เดิมทีตอนนี้ คนกลุ่มแรกที่มาศูนย์การแพทย์จั๋วซือหรานจากทางตระกูลเหยียนนั้นก็ล้วนเป็นประชาชน ยิ่งไปกว่นั้นยังเป็นพวกที่จนกรอบแบบสุดๆด้วยเป็นคนที่แบกรับภาระค่ายารักษาของตระกูลเหยียนทางนั้นไม่ไหว ดังนั้นจึงมาหาจั๋วซือหรานทางนี้ พูดให้แย่หน่อยก็คือมาเพราะหวังของถูกกว่านั่นเองมีความหมายลักษณะหวังโชคอยู่ด้านในแต่คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอโชคจังๆ เช่นนี้ เดิมทีคิดว่าถ้าได้ยารักษามาแบบเปล่าๆ แล้วเป็นยาที่มีประสิทธิภาพไปกิน ก็ถือว่าขอบคุณฟ้าขอบคุณดินได้แล้ว แต่พอได้ยินความหมายจากแม่นางจั๋วจิ่ว คือคิดจะรักษาโรคเรื้อรังเก่าบนตัวเขาให้ด้วย!ไม่ว่าจะรักษาได้หรือไม่ได้ แค่คำพูดนี้ของจั๋วซือหราน ก็เพียงพอที่จะให้ความหวังแก่คนแล้วยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังรู้มาว่าแม่นางคนนี้ คือคนที่เอาชนะวิชาแพทย์ตระกูลเหยียนมาอย่างชอบธรรม กระทั่งตระกูลเหยียนคิดจะใช้วิธีต่างๆ นานาก็ยังพลิกกระดานกลับไม่ได้“ขอบ...ขอบคุณ ขอบคุณแม่นางจั๋วมาก!”คนผู้นี้คุกเข่าลงทันที จั๋วซือหรานพอเห็นก็เหลือบมองไปทางพนักงานร่างกำยำ อีกฝ่ายก็เข้าใจทันที เข้ามาขวางคนผู้นี้ไว้จั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า “หัวเข่าไม่ค่อยดีก็อย่าเอาแต่คุกเข่าเ
และเป็นกลุ่มคนที่เคยเข้าแถวอยู่หน้าศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนก่อนหน้านี้พอเห็นพวกเขาเดินมาแต่ไกล เสียงของแพทย์คนหนึ่งในตระกูลเหยียนก็ดังขึ้น “ข้ากะไว้แล้ว พวกเขาจะช้าเร็วก็ต้องมานึกเสียใจ จะช้าเร็วต้องกลับมาหาพวกเรา”“จั๋วจิ่วเปิดร้านศูนย์การแพทย์ชั่วคราว ทำตำรับยาถูกๆ ไม่มีคุณสรรพคุณอะไร ก็แค่พวกไร้ฝีมือมีชื่อเสียงร้อยปีอย่างศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนเสียที่ไหน”“ให้พวกเจ้ารอเสียนาน รักษาแล้วไม่มีผลจึงกลับมาหาพวกเราสินะ พวกเจ้าก็ไม่ควรเชื่อ...” ประโยคนี้ของแพทย์ตระกูลเหยียนยังไม่ทันพูดจบม่านตาเหยียนหยี่หลิงจึงหดลงมามองคนกลุ่มนี้ให้ชัดๆ ในใจเต้นตึกตัก จากนั้นจึงดึงแขนเสื้อของคนนี้ห้ามไม่ให้เขาพูดต่อแต่คำพูดที่แพทย์ตระกูลหยางพูดไปเมื่อครู่ก็มากเกินไปแล้วตอนนี้ กลุ่มคนที่เดินมาจากทิศของศูนย์การแพทย์จั๋วซือหราน ก็เดินมาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว“ใครบอกว่าพวกเราเสียใจกัน?”“พวกเราไม่ได้มารักษากับพวกท่านเสียหน่อย!”“อย่ามาปิดทองใส่หน้าตัวเองเลย! เลิกใส่ร้ายแม่นางจั๋วจิ่วได้แล้ว!”“แม่นางจั๋วจิ่วต่างหากถึงเป็นผู้ทรงเมตตาช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับพวกพ่อค้าตระกูลเห
