จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “แน่นอนว่าข้าจะไปทำอาหาร”ขณะที่นางพูด มองปลาในโอ่งอย่างตั้งใจ เกล็ดปลาพญาหงส์หรือ ชื่อเพราะดีใช้ได้ จั๋วซือหรานถามขึ้น “เจ้าปลานี่อร่อยไหม?”ตอนที่ชิ่งหมิงพูดประโยคต่อมา จั๋วซือหรานก็รู้สึกว่าตนเองไม่ต้องรอคำตอบจากปากชิ่งหมิงก็น่าจะพิจารณาได้แล้วนางแทบจะได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของชิ่งหมิง!“อร่อย! อร่อยมาก!” ดวงตาชิ่งหมิงเป็นประกาย “นี่เป็นปลาจากแดนใต้ เมืองหลวงมีไม่มากนัก ดังนั้น เจ้าน่าจะไม่ค่อยได้เห็น แต่ว่าอร่อยมาก”“อร่อยก็พอแล้ว” จั๋วซือหรานพยักหน้า ม้วนแขนเสื้อจากนั้นก็ไปหาเฟิงเหยียน และเห็นฉุนจวินนั่งเฝ้าอยู่ที่ประตูห้องของเฟิงเหยียน จากสภาพของหน้าต่างก็มองออกได้ไม่ยาก เนื่องจากสภาพร่างกายที่พิเศษของเฟิงเหยียน ดังนั้นประตูหน้าต่างจึงทำการกั้นแสงเอาไว้ทุกบานพอเห็นจั๋วซือหรานเข้ามา ฉุนจวินก็ทักทายอย่างนอบน้อม “แม่นางจิ่ว”“อืม ท่านอ๋องยังพักผ่อนอยู่หรือ?” จั๋วซือหรานถาม“ขอรับ” ฉุนจวินพยักหน้า เขาคิดๆ แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ “นายท่านเนื่องจากความพิเศษของพลังวิญญาณและร่างกาย ตอนกลางวันจึงต้องพักผ่อนมากหน่อย ต้องขอบคุณท่าน ที่ทำให้นายท่านตอนกลาง
จั๋วซือหรานเห็นสีหน้าชิ่งหมิงดูน่ารักแปลกๆ หน้ากากเองก็เปลี่ยนเป็นแบบครึ่งหน้า เผยปากและคางออกมาปากเม้ม มองแล้วเหมือนสีหน้ากำลังพยายามไม่ให้น้ำลายไหลหยดลงมาดังนั้นหลังจากจั๋วซือหรานคลุกไก่ฉีกเสร็จ จึงถือโอกาสป้อนชิ่งหมิงไปคำหนึ่ง แล้วยังหวังว่าจะอุดรอยรั่วความอยากอาหารของเขาได้ ให้เขาไม่ต้องมาล้อมหน้าล้อมหลังอยู่รอบๆ เตาแต่พอยัดคำนี้ลงไปเท่านั้น โอ้โห!ชิ่งหมิงไม่ใช่แค่ล้อมหน้าล้อมหลังเตาสนุกกว่าเดิม แต่จั๋วซือหรานยังรู้สึกว่าตนเองเห็นภาพลวงตาว่าด้านหลังของชิ่งหมิงมีหางงอกกระดิกโบกไปมาเสียอย่างนั้น!และขณะที่ซือหลี่ฝานเทียนกำลังล้อมหน้าล้อมหลังสะบัดหาง จั๋วซือหรานก็จัดการวัตถุดิบทำอาหารเรียบร้อยเกล็ดหางพญาหงส์อวบอ้วนสองตัวนั้น นางจัดการเป็นพิเศษ และพบว่าไม่ใช่แค่เนื้อปลานุ่ม ก้างน้อย กระทั่งเกล็ดก็ยังสวยงามสมบูรณ์แบบอีกด้วยดังนั้นจึงนำเนื้อส่วนท้องที่อวบอ้วนที่สุดของปลาตัวหนึ่งมาทำเป็นปลาดิบเนื้อปลาส่วนอื่นเฉือนเป็นชิ้นๆ ทำเป็นปลาหั่นบางต้ม เพราะไม่มีถั่วงอก จั๋วซือหรานจึงโยนถั่วสองกำเข้าไปในมิติแล้วใช้นำพุวิเศษรด เพียงไม่นานก็ได้ถั่วงอกออกมาใช้และหลังจากเอาก้างออก จั๋ว
