“เวลาผ่านไปสองคืนหนึ่งวันแล้วเจ้าค่ะ” หานกวงกล่าวจั๋วซือหรานพูดในใจว่า พลาดอาหารไปห้ามื้อ จะไม่หิวได้อย่างไรล่ะ“หากแม่นางหิวแล้ว ข้ารีบตามคนในครัวนำอาหารมาให้เจ้า” หานกวงพูดแล้วเงียบชั่วคราวแล้วพูดต่อ “แต่อาจไม่อร่อยนัก”หานกวงมองจั๋วซือหรานแล้วกระซิบ "ข้าได้ยินจากจ้านหลู เขาเล่าให้ฟังว่า แม่นางจิ่วทำอาหารเก่งมาก แม่นางอาจไม่ชอบกับข้าวที่นี่..."โดยปกติแล้ว แม้แต่คนธรรมดาที่มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนกว่าเล็กน้อยก็สามารถฟังออกความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของคำพูดของหานกวงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่ฉลาดอย่างจั๋วซือหราน นางต้องเดาออกความในใจของหานกวงแน่ ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของหานกวงโดยเฉพาะหานกวงแสดงท่าทีที่อยากชิมฝีมืองของนางอย่างมาก ราวกับว่าน้้ไลจะไหลออกจากมุมปากของนางในวินาทีถัดไปน่ารักเชียวจั๋วซือหรานหรี่ตาลง นางขดริมฝีปากแล้วยิ้ม "...จริงหรือ หากมีวัตถุดิบอาหาร ข้าจะทำเอง"หานกวงดีใจทันที “มี มีเจ้าค่ะ มีทุกอย่างเจ้าค่ะ”เมื่อยืนอยู่ในครัวเล็ก ๆ ในลานบ้านของเฟิงเหยียน จั๋วซือหราน รู้สึกพูดอะไรไม่ถูก นางไม่ทันมีปฏิกิริยาเลย ทำไมเรื่องกลายเป็นเช่นนี้ตามแผน นางมาที่นี่เพื่อคุย
อ้าว...นี่...จั๋วซือหรานมองฝ่ามือของนางและหมดคำพูดอยู่ครู่หนึ่งและถึงแม้ว่าภายใต้สถานการณ์นั้น นางไม่มีสติ นางอาจลืมลายละเอียดของตอนนั้นแล้วแต่หลังจากจั๋วซือหรานตระหนักว่านางดูเหมือนใช้หยางของ เฟิงเหยียนเพื่อเติมหยินของนาง ภาพที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เหมือนเป็นเรื่องจริงหรือเป็นภาพลวงตาก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในสมองของนางจั๋วซือหรานไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นอาการประสาทหลอนที่นางคิดเองหรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ นางคิดว่าน่าจะเป็นภาพหลอนกระมังไม่เช่นนั้น...นางจะ...กอดเฟิงเหยีย และจูบเขาอย่างไม่หยุดได้อย่างไรนาง...จูบ เขา ไม่หยุด จริง ๆในความทรงจำที่กระจัดกระจายนี้ จั๋วซือหรานไม่เห็นการจูบสิ้นสุดลงเมื่อใดด้วยซ้ำ นี่แสดงให้เห็นว่านางจูบเขานานแค่ไหนนางกระพริบตาด้วยความสับสน นางอดไม่ได้ที่ต้องยกมือขึ้นและสัมผัสริมฝีปากของนางเบา ๆก่อนหน้านี้ความรู้สึกยังไม่ชัดเจน แต่หลังจากนางตระหนักได้และจำภาพความทรงจำที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันแต่บ้าคลั่งเหล่านั้นได้จั๋วซือหรานก็รู้สึกว่าริมฝีปากของนางเหมือน... บวมนิดหน่อยจริง ๆ เช่นนั้นหรือจั๋วซือหรานกัดริมฝีปากของนางเบา ๆ ริมฝีปากอันแดงและบวมของนาง
