พวกเขาเพิ่งกระโจนออกมา ก็เห็นว่าในมือจั๋วซือหรานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วราวกับเล่นกลเจ้าของสีดำที่ส่งเสียงกัมปนาทลั่นท้องฟ้าก่อนหน้านี้หายไปแล้ว ตอนนี้ในมือของนางมีดาบคู่เข้ามาแทน!พริบตาต่อมาร่างของนางก็หายไป"เร็ว! จัดการนางให้ได้!" คนที่ส่งเสียงขู่จั๋วซือหรานเมื่อครู่ รีบร้องขึ้นมาอีกครั้งแต่ว่า องครักษ์เงากับคนคุ้มกันของจวนตระกูลเฟิงเหล่านั้น ก็ไม่สามารถใช้สายตาจับร่องรอยจั๋วซือหรานได้เลยตอนที่พวกเขายังพยายามค้นหาร่องรอยจั๋วซือหรานในเรือน ใครก็ไม่ทันสังเกต ว่าจั๋วซือหรานปรากฏขึ้นด้านหลังคนที่ตะโกนขึ้นเมื่อครู่แล้วคนผู้นี้เดิมทียังเหลียวซ้ายระวังขวาอยู่ พิจารณารอบๆ อย่างระมัดระวัง คอยมองว่าปีศาจหญิงคนนั้นอยู่ที่ไหนแต่กลับไม่สังเกตเลย ว่าร่างที่ราวกับเป็นภูติผีปรากฏขึ้นมาด้านหลังเขา หลังจากนั้นดาบเล่มหนึ่ง ก็เหวี่ยงเข้าที่หลังคอเขาพาดอยู่บนคอหอยเขา"อั่ก..." เสียงของเขาชะงักไปฉับพลัน จากนั้นจึงมีเสียงสั้นๆ ดังออกมาเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่เย็นเฉียบแนบอยู่กับผิวหนังของตนเองคนอื่นๆ ที่ยังค้นหาคนอยู่ในเรือน กลับยังไม่ทันสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงทางนี้ใ
เหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีพริบตาต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงจั๋วซือหรานที่อยู่ด้นหลัง เป่าปากดังขึ้นมาสายตาทั้งหมดหันไปทางนางทันที!พริบตาต่อมา สายตาทั้งหมดก็ตกตะลึงไป!เพราะพวกเขาเห็นหญิงสาวที่ราวกับเป็นภูตผีคนนี้ นางที่สวมชุดสีแดงราวกับเพชรฆาตที่จ้องเอาชีวิตใช้ดาบเล่มหนึ่งแทงเข้าไปในคอคนคนนั้น!เลือดสดพุ่งกระฉูด สาดกระเซ็นไปทั่ว มีหยดเลือดกระเด็นไปบนหน้านางด้วยผิวขาวนวลของนางค่อยๆ กลายเป็นสีแดงจัดเขาจ้องมองคนเหล่านี้เขม็ง ปากยิ้มโค้งขึ้นมา เผยฟันขาวสะอาด สวยงามจนยากจะเปรียบเทียบ แต่ในสายตาของศัตรูแล้ว มันกลับเป็นความหวาดผวานางบอกจะสังหารก็สังหารจริงๆยิ่งไปกว่านั้นยังแจ้นมาสังหารคนถึงในจวนชาวบ้านเข้าอีก!วินาทีต่อมา ร่างของนางก็หายไปเพียงไม่นาน ก็มีคนล้มลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีแผลถึงกับชีวิต แต่ที่ล้มลงไป ส่วนใหญ่คือบาดเจ็บสาหัส!หญิงสาวคนนี้ ตอนที่รักษา ก็ราวกับแย่งชีวิตจากยมทูต แต่พอสังหารคนขึ้นมาก็ราวกับเป็นเทพแห่งความตายที่ลงมาเก็บเกี่ยวชีวิตคนติ๋ง ติ๋ง...เลือดสดหยดลงมาจากปลายดาบนางอี้ชิงพบว่า ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ คนที่คอยซุ่มโจมตีจั๋วซือหรานในเรือน ทยอยกันล้