ผู้คนที่ยังเข้าแถวอยู่หน้าศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียน ก็เพราะเชื่อมั่นในตระกูลเหยียน รู้สึกว่าตระกูลเหยียนทำกิจกาจใหญ่โต มั่นคงน่าพึ่งพากว่าแต่ตอนนี้ก็มีกลับมี “ป้ายร้านมีชีวิต” ที่ซาบซึ้งต่อจั๋วซือหรานโผล่มามากถึงขนาดนี้ ประชาชนที่ก่อนหน้ายังสงสัยว่าจั๋วซือหรานจะไม่ดีเท่าตระกูลเหยียนที่กิจการใหญ่โต ก็เริ่มรู้สึกพลาดขึ้นมาจริงๆ แล้วลมพัดกลับไปทางจั๋วซือหรานอย่างฉับพลัน......จั๋วซือหรานอยู่ในศูนย์การแพทย์ ขณะที่กำลังล้างมือดื่มน้ำผู้จัดการร้านก็เอ่ยเสียงต่ำขึ้นมากับนาง “คุณหนู พอมีคนพวกนั้นไปทางตระกูลเหยียน น่าจะได้ผลอยู่กระมัง?”“ได้ผลแน่นอน ดังนั้นพวกเจ้าก็รีบดื่มน้ำดื่มท่าผ่อนคลายเอาไว้ อีกเดี๋ยวจะวุ่นกันแล้ว” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น“พวกเขาจะไหวหรือ? พวกเขาถึงอย่างไรก็เป็นแค่ประชาชนทั่วไป...”ในใจผู้จัดการร้านก็ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเขากับพนักงานเหล่านนี้ ล้วนเจอความลำบากจากตระกูลเหยียนมาแล้วทั้งนั้นจากที่พวกเขาเห็น ตระกูลเหยียนไม่ใช่ว่าจะรับมือง่ายๆดังนั้นพวกเขาจึงศรัทธาต่อจั๋วซือหรานมาก นั่นก็เพราะ พวกเขารู้สึกว่าตระกูลที่รับมือยาก พออยู่ต่อหน้าจั๋วซือหราน...ก็เหมือนจะเปลี
เพียงไม่นาน ผู้คนที่เดินมาจากศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนก็มาถึง ทยอยกันเข้าแถวยาวเหยียดที่ด้านนอกศูนย์การแพทย์จั๋วซือหรานและตระกูลเหยียนทางนั้น จากที่มีคนมาออกันแน่นราวกับตลาดนัก ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเงียบเหงาแพทย์ของตระกูลเหยียนก็ว่างกันขึ้นมา จึงทยอยกันมองไปทางศูนย์การแพทย์จั๋วซือหรานมีเจตนาหาเรื่องอย่างชัดเจน คนในชุดตระกูลเหยียนกลุ่มนี้ เดินตรงไปยังประตูทางเข้าศูนย์การแพทย์จั๋วซือหรานอย่างมาดร้ายแต่ว่า...ขั้วอำนาจที่มาดร้ายยิ่งกว่าพวกเขาก็เข้ามาแล้ว!พอเห็นทหารในชุดเกราะเบามาตรฐานของทหารหน่วยป้องกันเมือง เดินเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง ย่ำเท้าราวนกเค้าแมว และยังมีทหารในชุดเกราะหนังของหน่วยลาดตระเวน ล้วนเดินตรงมาทางประตูของศูนย์การแพทย์จั๋วซือหรานพอเห็นฉากนี้ เหล่าปราชนล้วนเกิดความลนลานขึ้นมาแต่พวกเขาก็มองเข้าใจแล้ว คนที่นำทางมาสองคนสวมเกราะแบบที่ระดับขุนพลใช้อย่างชัดเจนเห็นได้ชัดว่าเป็นสองขุนพลจากหน่วยลาดตระเวนและหน่วยป้องกันเมือง แม่ทัพอิงเซ่าจากหน่วยลาดตระเวนและแม่ทัพฉีฮ่าวจากหน่วยป้องกันเมืองเหล่าประชาชนถึงแม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับพวกตระกูลต่างๆ กับราชวงศ์ก็อาจจะแบบเดียว
