แชร์

บทที่ 155

ผู้แต่ง: หูเทียนเสี่ยว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสแข็งทื่อ

จริงด้วย หากเป็นผู้อื่น พวกเขายังสามารถคิดแผนรับมือโดยคิดว่าคนผู้นั้นมีความคิดเหมือนคนทั่วไป แต่จั๋วจิ่วนั้น...นางบ้าคลั่งจริง ๆ

ดูเหมือนนางมีความคิดไม่เหมือนผู้อื่น ดูเหมือนนางไม่สนใจว่าจะมีใครคอยหนุนหลังนางหรือไม่ นางไม่สนใจว่าตระกูลของคู่แข่งจะแข็งแกร่งเพียงใด นางอยากโจมตีผู้ใดเมื่อใด นางโจมตีทันที

แม้ว่าพวกเขาจะมาจากตระกูลเฟิง ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมาก แต่ในขณะนี้ เหล่าผู้อาวุโสก็หมดคำพูดเช่นกัน

เฟิงเหยียนพูดเบา ๆ “นางทำให้ตระกูลเหยียนอับอายมากจนทุกคนรู้ สุดท้าย มันเป็นเพียงการชนะเพื่อเรียกร้องการเดิมพันเท่านั้น ให้เหยียนชางคุกเข่าลงและยอมรับความพ่ายแพ้ นางให้ความสำคัญกับการเดิมพันอย่างมาก”

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งอดไม่ได้ที่ต้องพูดว่า "แล้วทำไมเจ้าถึงอยากเดิมพันกับนางล่ะ"

เฟิงเหยียนจ้องมองเขาอย่างเย็นชาและไม่แยแส "หากนางสามารถรักษาข้าได้ ทำไมข้าไม่เดิมพันกับนางล่ะ หรือข้าต้องเหมือนพวกท่าน ฝากความหวังไว้กับคนของตระกูลเหยียน เช่นนั้นจะแก้ปัญหาได้หรือ"

เฟิงเหยียนไม่ไคิดจะอยู่นานเกินไป เขาหันหลังกลับและเดินไปที่ทางเข้าห้องโถงด้านหน้า

“เหยียนเอ๋อร์...”

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 156

    โดยปกติแล้ว เรื่องที่ทำได้ง่ายเกินไปจะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยอยู่เสมอแต่มันง่ายมากในขณะนี้ และทุกอย่างดูสมเหตุสมผล ทุกการสงสัยมีคำตอบหมดดังนั้นพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สงสัยและระมัดระวังเท่านั้น แต่... พวกเขากลับผ่อนคลายลงมากแม้ว่าจั๋วจิ่วผู้นี้จะมีความสามารถและทรงพลังมากแค่ไหนก็ตาม ก็เป็นเพียงคนตัวเล็กที่น่าสมเพชและไม่ได้รับการหนุนหลังจากตระกูลชายชุดดำสามคนมาถึงประตูห้องนอนของจั๋วซือหรานอย่างราบรื่นพวกเขาไม่ได้พูดอะไรเพื่อไม่ให้นางตื่นตระหนกดังนั้นพวกเขาจึงสบตากัน และดวงตาของพวกเขาดูเหมือนจะมีความหมายเหมือนกัน นี่มันง่ายเกินไป ไม่มีการป้องกันแต่สิ่งที่พวกเขาทั้งสามไม่รู้ก็คือทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกหลอดอันสีดำสังเกตบนหลังคากระจกของหอระฆังที่อยู่ห่างไกลออกไป มีร่างสีดำเรียวยาวนอนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ โดยมีของที่เป็นสีดำขนาดใหญ่พาดอยู่บนสันหลังคาของหอระฆังรูม่านตาของนางอยู่ใกล้กับกล้องส่องทางไกลของของชิ้นใหญ่นี้ นิ้วเรียวเล็กของนางกำลังค่อย ๆ ปรับความแม่นยำของการมองเห็นเป้าเล็งเคลื่อนไป ๆ มา ๆ บนร่างกายของทั้งสามคนจั๋วซือหรานพึมพำกับตัวเอง "พวกเจ้าไม่ระมัดระวังเลย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 157