“ไม่เป็นไร” จั๋วซือหรานไม่ได้ติดใจอะไรกับเวินป๋อยวนหลักการที่ว่ากังวลจนสนสับนางเองก็เข้าใจดี ยิ่งไปกว่านั้นอันที่จริงก็ยังรู้สึกขอบคุณเวินป๋อยวนมาตลอดที่ลงมือสั่งสอนเหยียนชางให้แม้จะบอกว่านางในตอนนั้น ตนเองก็สามารถสั่งสอนเหยียนชางได้อยู่ แต่พอมีซือหลี่ตันติ่งลงมือ ความหมายมันก็แตกต่างกันแล้ว“แต่ไม่เป็นไรก็ส่วนไม่เป็นไร ข้าวมื้อนี้เจ้าก็ไปกินกับลุงของเจ้าเถอะ ข้ามีที่อื่นต้องไปน่ะ” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นชิ่งหมิงตอนนี้จึงออกไปอย่างวางใจ ไปที่ตำหนักตันติ่งเวินป๋อยวนพอเห็นเขาหยิบกล่องข้าวมาอย่างดีอกดีใจ กระทั่งเดินเหินก็ยังมีลมพัดตามอย่างไรอย่างนั้น จึงเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามเสียงขรึม“มีอะไรน่ะ?”“ท่านลุง พวกเรามากินข้าวกันเถอะ” ชิ่งหมิงยื่นกล่องข้าวออกมาอย่างดีอกดีใจราวกับยื่นกล่องสมบัติ“ไม่โกรธแล้วหรือ?” เวินป๋อยวนมองชิ่งหมิง ก่อนหน้านี้ชิ่งหมิงไม่ค่อยจะเบิกบานนักที่เขามีท่าทีไม่เป็นมิตรกับจั๋วซือหราน แม้จะไม่ค่อยแสดงออกเท่าไร แต่เวินป๋อยวนเองก็เห็นเขามาแล้วตั้งกี่ปี พอคาดเดาอารมณ์ของเขาได้อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะนิสัยของชิ่งหมิงที่ใสซื่อบริสุทธิ์ อารมณ์จึงมักแสดงออกมาให้เห็นอ
ฉุนจวินไม่มีความเห็นใดต่อการกำชับของจั๋วซือหรานแม้แต่น้อย “ได้เลย ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”“ไม่รีบๆ ยังมีอีกชุดหนึ่ง นำไปให้อ๋องเซี่ยนด้วย” จั๋วซือหรานหยิบกล่องข้าวอีกชุดหนึ่งส่งให้ฉุนจวิน“รับทราบ” ฉุนจวินรับไปจั๋วซือหรานยิ้มจางๆ บอกกับเขาว่า “รอให้เจ้ายุ่งเรื่องพวกนี้เสร็จ ในครัวข้ายังเหลือไว้ให้เจ้าชุดหนึ่งด้วย อย่าลืมไปกินเสียล่ะ”ฉุนจวินตกตะลึง คนที่เดิมทีตัดสินใจรับคำสั่งอย่างแน่วแน่ ตอนนี้พูดจาก็ไม่คล่องขึ้นมาเสียแล้ว “ข้า ให้ข้าด้วยหรือ?”“ใช่แล้ว เจ้าซื้อวัตถุดิบทำอาหารมาเยอะขนาดนั้นคงเหนื่อยแย่ ถึงอย่างไรวางไว้ก็จะไม่สดเสียดายของ ข้าเลยทำมันทั้งหมดเลย” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ในห้องครัว อาหารร้อนข้าอุ่นไว้ในหม้อแล้ว ส่วนอาหารเย็นก็เอาตะกร้าสานคลุมไว้แล้ว”ฉุนจวินพยักหน้าเบาๆ อ้าปากพะงาบ ชั่วขณะหนึ่งเหมือนคิดจะพูดอะไร แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีนายท่านของเขาเฟิงเหยียนไม่ใช่นายท่านที่ปฏิบัติต่อคนใช้อย่างโหดร้าย แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างที่ลงมือทำอาหารด้วยตนเองแล้วส่งให้กับลูกน้องได้กินดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้ตรงหน้า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่เคยประสบพบเห็นมาก่อนเขา
ฉุนจวินส่งเสร็จก็กลับไปกินอาหารส่วนของตัวเองและเจี่ยงเทียนซิงพอเปิดกล่องข้าว ก็เห็นกับข้าวมีสีสันครบรสอยู่ด้านใน จ้องมองอยู่พักหนึ่ง เขาจึงยื่นมือหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบชิมอาหารหลากสีด้านในไปรอบหนึ่งรสชาติดีมากจริงๆ คิ้วตาก็ผ่อนคลายลงมาในสายตาก็แปลกประหลาดหน่อยๆ แต่สิ่งที่รู้สึกได้มากกว่านั้นคือความโล่งใจ “อย่างที่คาดเอาไว้”อิ๋นไห่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกแค่ว่าอาหารในนั้นหอมเกินห้ามใจจริงๆหลังจากนั้นก็เห็นสีหน้าของนายท่าน อิ๋นไห่อดถามขึ้นไม่ได้ “นายท่าน ท่านยิ้มอะไรหรือ?”