เฟิงหร่านตาเป็นประกาย แต่เวลานี้ จั๋วซือหรานก็ลังเลขึ้นมาแล้ว "เดี๋ยวก่อน""อื๋อ?" เฟิงหร่านมองนาง จากนั้นจึงเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในตานาง"อย่าพูดให้มันง่ายนัก" จั๋วซือหรานยิ้ม "โดยเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าพี่ชายเจ้า..."จั๋วซือหรานลากเสียงยาวครุ่นคิด จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "เจ้าแค่บอกเขาว่า ข้าถูกรังแก สู้คนอื่นเขาไม่ได้ ไม่มีพลังไม่มีขั้วอำนาจหนุนหลัง เจ็บตัวขึ้นมาแล้ว"เฟิงหร่านฟังแล้วงงงัน "ท่านถูก...ถูกรังแก? สู้...สู้ไม่ไหว?"จั๋วซือหรานยิ้มตาหยีพยักหน้า "อืม เจ้าพูดแบบนี้ไปก็พอ""แต่ว่า..." เฟิงหร่านยังคงลังเล หลักๆ รู้สึกว่าพี่ชายก็ไม่ใช่คนโง่นะ จะมาติดกับง่ายๆ ได้อย่างไรกันจั๋วซือหรานยิ้มแล้วพูดขึ้นมา "เจ้าทำตามที่ข้าพูดก็พอ พี่ชายเจ้าดีใจแน่""ดีใจ?" เฟิงหร่านยังไม่ค่อยเข้าใจจั๋วซือหรานเองก็ไม่ได้อธิบายกับนางมากนักอันที่จริงจั๋วซือหรานต่อมาก็เคยคิด ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเฟิงเหยียนพิจารณาจากสถานการณ์ที่ตระกูลเฟิงระแวดระวัง อันที่จริงคือกลัวว่านางกับเฟิงเหยียนพออยู่ด้วยกัน จะมาขโมยพลังตระกูลเฟิงของพวกเขาไปอันที่จริงตระกูลเฟิงก็ไม่ได้เกลียดชังในตัวจั๋วซือหรานอยู
เฟิงเหยียนอันที่จริงเข้าใจอย่างชัดเจน พลังที่แท้จริงของจั๋วซือหรานแข็งแกร่งมาก คุณสมบัติร่างกายเองก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นบาดแผลทั่วไปสำหรับนางแล้ว เพียงไม่นานก็จะสมานคืนแต่ต่อให้ในใจชัดเจนแค่ไหน พริบตาที่ได้ยินเฟิงหร่านบอกว่านางบาดเจ็บคิ้วของเฟิงเหยียนก็ขมวดแน่นขึ้นมา ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเข้มดูหนักแน่น"บาดเจ็บตรงไหน? หนักหนามั๊ย?" เฟิงเหยียนถามเสียงขรึมแต่ว่าสีหน้าของเฟิงหร่านก็เปลี่ยนเป็นไม่สบายใจขึ้นมานางเม้มริมฝีปาก ในใจแอบคิด แล้วนี่ต้องพูดอย่างไรล่ะ...เฟิงหร่านนิ่งงันไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น "ก็...ตรงนี้ตรงนั้น"เฟิงเหยียนหลังจากได้ยินคำนี้ จึงสังเกตเห็นสีหน้าไม่สบายใจของเฟิงหร่านขึ้นมาเขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีกเพียงไม่นานก็มีปฏิกิริยากลับมา เฟิงหร่านกำลังพูดโกหกแต่พอลองคิด เฟิงหร่านทำไมต้องพูดโกหก? ใครให้เฟิงหร่านโกหกกัน?เพียงไม่นาน สองเส้นคำถาม ก็จูงไปหาคำตอบที่ชัดเจนคำตอบหนึ่งคิ้วที่ขมวดแน่นของเฟิงเหยียนคลายลงมาแล้ว เลิกคิ้วขึ้น "โอ๋? ถ้างั้น นางยังพูดอะไรอีกไหม?"เฟิงหร่านคิดถึงคำพูดของพี่จั๋ว กัดฟันพูดต่อว่า "นางยังบอกว่า..."เฟิงหร่านมองพี่ชายอย่างจนใจ ตัด