หลังจากหานกวงพูดจบ นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูสีหน้าของเจ้านายเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีใจของเจ้านายค่อย ๆ หายไปหานกวงแอบหายใจด้วยความโล่งอก“เอาล่ะ ออกไปก่อนเถิด” เสียงของเฟิงเหยียนกลับมาเป็นเสียงปกติ และเขาก็สั่ง “ดูแลนางด้วย”“รับทราบเจ้าค่ะ” หานกวงรีบวิ่งออกจากตำหนักใต้ดินเฟิงเหยียนเหลือบมองที่กล่องอาหาร เขาหยุดครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาหยิบจานทั้งหมดในกล่องอาหารออกมา นั่งที่โต๊ะหินเย็น ๆ ของตำหนักใต้ดิน จากนั้นหยิบตะเกียบขึ้นมาส่วนหานกวง เมื่อนางออกมาจากตำหนักใต้ดิน นางพบว่าแม่นางจิ่วหายไปแล้ว ช่าง ...เมื่อนางนึกถึงคำสั่งของเจ้านายซึ่งก็คือดูแลแม่นางจิ่วให้ดี ๆฮันกวงคิดอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักว่า แม่นางจิ่วมีความสามารถมาก ดังนั้นนางคงดูแลตัวเองได้สักพักหนึ่ง จากนั้นหานกวงรีบเดินไปที่ครัวเล็ก ๆส่วนอีกด้านหนึ่ง หลังจากจั๋วซือหรานเดินออกจากจวนเฟิง นางก็มุ่งหน้าไปยังจวนจั๋ว หลัก ๆ เป็นเพราะนางกังวลนางหายตัวไปสองคืนหนึ่งวันตั้งแต่นางเดินออกจากตระกูลจั๋ว และมุ่งหน้าไปที่ตระกูลเฟิงในวันนั้น ก็ไม่มีข่าวของนาง และนางไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลยนางไม่อยากให้ท่านแม่เป็นห่วงเพราะเ
เจ้าของร่างเดิมถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่วางยา และถูกฉินตวนหยางควบคุมตัว ทำให้เจ้าของร่างเดิมยืนกรานต้องถอนการหมั้นกับตระกูลเฟิงซึ่งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฟิงและตระกูลจั๋ว และยังทำให้ตระกูลจั๋วเสียหน้าอีกด้วย หลังจากนางเดินทางผ่านกาลเวลา นางกลับมาสารภาพความผิดกับตระกูลจั๋ว แม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่ลงโทษนางอย่างหนัก ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการลงโทษที่หนักที่สุดถูกถูกเฆี่ยนเก้าแส้แต่นางไม่ได้ถูกลงโทษต่อหน้าทุกคนการลงโทษต่อหน้าทุกคนนั้นไม่เพียงต้องรับการลงโทษเท่านั้น แต่ยังต้องทนการจ้องมองของสมาชิกทุกคน ซึ่งผู้ที่ถูกลงโทษอาจไม่มีวันเผชิญหน้าต่อผู้คนได้ เพราะทุกคนมักจำเรื่องนี้ได้ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การลงโทษตามกฎตระกูลต่อหน้าทุกคนไม่เพียงเป็นการลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นความอัปยศอดสูอีกด้วยโดยทั่วไปจะไม่ได้ลงโทษถึงขั้นนี้แต่ตอนนี้ชัดเจนว่า มีคนมีการกระทำอย่างหนักจนต้องรับการลงโทษเช่นนี้คุณท่านจั๋วลิ่วกำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลางสนามเล็ก ๆ เขาดูเหมือนแก่ลงไปสิบกว่าปีชายวัยกลางคนที่เคยมีชีวิตชีวานั้น ตอนนี้เขามีผมหงอกสีขาวที่ด้านข้างขมับในเวลาเพียงไม่กี่วันจั๋วหรูซินไม่ได้คุกเข่าใ