“ยิ้มหรือ?” เจี่ยงเทียนซิงยกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง “น่าจะเพราะ ในที่สุดข้าอาจจะไม่ต้องทำแค่การเป็นเจ้าของบ่อนพนันในตลาดมืดแล้ว อาจจะได้หันมาทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายเสียที”อิ๋นไห่ไม่รู้เรื่องที่จั๋วซือหรานกับเจี่ยงเทียนซิงคุยกันก่อนหน้า ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย “ธุรกิจถูกกฎหมายอะไรหรือ?”เจี่ยงเทียนซิงมองเขา “น่าจะเป็น...โรงเตี๊ยม?”......ส่วนอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานเข้าไปในห้องแล้วนางหิ้วกล่องข้าวเดินข้าไปข้างโต๊ะแปดเซียน นำกับข้าวในกล่องข้าวยกออกมาทีละอย่างพอกลอกตากลับไป ก็ยังเห็นผู้ชายคนนั้นยังคงยืนมองนาง
จั๋วซือหรานฟังคำนี้ มองไปทางเขา “จริงหรือเปล่า?”“ก็ไม่มีอะไรไม่ได้เสียหน่อย” เฟิงเหยียนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง “แต่รสชาติก็รับประกันไม่ได้นะ”จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง “ไม่เป็นไร ค่อยๆ พัฒนาไป” ข้าเชื่อว่าคนที่ยอดเยี่ยมอย่างท่านอ๋อง หากคิดจะทำอะไรต้องทำได้แน่เสียงลือเสียงเล่าอ้างภายนอก อันที่จริงก็ยังไม่สงบลงเลยใครก็คงคิดไม่ถึง ว่าในเสียงลือเสียงเล่าอ้างภายนอก สองคนที่อยู่ท่ามกลางเสียงข่าวลือนั้น ยังคงนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขกินข้าวกับเฟิงเหยียนไปพอประมาณแล้ว จั๋วซือหรานจึงจับข้อมือของเขาขึ้นมาเฟิงเหยียนก้มลงมอง มุมปากก็อดเม้มสนิทขึ้นมาไม่ได้จั๋วซือหรานหลังจากจับชีพจรให้เขา คิ้วก็ขมวดเกิดอะไรขึ้น...นางเปลี่ยนไปจับชีพจรอีกข้างหของเฟิงเหยียน คิ้วที่ขมวดก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงมาเลยจั๋วซือหรานไม่พูดอะไร แม้ว่านางจะไม่เห็นโรคภัยใดจากในชีพจรของเฟิงเหยียน แต่จากกลับสังเกตได้ว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลงกว่าก่อนหน้านี้จากการจับชีพจรของเฟิงเหยียนแต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงนัก ดังนั้นจั๋วซือหรานถึงแม้จะรู้สึกแปลกหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะตกใจเกินเหตุ คิดจะสังเกตไปอีกวันสองวันแล้วค
