Share

บทที่ 686

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-18 18:00:13
“แต่ข้าก็จะรับปาก” เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น

จั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ก็ตกตะลึงไป ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา

“ข้าจะให้หานกวงไปอยู่ข้างกายเจ้า นางทำงานได้ไม่เลว เจ้าแค่คอยใช้งานนางก็พอ” เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น

จั๋วซือหรานพยักหน้า นางยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ท่านอ๋อง ไม่นานนักหรอก...”

จั๋วซือหรานยื่นมือไปกดหน้าอกเขาเบาๆ “ข้าจะคิดหาวิธี หลังกจากนั้นก็จะย่ำเมฆเจ็ดสีบินไปรับท่านเลย ดีไหม?”

”ไร้สาระ” เฟิงเหยียนขมวดคิ้วพ่นออกมาสองคำ แต่ในตาเขากลับมีรอยยิ้มที่ปิดบังไว้ไม่มิดอยู่

จั๋วซือหรานเหนื่อยแล้ว ฝืนไว้ได้ไม่นานนัก ไม่นานก็หลับตาเข้าสู่ภวังค์ไป

เฟิงเหยียนนั่งอยู่ข้างเตียง

ฉุนจวินกดเสียงต่ำจนแทบจะเหลือแค่เสียงลมถามขึ้นว่า “นายท่าน แล้วพวกเรา...ตอนนี้กลับไปเลยไหม?”

เฟิงเหยียนถลึงตามองฉุนจวิน ไม่พูดอะไร

สายตาของเขาแสดงออกถึงการปฏิเสธอย่างชัดเจนแล้ว

ฉุนจวินรู้สึกจนใจ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วว่า “เดี๋ยวพอแม่นางจิ่วตื่นขึ้นมา นายท่านจะยิ่งอาลัยอาวรณ์ขึ้นหรือเปล่า? สู้ไปตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือ...”

เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แต่ก็รู้ว่าฉุนจวินพูดมีเหตุผล

เขาก้มลงมองใบหน้าจั๋วซือหราน ที่ต่อให้หลับไปแล้วก็
Bab Terkunci
Membaca bab selanjutnya di APP

Bab terkait

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 687

    “นายท่าน ท่านมาแล้ว”พริบตาที่จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ยกระดับความระแวดระวังขึ้นมาทันทีแต่เพียงไม่นานความระแวดระวังนี้ก็ผ่อนคลายลง นี่มันในมิติของตนเอง เป็นอาณาเขตของตนเอง ไม่มีอะไรต้องตึงเครียดนี่นาที่สำคัญที่สุดก็คือ นางตั้งตัวได้แล้ว เสียงคำพูดนี้เหมือนจะเป็นเสียงของราชาแมงมุมหน้าผีเพียงแต่ฟังแล้ว เสียงของราชาแมงมุมหน้าผี ดูจะแตกต่างกับตอนที่นางเจอมันในป่าลึกลับก่อนหน้านี้ ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และในคำพูดก็เหมือนจะต่อเนื่องกันมากขึ้นแล้วด้วยจั๋วซือหรานเดินมาตรงหน้าราชาแมงมุมหน้าผี พิจารณาดูตัวมันเจ้าตัวใหญ่นี่ พอมาอยู่ในมิติ ร่างกายกลับดุเล็กมาก ขนาดประมาณอ่างล้างหน้าเท่านั้นแม้พอเทียบกับพวกเจ้าก้อนเนื้อแมลงกู่ร้อยไหมที่ขนาดประมาณกำปั้นแล้วจะยังดูตัวเขื่องอยู่ก็ตามที แต่ถ้าเทียบกับตอนที่มันอยู่ข้างนอกตัวขนาดเท่าช้างแล้ว นี่ก็ดูเล็กจ้อยไปเลยทีเดียวนี่ถือว่าเล็กจิ๋วแล้วจริงๆ“บาดเจ็บหรือ?” จั๋วซือหรานถาม ยื่นมือไปกดบนหลังของราชาแมงมุมหน้าผีมันเหมือนดูจะสบายขึ้นหน่ยอ ขาขนปุกปุยทั้งแปดก็ทยอยกันกางออก“ก่อนหน้านี้ มีพลังที่น่ากลัวมากโจมตีเข้ามา...” ราชาแมงมุมหน้าผีเอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 688