"ถ้าอย่างนั้นข้าขอกินก่อนละ หิวแล้ว" จั๋วซือหรานยกบะหมี่รวมมิตรออกมาชามหนึ่งกลิ่นหอมนั่นลอยเข้ามาในจมูกซางถิงทันที ลูกกระเดือกเขากลิ้งไหล หิว...ขึ้นมาทันทีเขาพูดขึ้นเสียงต่ "ก็ไม่ใช่ขนาดนั้นทั้งหมดหรอก"จั๋วซือหรานเองก็เหลือบตามองเขา แต่ก็ไม่ได้ขี้งก แบ่งให้เขาชามหนึ่งดังนั้นเพียงไม่นาน ซางถิงเดิมทีที่คิดจะพูดคุยอย่างจริงจังกับนาง ก็จริงจังขึ้นมาไม่ได้ในชั่วพลันเสียแล้วทั้งสองคนสูดบะหมี่ไปด้วย คุยกันไปด้วย แล้วมันจะจริงจังไปได้แค่ไหนกันดังนั้นถึงได้มีการเจรจจาบนโต๊ะอาหารโต๊ะสุราน่ะสิ ก็แค่ให้มีอารมณ์ผ่อนคลายลงมาหน่อย เหตุผลแค่นี้แหละดังนั้นลักษณะของบทสนทนา จึงเบาลงมาแทบจะในทันทีจั๋วซือหรานสูดบะหมี่ไปด้วย คุยไปด้วย "ข้าพาเจ้ากลับมามันจะเพราะอะไรได้ จะให้ข้าชำแหละเจ้าไปชั่งโลขายเหรอ พวกค้ามนุษย์มันก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย ไม่ใช่ข้าจั๋วซือหรานหรอกนะ"ซางถิงมองนาง "แล้วมันเพราะอะไรล่ะ?""คนอย่างข้าไม่ชอบติดค้างน้ำใจใคร" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "ตาหลักแล้วเจ้าไม่ควรต้องถูกเปิดเผยตัวตน ขนาดถูกตระกูลซางตัดหางปล่อยวัดแล้ว ซ้ำยังหนีการไล่ล่ามาเรียบร้อย เดิมทีไม่ควรมาถูกตระกูลซางเพ่งเล็ง
คำพูดนี้ของซางถิงลอดออกมาจากไรฟัน มีอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ด้วยแต่จั๋วซือหรานก็เหมือนฟังไม่ออก และยังเหมือนฟังออกแต่ไม่ได้สนอกสนใจด้วยบนหน้านางมีรอยยิ้ม เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ดีหรือ? ไม่ใช่ว่าดีกว่าต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ อดมื้อกินมื้อหนีเอาตัวรอดอย่างยากลำบากหรอกหรือ?"ซางถิงได้ยินคำพูดนี้ก็ตกตะลึงไป ที่ประหลาดก็คือ ก่อนหน้านี้ยังมีอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่แต่ตอนนี้กลับเหมือนเข้าใจขึ้นมา ราวกับว่าอารมณ์ก่อนหน้านี้ สลายหายไปแทบจะในทันทีจั๋วซือหรานกินบะหมี่เสร็จก็โบกไม้โบกมือ "ง่วงแล้ว ข้ากลับห้องไปพักผ่อนแล้วนะ เจ้าเองก็พักผ่อนไวหน่อยเถอะ ข้าทางนี้ถึงจะไม่ได้ดูหรูหรานัก แต่ว่าก็ไม่ต้องกังวลมาก พักอย่างสบายใจเถอะ"ซางถิงพยักหน้า มองแผ่นหลังจั๋วซือหรานจากไป เขาทนไม่ไหว ร้องเรียกขึ้นมาคำหนึ่ง "เอ๊ เดี๋ยว...จั๋วจิ่ว""อื๋อ?" จั๋วซือหรานหยุดเท้ามองมาทางเขา"มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ไหม?" ซางถิงยกมือขึ้นเกาหัว "ข้า ข้าคงจะอยู่เปล่าๆ ไม่ได้หรอก"จั๋วซือหรานคิดๆ "ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีนะ เอาอย่างนี้...เจ้าไปจับแมงมุมกลับมาหน่อย?""แมงมุมอะไร?" ซางถิงรู้สึกว่า ความคิดของจั๋วซือหรานนี่เดายากจริ