มองตาของนาง เอ่ยเสียงต่ำว่า “หลักการเพี้ยนๆ”แต่ว่าบางครั้ง ก็ต้องมีหลักการเพี้ยนๆ นี้ของนาง ถึงจะทำให้ไม่อึดอัดนักภายใต้สถานการร์ที่ศัตรูล้อมไว้รอบด้านเช่นนี้เฟิงเหยียนเอาเมล็ดพันธุ์ผลหมากรากไม้ผักสวนครัวต่างๆ ที่ให้ฉุนจวินไปเตรียมมาส่งให้กับนาง“ด้านในแบ่งประเภทเอาไว้เรียบร้อย ถ้าหากยังไม่พอ ก็ให้ฉุนจวินไปเตรียมอีกได้” เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานชั่งน้ำหนักดุในมือ “พอแล้วล่ะ”คืนนั้น จั๋วซือหรานก็กลับไปที่เรือนของตนเอง ท่านแม่กับน้องชายส่งออกจากเมืองหลวงไปแล้วนางตอนนี้ถือว่าไม่มีเหลือความกังวลใดอีก ดังนั้นนางจึงเดินกลับเรือนของตนเองอย่างไม่ต้องคิดอะไร ไม่มีท่าทีต้องระมัดระวังตัวอะไรอีกแล้วไม่ต้องกลัวว่าใครจะรู้บนหน้านางแทบจะเขียนเอาไว้ว่า...รีบมาหาเรื่องข้าได้แล้ว!เฉวียนคุนกังวลหน่อยๆ เดินวกไปวนมาตรงหน้าจั๋วซือหรานอย่างยังกังวล“คุณหนู ท่านคอยหลบคลื่นลมเหมือนก่อนหน้านี้ดีกว่าไหมน่ะ? แม้ข่าวลือร้ายๆ ของตระกูลเหยียนจะแก้ไขได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ท่ามกลางคลื่นลมนะ เรื่องในจวนท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าจัดการก็พอ”“คนของตระกูลจั๋ว มาเดินวนไปวนมาหน้าบ้านพวกเรา เด็กฉลาดนั่
จั๋วซือหรานแม้จะกลับมาที่เรือน แต่ก็เตรียมตัวไว้แล้วสำหรับคนที่จะมาหาเรื่องนางเรื่องที่ถูกคนมาหาเรื่องกลางดึกดื่นเช่นนี้ นางเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอมาก่อน ตอนนั้นจั๋วหรูซินกับท่านจั๋วลิ่ว ก็จ้างมือสังหารจากหอฟ้าดาวมาลอบสังหารนางดังนั้นก่อนนอนจั๋วซือหรานจึงเตรียมการไว้บางส่วนการเตรียมการง่ายๆ“ลูกแก้วมังกรทั้งเจ็ด” ของนาง...วางไว้ตัวหนึ่งบนร่างของชิ่งหมิงเพื่อรักษาอาการป่วยดังนั้นตอนนี้จึงเหลืออยู่หกตัวนางให้หกตัวนี้กางไหมกู่ไว้ในห้องนอน...ต่อให้ไม่ใช่ตาข่ายสวรรค์ อย่างน้อยก็เป็นตาข่ายระวังภัยให้ได้แม้จะไม่ต้องการให้ไหมกู่พวกนี้สร้างความเสียหายอะไร อย่างน้อยก้ญังสามารถคอยตรวจจับได้ตลอดเวลาว่ามีหรือไม่มีคนเพราะว่า จั๋วซือหรานต่อให้ปกติจะระแวดระวังมากอยู่แล้ว แต่ตอนที่อยู่ในมิติแหวนเสวียนเหยียน พอเทียบกับเวลาปกติ ระดับความเฉียบคมจะอ่อนแอลงพอประมาณแต่ว่าพอมีไหมกู่จากทั้งหกตัวนี้ ก็ไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นแล้วดังนั้นจั๋วซือหรานจึงทำงานในมิติอย่างวางใจ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเพียงแต่ที่ทำให้จั๋วซือหรานคิดไม่ถึงก็คือ ปฏิกิริยาตอนแรกสุด กลับไม่ใช่จากตาข่ายเตือนภัยไหมกู่ทั้งหกตั
และตอนที่ฮั่วจือโจวกำลังหารือเรื่องเปิดโรงเตี๊ยมอยู่กับเจี่ยงเทียนซิงและอินเจ๋ออัน ก็ได้รู้ข่าวการพระราชทานรางวัลนี้พวกเขาสามคนสบตากัน"จักรพรรดิเฒ่านี่ร้ายจริงๆ"จั๋วซือหรานไม่ได้ส่งเสียง หลังจากได้ยินคนวังประกาศราชโองการจบ นางก็ยืนนิ่งไม่ขยับคนวังเองก็ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรียกนางขึ้นคำหนึ่ง "แม่นางจิ่ว ขานรับราชโองการสิ"จั๋วซือหรานไม่ขยับ นางมองราชโองการฉบับนั้น อันที่จริงในใจกำลังพิจารณาจะรับดีไหมองค์จักรพรรดิเฒ่าดีดลูกคิดรอบนี้ ลูกคิดแทบจะกระเด็นมาโดนหน้านางอยู่แล้วพระราชทานเงิน พระราชทานจวน พระราชทานวังสวน สิทธิ์อำนาจพ่อค้าหลวง พวกนี้ไม่มีปัญหาอะไร ใกล้เคียงกับที่นางขอองค์จักรพรรดิเฒ่าไว้แต่การอวยยศ...