Share

บทที่ 599

Author: หูเทียนเสี่ยว
ฉุนจวินไม่มีความเห็นใดต่อการกำชับของจั๋วซือหรานแม้แต่น้อย “ได้เลย ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

“ไม่รีบๆ ยังมีอีกชุดหนึ่ง นำไปให้อ๋องเซี่ยนด้วย” จั๋วซือหรานหยิบกล่องข้าวอีกชุดหนึ่งส่งให้ฉุนจวิน

“รับทราบ” ฉุนจวินรับไป

จั๋วซือหรานยิ้มจางๆ บอกกับเขาว่า “รอให้เจ้ายุ่งเรื่องพวกนี้เสร็จ ในครัวข้ายังเหลือไว้ให้เจ้าชุดหนึ่งด้วย อย่าลืมไปกินเสียล่ะ”

ฉุนจวินตกตะลึง คนที่เดิมทีตัดสินใจรับคำสั่งอย่างแน่วแน่ ตอนนี้พูดจาก็ไม่คล่องขึ้นมาเสียแล้ว “ข้า ให้ข้าด้วยหรือ?”

“ใช่แล้ว เจ้าซื้อวัตถุดิบทำอาหารมาเยอะขนาดนั้นคงเหนื่อยแย่ ถึงอย่างไรวางไว้ก็จะไม่สดเสียดายของ ข้าเลยทำมันทั้งหมดเลย” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ในห้องครัว อาหารร้อนข้าอุ่นไว้ในหม้อแล้ว ส่วนอาหารเย็นก็เอาตะกร้าสานคลุมไว้แล้ว”

ฉุนจวินพยักหน้าเบาๆ อ้าปากพะงาบ ชั่วขณะหนึ่งเหมือนคิดจะพูดอะไร แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

นายท่านของเขาเฟิงเหยียนไม่ใช่นายท่านที่ปฏิบัติต่อคนใช้อย่างโหดร้าย แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างที่ลงมือทำอาหารด้วยตนเองแล้วส่งให้กับลูกน้องได้กิน

ดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้ตรงหน้า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่เคยประสบพบเห็นมาก่อน

เขา
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 600

    ฉุนจวินส่งเสร็จก็กลับไปกินอาหารส่วนของตัวเองและเจี่ยงเทียนซิงพอเปิดกล่องข้าว ก็เห็นกับข้าวมีสีสันครบรสอยู่ด้านใน จ้องมองอยู่พักหนึ่ง เขาจึงยื่นมือหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบชิมอาหารหลากสีด้านในไปรอบหนึ่งรสชาติดีมากจริงๆ คิ้วตาก็ผ่อนคลายลงมาในสายตาก็แปลกประหลาดหน่อยๆ แต่สิ่งที่รู้สึกได้มากกว่านั้นคือความโล่งใจ “อย่างที่คาดเอาไว้”อิ๋นไห่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกแค่ว่าอาหารในนั้นหอมเกินห้ามใจจริงๆหลังจากนั้นก็เห็นสีหน้าของนายท่าน อิ๋นไห่อดถามขึ้นไม่ได้ “นายท่าน ท่านยิ้มอะไรหรือ?”“ยิ้มหรือ?” เจี่ยงเทียนซิงยกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง “น่าจะเพราะ ในที่สุดข้าอาจจะไม่ต้องทำแค่การเป็นเจ้าของบ่อนพนันในตลาดมืดแล้ว อาจจะได้หันมาทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายเสียที”อิ๋นไห่ไม่รู้เรื่องที่จั๋วซือหรานกับเจี่ยงเทียนซิงคุยกันก่อนหน้า ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย “ธุรกิจถูกกฎหมายอะไรหรือ?”เจี่ยงเทียนซิงมองเขา “น่าจะเป็น...โรงเตี๊ยม?”......ส่วนอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานเข้าไปในห้องแล้วนางหิ้วกล่องข้าวเดินข้าไปข้างโต๊ะแปดเซียน นำกับข้าวในกล่องข้าวยกออกมาทีละอย่างพอกลอกตากลับไป ก็ยังเห็นผู้ชายคนนั้นยังคงยืนมองนาง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 601