ผู้อาวุโสห้าพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ ผู้อาวุโสใหญ่ตั้งใจลงโทษต่อหน้าทุกคน ไม่เพียงแต่เพื่อคืนความยุติธรรมแก่เจ้า แต่ยังเพื่อให้ทุกคนของสำนักงานใหญ่ของตระกูลรู้ว่าความยุติธรรมนั้นมีอยู่ในตระกูล หากใครกล้าทำร้ายคนในตระกูล คนผู้นั้นจะถูกลงโทษ และได้รับการลงโทษอย่างหนัก”จั๋วซือหรานยืนอยู่ข้างสนาม นางทำท่าเชิญชวนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า "ข้าเพิ่งกลับบ้านเพื่อเยี่ยมท่านแม่ และข้าก็บังเอิญทันเรื่องนี้ หวังว่าข้าคงไม่ได้เสียเวลาของผู้อาวุโส”“เปล่า ๆ ไม่ได้เสียเวลา” ผู้อาวุโสเจ็ดโบกมือแล้วพูดด้วยไมตรีจิต“ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาดูก่อนค่อยไปก็ได้นะ”เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเจ็ด 'ไหน ๆ ก็มาแล้ว' จั๋วซือหรานเกือบหัวเราะโชคดีที่นางอดไว้ นางมองท่านจั๋วลิ่วและจั๋วหรูซินคุณท่านจั๋วลิ่วก้มหน้าลง ดูทรุดโทรมและเงียบสงบมาก และเขาไม่ได้มองนางด้วยซ้ำ แต่จั๋วหรูซิน แม้ว่านางพยายามกลั้นความโกรธแค้นไว้ แต่ก็อดไม่ได้ที่ต้องจ้องมองจั๋วซือหรานด้วยสายตาอันโหดเหี้ยมจั๋วซือหรานเงียบชั่วคราวแล้วถามผู้อาวุโสเจ็ดอย่างไม่ตั้งใจ "แล้วเรื่องนั้น คุณท่านจั๋วลิ่วเป็นผู้ที่ทำร้ายข้าหรือ"ชนเผ่าบางคนที่เฝ้าดูอยู่ทนไ
จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว นางคิดเช่นนี้ในใจ รับการลงโทษแทนลูกสาวหรือไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกคุณท่านจั๋วลิ่วได้รับความไม่ยุติธรรม คงเป็นเพราะพวกเขารู้สึกซึ้งใจกับการกระทำของคุณพ่อที่ใจดีโดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของผู้อาวุโสเจ็ด บางคนอาจคิดว่าผู้อาวุโสเจ็ดรู้สึกซาบซึ้งใจกับการกระทำคุณท่านจั๋วลิ่วเช่นกันดังนั้นเสียงที่หายไปในก่อนหน้านี้รีบดังขึ้นอีกครั้ง“นั่นน่ะสิ ลุงหกก็ถือว่ามีความรับผิดชอบแล้วนะ เป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมเราจะต้องก้าวร้าวขนาดนี้ด้วย...”ผู้อาวุโสเจ็ดยืนอยู่ข้าง ๆ เขาขมวดคิ้วอย่างแรง พระเจ้าช่วย คำพูดของเขาในเมื่อครู่นี้ไม่ได้หมายความว่าเขาสงสารคุณท่านจั๋วลิ่ว แต่เขาหวังว่าจั๋วซือหรานใจรู้สึกสะใจหน่อย และเลิกเหินห่างจากตระกูลจั๋วต่างหากใครจะไปรู้คำพูดของเขาถูกคนที่ดูการลงโทษเข้าใจผิดขนาดนี้ก่อนที่ผู้อาวุโสเจ็ดอยากพูดอะไรต่อ จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ใช่สิ เมื่อท่านพ่อของข้าเสียชีวิตเพื่อตระกูล ท่านพ่อคงไม่คาดคิดเลยว่า ลูกสาวของเขาจะถูกรังแกจนตายโดยพ่อที่รักของคนอื่นกระมัง"ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดคำเหล่านี้ ทุกคนเงียบลงทันทีใครล่ะยังไม่มีพ่อบ้าง ท่