แต่งตั้งขุนนางกับพื้นที่ศักดินา แบบนี้มันเกินไปจริงๆในสายตาคนนอก นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ได้รับยศมา เรียกได้ว่าจะกลายเป็นโหวหญิงชั้นสูงเพียงคนเดียวของเมืองหลวงไปเลยยิ่งไปกว่านั้นยังมีพื้นที่ศักดินาให้ เรื่องดีจะตายนี่?แต่การแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแพทย์หลวง แม้จะชั่วคราว แต่ใครจะรุ้ว่าต้องนานแค่ไหน?ต้องไปเข้ากะอะไรแบบนั้น น่ารำคาญจะตายยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งข้า
จั๋วซือหรานพอได้ยินเสียงนี้ ก็ไม่เร่งไม่ร้อน ชนแก้วกับจั๋วอวิ๋นฉีก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ดื่มสุราในแก้วลงไปจนหมดตอนนี้ นางกับจั๋วอวิ๋นฉีก็กลายเป็นผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าของตระกูลจั๋วแล้วพอวางแก้วลง จั๋วอวิ๋นฉีก็หน้าเย็นชาลงมา เขาหน้าตาหล่อเหล่า แต่ตอนที่สีหน้าเย็นชา ก็ให้ความรู้สึกบีบคั้นที่เย็นเยียบมากเขามองไปทางผู้อาวุโสที่พูดเมื่อครู่นี้คนคนนั้นหดคอลง ไม่กล้าส่งเสียงอีกจั๋วซือหรานไม่ได้ใส่ใจ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้วตอนที่อาหารกลางวันดำเนินไปครึ่งหนึ่ง ด้านนอกประตูจู่ๆ ก็มีรายงาน ว่าคนในวังมาแล้ว"คนในวัง?" ยังมีคนไม่เข้าใจ คนในวังมาบ้านตระกูลจั๋วทำไมเพียงไม่นานก็เห็นคนวังประกาศราชโองการในชุดเรียบร้อยเดินเข้ามา เพียงแต่ว่า ดูแล้วหายใจหอบอยู่ น่าจะรีบเข้ามาพอควรคนวังประกาศราชโองการพอเห็นจั๋วซือหราน ก็เผยรอยยิ้มออกมา "แม่นางจิ่วที่แท้ก็อยู่ที่นี่นี่เอง ข้าน้อยหาตัวมาพักหนึ่งแล้ว เกรงว่าจะพลาดฤกษ์ประกาศราชโองการ"สายตาของคนตระกูลจั๋ว ทยอยกันมองจั๋วซือหรานตอนนี้ คนวังประกาศราชโองการจึงลากเสียงขึ้นดังลั่น "จั๋วซือหราน...รับราชโองการ...!"จั๋วซือหรานลุกขึ้น เตรียมจะทำท่
ผู้อาวุโสสาม!?ครั้งที่แล้วที่นางกลับไปตระกูลจั๋ว คือเชิญนางไปเป็นผู้อาวุโสหรือ?!อย่าว่าแต่พวกที่มาดูมหรสพเลย กระทั่งเฉวียนคุนพอได้ยินคำเรียกนี้ก็ยังตะลึงไปและเพราะอารมณ์ในใจเขาตื่นเต้นเกินไป จึงสั่นไปทั้งตัว!เรียก เรียกว่าอะไรนะ?!นี่เรียกว่า! สะใจสินะ! เขาตอนนั้นยังจำได้ว่า คุณหนูจิ่วออกจากตระกูล ตอนนั้นคนมากมายล้วนรอดูนางเป็นตัวตลก หรือรู้สึกว่านางนี่ล่ะที่เป็นตัวตลกตอนนั้นส่งคนใช้มามากมายมาที่เรือนของนาง แต่ละคนล้วนรู้สึกเหมือนถูกเนรเทศอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกว่าจะไม่มีวันได้กลับไปเชิดหน้าชูตาอีกแล้วมีแค่เขาที่อยู่รอด! นับจากตอนนั้นเขาก็เริ่มเชื่อมั่นว่านายท่านจะต้องก้าวหน้าแน่!