    กลิ่นหอมแปลก ๆ อบอวลไปทั่วทั้งห้องในไม่ช้า ชายชุดดำผู้นี้ก็สังเกตร่างกายของตัวเองเริ่มอ่อนแอลง ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาค่อย ๆ หมดแรงเท่านั้น แต่เขาก็ค่อย ๆ พร่ามัวไปด้วยและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งสองของเขาที่ได้รับบาดเจ็บด้านนอกก็ค่อย ๆ หมดสติไปก่อนที่พวกเขาหมดสติไป ดวงตาของพวกเขาก็มองไปในทิศทางนั้นพวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นอาการประสาทหลอนเมื่อพวกเขาหมดสติหรือว่าพวกเขามองเห็นนางจริง ๆ บนหลังคาหอระฆังที่อยู่ไกล ๆ มีร่างผอมของใครบางคนกำลังแบกอาวุธยาวเครื่องหนึ่งและกำลังยืนขึ้น...ก่อนที่พวกเขาจะหมดสติไป ความคิดสุดท้ายในสมองของพวกเขาคือ ตระกูลใหญ่เช่นนี้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เพราะพวกเขาประเมินนางต่ำเกินไป ทำไมพวกเขาทั้งสามถึงไม่ได้ประสบการณ์จากตัวอย่างของคนอื่นบ้างล่ะเพราะหากดูถูกผู้หญิง จะเกิดปัญหาใหญ่แน่ ๆจั๋วซือหรานดูสถานการณ์ที่นี่จากระยะไกลกล้องส่องทางไกล จริง ๆ แล้วก่อนที่นางออกมา นางได้จุดธูปที่ทำให้คนสลบในห้องเพื่อให้ไม่มีภัยเดิมทีนางยังรู้สึกอยู่ว่า นางกำลังทำสิ่งที่ไม่จำเป็นโดยไม่คาดคิด...มีคนถูกหลอกจริง ๆจั๋วซือหราน"เชอะ"หนึ่งที วางของชิ้นใหญ่บนไหล่ของนางเข้าไป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 158

    กวนคุนรีบรับเหรียญที่เจ้านายยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง "บ่าวรีบไปเดี๋ยวนี้ขอรับ"เขารีบออกไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาออกจากจวน เขาจึงตระหนักได้ถึงคำพูดของคุณหนูจิ่ว“อะไรนะ...นักฆ่าหรือ”หลังจากนั้นไม่นาน จวนของท่านอ๋องเซี่ยนห้องโถงด้านหน้าสว่างไสว ซือคงเซี่ยนสวมเสื้อคลุมและนั่งบนเก้าอี้ เขากำลังรับถ้วยชาร้อนจากคนรับใช้และจิบชาหนึ่งคำเขามองคนรับใช้ที่อยู่ใต้เก้าอี้ของเขา เหรียญในมือของคนรับใช้คนนี้คือของที่เขามอบให้กับจั๋วซือหรานจริง ๆ“ใช่ขอรับ คุณหนูให้บ่าวมาส่งข่าวถึงท่านอ๋องขอรับ ว่ามีนักฆ่า แอบมาที่จวน แต่คุณหนูคุมพวกมันไว้แล้ว คุณหนูบอกว่าตราบใดที่บ่าวแค่นี้ ท่านจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร ”ฉวนคูนวิ่งถึงที่นี่สุดพลัง เขาแทบจะหายใจไม่ได้ เขากลั้นหายใจและวิ่งถึงที่นี่ และหลังจากรายงานเรื่องที่จั๋วซือหรานให้เขาพูด เขาจึงเริ่มหายใจแรง ๆซือคงเซี่ยนนั่งอยู่ที่นั่น เขายกมือขึ้นแล้วบีบดั้งจมูกตรงของเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาแสดงถึงความทำอะไรไม่ถูกและความกังวลเขาใช้นิ้วจับหน้าผากแล้วเหลือบมองฉวนคูน "คุณหนูของเจ้าปลอดภัยอยู่ไหม"ฉวนคูนคิดสักพักแล้วตอบว่า "กราบท่านอ๋อง ดูจาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 159

