จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเมื่อนางได้ยินสิ่งที่เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวพูด นางพูดว่า "หืม เคยบอกข้าเรื่องอะไร"เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า "แม้ว่าการกระทำของเจ้าจะดูโหดเหี้ยมมาก แต่จริง ๆ แล้ว เจ้าก็ดูเป็นคนจิตใจอ่อนโยนมาก เจ้าไม่เคยริเริ่มที่จะยั่วยุผู้อื่น แม้ว่าจะเป็นการแก้แค้น แต่ก็มักจะไม่ร้ายแรงนัก”ก่อนหน้านี้คุณท่านจั๋วลิ่วเคยจ้างนักฆ่าของเจ้าสำนักของหอฟ้าดาว เพื่อลอบสังหารจั๋วจิ่วแต่ทั้ง ๆ แม่นางจั๋วจิ่วผู้นี้มีความสามารถในการฆ่านักฆ่าเหล่านั้น แต่นางกลับไม่ได้ฆ่าพวกเขาในทางตรงกันข้าม นางปล่อยชีวิตของพวกเขาและปล่อยพวกเขากลับมา และด้วยเหตุนี้เขาและจั๋วจิ่วจึงมีโอกาสเจอกันและร่วมมือในเรื่องต่าง ๆถึงแม้จะแยกไม่ออกว่าเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วในขณะนี้ก็ตามแต่เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวมักรู้สึกว่า จั๋วซือหรานไม่เหมือนผู้คนที่อยู่ในตลาดมืด และนางไม่เหมือนผู้คนของตระกูลชนชั้นสูงที่ไม่เห็นแก่คุณค่าของผู้คนนางมักมีความเป็นมิตรต่อผู้อื่น ซึ่งคนเหล่านั้นไม่มีนางเป็นคนใจดี แต่ความมีน้ำใจของนางนั้นเฉียบแหลม“ เจ้าสำนักรู้สึกข้าใจอ่อนเหลือเกินหรือ” จั๋วซือหราน ได้ยินคำพูดของเจ
สภาพแวดล้อมของสนามทดสอบนี้ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อก่อนนางเคยสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับกฎที่ว่าไม่สามารถใช้พลังวิเศษในสนามแข่งได้ แต่ตอนนี้นางตระหนักได้ว่า สนามแข่งนั้นเต็มไปด้วยความอดกลั้นตอนที่นางอยู่ในห้องชั้นใน นางไม่มีความรู้สึกเช่นนี้เลยทันทีที่นางเดินออกจากห้องด้านใน ดูเหมือนว่าพลังวิเศษจะถูกปิดกั้นไปบ้าง...จั๋วซือหรานมองใกล้ ๆ และตระหนักว่าพื้นของสนามประลองนี้ทำจากวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หินต้องห้ามนั้นหาได้ยากมาก แต่หินชนิดนี้สามารถปิดกั้นพลังวิเศษของผู้คนได้จริง ๆสำหรับผู้ที่มีพลังวิเศษอยู่ในระดับไม่สูง เท่ากับว่าไม่มีพลังวิเศษใด ๆ ที่สามารถใช้ได้ในสนามแข่งนี้และหากระดับของพลังวิเศษสูงพอ แม้แต่หินต้องห้ามก็ไม่สามารถห้ามได้...ใครในระดับนั้นจะมาแข่งในสนามทดลองมี่มีระดับต่ำเช่นนี้ล่ะแม้ว่าจั๋วซือหรานไม่ตั้งใจฟังเสียงที่ดังรอบตัวนาง แต่นางก็ยังได้ยินอยู่หลังจากวางกรงที่ขังเฮยหลิงถูกยกขึ้นบนบริเวณแข่ง เสียงรอบตัวนางก็ดังขึ้นสองสามเท่ายิ่งไปกว่านั้น ทุกคนสังเกตเห็นอัตราการต่อรองการเดิมพันที่ไม่ธรรมดาบนกระดานของสนามทันที...“เขียนผิดหรือเปล่า”“อัตรา