จั๋วซือหรานได้ยินคำเรียกนี้ สีหน้าก็ดูสงบนิ่งมากทุกคนเห็นสีหน้านางก็รู้แล้ว นางคงรู้เรื่องนี้มานานแล้วพอคนใช้รายงานเสร็จ ก็มองจั๋วซือหรานอย่างตึงเครียดขึ้นมาราวกับ...กลัวว่านางจะปฏิเสธพวกเขาถูกส่งมาเชิญนาง ถ้าหากเชิญไม่ได้ กลับไปอาจจะถูกลงโทษก็ไม่แน่ดังนั้นพวกเขาจึงมองดูการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของจั๋วซือหราน เตรียมว่าถ้าหากเห็นเค้าลางการปฏิเสธในสีหน้า พวกเขาก็จะอ้อนวอนนางทันทีแต่จั๋วซือห
ตอนที่เฉวียนคุณเคาะประตูจั๋วซือหรนา นางเพิ่งจะวุ่นกับการหลอมยา...งานช่วงเช้าเสร็จเฉวียนคุนรีบเข้ามารินชาให้นางจั๋วซือหรานรับไปดื่มสองอึก "ทำไมหรือ?"เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นว่า "นายท่าน นี่มันเรื่องอะไรกัน"สีหน้าของเฉวียนคุณปั้นยาก "เดิมทีเรือนของพวกเราก็ไม่ได้เล็กอะไร ตามหลักการแล้วก็พออาศัยอยู่"เดิมทีก็มีแค่นายท่าน ข้า เด็กฉลาด เฮยหลิง นี่ก็ไม่ใช่ว่าพออยู่เหลือเฟือหรือ"แต่ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งจะมีใต้เท้าพวกนั้นที่ท่านช่วยกลับมาจากตระกูลเฟิง" เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นหมายถึงพวกเหล่าองครักษ์เงาของเฟิงเหยียนที่นางช่วยกลับมา"ตอนนี้ยังมีพ่อลูกสกุลเหยียนอีก" เฉวียนคุนเอ่ยต่อ "ดังนั้นห้องข้างจึงไม่ค่อยพอแล้วนะ"ห้องพักคนใช้นอกเรือนยังว่างอยู่ ปัญหาคือ เฉวียนคุนมองว่าคนเหล่านี้ นายท่านก็ไม่ได้มองพวกเขาเหมือนคนรับใช้ ดูคล้ายจะเป็นแขกมากกว่าจะให้แขกไปอยู่ในห้องพักคนใช้ก็ไม่ได้..."อา..." จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ ก็เข้าใจความหมายของเฉวียนคุนแล้ว "อย่างนี้นี่เอง รู้แล้ว"เฉวียนคุนพยักหน้า "นายท่านเข้าใจบ้างก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังพอจัดให้ได้ถูไถ แต่หลังจากนี้ถ้าฮูหยินกับนายท่านกลับมา ก็น่าจะจัดไม่ลง
แต่หลังจากที่พวกเขาออกไป จั๋วซือหรานกลับไม่ได้ลงมาจากบนกำแพงล้อมแต่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยขึ้นว่า "พวกเจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก"นางปวดหัว เรื่องนึงสงบลงอีกเรื่องก็ผุดขึ้นมา นางสัมผัสได้นานแล้ว ต่อให้จะเป็นตอนที่คุมเชิงกับคนตระกูลเฟิงที่ไล่ตามเฟิงหร่านมา นางก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องแอบมองอยู่จากมุมหนึ่งมาโดยตลอดแล้วพอคนจากไป นางก็รออยู่อีกพักหนึ่ง สายตาที่แอบมองอยู่นั่นก็ยังอยู่นางเองก็ขี้เกียจมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้แล้ว จึงส่งเสียงขึ้นมาตรงๆตอนนี้เอง ในมุมลับตา ก็มีเงาสองร่างเดินออกมาจั๋วซือหรานรู้จักหนึ่งในนี้ นางเลิกคิ้ว "วันนี้คึกคักเสียจริง"พอได้ยินคำนี้ เหยียนฉีก็รู้สึกเขินหน่อยๆ เขาประสานมือให้ "แม่นางจิ่ว ไม่เจอกันเสียนาน"จั๋วซือหรานพยักหน้า มองไปยังคนข้างๆ ผาดหนึ่งเหยียนฉีเอ่ยแนะนำว่า "นี่ นี่คือพ่อของข้าเหยียนเจิน"จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เข้ามาสิ"นางไม่ได้กระโจนกลับจากกำแพงล้อมหรือกระโจนออกไป แต่ยืนขึ้นย้ำไปตามสันกำแพง เดินตรงไปยังประตูหน้าพร้อมพวกเขาตอนที่พวกเขาเดินมาถึงประตูเรือนหลัก จึงมีเงาแดงร่างหนึ่งร่อนลงมาตรงหน้าพวกเขา