อิงเซ่ากับฉีฮ่าวเข้ามาด้วยกัน เดิมทีคิดว่าไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องเชิญนางกลับไปรักษาทหารให้ได้พวกเขาทั้งสองคนเป็นแม่ทัพที่รักทหารราวกับบุตร ดังนั้นจึงมีเชื่อเสียงสูงส่งเช่นนี้แต่พอเห็นแถวด้านนอกศูนย์การแพทย์จั๋วซือหรานเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นประชาชนที่กำลังรอให้จั๋วซือหรานรักษา พวกเขาทั้งสองคนก็รู้สึกผิดขึ้นมาบ้างแล้วจั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็เชิดคางไปยังประชาชนที่ยังเข้าแถวอยู่ บอกกับพวกเขาว่า “นี่ พวกเจ้าดูเอาสิ ยังมีคนเข้าแถวอยู่ตั้งมากขนาดนี้”บนหน้าสีแทนของฉีฮ่าว สีหน้าร้อนรนขึ้นมา “ถ้า ถ้าเช่นนั้น...ไม่ทราบว่าแม่นางจิ่วต้องการเวลาเท่าไรจึงจะเสร็จเรื่องที่นี่หรือ?”“จริงๆ ก็น่าจะใกล้แล้ว เรื่องจ่ายยา แต่...” จั๋วซือหรานพูดขึ้นมาคำหนึ่งมีประชาชนที่เข้าแถวอยู่เอ่ยปากขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ! แม่นางจิ่วเป็นผู้มีใจเมตตา! หนึ่งร้อยคนแรกจะไม่เก็บค่าใช้จ่ายของยา แล้วยังรักษาอาการเรื้อรังเดิมบนตัวพวกเราให้ด้วย!”จั๋วซือหรานมองไปทางฉีฮ่าวกับอิงเซ่า เหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “เอาอย่างนี้ท่านแม่ทัพทั้งสอง วัตถุดิบยาข้าเองก็ให้พนักงานเตรียมไว้เสร็จสรรพแล้ว พวกท่านเองก็พาคนมาด้วยพอดี”“ข้าขายวัตถุดิบยา
อิงเซ่ากับฉีฮ่าวหารือกันครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจให้ฉีห่าวพาคนนำวัตถุดิบยากลับไป ส่วนอิงเซ่าจะอยู่ที่นี่ รอจนจั๋วซือหรานเสร็จธุระจั๋วซือหรานเองก็ไม่มีความเห็นใด เรื่องนี้จัดการเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงกลับไปนั่งลงที่โต๊ะตรวจด้านใน ดูอาการให้กับประชาชนที่เข้าแถวต่ออิงเซ่าถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรทำ จึงคอยมองอยู่ข้างๆเขาไม่ได้หยาบกระด้างเหมือนฉีฮ่าว ความคิดเขาละเอียดยิ่งกว่า ดังนั้นเพียงไม่นานจากในขั้นตอนที่จั๋วซือหรานรักษาคนเหล่านี้ จึงสังเกตออกมาแล้วอิงเซ่าทอดถอนในใจ หญิงสาวตรงหน้าคนนี้ เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆยิ่งไปกว่านั้นอิงเซ่ายังสังเกตเห็นแพทย์ตระกูลเหยียนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นแล้วอิงเซ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามเสียงต่ำกับจั๋วซือหราน “แม่นางจิ่ว แพทย์ตระกูลเหยียนข้างนอกนั่น มีเรื่องอะไรหรือ?”จั๋วซือหรานพอได้ยินก็แหงนตามอง ไม่ได้อธิบายอะไรละเอียดไม่จำเป็นต้องให้นางพูด ประชาชนที่อยู่ข้างๆ ก็เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง“คนพวกนั้นแย่มากจริงๆ ! พวกเขาไม่ใช่แค่คิดจะรีดเงินพวกเรา แต่ยังคิดจะสาดน้ำสกปรกใส่แม่นางจิ่วอีกด้วย!”“ใช่เลย ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นางจิ่วมีค
