Share

บทที่ 202

Author: หูเทียนเสี่ยว
“เวลาผ่านไปสองคืนหนึ่งวันแล้วเจ้าค่ะ” หานกวงกล่าว

จั๋วซือหรานพูดในใจว่า พลาดอาหารไปห้ามื้อ จะไม่หิวได้อย่างไรล่ะ

“หากแม่นางหิวแล้ว ข้ารีบตามคนในครัวนำอาหารมาให้เจ้า” หานกวงพูดแล้วเงียบชั่วคราวแล้วพูดต่อ “แต่อาจไม่อร่อยนัก”

หานกวงมองจั๋วซือหรานแล้วกระซิบ "ข้าได้ยินจากจ้านหลู เขาเล่าให้ฟังว่า แม่นางจิ่วทำอาหารเก่งมาก แม่นางอาจไม่ชอบกับข้าวที่นี่..."

โดยปกติแล้ว แม้แต่คนธรรมดาที่มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนกว่าเล็กน้อยก็สามารถฟังออกความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของคำพูดของหานกวงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่ฉลาดอย่างจั๋วซือหราน นางต้องเดาออกความในใจของหานกวงแน่ ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของหานกวง

โดยเฉพาะหานกวงแสดงท่าทีที่อยากชิมฝีมืองของนางอย่างมาก ราวกับว่าน้้ไลจะไหลออกจากมุมปากของนางในวินาทีถัดไป

น่ารักเชียว

จั๋วซือหรานหรี่ตาลง นางขดริมฝีปากแล้วยิ้ม "...จริงหรือ หากมีวัตถุดิบอาหาร ข้าจะทำเอง"

หานกวงดีใจทันที “มี มีเจ้าค่ะ มีทุกอย่างเจ้าค่ะ”

เมื่อยืนอยู่ในครัวเล็ก ๆ ในลานบ้านของเฟิงเหยียน จั๋วซือหราน รู้สึกพูดอะไรไม่ถูก นางไม่ทันมีปฏิกิริยาเลย ทำไมเรื่องกลายเป็นเช่นนี้

ตามแผน นางมาที่นี่เพื่อคุย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sasiyapat Girushkh
น่ารัก พระเอก นางเอก ชอบมากกก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 203

    อ้าว...นี่...จั๋วซือหรานมองฝ่ามือของนางและหมดคำพูดอยู่ครู่หนึ่งและถึงแม้ว่าภายใต้สถานการณ์นั้น นางไม่มีสติ นางอาจลืมลายละเอียดของตอนนั้นแล้วแต่หลังจากจั๋วซือหรานตระหนักว่านางดูเหมือนใช้หยางของ เฟิงเหยียนเพื่อเติมหยินของนาง ภาพที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เหมือนเป็นเรื่องจริงหรือเป็นภาพลวงตาก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในสมองของนางจั๋วซือหรานไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นอาการประสาทหลอนที่นางคิดเองหรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ นางคิดว่าน่าจะเป็นภาพหลอนกระมังไม่เช่นนั้น...นางจะ...กอดเฟิงเหยีย และจูบเขาอย่างไม่หยุดได้อย่างไรนาง...จูบ เขา ไม่หยุด จริง ๆในความทรงจำที่กระจัดกระจายนี้ จั๋วซือหรานไม่เห็นการจูบสิ้นสุดลงเมื่อใดด้วยซ้ำ นี่แสดงให้เห็นว่านางจูบเขานานแค่ไหนนางกระพริบตาด้วยความสับสน นางอดไม่ได้ที่ต้องยกมือขึ้นและสัมผัสริมฝีปากของนางเบา ๆก่อนหน้านี้ความรู้สึกยังไม่ชัดเจน แต่หลังจากนางตระหนักได้และจำภาพความทรงจำที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันแต่บ้าคลั่งเหล่านั้นได้จั๋วซือหรานก็รู้สึกว่าริมฝีปากของนางเหมือน... บวมนิดหน่อยจริง ๆ เช่นนั้นหรือจั๋วซือหรานกัดริมฝีปากของนางเบา ๆ ริมฝีปากอันแดงและบวมของนาง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 204