    ยิ่งไปกว่านั้น บนมือนางยังมีสิ่งที่มันชอบเอามากๆ อยู่ด้วย พลังวิญญาณที่สบายสุดๆสบายจนหนวนทั้งหมดลองมันยังห้อยลงมา กระทั่งเสียงก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้แล้วเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนว่า “พวกมันมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นพอโดนพลังเมื่อครู่ไปผลกระทบเลยมากขึ้นตามไปด้วย ผลกระทบที่ข้าได้รับน้อยลงมาหน่อย”จั๋วซือหรานมองขนมถั่วแดง “เจ้ารู้ด้วยหรือว่าตัวเองเป็นคุณสมบัติอะไร?”ขนมถั่วแดงรู้สึกเหมือนถูกดูถูก เสียงที่อ่อนยวบแต่เดิมก็เหมือนจะแข็งขึ้นมา ขนาดหนวดก็ยังชี้ขึ้นด้วยเขียนไว้ทั้งตัว...ว่าข้าเก่งมากนะ!ขนมถั่วแดงพูดมาว่า “แน่นอนสิ! พวกเราไวต่อพลังมากกว่ามนุษย์อีกนะ แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นคุณสมบัติอะไร!”ราชาแมงมุมหน้าผีที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นมาบ้าง “เดิมทีก็ไม่ได้ไวขนาดนี้หรอก แต่พอผ่านการหล่อหลอมจากพลังนั่นวันนี้ไปไวขึ้นมาแล้ว”ราชาแมงมุมหน้าผีไม่รู้ว่าสำหรับขนมถั่วแดงที่มีนิสัยหยิ่งทะนงหน่อยๆ คำพูดนี้กระชากมันลงมาจากเวทีอย่างไม่ปราณีเลยทีเดียวหนวดของขนมถั่วแดงก็ห่อเหี่ยวลงมาเหมือนกันจั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นมา เล่นกับหนวดของมัน “เจ้าถั่วแดงไหนบอกมาหน่อย ว่าเจ้าม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 689

    ก็ไม่ใช่จะไม่มีข้อยกเว้น สองตัวที่เหลืออย่างขนมหยกขาวกับขนมปุยเมฆที่จับออกมาจากแม่ทัพอิงเซ่าและแม่ทัพฉีฮ่าว ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสูดรับไฟวิเศษมาหรือเปล่าพอรับการหล่อหลอมที่น้อยหน่อย ดังนั้นการตื่นของพวกมันจึงช้าไปบ้าง การพูดจาก็ยังดูเชื่องช้าแต่พอเทียบกับก่อนหน้านี้ที่รู้จักแต่งอตัวไปมาบนมือจั๋วซือหราน ก็ยังดูสนุกสนานขึ้นมากเลยสัตว์เลี้ยงในบ้านพัฒนากันหมดแล้วจั๋วซือหรานตอนนี้สิ่งเดียวที่ยังรู้สึกเสียดายก็คือ แมลงกู่ร้อยไหมตัวนั้นที่จับกลับมาจากตัวเฮยหลิง เพรานางวางเอาไว้บนตัวชิ่งหมิงเพื่อรักษาโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นจากการติดพิษและยังมีแมลงกู่ร้อยไหมอีกตัวที่เด็ดออกมาจากในชีพจรหัวใจเฟิงช่านอีกตัว เจ้าขนมชามก่อนหน้านี้ตอนที่นางอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง ขณะที่ปะทะกับเฟิงจื๋อ จับยัดเข้าไปในปากของเฟิงจื๋อแล้วดังนั้น สองตัวนี้เนื่องจากไม่ได้อยู่ในมิติน้ำพุวิเศษ จึงไม่ได้มาเจอกับคลื่นหล่อหลอมนี้ขาดทุนไปเสียแล้วจั๋วซือหรานเดินมาที่ริมน้ำพุวิเศษ ล้างมือของตนเองด้วยน้ำพุวิเศษ น้ำพุวิเศษนี้แม้จะยังไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้โดยตรงอย่างเช่นถ้าหากใครได้รับอาการบาดเจ็บแบบถึงชีวิต น้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 690