เช้าวันถัดมาคนของตระกูลซางรีบเข้ามาหาคนที่มาดูแล้วเป็นคนที่มาอายุหน่อย คิดว่าในตระกูลซาง ตัวตนฐานะคงไม่ได้ต่ำมากเพียงแต่ว่า พวกเขาพอมาถึงประตู ก็ถูกชายหนุ่มร่างใหญ๋คนหนึ่งขวางไว้ที่ประตู"แม่นางจิ่วยังไม่ตื่น" เฮยหลิงเอ่ยเสียงขรึมเขาอยู่ที่นี่ แมจะไม่ใช่ข้าทาสคนรับใช้ของจั๋วซือหราน แต่ก็ยอมออกแรงทำเรื่องที่ทำได้เพื่อนางในจวนของนางเองก็ไม่ได้หาคนใช้มามากเท่าไรนัก เฮยหลิงได้ยินมาจากเฉวียนคุน เพราะนางไม่ชอบข้าทาส ดังนั้นจึงไม่หาคนใช้ในบ้านจุดนี้สะกิดใจเฮยหลิงมาก เพราะเขาเป็นทาสเนื่องจากขายร่างกาย...ถึงได้ติดอยู่ในลานทดสอบนานสองนานและเฉวียนคุนก็ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แต่ถ้าหากมีคนบุกเข้ามาจริง ก็ยังค่อนข้างเสียเปรียบ ดังนั้นเฮยหลิงจึงคอยสอนวิชายุทธ์ให้กับเฉวียนคุนและเด็กฉลาด เผื่อไว้คอยเป็นคนเฝ้าประตูเหล่าผู้อาวุโสตระกูลซางที่หน้าประตู สีหน้าปั้นยากขึ้นมา"นางจับลูกหลานตระกูลข้าไว้! พวกเรายังต้องรอให้นางตื่นนอนอีกหรือ?!""อืม" เฮยหลิงพยักหน้า ตอบคำพูดของพวกเขาอย่างหนักแน่นเหล่าผู้อาวุโสตระกูลซางดวงตาแทบจะถลนออกมาแล้ว "เจ้าพูดว่า...อะไรนะ?"เฮยหลิงคิดๆ เอ่ยตอบเสียงขรึม "เป
จั๋วซือหรานตอนที่พูดคำนี้ ไม่ได้ดูดุร้ายเลย น้ำเสียงราบเรียบ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะเพิ่งตื่นได้ไม่นาน ดังนั้นเสียงจึงยังงัวเงียอยู่แต่เนื้อหาในประโยคนี้ ไม่ได้อ่อนโยนเอาเสียเลย!คนของตระกูลซาง มีหลายคนที่ไม่เคยเห็นจั๋วซือหรานถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน ที่จะมีรูปภาพอะไรแบบนั้นหลักๆ คือเคยเห็นแล้วก็เห็นไป ที่ไม่เคยเห็น ก็แค่ฟังจากที่คนอื่นพูดขึ้นมาว่าคนผู้นี้หน้าตาเป็นอย่างไรในสมองไม่มีอะไรที่มันชัดเจนนักคนไม่น้อยของตระกูลซาง ก็แค่เคยได้ยินว่าจั๋วซือหรานหญิงสาวที่ตระกูลจั๋วทอดทิ้ง แต่ยังไม่รู้ว่าความสามารถของนางเป็นอย่างไรแต่ว่านางก็มีหน้าตาที่งดงามจริงๆพวกเขาเดิมทียังคิดว่าคำนี้น่าจะเกินจริงไปหน่อย แต่ตอนนี้พอได้เห็นจั๋วซือหรานกับตาจึงได้รู้ว่าอะไรคือคำพูดไม่เกินจริงน่าจะเพราะหญิงสาวตรงหน้านี้งดงามจนดูไม่เหมือนจริง...กระทั่งว่าผู้อาวุโสตระกูลซางยังถามขึ้นอย่างไม่ค่อยเชื่อ "เจ้าคือจั๋วซือหรานหรือ?"จั๋วซือหรานกวาดตามองพวกเขา เอ่ยต่อว่า "เข้ามาก่อนสิ"จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปด้านใน เดินไปสองก้าวก็หยุดเท้าลงนางหยุดเท้า คนของตระกูลซางก็หวาดหวั่นขึ้นมาอย่างประหลาด
เสียงของจั๋วซือหรานยังคงเย็นชา "เพราะขยะกองหนึ่งของตระกูลพวกเจ้า เข้ามาหาเรื่องข้าก่อน จากนั้นก็ถูกข้าจับเป็นเชลย เข้าใจหรือยัง? พวกเจ้าน่าจะฟังออกว่าเชลยมันหมายความว่าอะไร?""หรือว่าพวกเจ้าคิดว่า เพราะพวกเจ้าเป็นตระกูลซาง จั๋วซือหรานอย่างข้าถึงต้องให้หน้าพวกเจ้า? ปล่อยคนออกไปดีดี? พวกเจ้าหน้าด้านกันมาจากไหน?"