อิ๋นไห่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือน...จู่ๆ ก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าทำไมเจ้าสำนักหอฟ้าดาวเจ้านายตนเอง จึงให้ความสำคัญกับจั๋วซือหรานเช่นนี้กระทั่งตัดสินใจแสดงจุดยืนอย่างเปิดเผย ว่ายืนอยู่ฝั่งจั๋วซือหรานเพราะหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ไม่ใช่คนที่ไม่มีความทะเยอทะยานอย่างแน่นอน สักวันหนึ่งจะต้องบินทะยานขึ้นฟ้าแน่ๆสำหรับคนประเภทนี้ ถ้าหากสามารถยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับนางขณะที่นางยังไม่โจนทะยาน ทำให้นางยอมรับมิตรภาพนี้ จะต้องเป็นการค้าที่ได้กำไรอย่างแน่นอนนางเป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบเลยจริงๆ ล้างแค้นก็ไม่รอให้เปลี่ยนวัน เอาคืนไปวันนั้นตรงนั้นเลยคนของตระกูลเหยียนมีคนที่ยืนอยู่ข้างประตู ได้ยินสถานการณ์ภายใน ก็หน้าดำคร่ำเครียดไปแล้วยิ่งไปกว่านั้นแพทย์ของตระกูลเหยียนทางนั้น มีคนที่เข้ามาซื้อยาไปก่อนหน้า หิ้วยาเข้ามาขอเงินคืน “คืนเงิน! คืนเงินมา!”“คืนเงิน!”“ตระกูลเหยียนคืนเงินมา!”“ศูนย์การแพทย์ที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่ควรมาเปิดร้าน!”“แม่นางจั๋วจิ่วให้พวกเจ้าปิดร้านไปนั้นมีเหตุผลอยู่จริงๆ”ถ้าบอกว่าคนเหล่านี้ก่อนหน้าสนับสนุนพวกเขาแค่ไหน ตอนนี้ก็ยิ่งรังเกียจพวกเขามากขึ้นเท่านั้นอิงเซ
เหยียนหยี่หลิงทนไม่ไหวแล้ว เพราะเรื่องวันนี้ เดิมทีเป็นความคิดของนาง เดิมทีคิดว่าเป็นแผนการที่ชนะแน่นอน ตอนนี้เละเทะเป็นแบบนี้ไปแล้ว...ในตระกูลต้องลงดาบกับนางแน่ ไม่แน่ นางอาจจะเป็นเหมือนจั๋วจิ่ว ถูกขับไล่ออกจากตระกูล ถ้าอย่างนั้นนางก็จบเห่น่ะสิ!ดังนั้น เหยียนหยี่หลิงจึงทนไม่ไหว เอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านแม่ทัพพูดออกมาเบาบางเหลือเกิน จั๋วจิ่วยังหาเงินจากค่ายทหารของพวกท่านได้เลย แต่พวกเรากลับไม่ได้ประโยชน์แม้แต่น้อย ถือดีอย่างไรกัน?”สีหน้าที่อบอุ่นทรงภูมิมาแต่ไหนแต่ไรของอิงเซ่า เวลานี้ก็เย็นชาลงมาแล้ว สายตาที่ไม่เหลือความอบอุ่นอยู่อีกจดจ้องที่เหยียนหยี่หลิง“แม่นางจั๋วจิ่วเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ดังนั้นคุณหนู ตอนที่ท่านพูดถึงแม่นางจั๋วจิ่วโปรดเกรงใจด้วย” อิงเซ่าสายตาเย็นวาบ“ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่านางอยากจะได้เงินจากค่ายทหารเสียที่ไหน แต่พวกเรากลัวว่านางจะขาดทุนจึงคิดจะมอบให้เท่านั้น”เหยียนหยี่หลิงโดนคำนี้ไปจนพูดไม่ออก หน้าซีดเผือด พูดอะไรไม่ได้เลยอิงเซ่าพอพูดคำนี้ อารมณ์ของเหล่าประชาชนก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นมาเหยียนหยี่หลิงเองก็คิดไม่ถึงว่าจะพลิกมาเป็นแบบนี้ ถ้าหากนางคิดถึ
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้