    เพิ่งกลับมาถึงจวนของตนเอง อิ๋นไห่ก็ตรงเข้ามาหานาง“แม่นางจิ่ว!” อิ๋นไห่คารวะอย่างนอบน้อม“อื๋อ? มีอะไรหรือ?” จั๋วซือหรานมองเขา “เรื่องการทดสอบไกล่เกลี่ยตัดสินใหม่หรือ?”อิ๋นไห่พยักหน้า “ใช่แล้ว แม่นางจิ๋ว เวลาของการทดสอลไกล่เกลี่ยตัดสินใหม่ เจ้าสำนักจันทร์เงินมาแจ้งกับเจ้านักแล้ว กดหนดให้เป็นคืนนี้ตอนค่ำ”จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว “คืนนี้? ได้ กลับไปบอกเจี่ยงเทียนซิงด้วย ว่าข้ารู้แล้ว”“เจ้าสำนักให้ข้าน้อยมาบอกต่อแม่นางจิ่ว ว่าเจ้าสำนักเฟิ่งเสวี่ยทั้งสองคนจะมาชมการประลองด้วย”จั๋วซือหรานคิดถึงพี่น้องหอเฟิ่งเสวี่ยสองคนนั้น จึงพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”อิ๋นไห่พอนำคำพูดมาบอกต่อเสร็จ ก็เตรียมจะออกไปแต่จั๋วซือหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ร้องเรียกเขาไว้ “ช้าก่อน”“แม่นางจิ่วมีอะไรจะกำชับหรือ?” อิ๋นไห่ถือว่าศิโรราบทั้งกายใจต่อจั๋วซือหรานแล้ว ดังนั้นท่าทีจึงนอบน้อมอย่างมากจั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “ให้คนคอยจับตาดูสถานการณ์ของบ้านตระกูลเฟิงไว้ด้วย”“บ้านตระกูลเฟิง?” อิ๋นไห่ประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็พยักหน้ากลับอย่างรวดเร็ว “ขอรับ แม่นางจิ่วโปรดวางใจ”เฮยหลิงทำตามที่จั๋วซือหรานกำชับไว้ ‘ชี้แนะ’ ใ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 691

    ดังนั้นเฮยหลิงจึงเชื่อมั่นต่อจั๋วซือหรานแต่พอเขาหันหน้า ก็ห็นว่าสีหน้าของจั๋วซือหรานเหม่อลอยไปบ้างเสียงฟังแล้วก็เหมือนดูจะเหม่อลอยหน่อยๆจั๋วซือหรานงึมงำขึ้นมา “เดิมทีก็ไม่กังวลหรอก แต่ตอนนี้เพิ่งจะหล่อหลอมมา...ยิ่งไปกว่านั้นยังกำลังรีบเก็บเกี่ยวอยู่อีกด้วย”เฮยหลิงฟังคำจั๋วซือหราน ไม่ค่อยเข้าใจหน่อยๆ แต่พอมองท่าทางจั๋วซือหรานที่เหม่อลอยเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าในใจนางน่าจะ...มีความเครียดอยู่ไม่น้อย“จริงด้วย” จั๋วซือหรานดึงสติกลับมา กลอกตามองไปทางเฮยหลิง“แม่นางเชิญเข้ามาก่อน” เฮยหลิงเอ่ยขึ้น“จะว่าไป ก็มีเรื่องที่ให้อยากเจ้าทำอยู่เหมือนกัน”เฮยหลิงพอได้ยินคำนี้ของนางจึงกลอกตามองไป และเห็นเข้ากับประกายเล่ห์เหลี่ยมมีชีวิตชีวาของนางราวกับว่าทั้งหมดอยู่ในกำมือช่วงใกล้ค่ำตลาดมืดทางนั้นก็คึกคักจนผิดปกติ ผู้คนล้วนหลั่งไหลไปยังทิศสนามทดสอบของตลาดมืดมีทั้งคนที่ไม่รู้เรื่อง และมีทั้งคนที่ประหลาดใจ แต่คนเราก็ล้วนชอบมหรสพอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้ไม่รู้เรื่อง ก็ตามกันไปที่ด้านสนามทดสอบของตลาดมืดกันก่อนจากนั้นค่อยหาข่าว“วันนี้คึกคักขนาดนี้เชียว? วันนี้มีงานอะไรกันหรือ? เฮยหลิงไม่ใช่ว่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 692

    “ท่านยังอารมณ์เสียอีกหรือ?” ฝูซูมองนาง รู้สึกเหมือนถ้าแค่นางพูดว่าไม่ดีออกมา เขาก็จะโกรธขึ้นแล้วจั๋วซือหรานพยักหน้า “อารมณ์ดีอยู่นะ...”ตอนนี้เอง ชายที่ดูเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเห็นรูปร่างของจั๋วซือหราน แล้วยังสวมหมวกปีกกว้างอีก รู้สึกว่าต้องเป็นหญิงสาวแน่ก็เลยถือโอกาสที่คนเยอะแยะ จงใจเบียดตัวเข้ามา คิดจะชนไปที่ตัวจั๋วซือหรานคิดจะแต๊ะอั๋งนิดๆ หน่อยๆถึงอย่างไรที่นี่ก็คนเยอะแยะ เบียดเสียดไปมาก็เป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็เป็นตลาดมืดด้วยแต่แค่ชายชุดของจั๋วซือหรานก็ยังแตะไม่โดน พอเบียดเข้ามาอย่างเจ้าเล่ห์ ก็ถูกจั๋วซือหรานบีบคอเอาไว้“อ่อก...แค่ก!” ชายคนนี้หน้าซีดไปทันที “เจ้าทำ...ทำอะไรน่ะ? ปล่อย...ปล่อยข้านะ!”จั๋วซือหรานสะบัดเขาไปข้างๆ คนผู้นี้ยืนไม่มั่นคง ล้มจ้ำเบ้าลงบนพื้นเขาถลึงตามองจั๋วซือหราน “คนมากขนาดนี้ ไปโดนตัวเจ้าอย่างไม่ระวังบ้างแล้วเป็นอะไรไปกัน?!”“มีที่ตั้งมากให้เบียด แต่เจ้ากลับคิดจะเบียดมาข้างตัวหญิงสาว ก็ไม่มีอะไรหรอก ให้ขาหักขาเจ้าทิ้ง แล้วก็ไปรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จะได้ไม่ต้องมาดูงานแบบนี้เสียเลยดีไหม?” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบคนผู้นี้ก่อนหน้าเจอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 693