    ต่งคังตระหนักได้อย่างรวดเร็วโดยธรรมชาติว่า นี่ไม่ใช่ทางที่ไปจวนของท่านอ๋องจริง ๆ แต่ท่านอ๋องเซี่ยนเป็นผู้ที่นำทาง ดังนั้นแม้ว่าจะไม่ใช่ทางไปจวนอ๋องก็ตาม...ไหน ๆ ก็มาแล้ว เขาก็ไม่ละเลยเรื่องนี้ดังนั้น เมื่อพวกเขาหยุดที่หน้าบ้านของจั๋วซือหราน ผู้ที่อยู่หน้าบ้านจวนของจั๋วซือหราน ได้แก่ ซือคงเซี่ยน, ต่งคัง ซึ่งผู้เป็นผู้อำนวยการของกรมสอบสวนคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนสองทีม รวมเป็นสิบคนพวกเขาเห็นร่างผอมบางยืนอยู่ที่ประตูบ้านจาดที่ไกล ๆ แม่นางผู้นี้มีผมยาวไว้ด้านหลัง ถือตะเกียงอยู่ในมือดูเหมือนมีพลังที่แข็งแกร่งในความเหงาซือคงเซี่ยนเสียนรัดบังเหียนให้แน่น เขาหยุดม้าที่หน้าประตู พลิกตัวลงจากม้าทันที แล้ววิ่งไปหาจั๋วซือหราน " แม่นางจิ่ว เจ้าสบายดีไหม"ซือคงเซี่ยนถามไปและมองจั๋วซือหรานอย่างละเอียดด้วย แต่เขาไม่เห็นอาการบาดเจ็บใด ๆ บนร่างกายของนางซือคงเซี่ยนจึงรู้สึกโล่งใจและถอนหายใจด้วยความโล่งอกจั๋วซือหรานส่ายหัว "ข้าสบายดี" นางยิ้มอย่างหมดคำพูด "ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง คนรับใช้ที่ข้าส่งไปบอกข่าวไม่ชัดเจนหรือ"“คนรับใช้ของเจ้าพูดชัดเจนเพียงพอแล้ว แต่เขาอาจจะวิ่งไปจนส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 160

    พูดตามตรง หากนางไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะควบคุมมือสังหารได้หากนักฆ่าประสบความสำเร็จจริง ๆ จะไม่มีใครรู้ว่านางตายที่นี่เป็นเวลาสักพักหนึ่งซือคงเซี่ยนสังเกตเรื่องนี้เหมือนกัน เขาขมวดคิ้วแน่น "จวนของเจ้าเงียบและว่างเปล่าเหลือเกิน นี่อันตรายเกินไป หากเจ้าเป็นอะไรในจวนจริง ๆ ข้าขอพูดอะไรไม่น่าฟังหน่อย เจ้าตายในนี้ ไม่มีใครรู้แน่ ๆ ”จั๋วซือหรานหรี่ตาลง และไม่มีความกลัวหรือความตื่นตระหนกบนใบหน้าที่สวยงามของนาง นางโค้งมุมปากเล็กน้อย "แต่..."นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซือคงเซี่ยน "...และในทางกลับกัน ก็เหมือนกันนี่"เมื่อซือคงเซี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ตกตะลึงใช่และในทางกลับกันก็เหมือนกัน วันนี้หากนางฆ่านักฆ่าเหล่านั้นที่นี่ กลัวว่า... จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำและ... ซือคงเซี่ยนคิดออกว่า เนื่องจากนางสามารถควบคุมมือสังหารทั้งสามคนนั้นได้ นางต้องสามารถฆ่ามือสังหารทั้งสามคนนั้นได้เพราะโดยทั่วไป การจับคนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นยากกว่าการฆ่าตายซือคงเซี่ยนเข้าใจทันทีว่า ทำไมจั๋วซือหรานจึงไว้ชีวิตพวกเขาซือคงเซี่ยนพึมพำ "ดังนั้น เจ้าต้องการ..."“ในความเป็นจริง ข้าเป็นหมอ ดังนั้นโดยป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 161