ยาลูกกลอนไหลลงไปในคอเขาอย่างรวดเร็ว!อี้ชิงถลึงตาโต เสียงแหบพร่า "เจ้าให้ข้า...กินอะไรลงไป?!"เขาได้ยินเสียงหัวเราะเย็นชาของจั๋วซือหราน ราวกับได้ยินเสียงทุ้มต่ำมาจากนรก!"ก็แค่ของเล่นที่น่าสนใจบางส่วนน่ะ น่าจะทำให้ประสาทสัมผัสของเจ้าดีขึ้นมาหลายเท่าตัวกระมัง" จั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชา "กระดูกบนตัวมนุษย์มีสองร้อยหกชิ้น มีให้พวกเราเล่นสนุกเหลือเฟือเลย"พอพูดจบคำนี้วินาทีต่อมา ความเจ็บปวดวูบหนึ่งก็ระเบิดขึ้นบนขาเขา!"อ๊าค...!" อี้ชิงคุกเข่าลงกับพื้นแต่การเคลื่อนไหวของจั๋วซือหรานกลับไม่ได้หยุดที่การคุกเข่าลงของเขานางแทบจะเป็นมีดชอนไชไปตามร่องกระดูกเลยทีเดียว บีบกระดูกบนตัวเขาทิ้งไปทีละท่อนๆไม่ได้ใช้อุปกรณ์อะไร แค่มือเรียวของนางเท่านั้น แต่กลับรู้สึกว่าโหดร้ายยิ่งกว่าคีมเสียอีก!และอี้ชิงเองก็ได้ลิ้มรสสิ่งที่นางพูดไว้...ความเจ็บปวดหลายเท่าสติของเขาก็แทบจะไม่เหลือแล้วเลือดในปากเขาไหลลงมาจากคาง มองแล้วดูซมซานน่าเวทนาราวกับว่ากระทั่งสติสัมปชัญญะก็ค่อยๆ หายไปแล้วแต่ว่าก็ค่อยๆ ฟื้นฟูสติสัมปชัญญะกลับมาด้วย และในช่วงเวลาสั้นๆ ที่สติกลับคืนมา เขาก็พูดตะกุกตะกักกับจั๋วซือหราน "ไว้
นี่เกือบจะตัดขาของนางออกมาอยู่แล้วเพราะว่าพวกเขา...รู้ว่าวิชาเคลื่อนไหวของนางยอดเยี่ยม ถนัดการส่งข่าว กลัวว่านางจะเอาข่าวไปรายงานกับเฟิงเหยียนหรือจั๋วซือหรานดังนั้นจึงทำให้ขานางบาดเจ็บสาหัสเสีย ยิ่งกว่านั้นยังส่งนางเข้ามาขังในคุกใต้ดิน แล้วยังเป็นห้องขังที่น้ำท่วมอีกตอนนี้ ขาของนางแช่อยู่ในน้ำสกปรกของคุกใต้ดิน เจ็บปวดขึ้นมาเป็นระยะ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังรู้สึกว่าตนเองกำลังตัวร้อนสถานการณ์แย่ลงทุกที ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงต้อง...ตายแน่ๆตนเองตายไม่ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ยังไม่ทันได้รายงานกับนายท่าน ยังไม่ได้รายงานกับแม่นางจิ่ว...ถ้าหากต้องตายไปเช่นนี้ นางไม่ยอม นางตายตาไม่หลับ!ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าพวกพ้อง แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกล้าหาญ ตอนนี้ก็ถูกขังกันอยู่ในคุกใต้ดินนี่มัน...ปัง!ตอนที่หานกวงถูกไข้ความร้อนทำให้มึนงง ในใจทั้งโกรธแค้นและเสียใจเสียงหนึ่งก็ดังลอดเข้ามาน่าจะเป็นด้านนอกคุก แต่ว่าต่อให้อยู่ในคุก ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน!เสียงนี้ดังมาก สะเทือนขึ้นมาจนนางได้สติเดิมทีสมองที่ยังมึนงงเพราะความร้อน ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นกระจ่างขึ้นมาแล้วพอควรหานกวงตกตะลึงขึ้นมา จากนั้น
จั๋วซือหรานยืนอยู่ที่ประตูคุก เห็นเหล่าองครักษ์เงาถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน แต่ละคนล้วนบาดเจ็บ ดูแล้วเพราะขัดขืน จึงเจอกับการปฏิบัติเช่นนี้จั๋วซือหรานเดินลงไปจ้านหลูกะเผลกออกมารับ"แม่นางจิ่ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? พวกเขาไม่ได้ซุ่มโจมตีท่านหรือ?" จ้านหลูขมวดคิ้วถาม ฟังแล้วเหมือนจะกังวลความปลอดภัยของจั๋วซือหราน ทั้งที่สภาพของตัวเองย่ำแย่ขนาดนี้องครักษ์เงาคนอื่นเองก็ทยอยกันถามข้น "ใช่เลย อันตรายมากจริงๆ พวกเราอยู่ในนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่ตายหรอก ท่านทำไมต้องเสียงตัวเองขนาดนี้""นายท่านของพวกเจ้าถูกจับไปแล้ว" จั๋วซือหรานมองพวกเขาพอนางพูด องครักษ์เงาทั้งหมดล้วนถลึงตาค้าง มีบางคนตาแดงก่ำขึ้นมา"คอของฉุนจวินถูกธนูดอกหนึ่งปักจนทะลุ..." จั๋วซือหรานยืนมือไปปิดที่ตำแหน่งคอตอนนี้กระทั่งเสียงของจ้านหลูก็ยังแหบพร่าปนสะอื้นขึ้นมา "หัวหน้าเขา...