    จั๋วซือหรานฟังคำนี้ มองไปทางเขา “จริงหรือเปล่า?”“ก็ไม่มีอะไรไม่ได้เสียหน่อย” เฟิงเหยียนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง “แต่รสชาติก็รับประกันไม่ได้นะ”จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง “ไม่เป็นไร ค่อยๆ พัฒนาไป” ข้าเชื่อว่าคนที่ยอดเยี่ยมอย่างท่านอ๋อง หากคิดจะทำอะไรต้องทำได้แน่เสียงลือเสียงเล่าอ้างภายนอก อันที่จริงก็ยังไม่สงบลงเลยใครก็คงคิดไม่ถึง ว่าในเสียงลือเสียงเล่าอ้างภายนอก สองคนที่อยู่ท่ามกลางเสียงข่าวลือนั้น ยังคงนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขกินข้าวกับเฟิงเหยียนไปพอประมาณแล้ว จั๋วซือหรานจึงจับข้อมือของเขาขึ้นมาเฟิงเหยียนก้มลงมอง มุมปากก็อดเม้มสนิทขึ้นมาไม่ได้จั๋วซือหรานหลังจากจับชีพจรให้เขา คิ้วก็ขมวดเกิดอะไรขึ้น...นางเปลี่ยนไปจับชีพจรอีกข้างหของเฟิงเหยียน คิ้วที่ขมวดก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงมาเลยจั๋วซือหรานไม่พูดอะไร แม้ว่านางจะไม่เห็นโรคภัยใดจากในชีพจรของเฟิงเหยียน แต่จากกลับสังเกตได้ว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลงกว่าก่อนหน้านี้จากการจับชีพจรของเฟิงเหยียนแต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงนัก ดังนั้นจั๋วซือหรานถึงแม้จะรู้สึกแปลกหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะตกใจเกินเหตุ คิดจะสังเกตไปอีกวันสองวันแล้วค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 602

    มองตาของนาง เอ่ยเสียงต่ำว่า “หลักการเพี้ยนๆ”แต่ว่าบางครั้ง ก็ต้องมีหลักการเพี้ยนๆ นี้ของนาง ถึงจะทำให้ไม่อึดอัดนักภายใต้สถานการร์ที่ศัตรูล้อมไว้รอบด้านเช่นนี้เฟิงเหยียนเอาเมล็ดพันธุ์ผลหมากรากไม้ผักสวนครัวต่างๆ ที่ให้ฉุนจวินไปเตรียมมาส่งให้กับนาง“ด้านในแบ่งประเภทเอาไว้เรียบร้อย ถ้าหากยังไม่พอ ก็ให้ฉุนจวินไปเตรียมอีกได้” เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานชั่งน้ำหนักดุในมือ “พอแล้วล่ะ”คืนนั้น จั๋วซือหรานก็กลับไปที่เรือนของตนเอง ท่านแม่กับน้องชายส่งออกจากเมืองหลวงไปแล้วนางตอนนี้ถือว่าไม่มีเหลือความกังวลใดอีก ดังนั้นนางจึงเดินกลับเรือนของตนเองอย่างไม่ต้องคิดอะไร ไม่มีท่าทีต้องระมัดระวังตัวอะไรอีกแล้วไม่ต้องกลัวว่าใครจะรู้บนหน้านางแทบจะเขียนเอาไว้ว่า...รีบมาหาเรื่องข้าได้แล้ว!เฉวียนคุนกังวลหน่อยๆ เดินวกไปวนมาตรงหน้าจั๋วซือหรานอย่างยังกังวล“คุณหนู ท่านคอยหลบคลื่นลมเหมือนก่อนหน้านี้ดีกว่าไหมน่ะ? แม้ข่าวลือร้ายๆ ของตระกูลเหยียนจะแก้ไขได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ท่ามกลางคลื่นลมนะ เรื่องในจวนท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าจัดการก็พอ”“คนของตระกูลจั๋ว มาเดินวนไปวนมาหน้าบ้านพวกเรา เด็กฉลาดนั่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 603