ภายใต้สายตาของผู้ชมทุกคนไม่ได้ปรากฏฉากที่จั๋วซือหรานถูกฉีกเป็นชิ้น ๆทุกคนเห็นเพียงชายหนุ่มตัวน้อยคนนี้เคลื่อนไหวไป ๆ มา ๆ บนบริเวณแข่ง หนุ่มผู้นี้กระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ ร่างกายของเขาว่องไวราวกับนกที่กำลังบินบนท้องไฟ้าหรือปลาที่กำลังว่ายในน้ำฝูงชนเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเขาเริ่มตะโกน“ฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ ฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ เลย”“ไอ้สารเลว เจ้าเป็นหนูหรือ มีแต่หลบแล้วหลบหรือ”"หากเจ้าเก่ง อย่าหนีสิ ไปสู้กับเฮยหลิงตัวต่อตัวสิ”......จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะที่นางได้ยินเสียงที่มาจากรอบตัวนาง แต่นางไม่สนใจเสียงเหล่านั้น“ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดในใต้หล้านี้แขงแกร่งอย่างมาก มีเพียงความเร็วเท่านั้นที่สามารถรับมือได้ พวกเจ้าไม่รู้อะไรเลย…” จั๋วซือหรานพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงเกียจคร้านนางชำเลืองมองไปรอบ ๆ ตัวนาง นางชะลอความเร็วลงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว หรือก้าวเดินโซเซราวกับว่านางกำลังจะถูกจับมีแม้กระทั่งช่วงเวลาหนึ่ง จั๋วซือหรานทำตัวทรงตัวไม่อยู่และล้มลงกับพื้น เฮยหลิงรีบกระโจนเข้าหานางโดยห่างจากนางเพียงครึ่งก้าวจั๋วซือหรานเตะเท้าของนางบนพื้นเพื่อให้ตัวเองห่างกับเฮยหลิงหน่อย จ
เดิมทีทุกคนต่างรู้สึกเหนื่อยล้าในการมองเฮยหลิงวิ่งไล่จับจั๋วซือหราน ทันใดนั้นพวกเขาจ้องตาโต ๆภายใต้สายตาของพวกเขา ชายร่างเล็กก็กลิ้งตัวเพื่อหลบงหมัดอันน่าตกใจของเฮยหลิง ในความคาดหวังของพวกเขา ชายร่างเล็กควรจะหวาดกลัวมากและวิ่งหนี...เขาไม่ได้วิ่งหนี และไม่หลบด้วยแต่เขากลับเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายและพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งในสายตาของทุกคนไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรพวกเขาเพียงเห็นชายร่างเล็กคนนั้น แม้ว่าเขาจะตัวเล็ก แต่ก็ยังมองเห็นขาที่มีสัดส่วนและเส้นที่สมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดาย...จั๋วซือหรานเคลื่อนที่อย่างว่องไวจากนั้นนางก็เดินบนไหล่ของเฮยหลิง ในขณะนี้ นางดูเหมือนนางกำลังถูก เฮยหลิงจับขึ้นและนั่งอยู่บนไหล่ของเขาดูเหมือนมือสีขาวเรียบ ๆ ของนางกำลังสัมผัสกะโหลกศีรษะของเฮยหลิงเบา ๆแต่เฮยหลิงกลับสั่นตัว เขาส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด และยื่นมือไปตบคนที่อยู่บนไหล่ของเขาอย่างรุนแรงแต่นางก็หลบมันได้อย่างช่ำชอง และร่อนลงมาข้างหลังเขาพร้อมกับตีลังกากลับหลังจากไหล่ของเขา...และในขณะที่เขากำลังตกจากด้านหลังเขาด้วยการตีลังกากลับหลังนี้มือขาวเล็ก ๆ ของนางราวกับฟ้า