    ในห้องนั้น มือของชายชุดดำสามคนถูกมัดไว้อย่างแน่น และเชือกที่ผูกมือของพวกเขาก็ถูกแขวนไว้บนคานและจั๋วซือหรานได้ปรับความยาวพอดี เพียงพอที่จะยกทั้งสามตัวขึ้นได้ ยิ่งกว่านั้น ปากของเขาเต็มไปด้วยบางสิ่งและพันด้วยผ้า ไม่เพียงแต่พวกเขาพูดไม่ได้ พวกเขายังต้องรักษาอารมณ์ของเขาให้สงบด้วยเพราะเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาตื่นตระหนกเหลือเกิน พวกเขาไม่สามารถหายใจจากทางปาก หากพวกเขาไม่ไม่ระวัง พวกเขาอาจจะต้องเป็นลม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสงบสติอารมณ์ให้ได้จั๋วซือหรานไม่ได้แขวนทั้งตัวของพวกมันไว้บนอากาศ แต่นางก็ไม่ให้เท้าของพวกเขาสัมผัสพื้นด้วย พวกเขาทำได้แค่ปล่อยให้ปลายเท้าของพวกเขาสัมผัสพื้นเท่านั้นท่านี้ทรมานมาก เพราะหลังจากถูกแขวนไว้เป็นเวลานาน ข้อมือ แขน และไหล่ทั้งหมดจะรู้สึกเจ็บราวกับว่าหักดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามยืดหลังเท้าให้ตรงและพยายามให้ปลายเท้าแตะพื้น เพื่อลดแรงกดบนข้อมือ แขน และไหล่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปนาน เท้าของพวกเขาก็เจ็บปวดมากเช่นกันความเจ็บปวดนี้ไม่เคยหายไปแม้แต่วินาทีเดียวยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสองคนได้รับบาดเจ็บที่ขา โดยมีเลือดหยดลงมาที่ขา แล้วหยดจากปลายเท้าลงสู่พื้น

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 162

    ขณะที่นางพูด นางมองไปที่ชายชุดดำสามคนที่ถูกแขวนอยู่ "นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่กล้ารบกวนใต้เท้าของกรมสอบสวนคดีอาญา ข้าจะสืบสวนพวกเขาเอง ส่วนขั้นตอนหลัง ๆ ข้าขอใต้เท้าต่งจัดการอย่างเป็นกลาง”จั๋วซือหรานพูดและเดินไปข้างหน้าชายชุดดำสามคนจ้องมองนางด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พวกเขาส่งเสียงคำรามจากลำคอและบิดตัวอย่างแรงจั๋วซือหรานเดินเข้าไปหาพวกเขา แล้วเอายาเม็ดในมือของนางให้พวกเขาดู“ก่อนอื่น แน่นอนพวกเจ้าต้องกินยาที่ช่วยขยายการรับรู้ความรู้สึกของอวัยวะ เดี๋ยวเมื่อพวกเจ้าถูกทรมาน พวกเจ้าจะได้รับรู้ความรู้สึกทอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น”พวกเขาทั้งสามฟังนางพูดไป และมองนางค่อย ๆ เขย่าขวดยา เม็ดยากลิ้งอยู่ในขวดและส่งเสียงกึกก้องแล้วพอได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้ ทำไมพวกเขากลับรู้สึกนางคลายอารมณ์ ราวกับว่านางกำลังตื่นเต้ากับเรื่องที่นางจะทำในวินาทีต่อมาพวกเขาทั้งสามหวาดกลัว ในใจพวกเขาไม่เพียงแต่เกลียด จั๋วซือหราน แต่ยังเกลียดตัวเองที่ประเมินศัตรูต่ำเกินไป พวกเขายังเกลียดนายจ้าง ซึ่งเป็นตระกูลเหยียนด้วยเพราะพวกเขาบอกชัดเจนว่า วันนี้คุณหนูจั๋วจิ่วได้ใช้พลังมากเกินไปแล้ว ไม่น่ากลัวอีกแล้วนี่หรือที่เรี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 163