    จั๋วซือหรานแม้จะกลับมาที่เรือน แต่ก็เตรียมตัวไว้แล้วสำหรับคนที่จะมาหาเรื่องนางเรื่องที่ถูกคนมาหาเรื่องกลางดึกดื่นเช่นนี้ นางเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอมาก่อน ตอนนั้นจั๋วหรูซินกับท่านจั๋วลิ่ว ก็จ้างมือสังหารจากหอฟ้าดาวมาลอบสังหารนางดังนั้นก่อนนอนจั๋วซือหรานจึงเตรียมการไว้บางส่วนการเตรียมการง่ายๆ“ลูกแก้วมังกรทั้งเจ็ด” ของนาง...วางไว้ตัวหนึ่งบนร่างของชิ่งหมิงเพื่อรักษาอาการป่วยดังนั้นตอนนี้จึงเหลืออยู่หกตัวนางให้หกตัวนี้กางไหมกู่ไว้ในห้องนอน...ต่อให้ไม่ใช่ตาข่ายสวรรค์ อย่างน้อยก็เป็นตาข่ายระวังภัยให้ได้แม้จะไม่ต้องการให้ไหมกู่พวกนี้สร้างความเสียหายอะไร อย่างน้อยก้ญังสามารถคอยตรวจจับได้ตลอดเวลาว่ามีหรือไม่มีคนเพราะว่า จั๋วซือหรานต่อให้ปกติจะระแวดระวังมากอยู่แล้ว แต่ตอนที่อยู่ในมิติแหวนเสวียนเหยียน พอเทียบกับเวลาปกติ ระดับความเฉียบคมจะอ่อนแอลงพอประมาณแต่ว่าพอมีไหมกู่จากทั้งหกตัวนี้ ก็ไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นแล้วดังนั้นจั๋วซือหรานจึงทำงานในมิติอย่างวางใจ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเพียงแต่ที่ทำให้จั๋วซือหรานคิดไม่ถึงก็คือ ปฏิกิริยาตอนแรกสุด กลับไม่ใช่จากตาข่ายเตือนภัยไหมกู่ทั้งหกตั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 604

    เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า “คุณหนูเฟิงสือ เจ้าทำอะไรน่ะ?”จั๋วซือหรานพอเห็นก็จำได้แล้ว คนที่สู้พัวพันอยู่กับเฮยหลิง ก็คือคุณหนูสิบจากตระกูลเฟิง เฟิงหร่านพอคิดๆ แล้ว ก็น่าจะเป็นคนตระกูลเฟิงคนแรกที่ได้เจอ หลังจากที่จั๋วซือหรานข้ามายังโลกนี้จั๋วซือหรานไม่ใช่ไม่เคยคิด ว่าตระกูลเฟิงน่าจะเข้ามาหาเรื่องนาง แต่ที่คิดไม่ถึงคือคนที่เข้ามาหาเรื่องจะเป็นเฟิงหร่านเฉวียนคุนฟังคำนี้แล้วจึงมีปฏิกิริยาขึ้นมา ว่ากระบี่สั้นที่ไม่ชักออกจากฝักในมือของคนที่สู้กับเฮยหลิงอย่างเต็มที่นั่น คือกระบี่ตระกูลของคนในตระกูลเฟิง!ทั้งสองคนต่อสู้กันจนถึงจุดร้อนแรงสุดแล้วหมัดของเฮยหลิงซัดเข้ามาด้วยพลังที่กระชากภูเขาได้ ส่วนเฟิงหร่านก็สังเกตเห็นท่าทางหมัดนี้ของเฮยหลิง นางกัดฟันกรอด มือที่กุมกระบี่สั้นของตระกูลนั้น ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วพอเห็นว่ากำลังจะชักกระบี่ในตระกูลออกมาตอนนี้เอง ร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบไปปรากฏตัวระหว่างคนทั้งสองผมสายดำสลวยของนางพัดเบาๆ ข้อมือขาวที่ดูแล้วเหมือนไร้ซึ่งพลังใดๆ เหมือนแค่บิดก็หักแล้วอย่างไรอย่างนั้นนางยกมือขาวขึ้นเบาๆ ซ้ายทีขวาทีนางกระทั่ง! ไม่ได้ใช้แขนทั้งหมดด้วย แต่ใช้เ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 605