    หลังจากหานกวงพูดจบ นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูสีหน้าของเจ้านายเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีใจของเจ้านายค่อย ๆ หายไปหานกวงแอบหายใจด้วยความโล่งอก“เอาล่ะ ออกไปก่อนเถิด” เสียงของเฟิงเหยียนกลับมาเป็นเสียงปกติ และเขาก็สั่ง “ดูแลนางด้วย”“รับทราบเจ้าค่ะ” หานกวงรีบวิ่งออกจากตำหนักใต้ดินเฟิงเหยียนเหลือบมองที่กล่องอาหาร เขาหยุดครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาหยิบจานทั้งหมดในกล่องอาหารออกมา นั่งที่โต๊ะหินเย็น ๆ ของตำหนักใต้ดิน จากนั้นหยิบตะเกียบขึ้นมาส่วนหานกวง เมื่อนางออกมาจากตำหนักใต้ดิน นางพบว่าแม่นางจิ่วหายไปแล้ว ช่าง ...เมื่อนางนึกถึงคำสั่งของเจ้านายซึ่งก็คือดูแลแม่นางจิ่วให้ดี ๆฮันกวงคิดอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักว่า แม่นางจิ่วมีความสามารถมาก ดังนั้นนางคงดูแลตัวเองได้สักพักหนึ่ง จากนั้นหานกวงรีบเดินไปที่ครัวเล็ก ๆส่วนอีกด้านหนึ่ง หลังจากจั๋วซือหรานเดินออกจากจวนเฟิง นางก็มุ่งหน้าไปยังจวนจั๋ว หลัก ๆ เป็นเพราะนางกังวลนางหายตัวไปสองคืนหนึ่งวันตั้งแต่นางเดินออกจากตระกูลจั๋ว และมุ่งหน้าไปที่ตระกูลเฟิงในวันนั้น ก็ไม่มีข่าวของนาง และนางไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลยนางไม่อยากให้ท่านแม่เป็นห่วงเพราะเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 205

    เจ้าของร่างเดิมถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่วางยา และถูกฉินตวนหยางควบคุมตัว ทำให้เจ้าของร่างเดิมยืนกรานต้องถอนการหมั้นกับตระกูลเฟิงซึ่งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฟิงและตระกูลจั๋ว และยังทำให้ตระกูลจั๋วเสียหน้าอีกด้วย หลังจากนางเดินทางผ่านกาลเวลา นางกลับมาสารภาพความผิดกับตระกูลจั๋ว แม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่ลงโทษนางอย่างหนัก ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการลงโทษที่หนักที่สุดถูกถูกเฆี่ยนเก้าแส้แต่นางไม่ได้ถูกลงโทษต่อหน้าทุกคนการลงโทษต่อหน้าทุกคนนั้นไม่เพียงต้องรับการลงโทษเท่านั้น แต่ยังต้องทนการจ้องมองของสมาชิกทุกคน ซึ่งผู้ที่ถูกลงโทษอาจไม่มีวันเผชิญหน้าต่อผู้คนได้ เพราะทุกคนมักจำเรื่องนี้ได้ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การลงโทษตามกฎตระกูลต่อหน้าทุกคนไม่เพียงเป็นการลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นความอัปยศอดสูอีกด้วยโดยทั่วไปจะไม่ได้ลงโทษถึงขั้นนี้แต่ตอนนี้ชัดเจนว่า มีคนมีการกระทำอย่างหนักจนต้องรับการลงโทษเช่นนี้คุณท่านจั๋วลิ่วกำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลางสนามเล็ก ๆ เขาดูเหมือนแก่ลงไปสิบกว่าปีชายวัยกลางคนที่เคยมีชีวิตชีวานั้น ตอนนี้เขามีผมหงอกสีขาวที่ด้านข้างขมับในเวลาเพียงไม่กี่วันจั๋วหรูซินไม่ได้คุกเข่าใ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 206