"ดังนั้นจึงมาลงมือกับเจ้าหรือ?" จั๋วซือหรานมองไปทางแมงมุมน้อย "ถึงอย่างไรพอพูดขึ้นมา เจ้าเองก็ก็เป็นสิ่งมีพิษที่หาได้ยากด้วยนี่ แล้วยังเป็นระดับราชาสัตว์ด้วย ถ้าเขาเสพติดพิษขึ้นมาด้วยคุณสมบัติร่างกายแบบนั้นจริงล่ะก็..."จั๋วซือหรานตบเบาๆ ลงไปบนแขนเคียวของราชาแมงมุมหน้าผี "เจ้าเองก็ตัวใหญ่ขนาดนี้ ถือเป็นของบำรุงที่ไม่เลยเลยทีเดียว"จั๋วซือหรานก็เหมือนตระหนักได้ถึงแก่นแท้เรื่องราวในชั่วพริบตาราชาแมงมุมหน้าผีได้ยินการคาดเดากับการวิเคราะห์ของจั๋วซือหราน ก็คิดขึ้นมาถึงความเป็นไปได้นี้ พอคิดไปถึงว่าตนเองเกือบถูกคนเอาไปเป็นของบำรุงแล้ว ก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"ยังดีที่นายท่านช่วยเหลือไว้" แมงมุมน้อยเอ่ยขึ้นแม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานเข้าใกล้แก่นแท้ของเรื่องราวไปแล้วในชั่วพริบตานั้น แต่นางก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนักนางโบกไม้โบกมือ เอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าคิดเล็กคิดน้อย ด้วยพลังของคนเมื่อครู่นี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้าก็ไม่ไปหาเรื่องเขาหรอก คนแบบนั้น การสู้ให้ตายกันไปข้าง น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางสังเกตสภาพของแมงมุมน้อยไปด้วย จากนั้นจึงตบเบาๆ แล้วเอ่ยขึ
เจ้าคิดว่าข้าทรยศเจ้า ใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งเต็มประดานักหรือ?! เจ้ามันก็จนตรอกแล้วเท่านั้น!รอให้เจ้าจนตรอกเสียก่อน เพื่อจะมีชีวิตต่อไปเจ้าก็ต้องทรยศคนทั้งหมดเหมือนกัน! เจ้าจะลงหมอบคลานกับพื้นส่ายหางอย่างน่าสงสาร!เจ้าไม่ได้ดีกว่าข้าหรอก! เจ้าก็จะเป็นเหมือนข้า! ถึงอยี่างไร ข้าก็เป็นคนสอนเจ้ามา!"หลงเฉินพูดจบ ก็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่งเขาไม่ได้สังเกตเห็นสีตาของเฟิงเหยียน ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาพอควรเสียงของเฟิงเหยียนกดลงต่ำมาก แต่กลับหนักแน่น "ข้าไม่มีทางเป็นแบบนั้น"เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่น่าเศร้าซึ่งพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดในสมองก็อดคิดถึงเรื่องเหล่านั้นสมัยยังเด็กขึ้นมาไม่ได้เสียงที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ นั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อบานสะพรั่ง หลับตาพริ้ม กำลังดื่มชาขาวดอกสาลี่ยิ้มตาหยีบอกกับเขาว่า "เหยียนเอ๋อร์ อันที่จริงเจ้าไม่ต้องพยายามอยากจะเติบโตอยากจะแข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก เพราะพอเติบโตแล้ว...มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด คำของข้า รอเจ้าโตแล้วก็จะเข้าใจเอง"ตอนนั้นใบหน้าที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับใบหน้าที่บ้าคล