    จั๋วซือหรานตอนที่ได้ยินนางบอกว่ามาแจ้งข่าวให้ทราบ ก็เลิกคิ้วขึ้นจากนั้นก็ได้ยินความโกรธที่ไม่มีปิดบังในน้ำเสียงของเฟิงหร่าน หญิงสาวคนนี้โมโหได้ค่อนข้างตรงไปตรงมา และไม่มีการเหน็บแนมอะไรทั้งนั้น แต่หน้าก็แดงก่ำไปหมดเสียงแกร๊กดังขึ้น จัดการคาดเข็มขัดกระบี่ตระกูลของตนเองจนเรียบร้อย จากนั้นก็หมุนตัวกระฟัดกระเฟียดเดินออกไปจั๋วซือหรานคิดๆ ยื่นมือไปจับแขนของนางไว้ ไม่ให้นางออกไปเฟิงหร่านชะงักไป น่าจะเพราะถูกทำให้โกรธ แล้วยังถูกการกระทำนี้ของจั๋วซือหรานรั้งไว้อีก อาการโกรธแต่เดิม เวลานี้จึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ มุมปากนางเบ้ออกเล็กน้อย หันไปมองจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจ “ข้าปิดบังที่บ้านแล้วแอบออกมา ยังต้องมาสู้กับเจ้าคนประหลาดนี่ แล้วเจ้ายังมาสงสัยขี้อีก แล้วยังมาดูถูกข้า...”จั๋วซือหรานรู้สึกว่า ถ้าแม่นางคนนี้ยังพูดต่อ น่าจะร้องไห้ออกมาแน่ๆจั๋วซือหรานจนใจ ถอนหายใจออกมาเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า “เป็นข้าที่เข้าใจผิดเอง มืดค่ำขนาดนี้แล้ว เจ้าหิวไหม? ข้ามีของกินบางส่วนเอามากินเป็นมื้อค่ำได้ เจ้ากินไปด้วยแล้วค่อยๆ เล่าออกมาดีไหม?”เฟิงหร่านหลังจากได้ยินคำพูดนี้ก็เริ่มลังเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 606

    “ขอรับ” เฉวียนคุนรับคำ มองไปทางเฮยหลิง เอ่ยขึ้นว่า “เชิญตามข้ามา”หลังจากเฉวียนคุนนำทางเฮยหลิงออกไปจั๋วซือหรานจึงหันกลับมาบอกเฟิงหร่าน “เข้าไปกับข้าเถอะ”เฟิงหร่านมองเฮยหลิงที่ตามเฉวียนคุนออกไป จากนั้นจึงเดินตามจั๋วซือหรานเข้าไปในห้องเฟิงหร่านยู่ปาก ไม่เบิกบานเท่าไรนัก เอ่ยขึ้นเสียงเล็กว่า “ในจวนเจ้ามีผู้ชายตั้งเยอะ...ไม่ค่อยเหมาะไหม? เจ้าไม่กลัวพี่ชายรู้แล้วจะหึงหวงหรือ?”“เขาน่ะนะ?” จั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ ไม่ได้โกรธซ้ำยังหัวเราะถามกลับมาเสียด้วยเฟิงหร่านร้องเสียงหลงออกมา “ไม่มีทางหรอก! จะมีใครคนไหนที่ดีกว่าพี่ชายข้าบ้าง? นอกจากเจ้าจะเป็นคนโง่เท่านั้นถึงจะไม่เอาพี่ชายข้า”จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ไม่พูดอะไร แค่ยกมุมปากขึ้นยิ้มๆ หยิบกับข้าวที่เหลือจากการเข้าครัววันนี้ออกมา เดิมทีคิดจะเหลือไว้เป็นมื้อดึกของตนเองเฟิงหร่านอันที่จริงยังอยากจะพูดอะไรอยู่ แต่ก็เหมือนตอบสนองไม่ทัน จ้องมองกับข้าวบนโต๊ะอย่างงงงัน ไม่ค่อยแน่ใจหน่อยๆ ในสายตาก็ถามขึ้นอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เมื่อครู่บนโต๊ะมีกับข้าวพวกนี้อยู่แล้วหรือ?”แม้ว่าตอนที่เข้ามา ความสนใจของนางก็ยังอยู่บนตัวจั๋วซือหรานแ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 607