    ต่งคังไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขารีบเรียกหน่วยลาดตระเวนที่มากับเขาทันที เพื่อวางสามคนนั้นลงมาก่อนที่จะวางพวกเขาลง ต่งคังถามจั๋วซือหราน " แม่นางจิ่ว แม่นางมีอะไรจะทำอีกไหมขอรับ หากไม่มีแล้ว ข้าจะให้สั่งคนวางสามคนนี้ลงและพาออกไป"จั๋วซือหรานส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าไม่มีอะไรทำอีกแล้ว ได้โปรดทุกท่าน"ต่งคังส่งสัญญาณไปยังหน่วยลาดตระเวน พวกเขาเข้ามา และเตรียมเอาชายสามคนนั้นลงจากคานใครจะรู้...“ปมนี้…” ทหารองครักษ์หลายคนปมบนเชือกที่ผูกชายชุดดำทั้งสามคนนั้น พวกเขารู้สึกปมนี้แกะยากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ปมที่หญิงสาวผกไว้ พวกเขาแกะไม่ออกมีคนไม่กี่คนยังไม่ยอมรับความจริง พวกเขาพยายามแกะปมอีกสองสามครั้ง พวกเขาแน่ใจว่าแกะปมนี้ไม่ออก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอามีดตัดเชือกในความเป็นจริง พวกเขาสามารถตัดเชือกได้โดยตรงตั้งแต่ต้น พวกเขาอยากแสดงมิตรภาพต่อจั๋วซือหรานเพราะพวกเขามักจะรู้สึกเสมอว่า นี่คือห้องของเด็กผู้หญิง และหากตัดเชือกออก เหลือเพียงเชือกปอที่หักเพียงสามเส้นห้อยลงจากคาน ซึ่งไม่เหมาะสมใครจะรู้ว่าปมของหญิงสาวคนนี้แปลกมาก ถึงแม้พวกเขาอยากแกะปมนี้ แต่พวกเขาไม่รู้จะแกะ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 716

    ไม่มีคนสังเกตเห็น ว่าที่ข้างเวที เจ้าสำนักหอจันทร์เงินที่หน้าตาอ่อนโยนหล่อเหลา เวลานี้มีสีหน้าปั้นยากมากตราประทับจันทร์เสี้ยวที่หน้าผากนั่น ขมวดเป็นก้อนจากการขมวดคิ้วแน่นของเขาแล้ว!คนอื่นอาจไม่รู้ แต่อินเจ๋ออันชัดเจนอย่างที่สุด!ผีเสื้อปีกระยับตัวเดียวของนางเผชิญหน้ากับราชาแมงมุมหน้าผีแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรกัน? ผีเสื้อปีกระยับตัวหนึ่งถ้าเผชิญหน้ากับแมงมุมหน้าผีมันไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว!แต่ผีเสื้อปีกระยับนั่นไม่ใช่ของจั๋วซือหราน!อินเจ๋ออันเข้าใจเป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนแรกเขาก็รู้ถึงอันดับการออกสัตว์ประหลาดของซางถิงแล้ว ยกที่สามคือ...ผีเสื้อปีกระยับผีเสื้อปีกระยับที่ไม่มีประโยชน์! เป็นของซางถิง!ส่วนราชาแมงมุมหน้าผีที่พลังกับขนาดร่างกายสะกดไปทั้งเวทีนั่น เป็นของจั๋วซือหรานต่างหาก!อินเจ๋ออันดูถูกนางไปจริงๆ ตอนนี้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เสียใจอย่างมาก เสียใจอย่างมากจริงๆ แค่คิดขึ้นมาใจก็รวดร้าวแล้วตอนนี้เอง ในห้องหรูบนหอในห้องหรูของตระกูลซาง เสียงแหลมหนึ่งดังขึ้น “นี่เลย นี่เลย คุณหนูสี่ ราชาแมงมุมหน้าผีตัวนี้ เดิมทีเป็นสิ่งที่ข้ากับคนเหล่านั้นจะมอบให้เป็นของขวัญวันเก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 715

    พอสิ่งมหึมานี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งลานก็เงียบกริบไปทันที!ทุกคนหวาดกลัวกันจนกระทั่งกลั้นหายใจ!หนึ่งคือเพราะมนุษย์นั้นจะเกิดความกลัวได้ง่ายต่อสิ่งของที่ใหญ่โตมหึมานี่น่าจะเป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในยีนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายยิ่งไปกว่านั้น ตัวมนุษย์เองก็หวาดกลัวกับแมลงประเภทแมงมุมอยู่แล้วโดยเฉพาะแมงมุมที่ดูฉูดฉาดและร่างหายมหึมาขนาดนี้ตอนนี้เอง เจ้าตัวโตที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันบนลานประลองก็คุมสถานการณ์ไปทั้งหมดแล้ว!ใหญ่แล้วหรือ? นี่มันยังย่อไว้หน่อยแล้วด้วยนะ ไม่อย่างนั้นบนเวทีนี้ มันเดินไม่กี่ก้าวก็คงจะสุดทางแล้วแมงมุมหรือ? ขาขนปุกปุยทั้งแปดกับแขนเคียวนั่น แล้วยังมีปากที่แหลมคมอีก มองอย่างไรก็เป็นแมงมุม ไม่ใช่ปูอย่างแน่นอนฉูดฉาดหรือ? ลายดอกไม้บนหลังกับท้องของมัน เหมือนกับใบหน้าผีที่กำลังร้องไห้กำลังหัวเราะอยู่อย่างไรอย่างนั้นนี่คือที่มาของชื่อมัน“แมงมุมหน้าผี!”“นี่มันแมงมุมหน้าผี! น่ากลัวเหลือเกิน!”“ข้ากลัวแมงมุม ขนข้าลุกไปหมดแล้ว!”“ข้าก็ด้วย!”“แมงมุมหน้าผีที่ใหญ่โตขนาดนี้ ต้องเป็นระดับราชาแล้วกระมัง? ครั้งนี้จั๋วซือหรานแพ้แน่แล้ว!”เสียงดังขึ้นไม่ขาดสาย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 714