    ผู้อาวุโสห้าพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ ผู้อาวุโสใหญ่ตั้งใจลงโทษต่อหน้าทุกคน ไม่เพียงแต่เพื่อคืนความยุติธรรมแก่เจ้า แต่ยังเพื่อให้ทุกคนของสำนักงานใหญ่ของตระกูลรู้ว่าความยุติธรรมนั้นมีอยู่ในตระกูล หากใครกล้าทำร้ายคนในตระกูล คนผู้นั้นจะถูกลงโทษ และได้รับการลงโทษอย่างหนัก”จั๋วซือหรานยืนอยู่ข้างสนาม นางทำท่าเชิญชวนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า "ข้าเพิ่งกลับบ้านเพื่อเยี่ยมท่านแม่ และข้าก็บังเอิญทันเรื่องนี้ หวังว่าข้าคงไม่ได้เสียเวลาของผู้อาวุโส”“เปล่า ๆ ไม่ได้เสียเวลา” ผู้อาวุโสเจ็ดโบกมือแล้วพูดด้วยไมตรีจิต“ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาดูก่อนค่อยไปก็ได้นะ”เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเจ็ด 'ไหน ๆ ก็มาแล้ว' จั๋วซือหรานเกือบหัวเราะโชคดีที่นางอดไว้ นางมองท่านจั๋วลิ่วและจั๋วหรูซินคุณท่านจั๋วลิ่วก้มหน้าลง ดูทรุดโทรมและเงียบสงบมาก และเขาไม่ได้มองนางด้วยซ้ำ แต่จั๋วหรูซิน แม้ว่านางพยายามกลั้นความโกรธแค้นไว้ แต่ก็อดไม่ได้ที่ต้องจ้องมองจั๋วซือหรานด้วยสายตาอันโหดเหี้ยมจั๋วซือหรานเงียบชั่วคราวแล้วถามผู้อาวุโสเจ็ดอย่างไม่ตั้งใจ "แล้วเรื่องนั้น คุณท่านจั๋วลิ่วเป็นผู้ที่ทำร้ายข้าหรือ"ชนเผ่าบางคนที่เฝ้าดูอยู่ทนไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 207

    จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว นางคิดเช่นนี้ในใจ รับการลงโทษแทนลูกสาวหรือไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกคุณท่านจั๋วลิ่วได้รับความไม่ยุติธรรม คงเป็นเพราะพวกเขารู้สึกซึ้งใจกับการกระทำของคุณพ่อที่ใจดีโดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของผู้อาวุโสเจ็ด บางคนอาจคิดว่าผู้อาวุโสเจ็ดรู้สึกซาบซึ้งใจกับการกระทำคุณท่านจั๋วลิ่วเช่นกันดังนั้นเสียงที่หายไปในก่อนหน้านี้รีบดังขึ้นอีกครั้ง“นั่นน่ะสิ ลุงหกก็ถือว่ามีความรับผิดชอบแล้วนะ เป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมเราจะต้องก้าวร้าวขนาดนี้ด้วย...”ผู้อาวุโสเจ็ดยืนอยู่ข้าง ๆ เขาขมวดคิ้วอย่างแรง พระเจ้าช่วย คำพูดของเขาในเมื่อครู่นี้ไม่ได้หมายความว่าเขาสงสารคุณท่านจั๋วลิ่ว แต่เขาหวังว่าจั๋วซือหรานใจรู้สึกสะใจหน่อย และเลิกเหินห่างจากตระกูลจั๋วต่างหากใครจะไปรู้คำพูดของเขาถูกคนที่ดูการลงโทษเข้าใจผิดขนาดนี้ก่อนที่ผู้อาวุโสเจ็ดอยากพูดอะไรต่อ จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ใช่สิ เมื่อท่านพ่อของข้าเสียชีวิตเพื่อตระกูล ท่านพ่อคงไม่คาดคิดเลยว่า ลูกสาวของเขาจะถูกรังแกจนตายโดยพ่อที่รักของคนอื่นกระมัง"ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดคำเหล่านี้ ทุกคนเงียบลงทันทีใครล่ะยังไม่มีพ่อบ้าง ท่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 208