ตายแล้วหรือ?"บรรยากาศ ดิ่งวูบลงมาทันทีในคุกใต้ดินเดิมทีก็อึมครึมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมืดมนขึ้นไปอีกจั๋วซือหรานจุ๊ปาก ยกมือจิ้มไปที่หัวของจ้านหลู "นายท่านของพวกเจ้าเพื่อจะช่วยชีวิตฉุนจวิน ถึงได้ถูกจับตัวไป แล้วข้าจะปล่ยอให้ฉุนจวินเป็นอะไรได้อย่างไร ยังไม
จากนั้นจึงรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา และเห็นแม่นางจิ่วใช้อุปกรณ์บางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไร หัวเข็มแหลมๆ แทงเข้าไปในแขนนางพอทเียบกับอาการบาดเจ็บบนตัวตนเองแล้ว ความเจ็บปวดนี้มันเล็กน้อยมากจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "จะจัดการให้เจ้าสักหน่อยก่อน จากนั้นออกไปแล้วค่อยว่ากัน ทนหน่อยนะ""ได้..ซี๊ด!" หานกวงขานรับ อดพูดไม่ได้เลยว่าแม่นางจิ่วทำงานได้รวดเร็วเด็ดขาดมากจริงๆพอขานรับก็ปวดจี๊ดขึ้นทันที! แม่นางจิ่วไม่รู้ว่าสาดอะไรลงไปที่แผลบนขานาง ทำเอาแผลของนางเจ็บจนแทบทะลุไปถึงใจ!หลังจากนั้น จั๋วซือหรานก็คลี่ผ้าคลุมผืนหนึ่งออกมาห่อตัวนางไว้จากนั้นจึงตะโกนออกไปด้านนอก ขอคนสองขาดีดีเข้ามาแบกหานกวงออกไปหน่อย พวกเราเตรียมออกไปได้แล้วและก็มีองครักษ์เงาสองคนเข้ามาทันที พอเห็นสภาพแผลของหานกวง ก็ล้วนรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาเพราะวในกลุ่มองครักษ์เงาอย่างพวกเขาเดิมทีไม่มีหญิงสาว มีแค่หานกวงคนเดียว ปกติพวกเขาก็ค่อนข้างจะยอมให้นางหน่อยตอนนี้ถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้"ระวังขาของนางด้วย พยายามอย่าไปโดนเข้า พวกเราไป"เหล่าองครักษ์เงาแบกหานกวงตามไปอยู่กับเหล่าองครักษ์เงาคนอื่นในคุกใต้ดิน เดินตามหลังจั๋วซือหรานออกจา
จั๋วซือหรานพอเห็นสีหน้าขมขื่นของเฟิงฮ่วน ก็ยิ้มออกมา "ข้าไม่ลืมอยู่แล้ว ว่าข้ายังมีหนี้ข้างนอกอยู่เท่าไรที่ยังไม่ได้ชำระ"จั๋วซือหรานพูด นิ้วก็ขยับกลางอากาศปรากฏม้วนสาสน์เล็กๆ หลายม้วนทั้งหมดล้วนเป็นสัญญาวิญญาณแห่งคำพูดที่จั๋วซือหรานทำขึ้นกับผู้อาวุโสหลายคน ตอนวิกฤตโรคระบาดกู่ของตระกูลเฟิงเมื่อครั้งนั้นพวกเขาล้วนรับปากจั๋วซือหรานแล้วข้อหนึ่งเวลานี้ ไม่ใช่แค่เฟิงฮ่วน ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่ทำสัญญาวิญญาณแห่งคำพูดกับนางเหมือนเฟิงฮ่วนเมื่อตอนนั้น ก็ล้วนหน้าเจื่อนกันไปหมดจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "พวกเจ้ายังติดค้างข้าอยู่เงื่อนไขหนึ่ง"ผู้อาวุโสพวกนั้นก็ปากแข็งพูดว่า "แต่ว่า! ห้ามเป็นภัยกับตระกูลเฟิง!""