Share

บทที่ 1216

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
แต่ที่จั๋วซือหรานคิดไม่ถึงก็คือ เหลียนเจินกลับให้คำตอบที่นางคาดไม่ถึงมา

"ไม่ ไม่ใช่" เหลียนเจินเอ่ยขึ้น

"โอ๋?" จั๋วซือหรานรู้สึกคาดไม่ถึง

"แม้จะบอกว่าหุบเขาหมื่นพิษไม่เห็นด้วยจริงๆ แต่ก่อนที่หุบเขาหมื่นพิษจะไม่เห็นด้วย เหอจื้อหย่วนก็เปลี่ยนความคิดไปแล้ว หันไปหาสำนักเมฆาวารีแทน"

เหลียนเจินเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน "เขารู้สึกว่าสำนักเมฆาวารีมีอนาคตมากกว่า แม้ว่าตอนนั้นข้าจะเข้าใจได้ไม่แม่นยำนักแต่ตอนนั้นเหอจื้อหย่วนบอกว่าคำพูดเหล่านั้นก็เดาได้ไม่ยาก เขาเหมือนรู้ถึงเบื้องหลังกับธุรกิจของสำนักเมฆาวารี รู้สึกว่าถ้าหากหันเข้าหาสำนักเมฆาวารี จะมีอนาคตมากกว่า"

จั๋วซือหรานมุมปากกระตุก สิ่งแรกที่คิดออกคืออักขระคำสาปประหลาดทั้งตัวสุ่ยจิ้งหลาน กับหุ่นเชิดความมืดที่สลายกลายเป็นฝุ่นหลังจากที่ถูกบูชายัญ

ก็ดูจะมีอนาคตจริงๆ จั๋วซือหรานนึกขึ้นมาอย่างแดกดัน

เหลียนเจินเอ่ยต่อว่า "แต่ว่าต่อมาหุบเขาหมื่นพิษก็ปฏิเสธเหอจื้อหย่วน แต่เหอจื้อหย่วนตอนนั้นเนื่องจากได้รับคำตอบที่เกือบแน่นอนแล้วจากสำนักเมฆาวารี ดังนั้นจึงไม่ใส่ใจต่อเรื่องนี้ แล้วยังพูดกันในจวนอีกว่า..."

"อื๋อ?" จั๋วซือหรานส่งเสียงสงสัยขึ้นม
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1217

    สายตาจั๋วซือหรานมองปันอวิ๋นเงียบๆ เอาคำถามที่ถามไปก่อนหน้าถามขึ้นมาอีกครั้ง "ดังนั้นเจ้าหุบเขาหมื่นพิษที่ดื้อรั้น ไปผิดใจ 'ใต้เท้า' พวกนั้นแล้วหรือยัง?"ปันอวิ๋นได้ยินคำของนาง ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่มีเจตนาจะปิดบังอะไรผู้หญิงคนนี้อีกแล้วจริงๆนางฉลาดหลักแหลมมาก เรื่องหลายเรื่องให้นางแค่เบาะแสเล็กๆ ในสมองนางก็จะกระชากทั้งหมดออกมาเองเดิมทีปันอวิ๋นก็ยังคิด ถ้าหากนางเดาอะไรได้ ตนเองปิดบังอะไรได้ก็จะพยายามปิดบังหน่อยแต่ตอนนี้ดูแล้ว ช่างหัวมันเถอะถ้าหากนางเดาอะไรได้ ตนเองก็แค่พยักหน้าตามคำพูดนางไปแล้วกัน ไม่ต้องเปลืองแรงเปลืองสมองแล้วดังนั้นปันอวิ๋นหลังจากถอนหายใจก็เอ่ยขึ้นว่า "เจ้าถามข้าหรือ? ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้หมดแล้วรึ ยังมีอะไรน่าถามอีก"จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ นึกถึงการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตนเองนางเดาว่าปันอวิ๋นอาจจะเคยเป็นเพื่อนสนิทของเฟิงเหยียนไม่แน่ว่าปันอวิ๋นอาจจะทำเพื่อช่วยเฟิงเหยียนอยู่ไม่แน่ว่าท่าทีจะแต่งงานกับนางให้ได้ในตอนนี้ของเขา อันที่จริงก็ทำเพื่อหลังจากที่ดึงนางมาได้แล้ว สภาผู้อาวุโสพวกนั้นก็จะรู้สึกว่านางไม่ได้มีแรงคุกคามต่อเฟิงเหยียนแล้ว อา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1218