    คุณท่านจั๋วลิ่วกระตุกสองสามครั้งบนพื้น เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถต้านทานเฆี่ยนเจ็ดแส้ที่ผู้อาวุโสใหญ่ลงมือ หากเขาทนเฆี่ยนตีเจ็ดครั้งนี้จริง ๆ เขาจะต้องตายแน่ ๆคุณท่านจั๋วลิ่วเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างโศกเศร้าว่า "ผู้ ผู้... ผู้อาวุโสใหญ่ ให้... ให้ข้าตายใน... ทีเดียวเลย..."ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่โบกแส้อีกครั้งด้วยสีหน้าที่เย็นชาคุณท่านจั๋วลิ่วเจ็บจนพูดไม่ได้ เขาไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้องออกมาดัง ๆ ด้วยซ้ำ เขาอ้าปาก และเสียงหวือหวาก็ดังออกมาจากลำคอของเขาด้วยแส้อีกทีหนึ่ง คุณท่านจั๋วลิ่วกระเด้งสองครั้งบนพื้น เหมือนปลาที่กำลังจะตาย และกางเกงของเขาก็เปียกไปหมดฉากนั้นเงียบสนิท ทุกคนเห็นว่าคุณท่านจั๋วลิ่ว ผู้ร่าเริงอยู่เสมอก็ตกอยู่ในสภาพที่น่าเศร้าเช่นนี้ในเวลาอันสั้นนี่แค่สามแส้เท่านั้น เดิมทีผู้อาวุโสใหญ่มีความตั้งใจที่จะฆ่าไก่เพื่อทำให้ลิงตกใจ เพื่อให้ทุกคนได้รับคำเตือน ในขณะนี้ สภาพอันน่าเศร้าของคุณท่านจั๋วลิ่วได้ตักเตือนในใจของทุกคนแล้วเพียงแต่บางคนมีปฏิกิริยาโต้ตอบและมองไปที่จั๋วซือหรานด้วยสายตาที่หวาดกลัวและการตกตะลึงอย่างสุดซึ้งคนผู้นี้รับการลงโทษถึงเก้าแส้เต็ม ๆ นะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 209

    แน่นอนว่าจั๋วซือหรานจำบุคคลที่อยู่ตรงหน้านางได้ และนางสามารถดึงข้อมูลของบุคคลนี้ออกจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมได้อย่างราบรื่นมากลูกชายคนโตของจั๋วเห้อหรง จั๋วหยุนชินเขาเป็นลูกชายของจั๋วเห้อหรงและภรรยาคนแรก แต่ภรรยาคนแรกเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว จั๋วหรูซินเป็นลูกสาวของจั๋วเห้อหรงและภรรยาคนใหม่จั๋วหยุนชินมีพรสวรรค์อย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่จั๋วเห้อหรงมีอำนาจที่แท้จริงในตระกูลแม้ว่าเขามีความสามารถไม่มากนัก เพียงเพราะลูกชายของเขามีอนาคตที่ดีแม้ว่าเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่น่าทึ่งเท่ากับเฟิงเหยียน แต่ในตระกูลเช่นตระกูลจั๋วทีแย่ลงทุกวันและมีพรสวรรค์ที่น้อยกว่าก็ถือว่าดีแล้วและเนื่องจากผลงานที่โดดเด่นของเขาในการฝึกฝนของตระกูลนั้น เขาจึงถูกลัทธิอู๋จี๋สังเกตและถูกเรียกเข้าลัทธิ ซึ่งลัทธิอู๋จี๋เป็นหนึ่งในเจ็ดลัทธิหลักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่คนในตระกูลจั๋วถูกลัทธิด่าง ๆ เลือก ดังนั้นเนื่องจากมีจั๋วหยุนชิน ฐานะของจั๋วเห้อหรงในตระกูลจึงสูงขึ้นเช่นกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่จั๋วหยุนชินไปลัทธิอู๋จี๋ จั๋วเห้อหรง ก็ค่อย ๆ มีอำนาจที่แท้จริงในตระกูลมีความความขัดแย้งระหว่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 210

    จั๋วซือหรานไม่กลัวว่าจั๋วหยุนชินเป็นสมาชิกของลัทธิอยู่แล้ว และมีอีกประเด็นที่สำคัญมาก จั๋วซือหรานค่อนข้างเข้าใจนิสัยของผู้อาวุโสใหญ่ จั๋วหลานผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนยึดถือความยุติธรรม เข้มงวด เชื่อแต่หลักฐาน ดื้อรั้นเมื่อเขาเชื่อบางเรื่อง ใครมาโน้มน้าวก็ได้ ล้วนไม่ได้ผลดังนั้นจั๋วซือหรานจึงรู้สึกว่า จั๋วหยุนชินคงไม่เหมือนคนโง่นั้น จั๋วหรูซินขนาดนางยังรู้นิสัยของผู้อาวุโสใหญ่ จั๋วหยุนชินต้องรู้เช่นกันเขาจะไม่หยุดยั้งผู้อาวุโสใหญ่ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสามารถในครอบครัว แต่เขาก็เป็นเพียงสมาชิกของตระกูลจั๋วเท่านั้นแม้ว่าเขาเข้าลัทธิแล้ว และอาจทำให้คนของตระกูลจั๋วและเหล่าผู้อาวุโสยกย่องเขาบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องฝ่าฝืนกฎของตระกูลเพียงเพราะเขาคนเดียวเมื่อเขาเริ่มพูดเช่นนี้ เขาต้องมีแผนสำรองอยู่ข้างหลังดังนั้นจั๋วซือหรานจึงเกียจพูดอะไรกับเขา นางจะรอปฏิบัติก่อนเพื่อล้อเขาพูดถึงประเด็นหลักอย่างรวดเร็วจั๋วซือหรานกล่าวคำอำลา“ จั๋วจิ่วยังต้องกลับไปเยี่ยมท่านแม่ ขอตัวก่อน”ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม "จั๋วหยุนชิน คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ เจ้าไม