    พอได้ยินเฟิงหรานพูด ในใจจั๋วซือหรานก็เต้นตึกตักคิ้วของนางขมวดขึ้นมา ประสานตากับเฟิงหร่าน ในน้ำเสียงที่นิ่งเฉยมาแต่ไหนแต่ไร เปลี่ยนเป็นตั้งใจขึ้นมา“คำพูดนี้ของเจ้า หมายถึงอะไร” จั๋วซือหรานถามขึ้นเฟิงหร่านเม้มปาก เหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดพอนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “สิ่งเหล่านี้ที่ข้าบอกกับเจ้า เป็นความลับสุดยอดของตระกูลเรา คนมากมายกระทั่งไม่เคยล่วงรู้ สาเหตุที่ข้ารู้ เพราะตำแหน่งพ่อของข้าไม่ได้ต่ำมากนักในตระกูล...”น่าจะเพราะกำลังจะพูดความลับของตระกูล สิ่งนี้สำหรับเฟิงหรานแล้วเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ดังนั้นตอนที่นางพูดถึงจุดนี้จึงหยุดลงมาสูดลมลึกไปทีหนึ่ง หลังจากพ่นออกมายาวๆ จึงเอ่ยต่อว่า “แต่ถ้าจะพูดถึงตำแหน่งฐานะสูงแค่ไหน มันก็ไม่มีหรอก แค่พ่อของข้ามีหน้าที่ภาระที่พิเศษอย่างหนึ่ง”จั๋วซือหรานเห็นเฟิงหร่านขณะที่พูดสิ่งเหล่านี้ด้วยดวงตาหรุบต่ำ เวลานี้กลับเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองนางเฟิงหร่านเอ่ยต่อว่า “พ่อของข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกที่รับผิดชอบดูแลห้องโถงศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษ”“...” จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ว่าห้องโถงศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษน

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1086

    "เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1085

    หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1084

    จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1083

    นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1082

    แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1081

    "ดังนั้นจึงมาลงมือกับเจ้าหรือ?" จั๋วซือหรานมองไปทางแมงมุมน้อย "ถึงอย่างไรพอพูดขึ้นมา เจ้าเองก็ก็เป็นสิ่งมีพิษที่หาได้ยากด้วยนี่ แล้วยังเป็นระดับราชาสัตว์ด้วย ถ้าเขาเสพติดพิษขึ้นมาด้วยคุณสมบัติร่างกายแบบนั้นจริงล่ะก็..."จั๋วซือหรานตบเบาๆ ลงไปบนแขนเคียวของราชาแมงมุมหน้าผี "เจ้าเองก็ตัวใหญ่ขนาดนี้ ถือเป็นของบำรุงที่ไม่เลยเลยทีเดียว"จั๋วซือหรานก็เหมือนตระหนักได้ถึงแก่นแท้เรื่องราวในชั่วพริบตาราชาแมงมุมหน้าผีได้ยินการคาดเดากับการวิเคราะห์ของจั๋วซือหราน ก็คิดขึ้นมาถึงความเป็นไปได้นี้ พอคิดไปถึงว่าตนเองเกือบถูกคนเอาไปเป็นของบำรุงแล้ว ก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"ยังดีที่นายท่านช่วยเหลือไว้" แมงมุมน้อยเอ่ยขึ้นแม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานเข้าใกล้แก่นแท้ของเรื่องราวไปแล้วในชั่วพริบตานั้น แต่นางก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนักนางโบกไม้โบกมือ เอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าคิดเล็กคิดน้อย ด้วยพลังของคนเมื่อครู่นี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้าก็ไม่ไปหาเรื่องเขาหรอก คนแบบนั้น การสู้ให้ตายกันไปข้าง น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางสังเกตสภาพของแมงมุมน้อยไปด้วย จากนั้นจึงตบเบาๆ แล้วเอ่ยขึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1080

    เจ้าคิดว่าข้าทรยศเจ้า ใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งเต็มประดานักหรือ?! เจ้ามันก็จนตรอกแล้วเท่านั้น!รอให้เจ้าจนตรอกเสียก่อน เพื่อจะมีชีวิตต่อไปเจ้าก็ต้องทรยศคนทั้งหมดเหมือนกัน! เจ้าจะลงหมอบคลานกับพื้นส่ายหางอย่างน่าสงสาร!เจ้าไม่ได้ดีกว่าข้าหรอก! เจ้าก็จะเป็นเหมือนข้า! ถึงอยี่างไร ข้าก็เป็นคนสอนเจ้ามา!"หลงเฉินพูดจบ ก็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่งเขาไม่ได้สังเกตเห็นสีตาของเฟิงเหยียน ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาพอควรเสียงของเฟิงเหยียนกดลงต่ำมาก แต่กลับหนักแน่น "ข้าไม่มีทางเป็นแบบนั้น"เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่น่าเศร้าซึ่งพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดในสมองก็อดคิดถึงเรื่องเหล่านั้นสมัยยังเด็กขึ้นมาไม่ได้เสียงที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ นั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อบานสะพรั่ง หลับตาพริ้ม กำลังดื่มชาขาวดอกสาลี่ยิ้มตาหยีบอกกับเขาว่า "เหยียนเอ๋อร์ อันที่จริงเจ้าไม่ต้องพยายามอยากจะเติบโตอยากจะแข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก เพราะพอเติบโตแล้ว...มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด คำของข้า รอเจ้าโตแล้วก็จะเข้าใจเอง"ตอนนั้นใบหน้าที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับใบหน้าที่บ้าคล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1079