จั๋วซือหรานจ้องพวกเขา "ตระกูลเฟิงยังไม่กล้าพูดจาใหญ่โตขนาดนี้เลย แต่พวกเจ้านี่ปากกล้าไม่เบา"สีหน้าชายชราตระกูลซางสองคนปั้นยากเหมือนกินแมลงวันเข้าไป ตอนนี้กลับนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีใครกล้าโต้แย้งกลับมา"พวกเจ้ามาไถ่คนคืน" จั๋วซือหรานมองพวกเขา "เข้าใจไหม?"ไม่มีใครส่งเสียงจั๋วซือหรานเองก็ไม่สนใจว่าพวกเขาจะส่งเสียงหรือไม่ พวกตระกูลขุนนางเหล่านี้มันหยิ่งจองหองจนจะทะลุฟ้าไปแล้ว ถ้าไม่สะกดความหยิ่งพวกเขาไว้บ้าง ตอนคุยกันคงน่ารำคาญน่าดูจั๋วซือหรานพูดต่อ "ข้าไม่ให้พวกเข้าคุกเข่าลงโขกศีรษะไถ่คนคืนก็ดีแค่ไหนแล้ว พวกเจ้ายังมาทำตัวเหนือกว่าคนอื่นที่นี่อีกหรือ?ทำไม? ให้ข้ากระชากกระดูกสันหลังของซางเชวี่ยออกมาแกว่งตรงหน้าพวกเจ้าไหม พวกเจ้าถึงจะได้รู้ว่าข้าไม่ได้เล่นกับพวกเจ้า?"อ
เหล่าชายชราตระกูลซางเองก็คิดไม่ถึง จั๋วซือหรานจะเอ่ยปากเพื่อซางถิงแบบนี้พวกเขามองซางถิง แล้วก็มองนางจากนั้นก็มีสายตาหยามหมิ่นเผยออกมาราวกับว่าจั๋วซือหรานกับซางถิงคบกันอย่างนั้น และพวกเขาก็รู้สึกว่าไม่แปลกอะไร เพราะล้วนเป็นพวกที่ตระกูลทอดทิ้งมาทั้งคู่ จึงต่างเห็นอกเห็นใจกันการจะมาอยู่ด้วยกันมันก็เป็นเรื่องปกติจั๋วซือหรานสังเกตในสายตาสกปรกของพวกเขา ไม่ใช่ว่าอ่านไม่ออกถึงความคิดในใจพวกเขาเพียงแต่ นางขี้เกียจจะอธิบายถ้าหากสนใจความคิดของคนพวกนี้ รีบร้อนอธิบายกับคนพวกนี้ เช่นนั้นตนเองก็จบ เสียสองชาติไปเปล่าๆ กันพอดีจั๋วซือหรานแค่มองพวกเขาเงียบๆ ยิ่งสายตาของนางยิ่งสงบลงแค่ไหน สายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกและสงสัยของพวกเขา ก็ยิ่งดูสกปรกมากขึ้น"คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะร้องขอเช่นนี้มา" ชายชราตระกูลซางคนหนึ่งเอ่ยขึ้น "โอกาสดีเช่นนี้ กลับไม่ขออะไรให้ตนเอง แต่กลับขอเพื่อชายหนุ่ม...มิน่าตระกูลเฟิงถึงได้ดูถูกเจ้า"จั๋วซือหรานไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ เลิกคิ้วขึ้น กระทั่งยังยิ้มจางๆ เอ่ยมาว่า "ไม่มีใครถามเจ้า พวกเจ้าแค่ตอบว่าได้หรือไม่ได้"ขณะพูด นิ้วของจั๋วซือหรานก็กระดิกซางเชวี่ยกรีดร้องข
และตอนที่ฮั่วจือโจวกำลังหารือเรื่องเปิดโรงเตี๊ยมอยู่กับเจี่ยงเทียนซิงและอินเจ๋ออัน ก็ได้รู้ข่าวการพระราชทานรางวัลนี้พวกเขาสามคนสบตากัน"จักรพรรดิเฒ่านี่ร้ายจริงๆ"จั๋วซือหรานไม่ได้ส่งเสียง หลังจากได้ยินคนวังประกาศราชโองการจบ นางก็ยืนนิ่งไม่ขยับคนวังเองก็ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรียกนางขึ้นคำหนึ่ง "แม่นางจิ่ว ขานรับราชโองการสิ"จั๋วซือหรานไม่ขยับ นางมองราชโองการฉบับนั้น อันที่จริงในใจกำลังพิจารณาจะรับดีไหมองค์จักรพรรดิเฒ่าดีดลูกคิดรอบนี้ ลูกคิดแทบจะกระเด็นมาโดนหน้านางอยู่แล้วพระราชทานเงิน พระราชทานจวน พระราชทานวังสวน สิทธิ์อำนาจพ่อค้าหลวง พวกนี้ไม่มีปัญหาอะไร ใกล้เคียงกับที่นางขอองค์จักรพรรดิเฒ่าไว้แต่การอวยยศ...