    ถึงอย่างไร ความจริงก็จะสอนให้เขาเป็นคนเอง ถึงอย่างไร คนเหล่านั้นที่ปากแข็งกับนางก่อนหน้า เจ้าพวกที่ควรตบฉาดก็ตบไปแล้วไม่มีเขาก็ไม่ได้น้อยลง หรือมีเขามาสักคนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไรตอนที่จั๋วซือหรานกลับมาถึงห้องพักผ่อน ก็เห็นเจี่ยงเทียนซิงรออยู่ที่นั่นแล้ว“ทำไมยังมาด้วยตัวเองอีกล่ะ?” จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจเจี่ยงเทียนซิงยิ้มๆ “ในเมื่อชนะแล้วนี่ ก็ต้องมาฉลองชัยชนะของเจ้าสักหน่อยไหม”จั๋วซือหรานหัวเราะเบาๆ “เพิ่งจะยกเดียวเอง ยกต่อไปต่างหากที่สำคัญ”เจี่ยงเทียนซิงคิดๆ ตอบมาว่า “ข้ารู้สึกว่าฉลองล่วงหน้าได้ เจ้าเป็นคนที่มีความคิดดีดีอยู่เสมอ ถ้ารู้สึกไม่มั่นใจพอต่อเรื่องนี้ เจ้าไม่มีทางบุ่มบามเห็นด้วยหรอก”จั๋วซือหรานยิ้มๆ ไม่พูดจา“แต่ก็คิดไม่ถึงว่ายกนี้เจ้าจะสู้ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ” เจี่ยงเทียนซิงเดิมทีคิดว่าความหมายของจั๋วซือหรานคือรอยกต่อไปแล้วค่อยเริ่มต่อสู้ ยกนี้แค่สู้ให้ชนะอย่างหวุดหวิด แต่การแสดงออกเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน แม้จะไม่สามารถพูดได้ว่าข่มกดดันไว้จนหมด แต่ก็ไม่ใช่ชนะอย่างหวุดหวิดแน่นอน ตอนท้ายยังดูค่อนข้างอหังการอีกด้วย จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “หลักๆ คือคิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 713

    “ให้ตายเถอะ...”ทุกคนเห็นแค่ จั๋วซือหรานที่เดิมทีเต้นรำอยู่ท่ามกลางพายุห่าฝนแส้ที่หนาแน่นเวลานี้นั่งลงมาแล้ว...อยู่บนตัวซางถิง?พูดให้ถูกต้องคือ นางกดเขาอยู่บนเวทีหินต้องห้ามไปแล้วหัวเข่าข้างหนึ่งของนางยันไว้ที่หน้าอกเขา แต่การเคลื่อนไหวนี้ ไม่ใช่จุดสำคัญที่ควบคุมเขาไว้ หรือเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญที่ทำให้คนอื่นต้องทึ่งการเคลื่อนไหวสำคัญ คือสองดาบที่พาดไขว้อยู่บนคอซางถิง ดาบสองเล่มสลับไขว้อยู่บนคอเขา คมดาบหันเข้าด้านใน ขังคอของเขาเอาไว้ที่ร่องตัดสลับของคมดาบราวกับว่าขอแค่เขาขยับตัว นางแค่ออกแรงเบาๆ ก็เด็ดหัวเขาออกมาได้แล้ว!เพียงแค่มอง ก็อยู่ในระดับที่ทำให้คนที่เห็นอดกลั้นหายใจขึ้นไม่ได้ขณะที่บนเวทีมีเสียงตกตะลึงดังขึ้น ในห้องหรู เฟิงหร่านก็ส่งเสียงตกตะลึงออกมา“เขา...คนนั้นตายหรือยัง?” เฟิงหร่านถามขึ้น เสียงดูตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะจากมุมมองของนาง มองเห็นแค่แผ่นหลังของจั๋วซือหราน คุกเข่ากดหน้าอกอีกฝ่ายเอาไว้สองมือกุมดาบไขว้กดลงไปมองแล้วเป็นการเคลื่อนไหวที่จะเอาชีวิต เป็นการเคลื่อนไหวแบบประหัตประหารแต่เพราะถูกแผ่นหลังของจั๋วซือหรานบังไว้ ดังนั้นอันที่จริงจึงไม่รู้ว่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 712

    ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 711

    ฝูซูกับเฮยหลิงอยู่ระหว่างทางขึ้นไปห้องหรูบนหอ ก็ได้ยินเสียงโหร้องกึกก้องขึ้นมาจากอัฒจันทร์คนดูตอนที่พวกเขาเข้าไปในห้องหรู ก็เห็นเฟิงหร่านคุณหนูสิบตระกูลเฟิงเข้าสภาพในตอนนี้ ไม่สนใจว่าเป็นหญิงสาวชั้นสูง หรือว่าจะเป็นคุณหนู หรือกระทั่งเป็นสตรีอ่อนหวานอีกแล้วนางยืนอยู่บนเก้าอี้ สายตาจ้องมองเวทีประลองเป็นประกายสองมือกำหมัดแน่น ดูจดจ่อเอามากๆฝูซูรีบถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างเป็นอย่างไรบ้าง? สู้เสร็จแล้วหรือยัง? คุณหนูชนะไหม?”ตาของเฟิงหร่านยังไม่ย้ายไปไหน ยังคงจับจ้องที่เบื้องล่างไม่วางตา แต่ตอบฝูซูกลับมาเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความทึ่ง “ยังไม่จบ แต่คุณหนูจั๋ว...นางร้ายกาจมาก!”ฝูซูรีบเดินไปมองสถานการณ์บนเวทีประลองสภาพของเจี่ยงเทียนซิงดูหนักแน่นกว่าเฟิงหร่านพอควร จึงเล่าสถานการณ์ที่พวกเขาพลาดไปตอนไปลงเดิมพันออกมารอบหนึ่งที่แท้ พวกเขาก็พุ่งกันไปลงเดิมพันจั๋วซือหรานพอส่งสัญญาณเสร็จ ก็ไม่คิดจะทำเป็นอ่อนแอในการต่อสู้แล้วภายใต้การจับตาของทุกคน บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง ก็เริ่มฟื้นตัวกลับอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่าและการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเหมือนนางโดนผลกระทบความเป็นพิษจากนาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 710

    หนึ่งคือสัญลักษณ์ของตระกูลซาง อีกหนึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปอีกา (เชวี่ย)แสดงถึงตัวตนฐานะของนาง ว่าคือซางเชวี่ยคุณหนูสี่แห่งตระกูลซางคนรับใช้ข้างๆ นอบน้อมกับนางอย่างมาก“คุณหนู ท่านว่าไหม?” คนรับใช้เอ่ยขึ้น “แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่าเป็นสายเลือดตระกูลซางจริงๆ ทว่า จากการควบคุมสัตว์ของเขา ดูไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย เสือเขี้ยวดาบแม้จะไม่ค่อยพบเห็นแต่ก็ไม่ได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น นากเขาพิษยังกลับดูพิเศษขึ้นหน่อย”“ข้ารู้สึกว่า...” เสียงของหญิงสาวแจ่มชัดกังวาล แต่เส้นเสียงดูเย็นชาหน่อยๆ “สองคนนี้ยังไม่สู้กันจริงจังเลย”“ไม่จริงจัง?” คนรับใช้ไม่เข้าใจ “จั๋วซือหรานแม้ช่วงนี้จะถูกลือกันอย่างกับเป็นเทพเจ้า แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นแค่แพทย์เท่านั้น แพทย์จะมีทักษะต่อสู้ได้แค่ไหนกัน...เมื่อครู่นางก็เอาแต่หนีนี่นา”หญิงสาวพอได้ยินก็หัวเราะขึ้นเบาๆ “เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้แล้วจะหาเงินได้อย่างไรกัน?”คนรับใช้ไม่เข้าใจ “หาเงิน?”แต่ซางเชวี่ยกลับไม่คิดจะพูดอะไรมาก ทำเพียงจดจ้องสถานการณ์ที่เวทีด้านล่างเท่านั้นจั๋วจิ่วคนนั้นยังไม่สู้จริงจัง นางเองก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ แค่จากการเปลี่ยนแปลงขอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 709