    สีหน้าหลงเฉินปั้นยากมาก แต่...ไอ้การข่มกันของธาตุนี้เหมือนกับเป็นความสามารถแต่กำเนิด! ควบคุมได้ยากมากดังนั้นในพริบตาที่อุณหภูมิร้อนแรงบนตัวเฟิงเหยียน กับประกายไฟไร้รูปร่างปรากฏขึ้นร่างของหลงเฉินก็เบี่ยงหลบไปอย่างควบคุมไม่ได้เขียนเอ่ยเสียงแข็ง "เจ้า...จะทำอะไร"เฟิงเหยียนเหมือนห่อไว้ด้วยเปลวไฟทั้งตัว ทั้งร่างราวกับเป็นลูกไฟ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างร้ายกาจแล้วจึงเดินไปด้านหน้าโดยไม่สนใจใครไม่นานนักก็มาถึงตำแหน่งใจกลางหมอกพิษ จึงมองเห็นบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบใจกลางเทียนช่อนั้นมันเป็นเหมือนกับชื่อเลย มีเจ็ดดอก ใบเจ็ดใบ ทุกดอกล้วนเป็นสีม่วง เกสรสีเหลืองยาวมาก ราวกับเป็นเทียนแล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นมันบานอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ บ่อน้ำยังใหญ่ไม่เท่าใบหน้าเลย แต่ของเหลวที่อยู่ด้านใน ดูแล้วกลับเป็นสีม่วงเข้ม!และเจ้าของเหลวสีม่วงเข้มเหล่านี้ พอเดือดระเหย แล้วผสมเข้ากับความชื่นในอากาศของป่าทวนแสง นานวันเข้าจึงกลายเป็นหมอกพิษที่เข้มข้นขึ้น"ที่แท้ท่านก็คอยคุ้มครองเจ้าสิ่งนี้นี่เอง" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งหลังจากนั้นจึงยื่นมือไปทางบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนช่อนั้น"หยุดนะ!" หลงเฉินตะโก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1078

    หลงเฉินเนื่องจากร่างกายแบกพลังมังกรหนามม่วงไว้ แต่สิ่งที่ต้องนำมาสะกดนั้นตรงข้ามกับเฟิงเหยียนหลงเฉินเป็นประเภทที่ต้องพึ่งพาคุณสมบัติต่อพิษ ถ้าหากไม่มีการหาสิ่งที่พิษ พิษของมังกรหนามม่วงในร่างกายก็จะเริ่มทำร้ายตนเองอันที่จริงถ้าหากจั๋วซือหรานอยู่ที่นี่แล้วมีปฏิกิริยากับเนื้อหาที่เฟิงเหยียนพูดมาล่ะก็ คงจะมีคำจำกัดความให้อย่างรวดเร็วว่า:นี่มันก็เหมือนกับติดยาเสพติดนี่นาสถานการณ์ของหลงเฉินตอนนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ"เพราะที่พรมแดนใต้มีสิ่งมีพิษอยู่มากกว่า" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "แต่ก่อน บางทีท่านก็หายไประยะหนึ่ง บอกว่าตนเองปิดด่าน หลังจากกลับมาสีหน้ากับสภาพก็ไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้พอคิดๆ ดู ท่านก็น่าจะไปเอาสิ่งมีพิษมาใช้ประโยชน์กับตัวเองสินะ...ท่านอยู่แค่ในป่านี้ ก็เพราะที่นี่มีหมอกพิษข้าเดาว่าท่านคิดจะสูดรับหมอกพิษเหล่านี้แล้ว ค่อยไปยังใจกลางหมอกพิษเอาสมบัติที่ก่อหมอกพิษหนาแน่นนี้มาใช้ประโยชน์กับตนเองและสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ท่านลงมือกับสัตว์อสูรของจั๋วเสียวจิ่ว ก็น่าจะเพราะแมงมุมตัวนั้นไปพบกับสมบัติที่ใจกลางหมอกพิษ แล้วกำลังจะเก็บมันมาสินะยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะ แมงมุมตัวนั้นก็เ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status