    ตอนนี้เป็นช่วงค่ำใกล้อาหารเย็น อีกเดี๋ยวการประลองของพวกเขาก็จะเริ่มแล้วเจี่ยงเทียนซิงเช็ดเศษขนมปิ่งที่มุมปากนางจนสะอาด เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ “ถ้าอย่างนั้นให้เอาของมารองท้องให้เจ้าก่อนดีไหม?”จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องแล้ว สู้เสร็จแล้วข้าค่อยกินแล้วกัน ข้าเห็นร้านอาหารที่น่าจะไม่เลวอยู่ เดี๋ยวสู้เสร็จเจ้าเลี้ยงข้าวข้าที่นั่นก็พอ”เจี่ยงเทียนซิงพยักหน้า เอ่ยขึ้นว่า “เอาเรื่องสนามทดสอบมาไว้ก่อนอาหารค่ำถือว่ามีเหตุผลอยู่”ไม่รอให้เขาได้อธิบาย จั๋วซือหรานก็พยักหน้าตอบ “ข้ารู้ จัดการสูบเงินค่าข้าวจากผีพนันพวกนั้นมาก่อนสินะ ดังนั้นข้าถึงพูดว่าไม่มีมีมนุษยธรรมขึ้นมานี่ไง”เจี่ยงเทียนซิงเดิมทียังคิดว่านางไม่รู้ คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าใจอย่างกระจ่างเลยทีเดียวเจียงเทียนซิงมองหน้าจั๋วซือหราน “ข้ารู้สึกว่าสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีนัก”จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ “ช่างเถอะ เมื่อคืนนี้ไปจวนตระกูลเฟิงแล้วอาละวาดไปรอบหนึ่ง บาดเจ็บมาหน่อย”เจียงเทียนซิงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที “เจ้า? คนเดียวหรือ?! ไปบ้านตระกูลเฟิง? เจ้าคงไม่ได้ไปหาเรื่องตระกูลเฟิง...เพราะคนที่สาวงามที่ซ่อนไว้ในห้องทองคนนั้นจริงๆ หรอกใ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 694

    “ดังนั้นเจ้าน่ะ! ไม่ยอมดูแลตัวเองให้ดี แต่วิ่งแจ้นออกไปทะเลาะกับตระกูลเฟิงจนตัวเองบาดเจ็บมันใช้ได้ที่ไหนกัน?” ในใจเจี่ยงเทียนซิงรู้สึกว่ายังปล่อยผ่านไปไม่ได้ ดังนั้นจึงหยิบออกมาพูดอีกถามขึ้นอย่างทนไม่ไหว “เจ้าไปสู้กับใครมากัน? ถึงทำตัวเองบาดเจ็บแบบนี้?”เจี่ยงเทียนซิงรู้สึกว่า จั๋วซือหรานที่มีวิชาแปลกประหลาดอยู่ตั้งมากมาย ต่อให้เอาชนะไม่ได้ แต่ปกติคิดจะทำร้ายนางก็ไม่น่าทำได้ง่ายๆ นี่นาจั๋วซือหรานเบ้ปาก “พ่อของเฟิงเหยียนน่ะ”เจี่ยงเทียนซิงทำหน้าเหมือนกินแมลงวันเข้าไป ถลึงตาโต พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดออกมาว่า “กลางค่ำกลางคืนแต่เจ้ากลับไปหาเรื่องต่อยตีกับพ่อสามีในอนาคตหรือ?”“นี่มันไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าคนที่จะสู้กับข้าวันนี้น่าจะเป็นทรยศจากตระกูลซาง? ชื่ออะไรล่ะ?” จั๋วซือหรานถามขึ้นเจี่ยงเทียนซิงมองนาง “นั่นยังไม่สำคัญอีกหรือ? แต่คนเขาชื่ออะไรสำคัญกว่าหรือ? คนทรยศของตระกูลซาง ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ไม่มีทางเป็นพวกอ่อนแอ ต้องเป็นคนแข็งแกร่งแน่นอน”จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว “คนแข็งแกร่ง? แกร่งแค่ไหนกัน?”จั๋วซือหรานถามขึ้น “นักภาษาสัตว์หรือ?”เจี