“เฮยหลิง ฆ่ามัน ฆ่ามันเลย ฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ ”“เฮยหลิง เฮยหลิง เฮยหลิง”สนามแข่งเริ่มเสียงดังขึ้น และดวงตาของนักพนันล้วนแดงก่ำพวกเขากรีดร้องและคำรามอย่างโกรธพวกเขาอยากลงสนามไปฉีกจั๋วซือหรานเป็นชิ้น ๆ ด้วยตัวเองในขณะนี้ นักพนันเหล่านี้ดูบ้าคลั่งกว่าเฮยหลิงที่อยู่ในสนามเสียอีกพวกเขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฮยหลิง ราชาผู้ไร้พ่ายแห่งสนามแข่งนี้คือความหวังสุดท้ายของพวกเขาในขณะนี้ มีร่างมืดปรากฏขึ้นบนอับริเวณรับชม คนผู้นี้สวมหน้ากากทั่วไปที่ใช้ในตลาดมืด เพื่อซ่อนตัวตนของเขาเขาแต่งกายด้วยชุดสีดำ ซึ่งดูเรียบง่ายมาก แทบไม่มีอะไรบนร่างกายที่สามารถเปิดเผยตัวตนของเขาได้มุมเสื้อของเขามีเพียงลายปักที่ไม่ค่อยโดดเด่น นั่นเป็นลายปักรุปพระจันทร์เสี้ยวสีเงิน ดูเหมือนว่าจะใช้วัสดุพิเศษในการทำด้ายปัก ดังนั้นสีเงินนี้จึงดูสวยงามเช่นนี้ในเมืองหลวง มีตราสัญลักษณ์เพียงอันเดียวที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีเงิน และเป็นหนึ่งในสามกองกำลังหลักในตลาดมืด - หอเงินจันทร์ดวงตาของชายคนนั้นเย็นชา เขามองดูสถานการณ์ในสนามคนรับใช้ยืนอยู่ข้างกายเขา คนรับใช้ผู้นี้ถามด้วยความเคารพว่า "ท่านขอรับ ท่านคิดว่าอย่า
“ไอ้เจ้าหนูตัวน้อย หากเจ้ากล้าชนะ วันหลังเจ้าไปไหนมาไหน ระวังละกัน อย่าให้กูเจอมึงละกัน”“หากเจ้ากล้าชนะ กูต้องให้มึงตายแน่ ๆ กูจะฆ่ามึง ได้ยินไหม กูจะฆ่ามึง”“แม่ง กูจะควักลำไส้มึงออกจากด้านล่างมึง แล้วยัดกลับเข้าปากมึงเลย”คำพูดอันข่มขู่และคำหยาบทุกชนิดส่งเข้าหูของจั๋วซือหรานอย่างไม่จบสิ้นแต่จั๋วซือหราน นางกำลังยืนอยู่ที่สนามประลอง แม้จะอยู่ไม่ไกลจากขอบกรง คนเหล่านี้ก็รีบไปที่ขอบกรง ราวกับว่าพวกเขาสามารถจับนางได้ตราบใดที่พวกเขายื่นมือออกมาจั๋วซือหรานมองเห็นความบ้าคลั่งและความโกรธในดวงตาของพวกเขาได้อย่างชัดเจนพวกเขาพูดทุกหยาบคายและพยายามคุกคามทั้งหมดที่พวกเขาทำ โดยหวังว่าพวกเขาจะไม่แพ้เพียงแต่อำนาจในการตัดสินใจนี้ไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้น แต่อยู่ในมือของชายร่างเล็กในสายตาของพวกเขา หนูตัวน้อยในสายตาของพวกเขาจั๋วซือหรานยืนอยู่บนสนามประลองต่อหน้าพวกเขา นางยืนนิ่งและมองผู้คนที่อยู่ด้านล่างแม้ว่านางจะเป็นหนูตัวเล็กในสายตาของนักพนันเหล่านี้ แต่ในเวลานี้ นางอยู่บนสนามประลองและนางยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วย ซึ่งพอที่จะทำให้นางดูเป็นคนที่มีรูปร่างขนาดใหญ่และข้างหลัง