คุณท่านจั๋วลิ่วกระตุกสองสามครั้งบนพื้น เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถต้านทานเฆี่ยนเจ็ดแส้ที่ผู้อาวุโสใหญ่ลงมือ หากเขาทนเฆี่ยนตีเจ็ดครั้งนี้จริง ๆ เขาจะต้องตายแน่ ๆคุณท่านจั๋วลิ่วเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างโศกเศร้าว่า "ผู้ ผู้... ผู้อาวุโสใหญ่ ให้... ให้ข้าตายใน... ทีเดียวเลย..."ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่โบกแส้อีกครั้งด้วยสีหน้าที่เย็นชาคุณท่านจั๋วลิ่วเจ็บจนพูดไม่ได้ เขาไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้องออกมาดัง ๆ ด้วยซ้ำ เขาอ้าปาก และเสียงหวือหวาก็ดังออกมาจากลำคอของเขาด้วยแส้อีกทีหนึ่ง คุณท่านจั๋วลิ่วกระเด้งสองครั้งบนพื้น เหมือนปลาที่กำลังจะตาย และกางเกงของเขาก็เปียกไปหมดฉากนั้นเงียบสนิท ทุกคนเห็นว่าคุณท่านจั๋วลิ่ว ผู้ร่าเริงอยู่เสมอก็ตกอยู่ในสภาพที่น่าเศร้าเช่นนี้ในเวลาอันสั้นนี่แค่สามแส้เท่านั้น เดิมทีผู้อาวุโสใหญ่มีความตั้งใจที่จะฆ่าไก่เพื่อทำให้ลิงตกใจ เพื่อให้ทุกคนได้รับคำเตือน ในขณะนี้ สภาพอันน่าเศร้าของคุณท่านจั๋วลิ่วได้ตักเตือนในใจของทุกคนแล้วเพียงแต่บางคนมีปฏิกิริยาโต้ตอบและมองไปที่จั๋วซือหรานด้วยสายตาที่หวาดกลัวและการตกตะลึงอย่างสุดซึ้งคนผู้นี้รับการลงโทษถึงเก้าแส้เต็ม ๆ นะ
แน่นอนว่าจั๋วซือหรานจำบุคคลที่อยู่ตรงหน้านางได้ และนางสามารถดึงข้อมูลของบุคคลนี้ออกจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมได้อย่างราบรื่นมากลูกชายคนโตของจั๋วเห้อหรง จั๋วหยุนชินเขาเป็นลูกชายของจั๋วเห้อหรงและภรรยาคนแรก แต่ภรรยาคนแรกเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว จั๋วหรูซินเป็นลูกสาวของจั๋วเห้อหรงและภรรยาคนใหม่จั๋วหยุนชินมีพรสวรรค์อย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่จั๋วเห้อหรงมีอำนาจที่แท้จริงในตระกูลแม้ว่าเขามีความสามารถไม่มากนัก เพียงเพราะลูกชายของเขามีอนาคตที่ดีแม้ว่าเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่น่าทึ่งเท่ากับเฟิงเหยียน แต่ในตระกูลเช่นตระกูลจั๋วทีแย่ลงทุกวันและมีพรสวรรค์ที่น้อยกว่าก็ถือว่าดีแล้วและเนื่องจากผลงานที่โดดเด่นของเขาในการฝึกฝนของตระกูลนั้น เขาจึงถูกลัทธิอู๋จี๋สังเกตและถูกเรียกเข้าลัทธิ ซึ่งลัทธิอู๋จี๋เป็นหนึ่งในเจ็ดลัทธิหลักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่คนในตระกูลจั๋วถูกลัทธิด่าง ๆ เลือก ดังนั้นเนื่องจากมีจั๋วหยุนชิน ฐานะของจั๋วเห้อหรงในตระกูลจึงสูงขึ้นเช่นกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่จั๋วหยุนชินไปลัทธิอู๋จี๋ จั๋วเห้อหรง ก็ค่อย ๆ มีอำนาจที่แท้จริงในตระกูลมีความความขัดแย้งระหว่า