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 708

    การยั่วยุเช่นนี้ดูหยาบมาก แต่จั๋วซือหรานกระทั่งไม่คิดจะกลบเกลื่อนเลยสักนิด จนแทบจะเขียนคำว่าข้ากำลังยั่วเจ้าสี่คำนี้ไว้บนหน้าโต้งๆ เลยด้วยซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าอินเจ๋ออันขึ้นหลังเสือจนลงมายากแล้วก็ไม่ได้เกินเลยอะไรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เขากัดฟันเอ่ยขึ้น “พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน! ยกนี้เจ้ายังไม่ชนะเลย แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?!”อินเจ๋ออันพูดจบ ก็เคาะระฆังทันที ประกาศชัยชนะของซางถิงและให้ทุกคนเฝ้ารอยกที่สองตามหลักการแล้วระหว่างยก จะต้องมีแพทย์เข้ามารักษาบาดแผลให้แต่จั๋วซือหรานตนเองก็เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ที่เจี่ยงเทียนซิงจัดมาจึงยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น“แม่...แม่นางจิ่ว”จั๋วซือหรานหันไปมองเขา “แพทย์หรือ?”“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าสำนักให้ข้าเข้ามา...” แพทย์ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าแผลบนตัวจั๋วซือหรานเหล่านั้นสมานเสร็จเรียบร้อยแล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “เรื่องรักษาก็ไม่ต้องแล้วล่ะ เขายังมีอะไรจะมาบอกข้าอีกไหม?”“มี” แพทย์ถอนหายใจโล่ง เอ่ยต่อว่า “เจ้าสำนักให้ข้ามาบอกท่านว่า คนของตระกูลซางที่มา คือซางเชวี่ยคุณหนูสี่ที่ถูกคนในตระกูลให้ความสำคัญมากในปัจจุบันค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 707

    เสียงดังชิ้ง!สองดาบเก็บเข้าฝักเสียงนี้ก็ราวกับทำให้คนทุกคนในอัฒจันทร์คนดูได้สติกลับมาและได้เห็นหญิงสาวชุดแดงจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัว รอยขาดเหล่านั้นบนชุดแดง เผยให้เห็นผิวขาวนวลของนาง กับรอยแผลที่อยู่บนผิวนั้น...เพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า หลังจากที่นางร่วงลงมาจากเวที บาดแผลบนตัวนางที่มาจากเสือเขี้ยวดาบนั้น เลือดหยุดไหลไปแล้ว ความรู้สึกบอบช้ำทั้งตัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ค่อยๆ สลายไปแล้วนางกระทั่งเดินมาตรงหน้าผู้ดูแลการตัดสินไกล่เกลี่ยอินเจ๋ออันที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นว่า “คนของเจ้าชนะแล้ว ยังไม่ประกาศอีกหรือ?”อิ๋นเจ๋ออันได้สติกลับมา เขาจ้องเขม็งที่จั๋วซือหราน ตระหนักขึ้นมาได้ถึงความผิดปกติแต่กลับพูดไม่ออกว่าตรงไหนที่ผิดปกติซางถิงชนะได้อย่างเป็นธรรมชาติ นางเองก็แพ้อย่างเป็นธรรมชาติ...แต่ยิ่งดูธรรมชาติเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกผิดปกติเพราะแพ้ชนะเดิมทีไม่ใช่เรื่องที่ให้คำใช้คำว่าเป็นธรรมชาติมาพรรณนาแล้วหญิงสาวคนนี้เดิมทีก็ฉลาดเป็นกรด ถ้าหากเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เช่นนั้นก็จะต้องผิดปกติอย่างแน่นอนอินเจ๋ออันเงยขึ้นมองซางถิงบนเวทีผาดหนึ่งซางถิงถึงแม้จะสวมหน้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 706