    ตอนที่พูดถึงตรงนี้ ปันอวิ๋นก็หัวเราะขึ้นมาจั๋วซือหรานเอียงตามองรอยยิ้มบนหน้าเขาว่าอย่างไรดีล่ะ เป็นรอยยิ้มที่เสียดแทงใจแบบหนึ่ง แล้วยังมี...อาการประชดประชันตัวเองด้วย พูดว่าเป็นความหดหู่จะเหมาะกว่าจั๋วซือหรานรู้ว่าแบกโชคชะตาของแต่ละคนไว้ที่เขาพูดออกมา น่าจะหมายถึงแบบของเฟิงเหยียน ภาชนะพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงของตระกูล"เฟิงเหยียนเป็นภาชนะพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดง จุดนี้เจ้าน่าจะรู้อยู่แล้ว"ปันอวิ๋นพูด แล้วยกชาขึ้นดื่มจนหมดจั๋วซือหรานรู้สึกว่า บางทีเขาน่าจะหวังว่าที่อยู่ในถ้วยจะเป็นสุรากระมังหลังจากปันอวิ๋นกระดกจนหมด จึงเอ่ยต่อว่า "พวกเราแต่ละคนแบกโชคชะตาที่แตกต่างกันไว้ นอกจากเฟิงเหยียนแล้ว คนอื่นเองก็คล้ายๆ กันซงซีเป็นวิญญาณวัตถุมาแต่กำเนิด ให้ด้านการหลอมสกัด มีพลังกับความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ เยี่ยนเหวยมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก เลือดเองก็เป็นตัวประสานยา ราวกับสามารถรักษาโรคทั้งหมดในใต้หล้าได้ ถังฉือไม่มีพลังวิญญาณอะไร แต่ความเข้าใจต่อวิถีกระบี่แทบจะไม่มีใครเทียมได้เลย"มุมปากปันอวิ๋นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ เหมือนความทรงจำเหล่านั้นไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังคงทำให้เขามี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1219

    ปันอวิ๋นเพียงไม่นานก็ให้คำอธิบายกับคำพูดของตนเอง"คนเลี้ยงกู่มักถูกใช้เป็นภาชนะ ดังนั้นระดับการยอมรับต่อเรื่องนี้จึงพอรับได้ แต่เฟิงเหยียนนั้นต่างออกไป ชะตาของเขานั้นเหมือนถูกคำสาปอย่างไรอย่างนั้น""จะว่าไป เขาคือศัตรูตัวฉกาจของข้า สายเลือดตระกูลเฟิงของเขา เป็นวิญญาณเพลิงมาแต่กำเนิด ส่วนข้าคือปรมาจารย์กู่ สิ่งที่กลัวสุดก็คือไฟ ตามหลักการแล้วเข้ากันไม่ได้อย่างที่สุด แต่ตอนนั้น ความสัมพันธ์กลับไม่เลวเลย จนกระทั่ง..."เสียงของปันอวิ๋นหยุดลงมาจั๋วซือหรานเองก็ไม่เร่งรัด นางเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังอยู่เงียบๆปันอวิ๋นหยุดไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยต่อว่า "...จนกระทั่งเขาทรยศออกจากสำนัก"ถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเอ่ยต่อเสียงต่ำว่า "เจ้าหมายถึงที่เขาถูกอาจารย์ทรยศ ถูกหลอกให้กลับไปตระกูล หลังจากที่กลายเป็นภาชนะอย่างแท้จริงแล้วน่ะหรือ"ใช่" ปันอวิ๋นพยักหน้า "เขาเป็นคนแรกที่ทรยศออกจากสำนัก"จั๋วซือหรานคิดจะพยักหน้า ก็ตระหนักขึ้นมาได้ถึงคำพูดนี้ของปันอวิ๋น...คนแรกที่ทรยศสำนักนั่นแสดงว่า ยังมีคนที่สองคนที่สาม..."ตอนเพิ่งเริ่ม เหล่าพี่น้องล้วนไม่เข้าใจ รู้สึกว่าเขาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงอย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1220