แต่งตั้งขุนนางกับพื้นที่ศักดินา แบบนี้มันเกินไปจริงๆในสายตาคนนอก นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ได้รับยศมา เรียกได้ว่าจะกลายเป็นโหวหญิงชั้นสูงเพียงคนเดียวของเมืองหลวงไปเลยยิ่งไปกว่านั้นยังมีพื้นที่ศักดินาให้ เรื่องดีจะตายนี่?แต่การแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแพทย์หลวง แม้จะชั่วคราว แต่ใครจะรุ้ว่าต้องนานแค่ไหน?ต้องไปเข้ากะอะไรแบบนั้น น่ารำคาญจะตายยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งข้า
จั๋วซือหรานพอได้ยินเสียงนี้ ก็ไม่เร่งไม่ร้อน ชนแก้วกับจั๋วอวิ๋นฉีก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ดื่มสุราในแก้วลงไปจนหมดตอนนี้ นางกับจั๋วอวิ๋นฉีก็กลายเป็นผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าของตระกูลจั๋วแล้วพอวางแก้วลง จั๋วอวิ๋นฉีก็หน้าเย็นชาลงมา เขาหน้าตาหล่อเหล่า แต่ตอนที่สีหน้าเย็นชา ก็ให้ความรู้สึกบีบคั้นที่เย็นเยียบมากเขามองไปทางผู้อาวุโสที่พูดเมื่อครู่นี้คนคนนั้นหดคอลง ไม่กล้าส่งเสียงอีกจั๋วซือหรานไม่ได้ใส่ใจ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้วตอนที่อาหารกลางวันดำเนินไปครึ่งหนึ่ง ด้านนอกประตูจู่ๆ ก็มีรายงาน ว่าคนในวังมาแล้ว"คนในวัง?" ยังมีคนไม่เข้าใจ คนในวังมาบ้านตระกูลจั๋วทำไมเพียงไม่นานก็เห็นคนวังประกาศราชโองการในชุดเรียบร้อยเดินเข้ามา เพียงแต่ว่า ดูแล้วหายใจหอบอยู่ น่าจะรีบเข้ามาพอควรคนวังประกาศราชโองการพอเห็นจั๋วซือหราน ก็เผยรอยยิ้มออกมา "แม่นางจิ่วที่แท้ก็อยู่ที่นี่นี่เอง ข้าน้อยหาตัวมาพักหนึ่งแล้ว เกรงว่าจะพลาดฤกษ์ประกาศราชโองการ"สายตาของคนตระกูลจั๋ว ทยอยกันมองจั๋วซือหรานตอนนี้ คนวังประกาศราชโองการจึงลากเสียงขึ้นดังลั่น "จั๋วซือหราน...รับราชโองการ...!"จั๋วซือหรานลุกขึ้น เตรียมจะทำท่
ผู้อาวุโสสาม!?ครั้งที่แล้วที่นางกลับไปตระกูลจั๋ว คือเชิญนางไปเป็นผู้อาวุโสหรือ?!อย่าว่าแต่พวกที่มาดูมหรสพเลย กระทั่งเฉวียนคุนพอได้ยินคำเรียกนี้ก็ยังตะลึงไปและเพราะอารมณ์ในใจเขาตื่นเต้นเกินไป จึงสั่นไปทั้งตัว!เรียก เรียกว่าอะไรนะ?!นี่เรียกว่า! สะใจสินะ! เขาตอนนั้นยังจำได้ว่า คุณหนูจิ่วออกจากตระกูล ตอนนั้นคนมากมายล้วนรอดูนางเป็นตัวตลก หรือรู้สึกว่านางนี่ล่ะที่เป็นตัวตลกตอนนั้นส่งคนใช้มามากมายมาที่เรือนของนาง แต่ละคนล้วนรู้สึกเหมือนถูกเนรเทศอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกว่าจะไม่มีวันได้กลับไปเชิดหน้าชูตาอีกแล้วมีแค่เขาที่อยู่รอด! นับจากตอนนั้นเขาก็เริ่มเชื่อมั่นว่านายท่านจะต้องก้าวหน้าแน่!จั๋วซือหรานได้ยินคำเรียกนี้ สีหน้าก็ดูสงบนิ่งมากทุกคนเห็นสีหน้านางก็รู้แล้ว นางคงรู้เรื่องนี้มานานแล้วพอคนใช้รายงานเสร็จ ก็มองจั๋วซือหรานอย่างตึงเครียดขึ้นมาราวกับ...กลัวว่านางจะปฏิเสธพวกเขาถูกส่งมาเชิญนาง ถ้าหากเชิญไม่ได้ กลับไปอาจจะถูกลงโทษก็ไม่แน่ดังนั้นพวกเขาจึงมองดูการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของจั๋วซือหราน เตรียมว่าถ้าหากเห็นเค้าลางการปฏิเสธในสีหน้า พวกเขาก็จะอ้อนวอนนางทันทีแต่จั๋วซือห