ขณะที่เฮยหลิงล้มลงบนพื้น ทุกคนในสนามส่งเสียงดัง ทันใดนั้น สนามวุ่นวายเล็กน้อยเดิมทีจั๋วซือหรานวางแผนที่จะลากเฮยหลิงสนามประลองและจัดการกับพิษกู่ร้อยไหมที่อยู่ในร่างกายของเขา เพราะตอนนี้นางเพียงยับยั้งพลังกู่ของหนอนพิษกู่ร้อยไหมไว้ชั่วคราวเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น นางไม่อยากฟังเสียงด่าของพวกนักพนันแต่ทันใดนั้น นางกลับไม่ทันระวังตัวทันใดนั้นก็มีของบางอย่างพุ่งเข้ามาหานางจากบริเวณของผู้ชมของชิ้นนั้นมุ่งมาที่จั๋วซือหราน และมันมาจากมุมที่อันตรายอย่างมากฟุด(เสียงของบินผ่านอากาศ)ฟุด(เสียงของบินผ่านอากาศ)สองอันด้วย หูของของจั๋วซือหรานขยับเล็กน้อย และนางจับการเคลื่อนไหวอันละเอียดอ่อนนี้ได้อย่างแม่นยำในท่ามกลางเสียงรบกวนจั๋วซือหรานขมวดคิ้ว แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพียงแต่การลอบโจมตีทั้งสองครั้งนี้พออยู่ในมุมที่พอดีเหลือเกินทันใดนั้นจั๋วซือหรานบิดร่างของนาง เพื่อหลบอาวุธลอบสังหารสองชิ้นนี้ ในที่สุดนางไม่ได้ถูกอาวุธลอบสังหารสองชิ้นนี้ทำลายแต่......“แคร็ก…” ขอบหน้ากากของนางถูกอาวุธลอบสังหารเฉียดผ่านพอดี หน้ากากของนางแตกทันที“ซิ้ว”(เสียง) ที่คาดผมของนางถูกอาวุธลอบสังหารอีกชิ้นหน
เขาขมวดคิ้วและจ้องมองจั๋วซือหรานแต่จั๋วซือหรานกำลังจ้องมองเขาด้วยความเย็ชาและความไม่กลัว "เอาล่ะ เจ้ากล้าดีจริง ๆ ข้าจำเจ้าไว้"คนรับใช้ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาสึกหวาดกลัวมาก แม้ว่าการโจมตีครั้งก่อนของจั๋วซือหรานไม่ได้ตงถึงร่างกายของเจ้านายของเขา แต่นักพนันที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็เคลื่อนตัวไปทางด้านหน้าของสนามประลองดังนั้นจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงเขาในฐานะคนรับใช้ของเจ้านาบเท่านั้นที่ไม่สามารถออกไปได้ ดังนั้นเขาจึงได้รับบาดเจ็บจากกระสุนที่กระจายทั่วแม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างมาก นี่เป็นการโจมตีประเภทใดการโจมตีนี้มีความเร็วเท่าใดนางจะตีแขนโดยตรงโดยไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ จากนางในระยะไกลขนาดนั้นได้อย่างไร มันเป็นเพียงการบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ...เช่นนั้นหรือ“ท่านขอรับ…” คนรับใช้เพิ่งอยากพูดอะไรกับนายท่านที่ยืนอยู่ข้างกายของเขาเขาเห็นใบหน้าของเจ้านายบูดบึ้งและพูดว่า "ไปกันเถิด หากไม่รีบไปจากนี้ เดี๋ยวเจี่ยงเทียนซิงจะตามมาหาเรื่อง"คนรับใช้อดไม่ได้ที่ต้องพูดว่า "แต่ แต่คนเมื่อครู่นี้..."“หน้าตานั้น หาได้ง่าย” ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงต่ำ แล้วหันตัวและเดินไป
ถังหยวนมองสภาพจั๋วหรูซินตอนนี้ เขาอดมีสายตาสับสนขึ้นมาไม่ได้ตรงหน้าเขามีภาพตอนที่จั๋วซือหรานถูกลงโทษแวบผ่านขึ้นมา กระดูกสันหลังที่ไม่ยอมคดงอนั่นเก้าแส้ฟาดลงไป หน้าขาวซีด เหมือนจะร่วงพับสิ้นสติ สภาพซมซานน่าเวทนาแต่ในสีหน้าท่าทาง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดร้องไห้ชักกระตุกให้เห็นกระทั่งว่า ถังหยวนเกิดความรู้สึกลวงขึ้นมา ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทางของจั๋วหรูซิน จึงมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นทันที จั๋วหรูซินแบบนี้ต่างหากที่เป็นสภาพปกติแต่แบบจั๋วซือหรานนั่น เป็นตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นจั๋วหลานมองจั๋วซือหราน "เสียวจิ่ว พอสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานเดินขึ้นไปทีละก้าวทุกคนล้วนคิดว่า หญิงสาวคนนี้ยังไม่สะใจพอ ต้องเข้าไปมองความเจ็บปวดทรมานของจั๋วหรูซินใกล้ๆ จึงจะพอใจจั๋วอวิ๋นชินอดทนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะไม่พอใจน้องสาวคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวจะอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกทนไม่ไหวอยู่ เขาเตรียมจะยัดยาลูกกลอนให้กับจั๋วหรูซินแล้วแต่ตอนนี้พอเห็นจั๋วซือหรานเดินขึ้นมา แม้เขาจะหยุดเท้าลง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจั๋วอวิ๋นชินเอ่ยขึ้นเสียงขรึม "จั๋วซือหราน หรูชินได้ร
จั๋วอวิ๋นฉียืนอยู่ท้ายกลุ่มคน ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้ยืนอยู่ข้างเขา ดึงแขนเขาอย่างตื่นเต้นไม่ยอมปล่อย เหมือนกลัวว่าเขาจะวิ่งหนีหายไปอย่างไรอย่างนั้นทั้งสองคนยืนอยู่แบบนั้นที่ท้ายกลุ่มคน ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของจั๋วซือหรานด้านในจั๋วอี้อดถอนใจขึ้นมาไม่ได้ เขากระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหูกับจั๋วอวิ๋นฉี "ตอนนั้นถ้าเจ้ามีนิสัยแบบนางก็คงดี"จั๋วอวิ๋นฉีพอได้ยินก็ยิ้มบางๆก็ไม่มีจริงๆ นั่นล่ะคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน เหมือนแทบจะพูดออกมาตรงๆ ว่าจะกำจัดจั๋วหรูซินออกไปถ้าท่านลุงถังลงมือ ดุจากจำนวนโบยที่จั๋วหรูซินต้องโดน นางได้พิการแน่สิ่งเดียวที่จะเดิมพันได้ก็คือ...การหวดทีเดียวของจั๋วซือหราน ว่าจะเบามือกว่าหรือไม่แต่ ให้ใครมาอยู่ในมุมของจั๋วหรูซิน ที่มีความแค้นเก่ากับจั๋วซือหรานมากขนาดนั้น จะกล้าเดิมพันให้จั๋วซือหรานลงมือเบาหน่อยได้หรือ?ใครจะกล้าเดิมพันกัน? ต่อให้เป็นคนอื่น ก็คงไม่กล้าเดิมพันเช่นนี้แต่นี่ก็เป็นความหวังสุดท้ายแล้ว นี่ต่างหากที่ทรมานคนมากที่สุดจั๋วอวิ๋นฉีอดถอนใจไม่ได้ นางจับทางใจคนได้พอเหมาะพอเจาะดีจริงๆจั๋วซือหรานไม่รีบร้อนเลยสักนิด มองดูจั๋วอวิ๋นชินกับจั๋วหรูซินอย
จั๋วซือหรานมองนางเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ไม่ต้องพูดอะไร ในดวงตาเหมือนเขียนคำว่า 'เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร? ข้าต้องจงใจอยู่แล้ว' เอาไว้จั๋วอวิ๋นชินที่อยู่ข้างๆ สูดลมหายใจลึก บอกกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า "ผู้อาวุโสใหญ่ หรูซินทำผิด เป็นเพราะพี่ชายอย่างข้าไม่สั่งสอนนางให้ดี..."แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็คิดว่าเขาคงคิดจะทำเหมือนจั๋วเห้อหรงก่อนหน้านี้ คิดจะรับโทษแทนนาง จึงส่ายหัวเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ต้องพูดอะไร ใครทำใครก็รับ นางทำผิด นางก็ต้องรับโทษด้วยตนเอง!"จั๋วอวิ๋นชินพอได้ยินคำนี้ ก็รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่เข้าใจผิดแล้ว "ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้จะขอร้องแทนนาง เพียงแต่ว่า ถึงอย่างไรข้าที่ไม่ได้สั่งสอนน้องสาวให้ดี ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะลงมือเอง หวังว่าท่านจะเห็นด้วย"จั๋วหลานได้ยินคำนี้ ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรในเมื่อไม่ได้ปฏิเสธทันที ก็ถือว่ายังมีหวังนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จั๋วอวิ๋นชินจะช่วยน้องสาวคนนี้แม่จะไม่สามารถใจดีหรือใจอ่อนเกินไปได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะเบามือลงในขอบเขตที่เป็นไปได้จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มข้างๆ "ในเมื่อท่านพี่รักและสงสารขนาดนี้ เช่นนั้นก็ตรงไปตรงมาหน่อย..."นาง
จั๋วอวิ๋นชินถูกน้องสาวคนนี้ทำให้โกรธมาก ชัดเจนว่า ที่นางมีวันนี้ ก็เพราะความผิดของตัวนางเองทั้งนั้นกระทั่งการกระทำลายตัวเองของจั๋วหรูซิน ไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวนางเองเท่านั้น แต่ยังทำร้ายท่านพ่อด้วยหลังจากที่จั๋วเห้อหรงรับกฏของตระกูลแทนจั๋วหรูซินครั้งที่แล้ว สภาพก็ย่ำแย่มาตลอด เดิมทีที่อำนาจในตระกูลถูกรีบกลับไปยังไม่พอสภาพร่างกายเองก็ได้รับผลกระทบจากการถูกโบยตามกฏตระกูลด้วยด้วยเหตุนี้จึงอดพูดไม่ได้ ว่าจั๋วซือหรานคืออัจฉริยะ หลังจากถูกโบยไปเก้าครั้ง ก็ยังทนมาได้โดยไม่พิกลพิการ แล้วยังมีฝีมือความสามารถความสำเร็จแบบในตอนนี้อีกไม่ง่ายเลยจริงๆกระทั่งว่า จั๋วอวิ๋นชินมาคิดอย่างละเอียด การทำลายตัวเองของจั๋วหรูซิน ยังทำร้ายทั้งตระกูลจั๋วอีกด้วยแม้จะบอกว่า ที่จั๋วซือหรานรู้สึกย่ำแย่ต่อตระกูลจั๋วขนาดนี้ ก็เพราะวิธีการที่ตระกูลจั๋วปฏิบัติต่อนางมาตลอดแต่ว่า สาเหตุหลักยังคงเป็นเพราะจั๋วหรูซินวางแผนร้าจการเกินไปเป็นลูกหลานตระกูลเดียวกันแท้ๆ นางกลับจะเอาชีวิตของจั๋วซือหรานมาล้อเล่น...ถ้าหากไม่ใช่ด้วยฝีมือของจั๋วซือหรานเอง เช่นนั้นก็จะต้องจับคู่กันไปทั้งชีวิตเลยนะ เสน่ห์หนอนพิษกู่ไม่ใช