จะมีภัยกับตระกูลหรือไม่ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างส่วนบุคคล ยากจะตัดสิน ดังนั้น ข้าจึงอยากเห็นว่าจิตวิญญาณแห่งคำพูดนี้จะตัดสินอย่างไร" จั๋วซือหรานมองพวกเขานางเองช่วงนี้ก็มาทบทวนเงื่อนไขสัญญาวิญญาณแห่งคำพูด รู้สึกว่าน่าสนใจมากเงื่อนไขกว้างๆ แบบนี้ อย่างห้ามทำอันตรายต่อตระกูล มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากเจ้าคิดว่ามีอันตรรายต่อตระกูล แต่ข้าคิดว่านี่ไม่มีอันตรายต่อตระกูล ข้าไม่ได้ให้
ตอนนั้นก็รู้สึกว่าน่าตกตะลึงแล้ว พอมาได้ยินใกล้ๆ แบบนี้ ก็น่าตกใจจริงๆที่น่าตกใจกว่าคือ พริบตาต่อมา คนที่เตรียมจะไปขวางคนนั้น มือของเขา...ขาดไปแล้วมือของเขาเหมือนถูกอะไรที่น่ากลัวฟาดออกไป จากตำแหน่งที่สูงขึ้นมาจากข้อมือเล็กน้อย เลือดเนื้อเละเทะไปหมดข้อมือที่ขาดร่วงลงบนพื้น นิ้วยังคงกระดิกอยู่จั๋วซือหรานมองเขา เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา "ครั้งต่อไปจะเป็นหัว ไม่ใช่หัวข้างบนนะ แต่เป็นไอ้หัวข้างล่างนั่น"คนผู้นี้เหงื่อแตกพลั่ก กุมข้อมือ ถอยไปอยู่ข้างๆ ไม่กล้าทำอะไรอีกจั๋วซือหรานตอนนี้จึงเดินนวยนวดไปตรงหน้าผู้อาวุโสคนนั้น ยื่นมือไปรับสัญญาทาสจากในมือเขา เก็บเข้าไปในมิตะพริบตานี้เอง ผู้อาวุโสคนนี้จู่ๆ ก็จะโจมตีเข้ามา ชักกระบี่ประจำตระกูลทันทีอากาศรอบๆ มีคลื่นความร้อนหลั่งทะลัก!โจมตีไปทางจั๋วซือหราน!จั๋วซือหรานแหงนตาขึ้นมอง ไม่มีใครเห็นว่าในมือนางมีมีดสั้นปรากฏขึ้นตอนไหนแค่ในชั่วจังหวะหายใจนี้ผู้อาวุโสก็ใส่ไปหลายกระบวนท่าจังหวะที่กระบวนท่าสุดท้ายเข้าปะทะ ผู้อาวุโสก็โซซัดโซเซถอยไปหลายก้าว ทานกำลังของจั๋วซือหรานไม่ไหวตอนนี้เอง ร่างหนึ่งก็กะเผลกตรงเข้ามาทางนี้ดูแล้วซมซานอย่าง
นางหมายถึง...กองหนุนที่ย้ายมาจากสำนักเมฆาวารีของผู้เฒ่าเหอสินะ!?แต่ใครก็ตามที่มีความคิดเช่นนี้ เขาคงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหยิ่งผยองโอหังถึงที่สุดหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ตอนที่เผยความหมายนี้ออกมากลับไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความหยิ่งผยองโอหังแม้แต่น้อยเพราะ เรื่องราวเหมือนจะเป็นเช่นนี้จั๋วซือหรานเหมือนจะงึมงำกับตนเองขึ้นว่า "พอเข้าใจวิชาหุ่นเชิดกับหุ่นเชิดมนุษย์แล้ว มันน่าสนใจจริงๆ ทางที่ดีขอให้พวกเขาเอาเจ้าพวกนี้มาเล่นด้วย จะได้ไม่เสียเวลาที่ให้ข้ารอนานขนาดนี้...เจิ้นเจียงเหลือบมองทุกคนที่มีบาดแผลพอคิดๆ ก็ถามจั๋วซือหรานขึ้น "แม่นาง แล้วจะเรียกพวกเขาว่าอย่างไรกัน? เหมือนว่าจะบาดเจ็บกันหนักมาก ข้าพาพวกเขาไปพักผ่อนดีไหม?"หัวหน้าคนคุ้มกันมองออก ว่าคนรับใช้คนนี้ของนายท่าน เหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยกับสถานการณ์ที่นายท่านกำลังจะเผชิญแม้ไม่รู้ว่าผ่านเรื่องอะไรมา ถึงทำให้บ่าวมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาอันที่จริงคนคุ้มกันอย่างพวกเขา ก็เพิ่งจะผ่านการถูกตระกูลเหอปฏิบัติอย่างโหดร้ายมานี่เองและยังเห็นเจิ้นเจียงมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้ต่อนายท่านแม้พวกเขา