ตอนที่เฉวียนคุณเคาะประตูจั๋วซือหรนา นางเพิ่งจะวุ่นกับการหลอมยา...งานช่วงเช้าเสร็จเฉวียนคุนรีบเข้ามารินชาให้นางจั๋วซือหรานรับไปดื่มสองอึก "ทำไมหรือ?"เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นว่า "นายท่าน นี่มันเรื่องอะไรกัน"สีหน้าของเฉวียนคุณปั้นยาก "เดิมทีเรือนของพวกเราก็ไม่ได้เล็กอะไร ตามหลักการแล้วก็พออาศัยอยู่"เดิมทีก็มีแค่นายท่าน ข้า เด็กฉลาด เฮยหลิง นี่ก็ไม่ใช่ว่าพออยู่เหลือเฟือหรือ"แต่ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งจะมีใต้เท้าพวกนั้นที่ท่านช่วยกลับมาจากตระกูลเฟิง" เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นหมายถึงพวกเหล่าองครักษ์เงาของเฟิงเหยียนที่นางช่วยกลับมา"ตอนนี้ยังมีพ่อลูกสกุลเหยียนอีก" เฉวียนคุนเอ่ยต่อ "ดังนั้นห้องข้างจึงไม่ค่อยพอแล้วนะ"ห้องพักคนใช้นอกเรือนยังว่างอยู่ ปัญหาคือ เฉวียนคุนมองว่าคนเหล่านี้ นายท่านก็ไม่ได้มองพวกเขาเหมือนคนรับใช้ ดูคล้ายจะเป็นแขกมากกว่าจะให้แขกไปอยู่ในห้องพักคนใช้ก็ไม่ได้..."อา..." จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ ก็เข้าใจความหมายของเฉวียนคุนแล้ว "อย่างนี้นี่เอง รู้แล้ว"เฉวียนคุนพยักหน้า "นายท่านเข้าใจบ้างก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังพอจัดให้ได้ถูไถ แต่หลังจากนี้ถ้าฮูหยินกับนายท่านกลับมา ก็น่าจะจัดไม่ลง
แต่หลังจากที่พวกเขาออกไป จั๋วซือหรานกลับไม่ได้ลงมาจากบนกำแพงล้อมแต่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยขึ้นว่า "พวกเจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก"นางปวดหัว เรื่องนึงสงบลงอีกเรื่องก็ผุดขึ้นมา นางสัมผัสได้นานแล้ว ต่อให้จะเป็นตอนที่คุมเชิงกับคนตระกูลเฟิงที่ไล่ตามเฟิงหร่านมา นางก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องแอบมองอยู่จากมุมหนึ่งมาโดยตลอดแล้วพอคนจากไป นางก็รออยู่อีกพักหนึ่ง สายตาที่แอบมองอยู่นั่นก็ยังอยู่นางเองก็ขี้เกียจมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้แล้ว จึงส่งเสียงขึ้นมาตรงๆตอนนี้เอง ในมุมลับตา ก็มีเงาสองร่างเดินออกมาจั๋วซือหรานรู้จักหนึ่งในนี้ นางเลิกคิ้ว "วันนี้คึกคักเสียจริง"พอได้ยินคำนี้ เหยียนฉีก็รู้สึกเขินหน่อยๆ เขาประสานมือให้ "แม่นางจิ่ว ไม่เจอกันเสียนาน"จั๋วซือหรานพยักหน้า มองไปยังคนข้างๆ ผาดหนึ่งเหยียนฉีเอ่ยแนะนำว่า "นี่ นี่คือพ่อของข้าเหยียนเจิน"จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เข้ามาสิ"นางไม่ได้กระโจนกลับจากกำแพงล้อมหรือกระโจนออกไป แต่ยืนขึ้นย้ำไปตามสันกำแพง เดินตรงไปยังประตูหน้าพร้อมพวกเขาตอนที่พวกเขาเดินมาถึงประตูเรือนหลัก จึงมีเงาแดงร่างหนึ่งร่อนลงมาตรงหน้าพวกเขา