    ตอนที่มันกระโจนไปถึงขอบเวที จั๋วซือหรานกำลังหันหลังให้มัน ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้นต้องรู้ด้วย ว่าคนคนเราตอนที่ค้างอยู่กลางอากาศ ในจังหวะนี้ หากคิดจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนทิศทางร่างกาย จะต้องมีจุดเป็นแรงส่งด้วยแต่ตำแหน่งนี้ จั๋วซือหรานไม่มีจุดแรงส่งอะไรแล้วดังนั้น ทุกคนจึงมองเห็นว่าพอเท้านางแตะพื้น เสือเขี้ยวดาบก็จะกระโจนไปถึง ก่อนหน้าที่นางจะกระโจนหลบ ก็สามารถพุ่งเข้าขย้ำนางได้แล้ว!สายตาคนทั้งหมดล้วนจ้องเขม็ง ราวกับว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นช้าลงสายตาทุกคนจับจ้องไม่วางตา ล้วนรอให้ฉากที่เลือดของนางซ่านกระเซ็นปรากฏขึ้นมา!แต่ทว่า สถานการณ์ที่ทำให้คนทั้งหมดคาดไม่ถึง กลับปรากฏขึ้นแล้ว!ปลายเท้าของจั๋วซือหรานพอแตะบนเวทีที่ทำจากหินต้องห้ามตอนนั้นเอง เสือเขี้ยวดาบก็กัดไปทางด้านหลังคอนาง จังหวะนั้น บนเวทีกลับนิ่งเงียบไม่มีเสียงกระทั่งมีคนกลั้นหายใจ!“ฉูด...!” มีเสียงเลือดสดสาดกระเซ็นดังขึ้นเลือดสดสีแดง ย้อมเข้าที่ข้างคอและคอเสื้อนาง...“นาง...” มีคนงึมงำขึ้นมา ในสายตามีสีหน้าไม่อยากเชื่อ“...แพ้แล้ว” มีคนเอ่ยขึ้น“แต่ว่า...”ถ้าไม่นับบาดแผลเหล่านั้นที่นางได้มาจากการห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 705

    ฝูซูไม่เข้าใจคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง “เจ้าสำนัก...หมายความว่าอย่างไร?”“คุณหนูของเจ้าพอบาดเจ็บ เจ้าก็กระวนกระวายขึ้นมาเลยสินะ” เจี่ยงเทียนซิงเอ่ยขึ้น “เจ้าลืมแผนการคุณหนูของเจ้าไปแล้วหรือ?”“แผนของคุณหนู...” ฝูซูงึมงำขึ้นมาครึ่งคำ จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแผนของคุณหนูคือ ยกแรกคุณหนูจะแพ้ ยกที่สองชนะแบบหวุดหวิด และยกที่สามค่อยเอาชนะดังนั้นยกแรก นางจึงตั้งใจจะแพ้นางตอนนี้ทำตัวอ่อนแอ ก็เพื่อให้คนอื่นคิดว่านางไม่ไหว รู้สึกว่านางต้องแพ้แน่พอยิ่งเดิมพันทางนางน้อยลงแค่ไหน อัตราต่อรองของนางก็จะยิ่งสูงขึ้นเจี่ยงเทียนซิงเอ่ยต่อ “บนตัวนางล้วนมีแต่แผลถลอกทั้งนั้น ด้วยฝีมือพลังวิญญาณวิชาแพทย์ของนาง ถ้านางไม่จงใจคุมพลังตนเองไว้ แผลแค่นี้เพียงไม่นานก็สมานหายดีแล้ว”“เอ่อ...” ปฏิกิริยาของฝูซูเองก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งความกังวลก็ยังแขวนเติ่งอยู่ตรงนั้นไม่มีที่ลง พอกังวลก็เหมือนจะเกินเหตุ แต่ถ้าไม่กังวลก็เหมือนไม่ซื่อสัตย์พอ“นั่นมันเสือเขี้ยวดาบเลยนะ สัตว์ประหลาดแบบนี้ สามารถหลบหนีแบบนี้ภายใต้การต่อสู้กับมัน อันที่จริงแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ว่านางเก่งกาจกว่าเสื้อเขี้ยวดาบเยอะเลย เจ้าไม่รู้สึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 704

    “ใช่เลย แส้นี้ฟาดจนทำให้จั๋วจิ่วต้องมุ่งไปทางปากสัตว์ประหลาดของเขาเลยทีเดียว!”เมื่อครู่ คนทั้งหมดล้วนมองเห็น ซางถิงที่อยู่บนเวที พอเริ่มต้นก็ทำเอาจั๋วซือหรานประหลาดใจไปเลยทีเดียวพอฟาดแส้เข้ามา จั๋วซือหรานก็จำต้องหลบไปยังตำแหน่งที่แส้โจมตีไม่ถึงและซางถิงเองก็อัญเชิญสัตว์ประหลาดออกมาทันที ปรากฏตัวรอในทิศทางนั้นอยู่แล้วในสายตาของผู้ชม นั่นจึงเป็นการที่จั๋วซือหรานถูกซางถิงต้อนไปยังปากของสัตว์ประหลาดของตนเอง!แต่ไม่นานนัก ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด หญิงสาวในสนาม ก็มีปฏิกิริยาขึ้นฉับพลันในจังหวะสะเก็ดไฟกระทั่งไม่มีใครมองเห็น ว่าสองดาบที่หลังนางปรากฏขึ้นมาเมื่อไร!แต่ก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว ดาบยาวสองเล่มนั้น ถูกนางแบกไขว้ไว้ที่หลัง ตอนนี้ก็ล้วนทยอยกันออกจากฝัก ถูกนางกุมมั่นเอาไว้ในมือสัตว์ประหลาดที่ซางถิงเรียกออกมาคือเสือเขี้ยวดาบตัวหนึ่งสัตว์ประหลาดที่ดุดันเช่นนี้ แล้วยังเป็นพวกตระกูลแมว พอมาอยู่บนเวทีประลอง อันที่จริงก็ได้เปรียบพอควรเพราะไม่เพียงแต่ดุร้าย แต่ยังคล่องตัวอีกด้วย!ถ้าหากจะพูดว่าสัตว์ประหลาดนี้มีจุดบกพร่องอะไร จุดบกพร่องนั้นจะต้องเป็นเพราะความยอดเยี่ยมเกินไป ความยาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 703