    พูดเรื่องเหล่านี้จบ ปันอวิ๋นจึงดื่มชาในถ้วยจนหมด จากนั้นก็ถามจั๋วซือหราน "คำตอบนี้เจ้าพอใจหรือยัง?"จั๋วซือหรานมองเขา ไม่ได้บอกว่าพอใจหรือไม่พอใจผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นอย่างสงบว่า "ข้าไม่ค่อยรู้สึกพอใจกับความขมขื่นของคนอื่นหรอก"ได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ปันอวิ๋นก็มองนางนิ่งไปพักหนึ่ง ไม่พูดอะไรออกมาจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน "ในเมื่อเจ้าบอกว่าไม่ต้องให้ข้าคุ้มกัน เช่นนั้นข้าจะไปนอนแล้ว เจ้าก็พักผ่อนไวไวนะ"และไม่รู้ว่าเพราะเอาเรื่องเก่าๆ ในอดีต รวมไปถึงความไร้เดียงสากับความอ่อนแอหวาดกลัวที่ตนเองซ่อนไว้ในอดีตเปิดเผยออกมาหรือเปล่าปันอวิ๋นจึงเหมือนดูไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนัก เขาไอออกมาเบาๆ เสียงหนึ่ง เปิดประตู เดินออกมาจากในห้องจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานไม่ได้พักผ่อน ยังนั่งนิ่งๆ อยู่ข้างโต๊ะพักหนึ่ง จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ลุกขึ้นยืนแล้วไปนอนลงบนเตียงตอนที่ออกเดินทางวันรุ่งขึ้น จั๋วซือหรานก็เห็นตาของจั๋วหวายบวมจนแทบลืมไม่ขึ้นแม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ถึงอย่างไรนางก็รู้ว่าเมื่อคืนจั๋วหวายไปรำลึกความหลังกับจั๋วเฮ่ออิงมาแต่ตอนที่เห็นดวงตาสองข้างของเด็กคนนั้นบวมจนแทบเปล่งประกายแวบแร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1221

    เสียงของจั๋วหวายมีอารมณ์ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งลมหายใจก็เหมือนจะหอบถี่ขึ้นมาพอควรน่าจะเพราะตระหนักได้ว่าอารมณ์ของตนเองเริ่มไม่มั่นคง จั๋วหวายจึงสูดลมหายใจลึก สงบอารมณ์ลงมาตอนที่มองไปยังพี่สาวอีกครั้ง สีหน้าดูเขินหน่อยๆ และยังมีความกระอักกระอ่วนของวัยหนุ่มอยู่ด้วยเอ่ยขึ้นว่า "สรุป สรุปคือ...ข้าอยากให้เขารู้ ว่าพี่สาวทุ่มเทไปเท่าใด ลำบากมาเท่าใด"จั๋วซือหรานยิ้มๆ ตบบ่าเขาเบาๆ "ข้ายังไงก็ได้ ความคิดของข้าไม่สำคัญหรอก เจ้ากับท่านแม่เห็นก็พอแล้ว"อันที่จริงจั๋วหวายเดิมทียังคิดจะพูดกับพี่สาวอีกว่า เมื่อคืนเขาได้ยินเรื่องราวจากปากของจั๋วเฮ่ออิง ว่าช่วงหลายปีนี้เขามีชีวิตอย่างไร ทำไมถึงไม่เคยกลับไปเลยสักครั้ง...แต่จั๋วหวายก้เห็น ว่าพี่สาวเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้เลย จั๋วหวายคิดๆ สุดท้ายก็เลยไม่พูดอะไรรถม้าโคลงเคลงเคลื่อนที่ไปด้านหน้า จั๋วซือหรานง่วงจึงหลับตาลงพักครู่หนึ่ง แลยังรู้สึกอยู่ตลอด ว่ามีคนคนหนึ่งคอยตามอยู่หลังขบวนรถตลอดจั๋วซือหรานขี้เกียจจะไปใส่ใจ และไม่อยากสนใจด้วย อยากตาก็ตามมาเถอะตลอดทาง นางหลับไปเยอะมาก ตอนที่ตื่นขึ้นมาน้อยครั้งตอนแรกยังแบ่งจิตใต้ส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1222