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หานกวงก็พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมุมปากกระตุก "ไม่จบไม่สิ้นเสียที"หานกวงฟังออก ถึงความเย็นชาและขุ่นเคืองในน้ำเสียงของแม่นางจิ่วจั๋วซือหรานผลักประตูออก เดินไปที่ห้องตะวันออกเฟิงหร่านพยุงร่างขึ้นมานั่งบนเตียง นางอยู่ในชุดดำ มีบาดแผลอยู่ไม่น้อย มีเลือดซึมออกมาข้างนอกด้วยจั๋วซือหรานแค่เหลือบมอง ก็รู้ว่าปัญหาไม่ใหญ่นักนางเดินเข้าไป ใช้มือหนึ่งจับชีพจรของเฟิงหร่าน อีกมือหนึ่งโยนขวดใบหนึ่งให้นางเฟิงหร่านก็รับไปแบบมือไม้พัลวัน "พี่จั๋ว นี่คือ...""เจ็บไม่หนักมาก กินยาเอาเองเลย" จั๋วซือหรานตอบมาเฟิงหร่านเดาว่าด้านในน่าจะเป็ยารักษาอะไรบางอย่าง นางพยักหน้า "ได้เลย ขอบคุณพี่จั๋วมาก"นางเดิมทียังคิดจะเอ่ยปาก บอกเรื่องในตระกูลเฟิงกับจั๋วซือหรานแต่ก็เห็นว่าว่าหลังที่จั๋วซือหรานส่งยาให้นางแล้ว ก็หมุนตัวเดินไปนอกประตูทันทีเฟิงหร่านรีบถามขึ้น "พี่จั๋ว ท่านจะไปไหน?"จั๋วซือหรานมุถมปากกระตุก "คนตระกูลเฟิงที่ไล่สังหารเจ้ามาพวกนั้น มาล้อมอยู่นอกบ้านข้าแล้ว พอดีเลย คืนนี้ข้าจะได้ไม่ต้องไปหาพวกเขา"พูดจบ นางก็เดินออกจาห้องไปเฟิงหร่านนั่งลงบนเตียงงงๆ แล
แพงไม่ว่า แต่บางทีมีเงินก็หาซื้อไม่ได้พวกเขาตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกขึ้นได้ว่าตัวตนนักกลั่นยาของจั๋วซือหรานนั้นมีประโยชน์มากจริงๆถ้าหากเดิมทียังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วสายตาของพวกเขาเปล่งประกายจับจ้องจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ นางมองสายตาเปล่งประกายรอบๆ จากนั้นจึงมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่"ถ้าหากให้ข้าตัดสินใจได้ล่ะก็ เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน"เสียงของจั๋วซือหรานสงบนิ่งมาก "จะทำเช่นที่มอบให้กับตระกูลฮั่ว มอบยาลูกกลอนให้ตระกูลจั๋ว กระทั่งถ้าอารมณ์ดี จะมอบที่ขั้นสูงกว่าให้ด้วย แต่เงื่อนไขก็คือ ตระกูลจั๋วข้าต้องมีอำนาจตัดสินใจ แล้วก็ไม่ใช่ว่ามีพวกกลุ่มที่กระโจนตัวลากใบหน้าแก่ๆ ออกมาสั่งโน่นสั่งนี่กับข้า"จั๋วหลานฟังถึงคำนี้ ในใจก็อดสั่นกึกขึ้นไม่ได้เขาฟังออกถึงความหมายเชิงลึกในคำพูดนาง...ถ้าหากวันไหนที่นางไม่มีอำนาจตัดสินใจในตระกูลจั๋ว นางก็จะตัดการส่งมอบให้ได้ตลอดเวลา พวกเขาไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อยดังนั้น ไม่ว่าในใจเหล่าผู้อาวุโสที่นี่จะมีความคิด 'ฟังนางไปก่อนชั่วคราว หลังจากนี้ค่อยว่ากัน' แค่ไหน ตอนนี้ก็ต้องดับมอดลงไปทันทีจั๋วซือหรานพ