จั๋วซือหรานหลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าเหอในที่สุดก็ทนกับความโกรธไม่ไหวตาเหลือกสลบเหมือดไปอีกครั้งจั๋วซือหรานจึงพาคนออกมาจากจวน ตอนที่ไปยังโรงเตี๊ยม หัวหน้าคนคุ้มกันยังมีความระแวดระวังอยู่"แม่นาง นี่คือโรงเตี๊ยมของตระกูลเหอ"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขา พยักหน้าตอบ "ข้ารู้""ท่านไม่กังวล..." ขณะที่หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้น ก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ว่าเจ้านายใหม่ของตนเอง เหมือนเดิมทีจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกังวลกับอะไรนัก""ถ้าหากกังวลล่ะก็ เกรงว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในป่าทวนแสงก่อนหน้านี้ คงไม่ถูกนางเล่นงานเสียจนเป็นแบบนั้นหัวหน้าคนคุ้มกันบอกพูดพลางยิ้มจางๆ บอกกับตนเองว่า "ก็ถูก..."จั๋วซือหรานเพิ่งเดินเข้าประตูโรงเตี๊ยม เจิ้นเจียงก็เข้ามาต้อนรับแล้ว "คุณหนู! ท่านกลับมาแล้ว!"จั๋วซือหรานขานรับอืม เหลือบมองเขา "มีเรื่องอะไรยุ่งยากหรือเปล่า?"เจิ้นเจียงส่ายหัวตอบกลับ "ไม่มีเลยขอรับ ก็แค่ตอนที่เริ่มมีคนคิดจะมาหาเรื่อง แต่ยังไม่ทันได้แตะข้า ก็ถูกฟาดจนล้มไป หลังจากนั้น...ไม่มีหลังจากนั้นแล้วขอรับ"เจิ้นเจียงรู้ว่านายท่านคงทำอะไรไว้บนตัวตนเอง แต่ว่าจนถึงตอนที่เห็นคนที่คิดจะเข้ามาหาเรื่อง กระทั่งย
ราวกับว่าความรู้สึกที่คลุมเครือในใจนั้น ในที่สุดก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งนางไม่มีประสบการณ์ผ่านเรื่องนี้จริงๆ แต่ในเส้นโชคชะตาของเจ้าของร่างเดิม เสน่ห์หนอนพิษกู่ในร่างเจ้าของเดิมถูกควบคุมโดยฉินตวนหยาง ทำให้ร่างกายไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วมองเห็นตนเองถูกควบคุมอยู่ตลอดเวลาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแตกต่างอะไรกับหุ่นเชิดความมืดกัน วิญญาณถูกขังให้รับการควบคุมอยู่ในเปลือกร่าง ไม่อาจสงบสุขได้อีก ไม่อาจหลุดพ้นได้...เกลียดชังขนาดที่แม้จะเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ยังไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วผู้เฒ่าเหอพอได้ยินคำนี้ ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ยังคงเช็ดแผลเลือดซิบบนหน้าตนเอง เช็ดจนบวมขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานไม่หันไปมองผู้เฒ่าเหออีก นำทางคนที่รับเข้ามาใหม่เตรียมจะออกไปพวกเขาแม้จะยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็เดินกันได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นในใจพวกเขาก็เข้าใจดี ต่อให้ตนเองเดินไม่ได้ จะต้องคลาน! ก็ต้องตามแม่นางออกไปพอเห็นจั๋วซือหรานออกไป ในใจผู้เฒ่าเหอก็เกิดความรู้สึกโล่งใจออกมาแต่ความรู้สึกที่มากว่า ยังคงเป็ฯความโกรธเคือง ชิงชังจนเข้ากระดูกดำแม้จะไม่กล้าพูดอะไรที่รุนแรงออกมา แต่กลับยังใช้สาย
จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรให้ฟังต่อเท่าไรแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนจะเดาออกมาได้อยู่สาเหตุที่ใช้คนเป็นมาหลอมสกัด โดยเฉพาะต้องไปลอบโจมตีคนที่ทักษะยุทธ์ยอดเยี่ยมมาหลอมเป็นหุ่นเชิดความมืดแน่นอนว่าเป็นเพราะทักษะยุทธ์กับความคิดด้านต่อสู้ของอีกฝ่าย และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในร่างกายของอีกฝ่าย แต่อยู่ในจิตใต้สำนึกของอีกฝ่าย...พูดให้ง่ายหน่อย คืออยู่ในจิตวิญญาณของอีกฝ่ายนั่นเองพอร่างตายวิญญาณก็ดับสลายแล้วตะปูวิญญาณนี่...จั๋วซือหรานมองตะปูยาวในมือเล่มนี้ ฟังจากชื่อก็เดาประโยชน์ของมันได้ไม่ยากโหดร้ายมาก ตอกดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไว้ในร่างกาย ประสิทธิภาพของอักขระคำสาปเปล่านี้ ก็ควรจะเป็นเช่นนี้กระมังผู้เฒ่าเหอพอเห็นจั๋วซือหรานไม่ถามต่อ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถอนใจยาวออกมาและตอนนี้เอง หลังจากได้รับการรักษาของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ฟื้นฟูพลังปราณมาแล้วบางส่วนก็พูดกับจั๋วซือหรานอย่างนอบน้อม "แม่นาง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนที่หลอมสกัดหุ่นเชิดความมืดเป็นคนแรก ก็คือบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเมฆาวารี แต่เจ้าสำนักเมฆาวารีในตอนนี้ เป็นรุ่นหลังของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักคนนั้น"
ถ้าหากใช้ศพของคนล่ะ?แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นตอนที่หุ่นเชิดร่างแรกถูกหลอมออกมา ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นกระทั่ง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นก็พบกับการลงโทษที่รุนแรงยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดมนุษย์ก็ถูกตราว่าเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ว่า ทักษะนี้ก็ปรากฏออกมาแล้วทักษะอะไรก็ตามพอปรากฏออกมาแล้ว ต่อให้จะถูกตีตราเป็นสิ่งต้องห้ามก็ตาม แต่ก็ยังมีคนที่แอบนำมาใช้งานกันอยู่ส่วนหุ่นเชิดความมืดตัวแรกนั้น...จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น "ดังนั้นเอาคนเป็นมาใช้ถึงจะกลายเป็นหุ่นเชิดความมืดสินะ"นางมองผู้เฒ่าเหอ "ข้าเป็นหมอ วิชาแพทย์เองก็ไม่เลวนัก บาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนตายกับบาดแผลที่เกิดขึ้นหลายตายไปแล้ว ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี"เจตนาที่จั๋วซือหรานพูดคำนี้ออกมานั้นง่ายมาก ก็คือจะพูดกับผู้เฒ่าเหอให้ชัดเจนถึงความหมายหนึ่ง...อย่าโกหกข้าผู้เฒ่าเหอเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ตอนนี้จึงเอ่ยขึ้นเสียงเล็ก "ใช่แล้ว แค่นำคนเป็นมาทำ ก็จะเรียกว่าหุ่นเชิดความมืด แม้หุ่นเชิดความมืดจะถูกสั่งห้ามมาตลอด แต่ระหว่างปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนด้วยกันก็มีการหารือกันมาตลอด หุ่นเชิดมนุษย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องควา
พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ดวงตาผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตกว่าเดิมไม่มีอะไรที่ที่จะยอดเยี่ยมไปกว่าคนที่เก่งรอบด้าน คำพูดส่งๆ ที่ว่า 'อันที่จริงข้าก็แค่เล่นๆ เท่านั้น ไม่เคยเรียนรู้จริงจังมาก่อนเลย' ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าถูกดูถูกมากขึ้นไปอีกแต่ผู้เฒ่าเหอถึงจะโกรธก็ไม่กล้าพูด ดูเหมือนกลั้นหายใจค้างอยู่ที่อก เข้าก็ไม่ได้ออกก็ไม่ได้ผ่านไปพักหนึ่งถึงหายใจได้คล่องหน่อยเหมือนเพิ่งจะได้ความสามารถในการพูดกลับมา"สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวิชาหุ่นเชิดก็คือหุ่นเชิดความมืด และสิ่งที่สำคัญที่สุดของหุ่นเชิดความมืดก็คือตะปูวิญญาณ" ผู้เฒ่าเหอเอ่ยขึ้นหลังจากที่จั๋วซือหรานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น ทำท่าเหมือนจะสนใจขึ้นมา "เล่าให้ละเเอียดหน่อย"ผู้เฒ่าเหอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ในใจก็เกิดความคิดขึ้นเพียงแต่ความคิดเหล่านี้พอโผล่ขึ้นมาในใจ ก็ถูกจั๋วซือหรานทำลายลงทันที"ถึงอย่างไรเจ้าก็คิดจะดึงข้าไว้ที่นี่อยู่แล้ว เจ้าจะได้ให้กองหนุนจากสำนักเมฆาวารีเข้ามาสั่งสอนข้า ช่วยระบายให้กับเจ้าไม่ใช่หรือ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น"ข้าเองก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าได้ รอกองหนุนของเจ้าที่นี่เสียเลย" จั๋วซือหรานยกมุมปากเป็นร
ตอนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม รู้สึกถึงแต่ความกดดันบีบคั้น ทว่ายืนอยู่ฝั่งตนเองก็ไม่เหมือนเดิม รู้สึกปลอดภัยอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะ...ทำไมถึงเริ่มนับขึ้นมาล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ในมือจั๋วซือหรานตอนนี้ ยังปรากฏตะปูยาวสีดำที่เต็มไปด้วยอักขระคำสาปแปลกประหลาดที่ดูแล้วลึกลับอย่างมากเล่มหนึ่ง!จากนั้นจึงเริ่มนับ "หนึ่ง""สอง"แล้วความเร็วการนับก็ไม่ได้ช้าเลย รู้สึกเหมือนไม่คิดจะให้คนได้ลังเลด้วยซ้ำจะยอมแพ้ หรือจะตาย ไม่มีตัวเลือกที่สามจะเจรจาหรือไม่เจรจา ไม่มีให้เห็นทั้งสิ้นผู้เฒ่าเหอ ตอนที่สายตาจับภาพตะปูยาวในมือจั๋วซือหรานได้ก็เปลี่ยนไปแล้ว ความหวาดกลัวตกตะลึงมหาศาลระเบิดขึ้นมาในดวงตากระทั่งตอนที่จั๋วซือหรานนับถึงสอง เขาก็รีบเอ่ยขึ้นว่า "ให้เจ้า! ให้เจ้าก็พอสินะ!"เสียงของผู้เฒ่าเหอแม้จะไม่ได้ต่ำขรึม แต่ก็ยังหนักแน่นแต่ตอนที่รีบตะโกนคำนี้ออกมา เสียงก็สั่นเครือราวกับกรีดร้องแหลมเหมือนกลัวว่าถ้าช้าไปสักนิดเดียว นางจะเอาตะปูประหลาดเล่มนั้นมาเล่นงานเขาดูแล้วพอเทียบกับการกลัวจั๋วซือหราน สู้บอกว่าเขากลัวตะปูในมือนางนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว ตะปูยาวที่อยู่ระหว่างนิ้ว หมุนควงเหมื