    เหลียนเจินได้ยินคำพูดของปันอวิ๋นก็พยักหน้า หนีบท้องม้า ควบม้าขึ้นหน้าไปกำชับขบวนรถม้าไม่นานก็หยุดลง องครักษ์พาม้าไปกินหญ้าดื่มน้ำข้างๆจั๋วหวายลงมาจากในรถม้า ปันอวิ๋นฉากร่าง นั่งลงที่ข้างประตูรถม้า เอียงตาถามจั๋วหวาย "พี่สาวเจ้ายังหลับอยู่หรือ?""อืม ระหว่างทางตื่นมาครู่หนึ่ง ดื่มน้ำไปก็หลับต่อ" จั๋วหวายพยักหน้าให้เด็กคนนี้แม้จะเป็นห่วงพี่สาวมาก แต่กลับมั่นใจอย่างมากต่อวิชาแพทย์ของพี่สาว ดังนั้นจึงไม่กังวลมาก แค่รู้สึกว่าพี่สาวคงง่วงไปเท่านั้นปันอวิ๋นเองก็ไม่มีเจตนาจะทำให้เขาต้องกังวล จะได้ไม่ต้องมานั่งปลอบเด็ก"อืม เจ้าก็ไปพักเสียหน่อยเถอะ เดินเล่นยืดเส้นสายหน่อย เหล่าจวงเหมือนจะเตรียมของกินไว้แล้ว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วหวายพอได้ยินคำนี้ ตาก็เป็นประกายขึ้นมา จากนั้นจึงเดินออกไปแต่ปันอวิ๋นกลับฉากตัว มุดเข้าไปในตัวรถอากาศในตัวรถม้า เหมือนจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดตัวจั๋วซือหรานอยู่เป็นประจำในตัวรถปูเบาะเอาไว้หนา ดูเหมือนจะนุ่มสบายมากร่างของหญิงสาวนอนอยู่บนนั้น ขดตัวเล็กน้อย ท่าทางดูสบายมาก บนตัวยังมีผ้าห่มผืนเล็กห่มอยู่ผมยาวสยายออกอยู่บนเบาะหมอน นุ่มสลวยราวกับเป็นหญ้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1223

    ปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "เตรียมเข้าหุบเขาแล้ว หลังจากเข้าหุบเขาพักอีกไม่ได้แล้ว ตอนนี้เป็นการพักครั้งสุดท้าย""จั๋วซือหรานพยักหน้า ตลอดทางนี้มีปันอวิ๋นคอยจัดการสั่งการ ราบรื่นดีมาก ไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย สมกับเป็นเจ้าหุบเขาหมื่นพิษ"ตอนที่นางคอยดูแลจัดการ เขาก็ดูเกียจคร้านเหมือนกองขี้เลนหลังจากนางไม่ดูแลแล้ว เขาก็เหมือนว่าเส้นเอ็นที่ถูกดีดไปก่อนหน้านั้นเด้งกลับที่ฉับพลัน จัดการสิ่งต่างๆ ได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อยปันอวิ๋นชี้ไปอีกด้าน "เหล่าจวงกำลังทำของกินอยู่ ครอบครัวนี้เจ้าพามาได้เหมาะเหม็งเลย พ่อครัวกับลูกมืออีกสองคน ขันแข็งดีมาก"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มตาโค้ง"เจ้าเองก็มากินเสียหน่อยเถอะ เจ้าไม่ได้กินอะไรมาตลอดทางแล้ว ไม่หิวรึ?" ปันอวิ๋นทำจมูกฝุดฝิด "น่าจะคงเป็นเนื้อย่างอีก ระหว่างทางก่อนหน้านี้ พวกเหลียนเจินล่ากวางมาสองตัว ก่อนหน้านี้กินไปแล้วตัวนึง ยังเหลืออีกตัวนึง""เจ้าทำไมไม่ออกไปล่าล่ะ?" จั๋วซือหรานถามขึ้นมาคำหนึ่งปันอวิ๋นจุ๊ปากขึ้นมา เบ้มุมปาก "ถ้าข้าไปล่ามันยังจะกินได้อีกรึ"เขาเป็นเจ้าหุบเขาหมื่นพิษ พอลงมือถ้าไม่ใช่พิษก็คือกู่ แล้วเหยื่อที่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1224