ทุกคนเห็นว่าบนหน้าจั๋วซือหรานมีรอยยิ้มจางๆ อยู่ตลอดแม้จะไม่มีความหมายอะไร ลอยอยู่ผิวเผิน แต่ก็มีอยู่มาตลอดจนตอนที่คำพูดนี้ออกมา รอยยิ้มผิวเผินบนหน้านางเหล่านั้นก็หายวับไปทันทีเหลือเพียงความเย็นชาไร้ความรู้สึกนางบอกกับคนวังจดบันทึกที่อยู่ข้างๆ "รบกวนเจ้าด้วย"คนวังจดบันทึกรู้ว่าคนผู้นี้เป็นตัวตนที่สำคัญแค่ไหนสำหรับฝ่าบาทดังนั้นท่าทีจึงนอบน้อมมาก หยิบม้วนผ้าไหมเลืองทองออกมาคลี่ออกใครก็เห็นลายมังกรที่อยู่บนนั้น...นี่มันคือราชโองการ!คนวังจดบันทึกหยิบพู่กันออกมา เริ่มตวัดเขียนขึ้นบัญชาสวรรค์ จักรพรรดิรับสั่ง ตระกูลจั๋วมีบุตรสาว ชื่อนามหรูซิน จึงขอพระราชทานงานอภิเษกให้กับฉินตวนหยางปราชญ์แห่งกรมดาราศาสตร์...หลังจากได้ยินคนวังจดบันทึกอ่านประกาศร่างราชโองการจั๋วหรูซินยังคงเป็นลมไม่ได้ เพราะยาเม็ดนั้นที่จั๋วซือหรานให้มาอหังการเหลือเกิน บอกว่าจะทำให้นางสติตื่นตัว ก็ทำให้ตื่นตัวได้จริงๆดังนั้นนางจึงโกรธแค้นจนเกินทน กระอักเลือดสดออกมาจั๋วซือหรานลุกขึ้นยืน ในดวงตาไม่มีคนผู้นี้อยู่อีก ราวกับว่า ล้างแค้นสิ่งที่ควรทำเรียบร้อยคนอย่างจั๋วหรูซิน ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในสายตานางอี
ถังหยวนมองสภาพจั๋วหรูซินตอนนี้ เขาอดมีสายตาสับสนขึ้นมาไม่ได้ตรงหน้าเขามีภาพตอนที่จั๋วซือหรานถูกลงโทษแวบผ่านขึ้นมา กระดูกสันหลังที่ไม่ยอมคดงอนั่นเก้าแส้ฟาดลงไป หน้าขาวซีด เหมือนจะร่วงพับสิ้นสติ สภาพซมซานน่าเวทนาแต่ในสีหน้าท่าทาง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดร้องไห้ชักกระตุกให้เห็นกระทั่งว่า ถังหยวนเกิดความรู้สึกลวงขึ้นมา ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทางของจั๋วหรูซิน จึงมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นทันที จั๋วหรูซินแบบนี้ต่างหากที่เป็นสภาพปกติแต่แบบจั๋วซือหรานนั่น เป็นตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นจั๋วหลานมองจั๋วซือหราน "เสียวจิ่ว พอสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานเดินขึ้นไปทีละก้าวทุกคนล้วนคิดว่า หญิงสาวคนนี้ยังไม่สะใจพอ ต้องเข้าไปมองความเจ็บปวดทรมานของจั๋วหรูซินใกล้ๆ จึงจะพอใจจั๋วอวิ๋นชินอดทนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะไม่พอใจน้องสาวคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวจะอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกทนไม่ไหวอยู่ เขาเตรียมจะยัดยาลูกกลอนให้กับจั๋วหรูซินแล้วแต่ตอนนี้พอเห็นจั๋วซือหรานเดินขึ้นมา แม้เขาจะหยุดเท้าลง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจั๋วอวิ๋นชินเอ่ยขึ้นเสียงขรึม "จั๋วซือหราน หรูชินได้ร