สีหน้าหลงเฉินปั้นยากมาก แต่...ไอ้การข่มกันของธาตุนี้เหมือนกับเป็นความสามารถแต่กำเนิด! ควบคุมได้ยากมากดังนั้นในพริบตาที่อุณหภูมิร้อนแรงบนตัวเฟิงเหยียน กับประกายไฟไร้รูปร่างปรากฏขึ้นร่างของหลงเฉินก็เบี่ยงหลบไปอย่างควบคุมไม่ได้เขียนเอ่ยเสียงแข็ง "เจ้า...จะทำอะไร"เฟิงเหยียนเหมือนห่อไว้ด้วยเปลวไฟทั้งตัว ทั้งร่างราวกับเป็นลูกไฟ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างร้ายกาจแล้วจึงเดินไปด้านหน้าโดยไม่สนใจใครไม่นานนักก็มาถึงตำแหน่งใจกลางหมอกพิษ จึงมองเห็นบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบใจกลางเทียนช่อนั้นมันเป็นเหมือนกับชื่อเลย มีเจ็ดดอก ใบเจ็ดใบ ทุกดอกล้วนเป็นสีม่วง เกสรสีเหลืองยาวมาก ราวกับเป็นเทียนแล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นมันบานอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ บ่อน้ำยังใหญ่ไม่เท่าใบหน้าเลย แต่ของเหลวที่อยู่ด้านใน ดูแล้วกลับเป็นสีม่วงเข้ม!และเจ้าของเหลวสีม่วงเข้มเหล่านี้ พอเดือดระเหย แล้วผสมเข้ากับความชื่นในอากาศของป่าทวนแสง นานวันเข้าจึงกลายเป็นหมอกพิษที่เข้มข้นขึ้น"ที่แท้ท่านก็คอยคุ้มครองเจ้าสิ่งนี้นี่เอง" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งหลังจากนั้นจึงยื่นมือไปทางบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนช่อนั้น"หยุดนะ!" หลงเฉินตะโก
หลงเฉินเนื่องจากร่างกายแบกพลังมังกรหนามม่วงไว้ แต่สิ่งที่ต้องนำมาสะกดนั้นตรงข้ามกับเฟิงเหยียนหลงเฉินเป็นประเภทที่ต้องพึ่งพาคุณสมบัติต่อพิษ ถ้าหากไม่มีการหาสิ่งที่พิษ พิษของมังกรหนามม่วงในร่างกายก็จะเริ่มทำร้ายตนเองอันที่จริงถ้าหากจั๋วซือหรานอยู่ที่นี่แล้วมีปฏิกิริยากับเนื้อหาที่เฟิงเหยียนพูดมาล่ะก็ คงจะมีคำจำกัดความให้อย่างรวดเร็วว่า:นี่มันก็เหมือนกับติดยาเสพติดนี่นาสถานการณ์ของหลงเฉินตอนนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ"เพราะที่พรมแดนใต้มีสิ่งมีพิษอยู่มากกว่า" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "แต่ก่อน บางทีท่านก็หายไประยะหนึ่ง บอกว่าตนเองปิดด่าน หลังจากกลับมาสีหน้ากับสภาพก็ไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้พอคิดๆ ดู ท่านก็น่าจะไปเอาสิ่งมีพิษมาใช้ประโยชน์กับตัวเองสินะ...ท่านอยู่แค่ในป่านี้ ก็เพราะที่นี่มีหมอกพิษข้าเดาว่าท่านคิดจะสูดรับหมอกพิษเหล่านี้แล้ว ค่อยไปยังใจกลางหมอกพิษเอาสมบัติที่ก่อหมอกพิษหนาแน่นนี้มาใช้ประโยชน์กับตนเองและสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ท่านลงมือกับสัตว์อสูรของจั๋วเสียวจิ่ว ก็น่าจะเพราะแมงมุมตัวนั้นไปพบกับสมบัติที่ใจกลางหมอกพิษ แล้วกำลังจะเก็บมันมาสินะยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะ แมงมุมตัวนั้นก็เ