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1265

    บางทีคงเป็นเพราะการคุยแบบเปิดอกก่อนหน้านี้ ทำให้ระยะทางขอเพื่อนสนิทสองคนที่เคยห่างไปตามกาลเวลา ย่อหดลงไปไม่น้อยเลยกระมังดังนั้นพอได้ยินปันอวิ๋นบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ เฟิงเหยียนจึงเหลือบมองเขา น้ำเสียงเปลี่ยนไป "ก็ได้ เช่นนั้นก็ไม่ขอบคุณแล้วกัน"เฟิงเหยียนสั่งขึ้นมา "ไป ไปเอาสุรามาให้ข้าหน่อย"แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ในเสียงกลับไม่ได้ออกคำสั่งอะไร ฟังแล้วเหมือนการใช้งานระหว่างเพื่อนกันมากกว่าปันอวิ๋นชะงักไปเล้กน้อย เพราะตอนพวกเขายังเด็ก ก็เคยใช้งานกันและกันแบบนี้ไป ไปเอาสุรามาหน่อยได้ งั้นเจ้าก็เอาปลาไปย่างซะข้าเห็นว่าเจ้าหน้าตาเหมือนปลาถ้าเจ้ายังพูดอีกรอบ จะโดนข้ากดจนจมถังสุราตายไปเลยเพราะคำพูดนี้ของเฟิงเหยียน ทั้งสองคนก็เหมือนกลับไปสมัยยังเด็กในชั่วพริบตาปันอวิ๋นยกมุมปากขึ้นบางๆ ลุกขึ้นไปให้คนรับใช้ส่งสุราเข้ามาคือสุราห้าพิษที่เขาจะหมักอยู่ทุกปี และใช้แมลงพิษมาหลอมจริงๆ แต่ตัวสุรากลับไม่มีพิษใดๆ กระทั่งยังหอมอบอวลเข้มข้นเป็นพิเศษ เป็นสุราที่หาได้ยากยิ่งและเป็นความลับที่ไม่เผยแพร่สู่ภายนอกของหุบเขาหมื่นพิษ ปกติมีแค่เจ้าหุบเขาที่รู้แต่ปันอวิ๋น หลังจากออกสำนักมา ก็ไม่ได้ด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1264

    จะเหมือนว่าตบหน้าใส่ตนเองอย่างแรง ทั้งที่เดิมทีก็อยู่บนโชคชะตาที่ขมขื่นอยู่แล้ว กระทั่งยังเป็นการตบหน้าตนเองในตอนนั้นอีกด้วยแบบนั้น...มันขมขื่นเกินไป พวกเขาเดิมทีก็ยากลำบากอยู่แล้วปันอวิ๋นนิ่งงันไปพักหนึ่ง อันที่จริงรู้สึกเหมือนไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดีอยู่หน่อยๆความเงียบงันดำเนินต่อไประยะหนึ่งยังคงเป็นเฟิงเหยียนที่เอ่ยเสียงต่ำขึ้นมาก่อน "ขอบคุณมาก"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ ก็รู้สึกแปลกประหลาด อารมณ์เองก็ไม่ค่อยมั่นคงทั้งที่มั่นคงมาตลอดแท้ๆหลังผ่านไปพักหนึ่ง ปันอวิ๋นจึงเอ่ยตอบว่า "เรื่องเล็กน้อย"ตอนที่ได้ยินคำนี้ สายตาของเฟิงเหยียนก็เหมือนขยับนิดๆยังจำได้ว่า ตอนยังเด็กถ้าปันอวิ๋นช่วยเขาทำอะไร ขอแค่เขาขอบคุณ ปันอวิ๋นก็จะพูดคำว่า 'เรื่องเล็กน้อย' ออกมาเสมอต่อให้บางครั้ง จะไม่ใช่เรื่องเล็กเลยก็ตาม แต่ก็ยังทำให้เขารู้สึกว่า ไม่ต้องเกรงใจ ยังมีพี่น้องคนนี้ช่วยแบกอยู่เฟิงเหยียนหยุดไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบขึ้นว่า "ก่อนหน้านี้ ข้าเจอกับหลงเฉินมา"พอได้ยินชื่อนี้ที่คุ้นเคย ม่านตาปันอวิ๋นก็หดลงเล็กน้อยเฟิงเหยียนเอ่ยต่อว่า "เขามีชีวิตไม่ค่อยดีนัก เหมือนตอนนั้นหลังจากที่เขาท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1263