    “ปากแข็งนัก!” อินเจ๋ออันโมโหจนเข็ดฟัน ตะคอกใส่แผ่นหลังจั๋วซือหรานคำหนึ่งจั๋วซือหรานมองกลับมาเล็กน้อย มุมปากกระดกขึ้นยิ้มอย่างสบายๆ อำมหิตชั่วร้ายอินเจ๋ออันเหมือนถูกรอยยิ้มนี้ของนางกระแทกเข้า สีหน้าที่โมโหจนเข็ดฟันบนหน้าเหล่านั้นก็เหมือนทำต่อไม่ไหวแล้วถึงอย่างไร อีกฝ่ายที่ยิ้มอย่างสบายๆ แต่ตนเองมาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันนี่มันค่อนข้าง...ยังดูนิ่งไม่พอ ขาดความสง่างามตอนนี้เอง ที่ห้องพักผ่อนอีกด้านของเวที ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาจั๋วซือหรานตอนนี้จึงได้เห็นอีกฝ่าย เห็นถึงคู่มือในครั้งนี้อีกฝ่ายอยู่ในชุดทะมัดทะแมงสีดำ ดูแล้วคล่องแคล่วมาก ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับชุดทะมัดทะแมงสีแดงที่นางสวมอยู่ยิ่งไปกว่านั้นชุดดำของเขาก็ขัดกับสีผมของเขาอย่างแรง เพราะผมรุงรังกระเซอะกระเซิงของเขา ที่ปักอยู่บนหัวกลับเป็นสีขาวที่สะดุดตาใบหน้าเขาก็สวมหน้ากากไว้ ไม่เหมือนหน้ากากแบบของนาง แต่เป็นหน้ากากที่เหมือนคอเสื้อดึงขึ้นมาคลุมถึงจมูกแบบนั้นจั๋วซือหรานมองรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย กระพริบตาปริบ เอ่ยกับตนเองเสียงต่ำว่า “สภาพนี้มัน...คาคาชิหรือ? (ตัวละครนินจาหนึ่งจากนารุโตะ)”นี่ก็แค่คำล้อเล่นเท่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 702

    และตอนนี้ ในห้องเตรียมตัวข้างเวทีจั๋วซือหรานมองเห็นสถานการณ์ความคึกคักของอัฒจันทร์ผ่านช่องอากาศ สายตาของนางโดดเด่นกว่าคนอื่น ดังนั้นจึงเห็นสถานการณ์บนเวทีได้ค่อนข้างชัดเจนดังนั้นจึง...“เฮอะ” จั๋วซือหรานเบ้มุมปาก พูดเสียงต่ำกับตนเอง “ยุคสมัยนี้เป็นแม่ทัพเป็นทหารนี่ว่างกันขนาดนี้เชียวหรือ? มันนับเป็นการจับกลุ่มเล่นพนันใช่ไหม? จะโดนลงโทษวินัยทหารไหม?”ทว่าจั๋วซือหรานก็เห็นว่าคนกลุ่มนั้น ใบหน้ามีความเจ็บปวด ยิ่งไปกว่านั้นบนอัฒจันทร์ ก้นเองก็ยังไม่กล้าแตะกับที่นั่งด้วยซ้ำจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว “โอ้ ดูท่าจะโดนลงโทษวินัยทหารแต่ก็ยังมากันอีกสินะ นี่เอาจริงเอาจังเสียจริง...”นางเดิมทียังคิดจะสู้แบบส่งเดชอยู่ แล้วก็จะไม่ให้คนเดิมพันข้างนางมากนัก กดอัตราต่อรองของนางลงมาตอนนี้เหมือนจะคิดแบบนี้ไม่ได้แล้วจั๋วซือหรานพูดกับราชาแมงมุมหน้าผีในมิติน้ำพุวิเศษว่า “แมงมุมน้อย เลิกเกี่ยวยาได้แล้ว วันนี้พวกเราต้องสู้ดีดีกันสักยกนะ คนดูเยอะขนาดนี้ข้าต้องสู้ให้งดงามหน่อยแล้ว...” จากเสียงคนโห่ร้องที่คึกคักขึ้นเรื่อยๆ บนอัฒจันทร์ เวลาเริ่มประลองก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วในที่สุดเสียงระฆังสัมฤทธิ์ก็ดังขึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 701