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หานกวงก็พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมุมปากกระตุก "ไม่จบไม่สิ้นเสียที"หานกวงฟังออก ถึงความเย็นชาและขุ่นเคืองในน้ำเสียงของแม่นางจิ่วจั๋วซือหรานผลักประตูออก เดินไปที่ห้องตะวันออกเฟิงหร่านพยุงร่างขึ้นมานั่งบนเตียง นางอยู่ในชุดดำ มีบาดแผลอยู่ไม่น้อย มีเลือดซึมออกมาข้างนอกด้วยจั๋วซือหรานแค่เหลือบมอง ก็รู้ว่าปัญหาไม่ใหญ่นักนางเดินเข้าไป ใช้มือหนึ่งจับชีพจรของเฟิงหร่าน อีกมือหนึ่งโยนขวดใบหนึ่งให้นางเฟิงหร่านก็รับไปแบบมือไม้พัลวัน "พี่จั๋ว นี่คือ...""เจ็บไม่หนักมาก กินยาเอาเองเลย" จั๋วซือหรานตอบมาเฟิงหร่านเดาว่าด้านในน่าจะเป็ยารักษาอะไรบางอย่าง นางพยักหน้า "ได้เลย ขอบคุณพี่จั๋วมาก"นางเดิมทียังคิดจะเอ่ยปาก บอกเรื่องในตระกูลเฟิงกับจั๋วซือหรานแต่ก็เห็นว่าว่าหลังที่จั๋วซือหรานส่งยาให้นางแล้ว ก็หมุนตัวเดินไปนอกประตูทันทีเฟิงหร่านรีบถามขึ้น "พี่จั๋ว ท่านจะไปไหน?"จั๋วซือหรานมุถมปากกระตุก "คนตระกูลเฟิงที่ไล่สังหารเจ้ามาพวกนั้น มาล้อมอยู่นอกบ้านข้าแล้ว พอดีเลย คืนนี้ข้าจะได้ไม่ต้องไปหาพวกเขา"พูดจบ นางก็เดินออกจาห้องไปเฟิงหร่านนั่งลงบนเตียงงงๆ แล
แพงไม่ว่า แต่บางทีมีเงินก็หาซื้อไม่ได้พวกเขาตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกขึ้นได้ว่าตัวตนนักกลั่นยาของจั๋วซือหรานนั้นมีประโยชน์มากจริงๆถ้าหากเดิมทียังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วสายตาของพวกเขาเปล่งประกายจับจ้องจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ นางมองสายตาเปล่งประกายรอบๆ จากนั้นจึงมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่"ถ้าหากให้ข้าตัดสินใจได้ล่ะก็ เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน"เสียงของจั๋วซือหรานสงบนิ่งมาก "จะทำเช่นที่มอบให้กับตระกูลฮั่ว มอบยาลูกกลอนให้ตระกูลจั๋ว กระทั่งถ้าอารมณ์ดี จะมอบที่ขั้นสูงกว่าให้ด้วย แต่เงื่อนไขก็คือ ตระกูลจั๋วข้าต้องมีอำนาจตัดสินใจ แล้วก็ไม่ใช่ว่ามีพวกกลุ่มที่กระโจนตัวลากใบหน้าแก่ๆ ออกมาสั่งโน่นสั่งนี่กับข้า"จั๋วหลานฟังถึงคำนี้ ในใจก็อดสั่นกึกขึ้นไม่ได้เขาฟังออกถึงความหมายเชิงลึกในคำพูดนาง...ถ้าหากวันไหนที่นางไม่มีอำนาจตัดสินใจในตระกูลจั๋ว นางก็จะตัดการส่งมอบให้ได้ตลอดเวลา พวกเขาไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อยดังนั้น ไม่ว่าในใจเหล่าผู้อาวุโสที่นี่จะมีความคิด 'ฟังนางไปก่อนชั่วคราว หลังจากนี้ค่อยว่ากัน' แค่ไหน ตอนนี้ก็ต้องดับมอดลงไปทันทีจั๋วซือหรานพ