    ปันอวิ๋นเนื่องจากยังไม่วางใจ จึงยังอยู่ในรถม้าของจั๋วซือหรานแต่ว่า เขาก็ยังมองออก ว่าสภาพของจั๋วซือหรานเหมือนจะพอไหวอยู่สีหน้าแจ่มใส ไม่มีอาการง่วงซึมแล้วนี่ทำให้เขาวางใจขึ้นมาไม่น้อย และตอนที่วางใจลงมาปันอวิ๋นจู่ๆ ก็เหมือนมีปฏิกิริยาอะไรขึ้นมา เขาเบิกตาโพลงขึ้นกะทันหันดวงตาเรียวยาวของเขา พอเบิกตาโพลงขึ้นกะทันหัน การกระทำก็จะดูโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดดังนั้นจั๋วซือหรานพอเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไป จึงถามขึ้นว่า "มีอะไรหรือ?"ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว "วันนี้วันอะไรแล้ว?"จั๋วซือหรานครุ่นคิด ช่วงนี้เดี๋ยวก็เมืองหยาง เมืองอวิ๋น เดี๋ยวก็สำนักเมฆาวารี สับสนมึนงงไปหมดดังนั้นพอครุ่นคิดไปครู่หนึ่งจึงตอบว่า "สิบห้า""พรวด แย่แล้ว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ แม้จะฟังออกว่าในน้ำเสียงมีความยุ่งยากขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกอะไรมากมาย"อื๋อ? มีอะไรยุ่งยากหรือ?" จั๋วซือหรานถามปันอวิ๋นตอบ "ระหว่างทางเข้าหุบเขาน่าจะยุ่งยากหน่อย ปกติยังพอว่า แต่ถ้าวันที่สิบห้าล่ะก็..."จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กๆ "คงไม่ได้มีแมลงกู่หรือสัตว์ประหลาดอะไรออกมาระหว่างทางหรอกกระมัง?"ปันอวิ๋นอืมขึ้นมาเส

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1263

    ท่าทีของเฟิงเหยียน ไม่ถือว่ากระตือรือร้นมากนัก กระทั่งค่อนข้างเย็นชาด้วยซ้ำแต่ก็เป็นเรื่องปกติ หลังจากที่เขาออกจากสำนักในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีความฮึกเหิมเหมือนสมัยครั้งยังเด็กอีกมักจะเย็นชา และมักจะเฉยเมยปันอวิ๋นเม้มริมฝีปาก เข้าใจถึงสาเหตุนั้นสภาพการณ์ตอนที่เฟิงเหยียนออกจากสำนักครั้งนั้น เขาเองก็รู้เป็นอย่างดีต่อให้จนถึงตอนนี้ ก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนเพราะเฟิงเหยียนถูกทรยศเป็นคนแรก ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในฐานะคนที่ยังไม่ถูกทรยศอันที่จริง จะมากน้อยก็ยังมีความสงสัยว่าถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่เข้าใจอยู่พวกเขารู้สึกว่าเฟิงเหยียนทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเฟิงเหยียนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกเขารู้สึกว่า เป็นเฟิงเหยียนที่ทำไม่ถูกเฟิงเหยียนเป็นคนอกตัญญูจนต่อมา ต่อมาของต่อมา ทุกคนทยอยกันเดินบนเส้นทางของเฟิงเหยียน ใครก็หนีไม่พ้นการทรยศหรือใช้ประโยชน์ทั้งนั้นตามหลักแล้วควรจะยอมรับชะตากรรมอย่างที่เคยเตือนเฟิงเหยียนเอาไว้ในตอนนั้น และมองว่าสิ่งนั้นเป็นการบ่มเพาะและการให้ความสำคัญจากสำนักแต่เพระาอะไร...ถึงได้ดีใจกันขึ้นมาไม่ได้เลยและหลังจากนั้นอีก แต่ละคนก็ทร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1262

    ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าไปกอดนางไว้แบบนี้ตลอด คอยอยู่ด้วยเงียบๆแต่เขากลับไม่ง่วงเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้ปิดตาด้วยแค่มองนางเงียบๆ สัมผัสถึงความร้อนในตัวนางกับชีพจรนางกระทั่งตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง...รู้สึกสงบใจอย่างมากราวกับว่า ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งที่ความทรงจำในอดีตยังไม่กลับคืนเข้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนสลักประทับอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยากที่จะลบเลือนจนกระทั่งลมหายใจของจั๋วซือหรานมั่นคงแล้ว สีหน้ายิ่งมีประกายแดง สภาพดีขึ้นมากแล้วเขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรังเหล่านั้นบนใบหน้าจั๋วซือหราน รู้สึกเสียดแทงตาเหลือเกินจึงได้เคลื่อนไหวเบาๆ เดินออกไปด้านนอก กำชับคนรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนมาไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ แต่เขาหิ้วถังน้ำเข้ามาเองเขาอุ้มนางมาแช่ในถังน้ำ คอยสระชำระเส้นผมนางทีละเล็กทีละน้อย เช็ดคราบเลือดบนผิวนางออกอาบตัวนางจนสะอาดหมดจด อุ้มกลับไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวนางจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณธาตุไฟบริสุทธิ์ เป่าผมนางจนแห้งและเพราะมีกลิ่นอายของเขาห่อหุ้มอยู่ จั๋วซือหรานจึงหลับลึกอย่างสบาย ไม่ตื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1261

    พลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงที่บริสุทธิ์ที่สุด ถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างนั้นจั๋วซือหรานมีความรู้สึกเหมือนตนเองถูกแช่ไว้ในน้ำอุ่น เป็นความรู้สึกที่สบายอย่างที่สุดในลำคอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายยิ่งไปกว่านั้น คนเราก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองลำบากยากเย็นอะไรนักแต่ตอนที่ร่างกายสามารถผ่อนคลายลงมาได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานอีกแล้วพอย้อนคิดไปถึงความยากลำบากเหล่านั้นก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารขึ้นมาจั๋วซือหรานตอนนี้ก็รู้สึก ว่าตนเอง...ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าไรชายคนนี้ เจ้าคนสมควรตายนี่มีสิทธิ์อะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?"..." ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นเขาขมวดคิ้ว รสชาติคคาวหวานของเลือดแผ่ซ่านในร่องฟันของทั้งสองคนเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็เห็นแววตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่หน่อยๆแล้วยังมีสีหน้าท้าทายอีกด้วยดูเหมือนจะจงใจกัดปลายลิ้นเขา น่าจะโมโหเอาการชายหนุ่มไม่ครางออกมาเลย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังโถมใส่นางอย่างเร่าร้อนรุนแรงถ้านางอยากได้ ก็ต้องแล้วแต่นางจั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1260

    เหมือนว่าความทรมานทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทรมานอะไรขนาดนั้นและไม่รู้ว่าเจ้าโง่นี้ใช้แรงกระแทกนางมากแค่ไหน...มีหลายครั้ง ที่นางรู้สึกได้ว่า ในมิตินี้เหมือนสั่นไหวขึ้นมาราวกับวิญญาณของนางที่ถูกขังอยู่ในมิติ จะถูกดันกลับเข้าไปที่เดิมเลยจั๋วซือหรานถลึงตาโตขึ้นหน่อย จ้องมองมิติที่โยกไหวหน่อยๆรู้สึกหมดคำจะพูดแมงมุมน้อยงึมงำขึ้นมาข้างๆ "นายท่าน...ในนี้มัน...ร้อนจัง..."จั๋ซซือรหานมองไปทางเหล่าสัตว์อสูรของตนเอง มองออกไม่ยาก พวกมันเหมือนเริ่มมึนๆ จะหลับกันแล้ว พอเห็นแบบนี้ ก็เหมือนจะไม่ได้แตกต่างอะไรนักกับสถานการณ์ครั้งที่แล้วเพียงแต่ครั้งที่แล้ว ตนเองถูกทำจนเกือบจะสลบไปและตอนนี้ ตนเองถูกทำ...จนใกล้จะตื่นขึ้นมาแล้วผู้ชายคนนี้...ร้ายกาจจริงๆนี่มันช่าง....สัมผัสแนบเนื้อบนตัวนางมีเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ผิวที่เคยขาวซีดไปทั้งตัว ตอนนี้พอมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ จึงยิ่งดูเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน..."อือ..." หญิงสาวที่ไม่มีปฏิกิริยามาตลอด ริมฝีปากที่ยังมีรอยเลือดที่ยังเช็ดไม่สะอาด ส่งเสียงครางออกมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยฟังดูแล้วเป็นเสียงอือๆ งึมงำๆน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1259