จั๋วซือหรานไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธหัวหน้าคนคุ้มกันออกแรงเม้มปาก ในดวงตาแดงก่ำขึ้นจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่าเจ้านายเจ้าเป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน จะมองออกถึงดวงชะตาแล้ว ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วก็น่าจะหวงแหนชีวิตขึ้นมาบ้างจึงจะถูก นี่เจ้ากลับเข้ามารนหาที่ตาย"หัวหน้าคนคุ้มกันริมฝีปากสั่นระริก "แม่นาง..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ เลือกมา"พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันก็ตกตะลึง "อะ อะไรหรือ?""อยากจะรอดหรืออยากจะตาย" จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ อาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ "ถ้าจะส่งเจ้าไปสบายมันง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย อย่าว่าแต่เจ้า พวกลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ข้าสังหารทั้งหมดได้แค่ในไม่กี่อึดใจ"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ในดวงตาสงบนิ่งไปแล้วแท้ๆ แต่กลับเหมือนมีประกายของดวงดาวเปล่งปลั่งขึ้นมา"ยังมี...ชีวิตต่อได้หรือ?" ในน้ำเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันมีความหวังขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ได้ แต่มีสิ่งที่ต้องจ่าย""จ่ายด้วย...อะไรหรือ?"
เพราะขนมชามมีไฟวิเศษเปลวเพลิงอู๋ซื่ออยู่ในตัว รูปร่างเดิมจึงกึ่งโปร่งใสถนัดการพรางตัวมากที่สุดและสภาพก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวกะทันหันของจั๋วซือหราน ตอนที่ผู้เฒ่าเหอมีอาการสั่นไปทั้งตัวจากความผวาต่อตัวนาง แน่นอนว่าความสนใจทั้งหมดจึงพุ่งไปบนตัวนางจนไม่ทันได้สังเกตถึงการเคลื่อนไหวผิดปกติอื่น ดังนั้นจึงไม่รู้สึกตัวเลย ว่าแมลงกู่ที่ร่างกายกึ่งโปรงใสในปกติ และในตอนที่จำเป็นก็เพิ่มระดับความโปร่งใสได้อีก ตัวนี้ ไปเกาะอยู่บนไหล่เขาตั้งแต่เมื่อไรตอนนีเ้อง พอเห็นว่าร่างของผู้เฒ่าเหอล้มลงกะทันหันขนมชามก็รีบกระพือปีกน้อยทั้งสองนั่นขึ้นมา แม้จะบินไม่ได้เร็วหรือสูงนัก แต่การจะบินขึ้นมาจากจุดเดิมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตุบตุบ...ตุบตุบ...มาอยู่เบื้องหน้าจั๋วซือหราน หยุดลงข้างๆ หูแล้วจึงส่งเสียงจี๊ดๆ ขึ้นมาแต่ที่ได้ยินในหูจั๋วซือหราน ขนมชามกำลังบอกว่า "นายท่าน เขาสลบไปแล้ว"จั๋วซือหรานจุ๊ปากขึ้นมา "ชิ อ่อนแอเสียจริง""ใช่เลย" ขนมชามเห็นด้วยกับคำพูดของนายท่าน หลังจากนั้นก็ร่อนลงมาบนไหล่จั๋วซือหราน เอ่ยว่า "ทั้งที่ข้าเป็นคนที่ทนรับได้ง่ายที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้วด้วยซ้ำ"จั๋วซือหรานคิดแล้วก็ขำ พูดอ