ทุกคนเห็นว่าบนหน้าจั๋วซือหรานมีรอยยิ้มจางๆ อยู่ตลอดแม้จะไม่มีความหมายอะไร ลอยอยู่ผิวเผิน แต่ก็มีอยู่มาตลอดจนตอนที่คำพูดนี้ออกมา รอยยิ้มผิวเผินบนหน้านางเหล่านั้นก็หายวับไปทันทีเหลือเพียงความเย็นชาไร้ความรู้สึกนางบอกกับคนวังจดบันทึกที่อยู่ข้างๆ "รบกวนเจ้าด้วย"คนวังจดบันทึกรู้ว่าคนผู้นี้เป็นตัวตนที่สำคัญแค่ไหนสำหรับฝ่าบาทดังนั้นท่าทีจึงนอบน้อมมาก หยิบม้วนผ้าไหมเลืองทองออกมาคลี่ออกใครก็เห็นลายมังกรที่อยู่บนนั้น...นี่มันคือราชโองการ!คนวังจดบันทึกหยิบพู่กันออกมา เริ่มตวัดเขียนขึ้นบัญชาสวรรค์ จักรพรรดิรับสั่ง ตระกูลจั๋วมีบุตรสาว ชื่อนามหรูซิน จึงขอพระราชทานงานอภิเษกให้กับฉินตวนหยางปราชญ์แห่งกรมดาราศาสตร์...หลังจากได้ยินคนวังจดบันทึกอ่านประกาศร่างราชโองการจั๋วหรูซินยังคงเป็นลมไม่ได้ เพราะยาเม็ดนั้นที่จั๋วซือหรานให้มาอหังการเหลือเกิน บอกว่าจะทำให้นางสติตื่นตัว ก็ทำให้ตื่นตัวได้จริงๆดังนั้นนางจึงโกรธแค้นจนเกินทน กระอักเลือดสดออกมาจั๋วซือหรานลุกขึ้นยืน ในดวงตาไม่มีคนผู้นี้อยู่อีก ราวกับว่า ล้างแค้นสิ่งที่ควรทำเรียบร้อยคนอย่างจั๋วหรูซิน ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในสายตานางอี
ถังหยวนมองสภาพจั๋วหรูซินตอนนี้ เขาอดมีสายตาสับสนขึ้นมาไม่ได้ตรงหน้าเขามีภาพตอนที่จั๋วซือหรานถูกลงโทษแวบผ่านขึ้นมา กระดูกสันหลังที่ไม่ยอมคดงอนั่นเก้าแส้ฟาดลงไป หน้าขาวซีด เหมือนจะร่วงพับสิ้นสติ สภาพซมซานน่าเวทนาแต่ในสีหน้าท่าทาง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดร้องไห้ชักกระตุกให้เห็นกระทั่งว่า ถังหยวนเกิดความรู้สึกลวงขึ้นมา ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทางของจั๋วหรูซิน จึงมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นทันที จั๋วหรูซินแบบนี้ต่างหากที่เป็นสภาพปกติแต่แบบจั๋วซือหรานนั่น เป็นตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นจั๋วหลานมองจั๋วซือหราน "เสียวจิ่ว พอสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานเดินขึ้นไปทีละก้าวทุกคนล้วนคิดว่า หญิงสาวคนนี้ยังไม่สะใจพอ ต้องเข้าไปมองความเจ็บปวดทรมานของจั๋วหรูซินใกล้ๆ จึงจะพอใจจั๋วอวิ๋นชินอดทนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะไม่พอใจน้องสาวคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวจะอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกทนไม่ไหวอยู่ เขาเตรียมจะยัดยาลูกกลอนให้กับจั๋วหรูซินแล้วแต่ตอนนี้พอเห็นจั๋วซือหรานเดินขึ้นมา แม้เขาจะหยุดเท้าลง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจั๋วอวิ๋นชินเอ่ยขึ้นเสียงขรึม "จั๋วซือหราน หรูชินได้ร