    เจี่ยงเทียนซิงได้ยินคนรับใช้เข้ามารายงาน ก็รู้สึกมืดแปดด้านขึ้นมา“พวกเขามาได้อย่างไรกัน?” เจี่ยงเทียนซิงยกมือขึ้นกดขมับอิ๋นไห่เอ่ยขึ้น “นายท่าน พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาหรือ?”“ไม่ใช่แน่นอน” เจี่ยงเทียนซิงตอบฝูซูรู้สึกสนใจขึ้นมา “แล้วพวกเขาเป็ฯใครกัน? ทำให้เจ้าสำนักปวดหัวได้ขนาดนี้?”เจี่ยงเทียนซิงถอนหายใจ “เจ้านายของเจ้าไม่ได้แค่ช่วยแค่พวกคนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกนั้น คนที่นายท่านเจ้าช่วยไว้ครั้งนี้ ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตไม่ได้มีแค่เฮยหลิงคนเดียว”พอได้ยินคำนี้ ฝูซูก็เข้าใจขึ้นมา “ท่านพูดถึงแม่ทัพสองคนนั้นหรือ?”เจี่ยงเทียนซิงพยักหน้า “แม้ในเมืองหลวงนี้ เจ้านายของเจ้าไปผิดใจกับห้าตระกูลใหญ่ จนแทบจะกระโดดขึ้นไปเหยียบบนหัวพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีพวกตระกูลขุนนางเหล่านี้มาคอยใส่ร้ายป้ายสี วิพากษ์วิจารณ์เจ้านายเจ้าอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรนัก”“แต่ว่าในค่ายทหาร ชื่อเสียงเจ้านายเจ้าก็สูงส่งเอาการอยู่ ทหารพวกนั้น แต่ละคนเป็นพวกเถื่อนๆ หัวทื่อทั้งนั้น พวกเขาไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ของตระกูลอะไรนั่น พวกนี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ”“พอช่วยชีวิตพวกเขาไว้ ช่วยชีวิตแม่ทัพของพวกเขาไว้ จึงเป็

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 700

    “เอาล่ะ รู้แล้ว” จั๋วซือหรานถามต่อ “ยังมีอีกไหม?”อิ๋นไห่บอกต่อว่า “คนจากตระกูลเฟิง ตระกูลจั๋ว ตระกูลเหยียนกับตระกูลฮั่วล้วนมากันหมด”ตอนนี้ กลายมาเป็นจั๋วซือหรานประหลาดใจแล้วแม้ว่านางจะรู้ว่าตนเองถูกจับตามอง แต่ในระดับนี้...“เอิกเกริกเสียจริง” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นอิ๋นไห่เอ่ยต่อ “ใช่เลย ดังนั้นนายท่านจึงให้ข้ามาบอกแม่นางก่อน เกรงว่าท่านจะมีแผนการอื่นอยู่อีก”เจี่ยงเทียนซิงนี่รอบคอบใช้ได้เลยแต่จั๋วซือหรานก็คิดๆ เอ่ยต่อว่า “ยังไม่มีแผนกับความคิดอื่นชั่วคราว ให้เจี่ยงเทียนซิงทำตามแผนเดิม คอยดูแล้วจัดการเอา”อิ๋นไห่พยักหน้ารับคำสั่ง “ขอรับ”“อาจริงด้วย” จั๋วซือหรานมองไปทางอิ๋นไห่“แม่นางโปรดกำชับได้เลย” อิ๋นไห่เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังจั๋วซือหรานคิดๆ พูดต่อมาว่า “ให้เจี่ยงเทียนซิงคอยระวังหน่อย ตามหลักการแล้วในห้าตระกูลนี้ ที่ควรไปผิดใจด้วยข้าก็ผิดใจมาจนหมดแล้ว...”อิ๋นไห่ฟังคำนี้ของจั๋วซือรหาน ก็รู้สึกทั้งนับถือทั้งจนใจ ว่าอย่างไรดีล่ะ เกรงว่าตอนนี้ทั้งเมืองหลวง คงมีแค่แม่นางจิ่วเท่านั้นที่มีพลังพูดคำนี้ออกมา“สรุปคือ ตามหลักการแล้วทั้งห้าตระกูลนี้ไม่มีใครมองข้าดีสักคน คิดว่

DMCA.com Protection Status