    ท่าทีของเฟิงเหยียน ไม่ถือว่ากระตือรือร้นมากนัก กระทั่งค่อนข้างเย็นชาด้วยซ้ำแต่ก็เป็นเรื่องปกติ หลังจากที่เขาออกจากสำนักในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีความฮึกเหิมเหมือนสมัยครั้งยังเด็กอีกมักจะเย็นชา และมักจะเฉยเมยปันอวิ๋นเม้มริมฝีปาก เข้าใจถึงสาเหตุนั้นสภาพการณ์ตอนที่เฟิงเหยียนออกจากสำนักครั้งนั้น เขาเองก็รู้เป็นอย่างดีต่อให้จนถึงตอนนี้ ก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนเพราะเฟิงเหยียนถูกทรยศเป็นคนแรก ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในฐานะคนที่ยังไม่ถูกทรยศอันที่จริง จะมากน้อยก็ยังมีความสงสัยว่าถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่เข้าใจอยู่พวกเขารู้สึกว่าเฟิงเหยียนทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเฟิงเหยียนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกเขารู้สึกว่า เป็นเฟิงเหยียนที่ทำไม่ถูกเฟิงเหยียนเป็นคนอกตัญญูจนต่อมา ต่อมาของต่อมา ทุกคนทยอยกันเดินบนเส้นทางของเฟิงเหยียน ใครก็หนีไม่พ้นการทรยศหรือใช้ประโยชน์ทั้งนั้นตามหลักแล้วควรจะยอมรับชะตากรรมอย่างที่เคยเตือนเฟิงเหยียนเอาไว้ในตอนนั้น และมองว่าสิ่งนั้นเป็นการบ่มเพาะและการให้ความสำคัญจากสำนักแต่เพระาอะไร...ถึงได้ดีใจกันขึ้นมาไม่ได้เลยและหลังจากนั้นอีก แต่ละคนก็ทร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1262

    ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าไปกอดนางไว้แบบนี้ตลอด คอยอยู่ด้วยเงียบๆแต่เขากลับไม่ง่วงเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้ปิดตาด้วยแค่มองนางเงียบๆ สัมผัสถึงความร้อนในตัวนางกับชีพจรนางกระทั่งตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง...รู้สึกสงบใจอย่างมากราวกับว่า ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งที่ความทรงจำในอดีตยังไม่กลับคืนเข้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนสลักประทับอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยากที่จะลบเลือนจนกระทั่งลมหายใจของจั๋วซือหรานมั่นคงแล้ว สีหน้ายิ่งมีประกายแดง สภาพดีขึ้นมากแล้วเขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรังเหล่านั้นบนใบหน้าจั๋วซือหราน รู้สึกเสียดแทงตาเหลือเกินจึงได้เคลื่อนไหวเบาๆ เดินออกไปด้านนอก กำชับคนรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนมาไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ แต่เขาหิ้วถังน้ำเข้ามาเองเขาอุ้มนางมาแช่ในถังน้ำ คอยสระชำระเส้นผมนางทีละเล็กทีละน้อย เช็ดคราบเลือดบนผิวนางออกอาบตัวนางจนสะอาดหมดจด อุ้มกลับไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวนางจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณธาตุไฟบริสุทธิ์ เป่าผมนางจนแห้งและเพราะมีกลิ่นอายของเขาห่อหุ้มอยู่ จั๋วซือหรานจึงหลับลึกอย่างสบาย ไม่ตื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1261

    พลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงที่บริสุทธิ์ที่สุด ถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างนั้นจั๋วซือหรานมีความรู้สึกเหมือนตนเองถูกแช่ไว้ในน้ำอุ่น เป็นความรู้สึกที่สบายอย่างที่สุดในลำคอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายยิ่งไปกว่านั้น คนเราก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองลำบากยากเย็นอะไรนักแต่ตอนที่ร่างกายสามารถผ่อนคลายลงมาได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานอีกแล้วพอย้อนคิดไปถึงความยากลำบากเหล่านั้นก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารขึ้นมาจั๋วซือหรานตอนนี้ก็รู้สึก ว่าตนเอง...ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าไรชายคนนี้ เจ้าคนสมควรตายนี่มีสิทธิ์อะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?"..." ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นเขาขมวดคิ้ว รสชาติคคาวหวานของเลือดแผ่ซ่านในร่องฟันของทั้งสองคนเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็เห็นแววตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่หน่อยๆแล้วยังมีสีหน้าท้าทายอีกด้วยดูเหมือนจะจงใจกัดปลายลิ้นเขา น่าจะโมโหเอาการชายหนุ่มไม่ครางออกมาเลย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังโถมใส่นางอย่างเร่าร้อนรุนแรงถ้านางอยากได้ ก็ต้องแล้วแต่นางจั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1260

    เหมือนว่าความทรมานทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทรมานอะไรขนาดนั้นและไม่รู้ว่าเจ้าโง่นี้ใช้แรงกระแทกนางมากแค่ไหน...มีหลายครั้ง ที่นางรู้สึกได้ว่า ในมิตินี้เหมือนสั่นไหวขึ้นมาราวกับวิญญาณของนางที่ถูกขังอยู่ในมิติ จะถูกดันกลับเข้าไปที่เดิมเลยจั๋วซือหรานถลึงตาโตขึ้นหน่อย จ้องมองมิติที่โยกไหวหน่อยๆรู้สึกหมดคำจะพูดแมงมุมน้อยงึมงำขึ้นมาข้างๆ "นายท่าน...ในนี้มัน...ร้อนจัง..."จั๋ซซือรหานมองไปทางเหล่าสัตว์อสูรของตนเอง มองออกไม่ยาก พวกมันเหมือนเริ่มมึนๆ จะหลับกันแล้ว พอเห็นแบบนี้ ก็เหมือนจะไม่ได้แตกต่างอะไรนักกับสถานการณ์ครั้งที่แล้วเพียงแต่ครั้งที่แล้ว ตนเองถูกทำจนเกือบจะสลบไปและตอนนี้ ตนเองถูกทำ...จนใกล้จะตื่นขึ้นมาแล้วผู้ชายคนนี้...ร้ายกาจจริงๆนี่มันช่าง....สัมผัสแนบเนื้อบนตัวนางมีเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ผิวที่เคยขาวซีดไปทั้งตัว ตอนนี้พอมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ จึงยิ่งดูเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน..."อือ..." หญิงสาวที่ไม่มีปฏิกิริยามาตลอด ริมฝีปากที่ยังมีรอยเลือดที่ยังเช็ดไม่สะอาด ส่งเสียงครางออกมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยฟังดูแล้วเป็นเสียงอือๆ งึมงำๆน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1259

    ในใจจั๋วหวายเข้าใจอย่างหนักแน่นว่าเฟิงเหยียนคือผู้ชายทรยศแต่ว่านี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาคิดว่าเฟิงเหยียนจะทำให้พี่สาวดีขึ้นได้คนเราก็มักมีสองมาตรฐานเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกดังนั้นจั๋วหวายแม้จะไม่ได้เน้นหนักว่าผู้ชายทรยศคนนั้นคือผู้ชายทรยศ แต่ก็ยังถามขึ้นว่า "เขาจะพาพี่สาวข้าไปไหน?"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ สายตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "นั่น...เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กๆ ไม่ต้องถามเยอะ"จั๋วหวายเบ้ปาก ในใจก็บ่นว่าตนเองไม่ใช่เด็กแล้วเสียหน่อยแต่ปันอวิ๋นในที่สุดก็ไม่ได้บอกจั๋วหวาย ว่าเฟิงเหยียนจะพาจั๋วซือหรานไปที่ไหนในใจปันอวิ๋นชัดเจนดี สภาพของจั๋วซือหรานแย่หนักถึงระดับนี้แล้ว ขนาดยาก็ยังดื่มไม่ลงถ้าคิดจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปลอบประโลมตัวนาง รวมถึงปลอบประโลมลูกในท้องนาง...วิธีการที่ดีที่สุด คือสิ่งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยสติสัมปชัญญะของจั๋วซือหรานไม่ได้หลับลึกอย่างสมบูรณ์ ในมิติยังสัมผัสรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆความรู้สึกนั้น เหมือนกับสติสัมปชัญญะถูกขังอยู่ในมิติอย่างไรอย่างนั้นนางจึงเป็นได้เพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น"เฮ้อ ดูท่าเขาจะใช้วิะีนั้นสินะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นขนมถั่วแดงกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1258

    แต่ว่าชายหนุ่มยังคงไม่ตอบเขาเขาเพียงยกมือขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อ เผยท่อนแขนออกมาจากในแขนเสื้อจั๋วหวายจึงเห็นว่าท่อนแขนของชายคนนี้ มีลายมัดกล้ามที่สวยงาม กระชับเรียวยาวผิวเองก็ขาวเย็น ไม่รู้ว่าเพราะปกติไม่ค่อยโดนแสงแดดหรือเปล่าและตอนนี้เอง ผิวหนังขาวเย็นที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อพอต้องกับแสงตะวัน จั๋วหวายก็รู้สึกเหมือนขาวจนสะท้อนแสงออกมาเลย!จากนั้น หลังจากสัมผัสกับแสง ก็ค่อยๆ รอยแผลเหมือนไฟลวกที่ค่อยๆ แดงขึ้น ก็ปรากฏมาบนท่อนแขนเขาไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่รอยไหม้เหล่านี้ปรากฏ ท่อนแขนเขาก็มีอักขระประหลาดบางส่วนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพออักขระคำสาปปรากฏ บาดแผลเผาไหม้พวกนั้นก็ถูกสะกดลงไป บาดแผลบนผิวหนังเริ่มสมานตัวกลับเหมือนเดิม หลังจากแผลสมานดี อักขระคำสาปเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปบนผิวหนังเขาแต่ไม่นานนัก ก็ปรากฏแผลไฟลวกอีกครั้ง อักขระเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ดูแล้วทำให้คน...รู้สึกประหลาดมากจั๋วหวายมองจนบื้อไปเลยและชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับแผลที่หายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็หายพวกนี้เลย ราวกับเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้นและก็เหมือนไม่ได้เจ็บได้ปวดเลย แม้ต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1257

    เหมือนว่าพอสายตามองเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดปันปวิ๋นที่เหมือนลมพัดก็สลายหายไปได้ ตอนนั้นเอง สัมผัสทั้งหมดก็เหมือนหายวับไปในพริบตาดวงตามองไม่เห็นสิ่งใดอีกแล้ว หุเองก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนมีดกรีดกลางใจ ไม่เพียงเท่านี้ สมองก็เหมือนถูกของมีคมกวนคนอย่างไรอย่างนั้น เจ็บขึ้นมาเป็นระยะๆยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งอยากจะมองนางให้ชัดจเน ไม่อยากพลาดไปแม้แต่น้อยปันอวิ๋นพอเห็นร่างของเขา และกลิ่นอายนั่นบนตัวปันอวิ๋นในที่สุดก็ถอนใจโล่ง เขามาได้เสียที..."เจ้าหุบเขา?" ศิษย์สำนักข้างๆ ยังระแวดระวังอยู่ปันอวิ๋นบอกกับศิษย์สำนักเสียงเรียบว่า "เขาไม่ทำอะไรหรอก"ศิษย์สำนักพอได้ยินคำนี้ จึงถอนใจโล่งออกมา เพราะตอนที่พวกคนคุ้มกันขวางเขาเมื่อครู่มันเกินต้านแล้วจริงๆปรมาจารย์กู่อย่างพวกเขาเดิมทีก็แพ้ธาตุไฟอยู่แล้ว และชายคนนี้ก็เหมือนจะมีธาตุไฟระดับสูงด้วยพวกเขาไม่มีความสามารถจะไปทัดทานได้เลยปันอวิ๋นพอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก็คิดในใจ ยังจะงงอะไรอยู่เล่า ถ้าเจ้ายังงงอยู่ หญิงสาวคนนี้จะไม่ไหวแล้วนะ!"โอ๊ค..." ในปากจั๋วซือหรานมีเลือดสดทะลักออกมาและมือข้างนั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status