สีหน้าผู้เฒ่าเหอแข็งทื่อไป หลังจากตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าก็เขียวจนซีดไป นี่นางกำลังตอบโต้เขาว่าก่อนหน้านี้ผายลมออกมาไม่ดังพอสินะ!ผู้เฒ่าเหอโมโหไม่พอใจ สูดลมหายใจลึก แล้วจึงสงบลงมาได้เขาจ้องจั๋วซือหราน "ใต้เท้าจั๋ว ท่านมาโดยไม่ได้รับเชิญถึงสองรอบ วางยาพิษลูกชายข้า ทำร้ายผู้ใต้บัญชาข้า นี่รังแกกันมากเกินไปแล้ว ทำไมหรือ? ขุนนางราชสำนักสามารถรังแกคนได้แบบนี้หรือไรกัน? คิดว่าต้าชางไม่มีกฏหมายหรือไร?"จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำนี้ พูดออกมาแค่ว่า "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าก็คือ..." ผู้เฒ่าเหอกำลังคิดจะพูดแต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกจั๋วซือหรานตัดบทไปแล้ว "เจ้าคิดว่ายกเอากฏหมายออกมาแล้วจะช่วยชีวิตเจ้าได้เรอะ?""นี่เจ้า...!" ผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตในดวงตาถลึงโตของเขา สะท้อนใบหน้ารอยยิ้มชั่วร้ายของจั๋วซือหราน "ในเมื่อเจ้ากล้าคิดวิธีมาทำร้ายข้า ก็คงจะเคยหาข่าวเรื่องข้ามาแล้ว คงเข้าใจในตัวข้าอยู่บ้างสินะ""ในเมื่อเจ้าเข้าใจตัวข้า ก็น่าจะชัดเจนว่า จั๋วจิ่วอย่างข้าไม่มีนิสัยที่ทำตามกฏระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร" จั๋วซือหรานเหลือบตามองเขา"เจ้ายกกฏหมายขึ้นมามีประโยชน์อะไร? ต่อ
พอได้ยินเสียงนี้ที่ดังขึ้นกะทันหัน แล้วยังคุ้นหูขนาดนี้คุ้นหูจนทำให้ผู้เฒ่าเหอยังหลังเย็นวาบ จนถึงตอนนี้ ข้างหูเขาก็เหมือนยังได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกชายอยู่เลย...ดังนั้น พริบตาที่ได้ยินเสียงนี้ เสียงของผู้เฒ่าเหอที่เดิมทียังกระฟัดกระเฟียด ก็หยุดลงไปทันทีทั่วทั้งลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด!และเสียงใสเย็นของหญิงสาวคนนั้น ก็ดังลอดเข้ามาอีกครั้ง "เจ้าเองก็ลองผายลมเสียงดังๆ ให้ฟังหน่อยสิ"ผู้เฒ่าเหอก็เหมือนจะเพิ่งยืนยันได้ว่านี่ไม่ได้หูฝาด แต่เป็นเสียงของหญิงสาวคนนั้นจริงๆสีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาทันทีและตอนนี้เองหัวหน้าคนคุ้มกันตระกูลเหอที่นอนหายใจรวยรินกันบนพื้น แม้แต่จะเหลือบตามองก็ยังสุดกำลัง ก็เลิกหนังตาขึ้น แล้วมองไปทางเสียงที่ดังลอดเข้ามาเหลือบมองออกไปอย่างสุดกำลังที่มีในสายตา เงาสีแดงร่างหนึ่ง ก็รวกับเป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่ง เผาไหม้เข้ามาจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น จากนั้น จึงก้มลงมองเขาผาดหนึ่งและสบตาเข้ากับเขาที่เงยขึ้นมาพอดีจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว จุ๊ปากขึ้นมาทีหนึ่ง "ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว"หัวหน้าคนนี้เข้าใจความหมายในคำพูดของจั๋วซือหรานซึ่งก็จริง ก่อนหน้านี้นาง
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น
หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา
จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท
นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้