คนเหล่านั้นไม่กล้าอิดออดอีก ทยอยกันคุกเข่าลงหลังจากตอนที่ได้ยินเสียงหัวเข่ากระแทกหนักๆ ตึงๆๆตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานรีบพุ่งไปเข้าไปขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน นางก็ไม่ได้ตบเขาออกไปผู้อาวุโสใหญ่มองจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "ข้าลงโทษพวกเขาแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ เจ้าไปลงโทษพวกเขาด้วยตนเองได้เลย ด้วยฝีมือของเจ้า คิดจะลงโทษพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว"จั๋วซือหรานพอได้ยิน มุมปากก็ยกขึ้น "ก็ไม่ยากจริงๆ"จั๋วอวิ๋นฉีถอนหายใจเงียบๆ ถอนหายใจกับการตัดสินใจของนางคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเหล่านั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาจริงด้วย ด้วยฝีมือของนาง เธอแค่คนเดียวก็จัดการรับมือกับคนเถื่อนได้นับสิบ แล้วทำไมตอนที่พวกเขาพูดอะไรไม่น่าฟัง นางถึงไม่ตบพวกเขาจนคว่ำไปล่ะ?นางมีฝีมือจะตบพวกเขาจนคว่ำอยู่แล้วแท้ๆพวกเขาตอนนี้เข้าใจแล้ว นางจงใจทำ จงใจจะให้ตระกูลจั๋วมารับมือพวกเขา ให้พวกเขาตบหน้าพวกเขากันเองนางจะให้พวกเขาได้รู้:พวกเจ้าคิดจะทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแค่ไหน ข้าก็จะให้พวกเจ้ากินขี้ของพวกเจ้ากลับไป ลองดูสิว่าใครจะสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าถ้าหากพวกเขาไม่ญาติดีกับท่าทีของนาง เช่นนั้นนางก็จะไม่
ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้แทบจะพุ่งเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองจั๋วอวิ๋นฉีอยู่เป็นระยะ"อวิ๋นฉี! อวิ๋นฉี! นั่นเจ้าจริงหรือ!" เสียงของผู้อาวุโสเจ็ดสั่นพร่าขึ้นมาจั๋วอวิ๋นฉีมองไปทางผู้อาวุโสเจ็ด เผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนน้ำตาของจั๋วอี้แทบจะร่วงลงมาแล้ว ตอนที่เขามองไปทางจั๋วซือหราน ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งเดิมทีเขายังคิดว่า ดันจั๋วซือหรานขึ้นไปนั่งตำแหน่งอาวุโสที่นางต้องการ จากนั้นก็จะขอให้นางช่วยอวิ๋นฉีกลับมาในตระกูลนางวันนี้เพิ่งจะมาถึง ก็ทำได้เสียแล้ว!ตอนนี้เอง ข้างๆ ก็เกิดเสียงที่ต่างกันขึ้นมา มีคนที่แม้จะไม่ชอบผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้า แต่ก็ไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นฉีที่ปรากฏตัวขึ้นอย่งกะทันหัน แล้วก็หญิงสาวที่ขนยังไม่ทันขึ้นอย่างจั๋วซือหราน จะสามารถมานั่งตำแหน่งนี้ได้ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "แต่เขาไม่ได้อยู่ในตระกูลมานานแล้วนะ จะมารับผิดชอบได้ที่ไหน...นี่เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสตระกูลเชียว ดูจะรีบร้อนเกินไปหน่อย"จั๋วซือหรานไม่สนใจกับเสียงต่างนางยักไหล่ เอ่ยขึ้นว่า "ข้ายังไงก้ได้ แต่ว่าพวกท่านต้องเข้าใจจุดนี้นะ ตอนนี้พวกท่านต้องการให้ข้ากลับมา อย
จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้านใน "ในเมื่อข้ากล้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว่าเขาอยู่ทึ่ไหน"จั๋วซือหรานพูดพลางมองไปทางประตูจากนั้นนางจึงดึงไหมกู่ไร้รูปร่างในมือของตนเอง ไม่กู่ค่อยๆ เปลี่ยนจากโปร่งใสจนมีสีกึ่งโปร่งใส เชื่อมออกไปยังนอกประตูจั๋วซือหรานมองไปทางประตู เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เชลยคนอื่นถ้าหลบหนีไปไกลแบบเจ้าเนี่ย คงจะเอาชีวิตไปทิ้งกันหมดแล้ว"ทุกคนตกตะลึงขึ้นมาจากเนื้อหาในคำพูดของนาง...เชลยหรือ?นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?จากนั้นจึงเห็นว่า พอจั๋วซือหรานดึงมือ ไหมกู่กึ่งโปร่งใสเส้นนั้นก็ดึงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในประตูดูจากเสื้อผ้าของเขาแล้ว ทุกคนล้วนตกตะลึงกันหมด"นี่มัน...นี่ไม่ใช่เชลยจากแดนใต้ที่อยู่ข้างๆ เจ้าก่อนหน้านี้คนนั้นหรือ?""นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"จั๋วซือหรานลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินตรงไปยัง 'ฮาร์วีย์'ยืนอยู่ตรงหน้าเขาชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง เส้นผมไม่ยาวนักของเขาถักเป็นเปีย ปลายผมยังห้อยลูกปัดไว้ ผิวหนังสีคล้ำ แม้จะไม่ถึงกับดำ แต่ก็ไม่ใช่ผิวขาวนวลเบ้าตาลึก โหนกแก้มสูงเล็กน้อย จะดูอย่างไร...ก็ล้วนเป็นเอกลักษณ์หน้าตาคนแดนใต้แต่จั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงหน้าเขา
"อะไรนะ!" ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าพอได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ ก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีกแต่จั๋วซือหรานก็เหมือนจะมองไม่เห็นพวกเขาเสียอย่างนั้นนางมองผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลาน หลังจากนั้นก็เหลือบมองไปทางจั๋วอี้ผู้อาวุโสเจ็ดตอนนี้จึงเอ่ยต่อว่า "เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าหาตัวเลือกผู้อาวุโสที่เหมาะสมไว้แล้ว"ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าทนไม่ไหวขึ้นอีกครั้ง แต่ต่อให้รู้ว่านางตอนนี้จะสำคัญมากกับตระกูลก็ทนต่อไม่ไหวแล้วจึงก่นด่าจั๋วซือหรานขึ้นมา"เจ้ากล้าดียังไง!" ผู้อาวุโสห้าเดิมทีก็มีนิสัยขี้โมโห ด่ากราดขึ้นมา "เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองหลวง แล้วจะหลงตัวเองจนไม่มีขอบเขตนะ!"ผู้อาวุโสสามไม่ได้ฉุนเฉียวขนาดนั้น แต่ก็มองออกได้ไม่ยากถึงอารมณ์โกรธแค้น พูดจาให้ขุ่นเคืองขึ้นมา "เจ้าคิดว่าหมูหมากาไก่ที่ไหนก็จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลได้หรือ?! ตระกูลเราไม่เคยมีผู้อาวุโสหญิงมาก่อนด้วยซ้ำ! ไม่ต้องพูดถึงเด็กสาวที่ขนยังไม่งอกแบบเจ้าเลย!"พอเทียบกับความเดือดดาลของพวกเขาสองคนจั๋วซือหรานกลับนิ่งกว่ามาก "พอเห็นคนแบบพวกท่านมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลนี่ล่ะ ดังนั้นถูกต้อง ข้าคิดจ
ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