    จั๋วซือหรานเดินไปทางเวทีแม้จะบอกว่าอยู่ในห้องเตรียมตัว ก็ญังสามารถได้ยินเสียงเอะอะภายนอกได้ตอนนี้พอเดินออกมา คลื่นเสียงที่โถมเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มความสั่นสะเทือนขึ้นไปอีกเสียงโหร้อง เสียงก่นด่าของผู้คน เสียงตะโกนลงเดิมพัน และยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้วนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนอินเจ๋ออันยืนอยู่ริมเวที สีหน้ายังคงปั้นยากอยู่สายตาของเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างสงสัยระแวดระวังสองมือจั๋วซือหรานยังกดอยู่ที่หน้าอก เส้นผมหลังหัวรวบสูงเป็นช่อ กลางหลังสะพายดาบคู่อินเจ๋ออันจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ในใจคิด ไม่ว่านางจะมีแผนร้ายอะไร ถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว พอขี่หลังเสือแล้วมันลงยากก็คงต้องไปต่อยิ่งไปกว่านั้น ซางถิงเองก็ไม่ใช่พวกรับมือง่ายด้วยเสียงระฆังดังขึ้นทั้งสองคนขึ้นเวทีอีกครั้ง จั๋วซือหรานมองคู่มืออีกด้านของเวทีดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของอีกฝ่าย ก็กระพริบปริบๆ มองนางการทดสอบยกที่สองเริ่มขึ้นซางถึงตอนนี้ไม่ได้ใช้เสือเขี้ยวดาบเมื่อครู่ต่อแล้วบนอัฒจันทร์คนดูมีแขกไม่น้อยไม่ค่อยเข้าใจ“เมื่อครู่ใช้เสือเขี้ยวดาบก็ไม่ใช่ว่าชนะมาได้หรือ? ทำไมไม่ใช้ต่อ?!”“นั่นสิ! เสื้อเขี้ยวดาบเมื่อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 708

    การยั่วยุเช่นนี้ดูหยาบมาก แต่จั๋วซือหรานกระทั่งไม่คิดจะกลบเกลื่อนเลยสักนิด จนแทบจะเขียนคำว่าข้ากำลังยั่วเจ้าสี่คำนี้ไว้บนหน้าโต้งๆ เลยด้วยซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าอินเจ๋ออันขึ้นหลังเสือจนลงมายากแล้วก็ไม่ได้เกินเลยอะไรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เขากัดฟันเอ่ยขึ้น “พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน! ยกนี้เจ้ายังไม่ชนะเลย แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?!”อินเจ๋ออันพูดจบ ก็เคาะระฆังทันที ประกาศชัยชนะของซางถิงและให้ทุกคนเฝ้ารอยกที่สองตามหลักการแล้วระหว่างยก จะต้องมีแพทย์เข้ามารักษาบาดแผลให้แต่จั๋วซือหรานตนเองก็เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ที่เจี่ยงเทียนซิงจัดมาจึงยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น“แม่...แม่นางจิ่ว”จั๋วซือหรานหันไปมองเขา “แพทย์หรือ?”“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าสำนักให้ข้าเข้ามา...” แพทย์ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าแผลบนตัวจั๋วซือหรานเหล่านั้นสมานเสร็จเรียบร้อยแล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “เรื่องรักษาก็ไม่ต้องแล้วล่ะ เขายังมีอะไรจะมาบอกข้าอีกไหม?”“มี” แพทย์ถอนหายใจโล่ง เอ่ยต่อว่า “เจ้าสำนักให้ข้ามาบอกท่านว่า คนของตระกูลซางที่มา คือซางเชวี่ยคุณหนูสี่ที่ถูกคนในตระกูลให้ความสำคัญมากในปัจจุบันค

DMCA.com Protection Status