ผู้เฒ่าเหอก่อนหน้านี้เดิมทีถูกทำให้ตกใจจนสลบไปเท่านั้น ร่างกายไม่ได้บุบสลายแต่อย่างใดดังนั้นจึงได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่า หลังจากได้สติแล้วในใจยังไม่มีแผนรับมือ จึงทำได้แค่แกล้งนอนสลบไปบนพื้นต่อครุ่นคิดว่าควรจะรับมืออย่างไร แต่หญิงสาวคนนี้จะหลอกล่อก็หลอกไม่ได้ ทิฐิสูงไม่มีอ่อนข้อให้เลยจริงๆชั่วขณะหนึ่งก็ยากจะหาแผนการรับมือออกมาได้จึงทำได้แค่แกล้งสลบดึงเวลาออกไปก่อนดังนั้นผู้เฒ่าเหอจึงแกล้งนอนสลบอยู่บนพื้น ไม่ยอมลุกขึ้นมาเขายังคิดว่าจะไม่ถูกพบเสียอีก ฟังคำพูดเหล่านั้นของจั๋วซือหราน ฟังฟู่จาวหนิงชักชวนยุยงเหล่าคนคุ้มกันของเขาผู้เฒ่าเหอรู้สึกชิงชังในใจ!ตอนนี้เขาเองก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว ว่าคนคุ้มกันเหล่านี้ไม่ได้ทรยศหักหลังเขาแต่หญิงสาวคนนี้จงใจไว้ชีวิตพวกเขา ปล่อยพวกเขากลับมา...ใครจะรู้ว่านางคำนวณไว้แล้วหรือเปล่าว่าเขาจะไม่มีท่าทีที่ดีกับคนคุ้มกันเหล่านี้ ใครจะรู้ว่านางรอให้สถานการณ์แบบนี้ปรากฏขึ้นหรือเปล่า?!ผู้เฒ่าเหอในใจชิงชังนางอย่างมากแล้วยังแอบคิดในใจ ถึงอย่างไรหนังสือสารกรมธรรม์เจ้าพวกนี้ก็ยังอยู่ในมือเขาขอแค่หนังสือสารกรมธรรม์ยังอยู่ในมือเขา จั
จั๋วซือหรานไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธหัวหน้าคนคุ้มกันออกแรงเม้มปาก ในดวงตาแดงก่ำขึ้นจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่าเจ้านายเจ้าเป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน จะมองออกถึงดวงชะตาแล้ว ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วก็น่าจะหวงแหนชีวิตขึ้นมาบ้างจึงจะถูก นี่เจ้ากลับเข้ามารนหาที่ตาย"หัวหน้าคนคุ้มกันริมฝีปากสั่นระริก "แม่นาง..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ เลือกมา"พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันก็ตกตะลึง "อะ อะไรหรือ?""อยากจะรอดหรืออยากจะตาย" จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ อาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ "ถ้าจะส่งเจ้าไปสบายมันง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย อย่าว่าแต่เจ้า พวกลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ข้าสังหารทั้งหมดได้แค่ในไม่กี่อึดใจ"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ในดวงตาสงบนิ่งไปแล้วแท้ๆ แต่กลับเหมือนมีประกายของดวงดาวเปล่งปลั่งขึ้นมา"ยังมี...ชีวิตต่อได้หรือ?" ในน้ำเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันมีความหวังขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ได้ แต่มีสิ่งที่ต้องจ่าย""จ่ายด้วย...อะไรหรือ?"