เฟิงเหยียนหลังจากพูดคำนี้ ก็ได้เห็นสีหน้าหลงเฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชากับปั้นยากอย่างที่หวังเอาไว้ชั่วพริบตา เฟิงเหยียนก็รู้สึกสุขล้นขึ้นมาก่อนหน้านี้อันที่จริงเขาไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้ หลายครั้ง ที่เขาขี้เกียจจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนอื่นการพูดจาแทงใจดำคนอื่นเช่นนี้ เป็นความสามารถของจั๋วซือหรานนางเหมือนจะมีความสามารถที่พูดแค่ไม่กี่คำ ก็ทำให้คนอื่นโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้และเฟิงเหยียนในตอนนี้ ก็เหมือนจู่ๆ เข้าใจถึงความสุขนั้นขึ้นมาแล้ว?ถึงอย่างไร พอเห็นคนที่ไม่ชอบหน้า เห็นสีหน้ากับหน้าตาที่ปั้นยากนั่นในใจก็รู้สึกเป็นสุขมากกว่าธรรมดา"หญิงสาวคนนั้นบ้าบิ่นหยิ่งยโสนัก" เสียงของหลงเฉินเอ่ยขึ้นมาโดยไม่เหลือความอบอุ่น "ดูท่าก่อนหน้านี้ข้าจะใจดีไป ถึงได้ปล่อยนางหนีไปกับเจ้า""องค์กรเดิมทีก็คิดจะกำจัดนางอยู่แล้ว ข้าเห็นแก่หน้าเจ้าหรอกนะ ถึงไม่ได้ทำอะไรนาง" หลงเฉินยิ้มเย็นชา "แต่นี่ก็ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ จัดการนางทิ้งน่าจะดีกว่า"เฟิงเหยียนเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ท่านอย่ามาทำเป็นแข็งกร้าวนักเลย""โอ๋?" หลงเฉินมองเขา "ข้าแข็งกร้าวเรอะ?"เฟิงเหยียนเอ่ยเสียงเรียบ "ถ้าท่านรีบออกจากป่านี้ เ
ท้ายสุดก็ยังไม่สามารถให้อภัยได้ สักนิดก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงตัดความสัมพันธ์กับอาจารย์ แยกทางกับพี่น้องไปเขาสูงทะเลกว้าง ราวกับไม่มีวันได้พบกันอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง เหล่าพี่น้องล้วนรู้สึกว่าเขาทำผิดไปแต่เฟิงเหยียน ทุกคนล้วนยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ดื้อรั้น แม้ว่าจะผิด แต่เขาก็ยืนยันที่จะเดินไปจนถึงที่สุดแต่ว่า...หลังจากนั้นล่ะแล้ว...ตอนนี้ล่ะ?เฟิงเหยียนมองเรียบๆ ไปเบื้องหน้า...มองไปยังอดีตอาจารย์ที่เคยเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ๋ในสายตาเขาเสียงของเฟิงเหยียนไม่ได้เย็นชาอะไร หรือห่างเหินโกรธแค้นอย่างไรมีแต่ความสงบความสงบที่ไม่มีอาการขึ้นลงของอารมณ์ดวงตาที่เฟิงเหยียนมองหลงเฉิน ถามขึ้นเสียงเรียบว่า "พวกเขาเคยบอกว่าข้าทำผิด พวกเขาล้วนคิดว่า ท่านแค่ทำเพื่อข้า เป็นข้าที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เป็นข้าที่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่""แต่พวกเขาตอนนี้ ไปอยู่ที่ไหนกันแล้ว?" เฟิงเหยียนถามขึ้นหลังจากนั้น ความสงบที่อบอุ่นบนหน้าหลงเฉิน ก็เหมือนพังทลายลงในพริบตา เผยให้เห็นความมืดมนราวกับถูกย่ำลงไปบนจุดเจ็บอย่างไรอย่างนั้นศิษย์เหล่านั้นที่เคยรายล้อมอยู่รอบตัวเขา ทุกวันเหมือนเต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา
จะเรียกว่าเยี่ยนหรานหรือว่าเฟิงเหยียนก็ได้ทั้งนั้น แต่คำว่าศิษย์นั้นไม่ได้เขาตัดขาดความสัมพันธ์กับหลงเฉินไปแล้ว และไม่ใช่ศิษย์ของเขานานแล้วหลงเฉินได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็ฟังออกถึงความหมายของเขาจึงหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา "เป็นเด็กดื้อจริงๆ มิน่าตอนนั้นอวิ๋นเอ๋อร์กับเซิ่นเอ๋อร์ถึงได้ทะเลาะกับเจ้า"พอได้ยินสองชื่อนี้ มุมปากเฟิงเหยียนก็เม้มแน่นขึ้นมาตอนนั้นศิษย์ที่อยู่ใต้สังกัดของหลงเฉินไม่ใช่มีแค่เขา แต่ยังมีศิษย์คนอื่นอยู่ด้วยแม้เขาจะนิสัยค่อนข้างเย็นชา แต่เพราะพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม จึงได้รับความโปรดปรานจากหลงเฉินมากศิษย์คนอื่น แม้อันที่จริงตอนนั้นจะมีความผูกพันธ์ฉันท์พี่น้องลึกซึ้ง แต่ในกลุ่มเด็กหนุ่มที่ชอบแข่งขัน ก็ย่อมมีคนอิจฉาที่เขาได้ความรักจากอาจารย์มากที่สุดในกลุ่มเด็กหนุ่ม ไม่มีความแค้นฝังลึกอะไรแบบนั้น ก็แค่อิจฉาริษยาเท่านั้น ทะเลาะกันสักยกก็จบเรื่องแต่เฟืงเหยียนไม่ว่าจะสู้กับคนอื่นอย่างไร ก็ไม่เคยก้มหน้าให้ดื้อแพ่งสุดๆและต่อมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ ว่าตนเองถูกอาจารย์รังแก ถูกทรยศมาตลอดเหตุผลตั้งแต่ต้นจนจบ ก็แค่เพราะเข้าเหมาะที่จะเป็นภาชนะหงส์แดงมากที่สุดเท่า
เพียงแต่ว่า ถ้าจะให้พูดจริงๆ เฟิงเหยียนเองก็อาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากออกเมืองหลวงมาก็อยากจะติดตามหญิงสาวคนนั้นทั้งที่จำไม่ได้แล้วแท้ๆ ทั้งที่ตัดสินใจจะขีดเส้นคั่นแล้วแท้ๆแต่ก็ยังตามนางมาเพราะรู้ว่านางระแวดระวังแค่ไหน ก็เลยใช้วิะีการแปลงโฉมที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่เข้าใกล้นางอยู่ตลอด จนกระทั่งนางเข้ามาในป่าทวนแสงนี้พอมาถึงพื้นที่ป่าที่หมอกพิษหนาทึบ สัมผัสของคนเราก็จะอ่อนแอลง ตอนนี้จึงร่นระยะเข้าใกล้ขึ้นมาและเพราะเหตุนี้ จึงได้มองออกถึงหลงเฉิน...ภาชนะมังกรหนามม่วงตั้งแต่แรกเห็นหลงเฉินเป็นอาจารย์ของเขา หนึ่งในภาชนะสัตว์เทพที่สภาผู้อาวุโสรวบรวมเข้ามาตอนนั้นที่สภาผู้อาวุโสให้หลงเฉินได้เจอกับเขา สั่งสอนเขา ให้เขาพึ่งพาศรัทธาเป็นอาจารย์ เป้าหมายหลักๆ แล้ว อันที่จริงก็คือแบบนั้นสภาผู้อาวุโสหวังจะรวบรวมภาชนะหงส์แดงเข้ามา เพียงแต่เนื่องจากตระกูลเฟิงเจ้าเล่ห์เกินไป เพื่อรับประกันว่าตระกูลตนเองยังสามารถใช้ประโยชน์พลังของสัตว์เทพได้ จึงใช้มันออกมาแทบทุกวิถีทางไม่ว่าจะพันธนาการดวงวิญญาณของสัตว์เทพ หรือลงมือกับภาชนะสัตว์เทพอย่างเขาดังนั้นสภาผู้อาวุโสจึงทำไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงทำ