหน้านาง และได้ยินเสียงใสของนางดังขึ้นว่า "ข้าเป็นคนนิสัยแบบนี้ล่ะ ทำอะไรก็จะขีดเส้นไว้ ต่อให้เป็นศัตรู ถ้าไม่เกินเลยมากนักข้าก็จะให้โอกาสอีกสักครั้ง"ฮั่วจือโจวตอบ "ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว"หลังจากฮั่วจือโจวออกไป เจี่ยงเทียนซิงกับอินเจ๋ออันในที่สุดก็อดกลั้นไม่ไหว โดยเฉพาะอินเจ๋ออัน ท่าทางนั่น จั๋วซือหรานแทบอยากจะพุ่งไปบีบคอเขาจริงๆ"เจ้า! เจ้านี่จริงๆเลย""ทำไมจึงไปรับปากเงื่อนไขแบบนั้น? เจ้ารุ้ไหมว่าลูกกลอนขั้นสี่มมันมูลค่าสูงแค่ไหน?"หายากนะเนี่ย ที่เจี
จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "มาก็มาแล้ว ทุกครั้งไม่เคยจะเข้ามาเสียที เอาแต่แอบฟังอยู่ข้างๆ มันใช่เรื่องไหม?"ฮั่วจือโจวเดินเข้ามา มองนางอย่างจำใจ "แม่นางจิ่วไม่รู้จริงหรือว่าตัวเองเป็นตัวยุ่งยากระดับไหน? ที่ข้าเข้ามา ก็ถือว่าเสี่ยงอันตรายมากแล้วนะ"จั๋วซือหรานฟังคำพูดเขา หัวเราะพยักหน้า "ข้ารู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นตัวยุ่งยาก เป็นความเสี่ยง"ฮั่วจือโจวคิดจะพูดต่อ แต่จั๋วซือหรานก็ชิงพูดมาก่อน "แต่ว่านะ ถึงแม้ข้าจะเป็นความเสี่ยง แต่ว่ากำไรกับความเสี่ยงมันก็ของคู่กันไม่ใช่หรือ?""ดังนั้นข้าถึงคอยฟังอยู่นี่ไง อยากจะฟังว่าเจ้าจะให้ผลกำไรอะไรกับข้า" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น "ถึงอย่างไรจากสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ ตระกูลเฟิงถ้าเจ้าคิดจะผิดใจให้ถึงที่สุด แล้วถ้าตะรกูลเฟิงไปจับมือกับตระกูลขุนนางอื่นล่ะก็..."ฮั่วจือโจวพูด ส่ายหัวเบาๆ "แม่นางจิ่ว ถึงตอนนั้นต่อให้ข้าอยากจะร่วมมือกับเจ้าแค่ไหน แต่ที่ตระกูลก็คงสร้างแรงกดดันกับข้าอย่างมาก ไม่ยอมให้ข้าทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน ""ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นอย่างที่เจ้าพูดนั่นล่ะ ตระกูลขุนนางก็เป็นกันเช่นนี้ เหนื่อสิ่งอื่นใดทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลปร
"ก็คงไม่บีบคั้นนาง! แล้วนางก็ไม่ต้องมาฆ่าคนด้วย!""มีคนไปผิดใจนางมาตั้งเยอะ ก็ยังไม่เคยเห็นนางคลั่งจนฆ่าคนแบบนี้เลย!""พวกท่านทำไมต้องทำแบบนี้? งานหมั้นหมายก่อนหน้านี้ก็เป็นพวกท่านที่กำหนด แล้วตอนนี้ทำไมถึงไปขับไล่พวกเขา""ทำไมคนที่ตายไม่ใช่พวกท่านกัน?"เหล่าผู้อาวุโสถลึงตาโต มองหน้ากันไปมา เบิกตาอ้าปากค้างตามหลักการที่พวกเขาพูดกับเหล่าอาวุโสแบบบี้ถือว่ากำเริบเสิบสาน แต่ชั่วขณะหนึ่ง เหล่าผู้อาวุโสกระทั่งลืมที่จะตะคอกออกไปด้วยซ้ำเพราะวพกเขาก็รู้อยู่รางๆ ว่าเรื่องราวมันค่อยๆ ควบคุมไม่อยู่แล้วมีเรื่องบางอย่างเหมือนกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่พวกเขาควบคุมไม่ได้...อีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานนั่งดื่มชาอยู่ในโรงน้ำชา ดื่มไปคำหนึ่งก็ขมวดคิ้วไม่อร่อยเลยกินกับข้าวไปคำหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วอีกห่วยแตกเจี่ยงเทียนซิงรู้สึกจนใจ หัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "พวกเรารีบมารับช่วงต่อ ก็ไม่ห่วยแตกแบบนี้แล้ว"จากนั้น ที่ประตูก็มีเงาคนลับๆ ล่อๆ เดินเข้ามาบนหัวสวมหมวกปิดหัว เดินไปมาอย่างรีบร้อน ปิดบังหน้าส่วนใหญ่ไว้ แต่ตราประทับจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากนั่นก็ยังเผยออกมาอย่างชัดเจนจั๋วซือหรานมองแล้วก็พูดไม่ออก เจ
พวกเขาจึงมองหน้ากันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงไปทำงานกัน จากนั้นจึงกินกันอย่างมีความสุขตอนนี้ ไม่มีใครสนใจแล้วว่าก่อนหน้านี้ที่จั๋วซือหรานปิดตัวทำอะไรอยู่ในห้องแล้วจั๋วซือหรานมองเหล่าองครักษ์เงาที่กินกันอย่างมีความสุขในเรือน นางยกปากขึ้นยิ้มๆ จากนั้นจึงหมุนตัวไปที่ข้างเรือน......กลางดึกในจวนตระกูลเฟิงหวาดระแวงกันมาก แค่ลมพัดใบไม้ไหวก็คิดว่าศัตรูบุกไม่เคยมีใครมาสร้างแรงกดดันมากขนาดนี้กับตระกูลเฟิงมาก่อนนี่ทำเอาเหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฟิง ทั้งรู้สึกอัปยศและรู้สึกโกรธเคืองมากแต่กลับยังต้องให้ความสำคัญขึ้นมา!ไม่เพียงแต่หน่วยลาดตระเวน มีอัตรารอบสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนเท่านั้นแต่เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าที่จะหลับตากัน"นางปีศาจสาวนั่น! ทำไมถึงได้มีพลังขนาดนี้!""ไม่รู้ว่าเจ้าคนไร้ค่าเฟิงเหยียน ให้กำลังกับนางไปมากน้อยแค่ไหน!""เจ้าว่าคืนนี้นางจะมาจริงไหม?""ใครจะรู้เล่า? น่าอับอายเสียจริง แค่คำพูดเดียวของนาง...!"ตอนนี้ก็ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนไม่มีคนสังเกตเห็น ว่ามีร่างปราดเปรียวราวกับแมวราตรีร่างหนึ่ง แฝงตัวเข้ามาในเรือนตระกูลเฟิงแล้วแล้วเหล่าผู้อาวุโสที่จุดโคมกันสว่างไสว กล
เรื่องนี้ จะปิดไว้ก็ไม่ใช่ว่าจะปิดได้ง่ายๆ ดังนั้นเพียงไม่นาน ในเมืองหลวงก็มีข่าวแพร่ออกมาตระกูลซางทำอะไรจั๋วซือหรานไม่ได้ ขนาดตระกูลเฟิงก็ยังถูกแม่นางจั๋วจิ่วควบคุมไว้แล้ว!แต่ว่าจั๋วซือหรานไม่มีเวลาไปสนใจเสียงของโลกภายนอกพวกนี้ นางรีบกลับมารักษาแผลที่ขาของหานกวง ต่อเอ็นที่เท้าหานกวงรู้สึกมหัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่า นางเดิมทีคิดว่าไม่เหลือความหวังใดๆ แล้วแต่วา่จั๋วซือหรานหลังจากรักษาจนเสร็จ หานกวงยังคิดว่าตนเองเข้าใจผิด แต่ไม่ใช่เล่ย ความรู้สึกที่เท้าค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นแล้ว! กระทั่งเท้ายังขยับได้อีกด้วย"แม่นางจิ่ว! ท่านรักษาให้หายได้จริงด้วย!"จั๋วซือหรานก้มลงมองนางแบบแปลกๆ "คิดว่าข้าล้อเจ้าเล่นหรือ?"ฉุนจวินเขียนเนื้อหามาไม่น้อย ยังไม่ได้ให้จั๋วซือหรานอ่าน เหล่าองครักษ์เงาก็ทยอยกันเล่าเรื่อง จึงได้พอเข้าใจถึงเรื่องราวคร่าวๆในใจโมโหอย่างมาก ต่อตระกูลเฟิงและอี้ชิงคนทรยศนั่นเจี่ยงเทียนซิงเองเข้ามาเช่นกัน ดูกังวลอย่างหนัก ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาอาจจะทำเป็นไม่สนใจ หรือแค่ให้อิ๋นไห่นำคำพูดมาแล้วก็แล้วกันไปแต่ว่าตอนนี้...เขาทนไม่ไหวแล้ว"ซือหราน หลังจากนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรกัน? เจ
จั๋วซือหรานพอพูดคำนี้ออกไป ผู้อาวุโสตระกูลเฟิงสีหน้าก็ปั้นยากเสียแล้ว!เพราะจั๋วซือหรานพูดไว้ไม่ผิด คนของพวกเขาล้วนเอาออกไปจัดการเฟิงเหยียนหมดแล้ว ต่อให้เฟิงเหยียนจะถูกพวกเขาวางแผนใส่ จนพลังที่แท้จริงอ่อนแอลงมาแล้วก็ตามแต่สำหรับพวกเขา ก็ยังประมาทไม่ได้ปฏิบัติการครั้งนี้จะพลาดไม่ได้ เพราะตัวตนของจั๋วซือหราน รวมถึงความสัมพันธระหว่างเฟิงเหยียนกับจั๋วซือหรานที่ลึกซึ้งขึ้นทุกวันสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะรักลึกซึ้งไปยิ่งกว่านี้ แล้วทำเรื่องให้ยุ่งยากกว่าเดิม พวกเขาก็จะลงมือเสีย!จึงได้มีปฏิบัติการในครั้งนี้ อดพูดไม่ได้เลย ว่าค่อนข้างจะสำเร็จอยู่ความสามารถของเฟิงเหยียนถูกลดทอนลงไปอย่างมาก พวกเขาถึงจัดการได้ไม่เช่นนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาไม่กล้าสังหารเขาจริงๆ อย่างมากก็ทำได้แค่ลงโทษเขาแบบนี้ หากเขาคิดจะทำการขัดขืนขึ้นมา ตระกูลเฟิงก็ยากที่จะรับไหวเช่นกันปฏิบัติการนี้สำเร็จอย่างมากแล้วแท้ๆเพียงแต่ว่า พวกเขาคิดพลาดไป หรือก็คือพวกเขาคิดไม่ถึง ว่าเรื่องนี้จั๋วซือหรานจะมีปฏิกิริยาอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็เพิ่งเข้าใจว่าทำอะไรผิดพลาด แต่ก็เ
ตอนนั้นก็รู้สึกว่าน่าตกตะลึงแล้ว พอมาได้ยินใกล้ๆ แบบนี้ ก็น่าตกใจจริงๆที่น่าตกใจกว่าคือ พริบตาต่อมา คนที่เตรียมจะไปขวางคนนั้น มือของเขา...ขาดไปแล้วมือของเขาเหมือนถูกอะไรที่น่ากลัวฟาดออกไป จากตำแหน่งที่สูงขึ้นมาจากข้อมือเล็กน้อย เลือดเนื้อเละเทะไปหมดข้อมือที่ขาดร่วงลงบนพื้น นิ้วยังคงกระดิกอยู่จั๋วซือหรานมองเขา เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา "ครั้งต่อไปจะเป็นหัว ไม่ใช่หัวข้างบนนะ แต่เป็นไอ้หัวข้างล่างนั่น"คนผู้นี้เหงื่อแตกพลั่ก กุมข้อมือ ถอยไปอยู่ข้างๆ ไม่กล้าทำอะไรอีกจั๋วซือหรานตอนนี้จึงเดินนวยนวดไปตรงหน้าผู้อาวุโสคนนั้น ยื่นมือไปรับสัญญาทาสจากในมือเขา เก็บเข้าไปในมิตะพริบตานี้เอง ผู้อาวุโสคนนี้จู่ๆ ก็จะโจมตีเข้ามา ชักกระบี่ประจำตระกูลทันทีอากาศรอบๆ มีคลื่นความร้อนหลั่งทะลัก!โจมตีไปทางจั๋วซือหราน!จั๋วซือหรานแหงนตาขึ้นมอง ไม่มีใครเห็นว่าในมือนางมีมีดสั้นปรากฏขึ้นตอนไหนแค่ในชั่วจังหวะหายใจนี้ผู้อาวุโสก็ใส่ไปหลายกระบวนท่าจังหวะที่กระบวนท่าสุดท้ายเข้าปะทะ ผู้อาวุโสก็โซซัดโซเซถอยไปหลายก้าว ทานกำลังของจั๋วซือหรานไม่ไหวตอนนี้เอง ร่างหนึ่งก็กะเผลกตรงเข้ามาทางนี้ดูแล้วซมซานอย่าง