    ในใจจั๋วหวายเข้าใจอย่างหนักแน่นว่าเฟิงเหยียนคือผู้ชายทรยศแต่ว่านี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาคิดว่าเฟิงเหยียนจะทำให้พี่สาวดีขึ้นได้คนเราก็มักมีสองมาตรฐานเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกดังนั้นจั๋วหวายแม้จะไม่ได้เน้นหนักว่าผู้ชายทรยศคนนั้นคือผู้ชายทรยศ แต่ก็ยังถามขึ้นว่า "เขาจะพาพี่สาวข้าไปไหน?"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ สายตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "นั่น...เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กๆ ไม่ต้องถามเยอะ"จั๋วหวายเบ้ปาก ในใจก็บ่นว่าตนเองไม่ใช่เด็กแล้วเสียหน่อยแต่ปันอวิ๋นในที่สุดก็ไม่ได้บอกจั๋วหวาย ว่าเฟิงเหยียนจะพาจั๋วซือหรานไปที่ไหนในใจปันอวิ๋นชัดเจนดี สภาพของจั๋วซือหรานแย่หนักถึงระดับนี้แล้ว ขนาดยาก็ยังดื่มไม่ลงถ้าคิดจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปลอบประโลมตัวนาง รวมถึงปลอบประโลมลูกในท้องนาง...วิธีการที่ดีที่สุด คือสิ่งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยสติสัมปชัญญะของจั๋วซือหรานไม่ได้หลับลึกอย่างสมบูรณ์ ในมิติยังสัมผัสรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆความรู้สึกนั้น เหมือนกับสติสัมปชัญญะถูกขังอยู่ในมิติอย่างไรอย่างนั้นนางจึงเป็นได้เพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น"เฮ้อ ดูท่าเขาจะใช้วิะีนั้นสินะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นขนมถั่วแดงกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1258

    แต่ว่าชายหนุ่มยังคงไม่ตอบเขาเขาเพียงยกมือขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อ เผยท่อนแขนออกมาจากในแขนเสื้อจั๋วหวายจึงเห็นว่าท่อนแขนของชายคนนี้ มีลายมัดกล้ามที่สวยงาม กระชับเรียวยาวผิวเองก็ขาวเย็น ไม่รู้ว่าเพราะปกติไม่ค่อยโดนแสงแดดหรือเปล่าและตอนนี้เอง ผิวหนังขาวเย็นที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อพอต้องกับแสงตะวัน จั๋วหวายก็รู้สึกเหมือนขาวจนสะท้อนแสงออกมาเลย!จากนั้น หลังจากสัมผัสกับแสง ก็ค่อยๆ รอยแผลเหมือนไฟลวกที่ค่อยๆ แดงขึ้น ก็ปรากฏมาบนท่อนแขนเขาไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่รอยไหม้เหล่านี้ปรากฏ ท่อนแขนเขาก็มีอักขระประหลาดบางส่วนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพออักขระคำสาปปรากฏ บาดแผลเผาไหม้พวกนั้นก็ถูกสะกดลงไป บาดแผลบนผิวหนังเริ่มสมานตัวกลับเหมือนเดิม หลังจากแผลสมานดี อักขระคำสาปเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปบนผิวหนังเขาแต่ไม่นานนัก ก็ปรากฏแผลไฟลวกอีกครั้ง อักขระเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ดูแล้วทำให้คน...รู้สึกประหลาดมากจั๋วหวายมองจนบื้อไปเลยและชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับแผลที่หายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็หายพวกนี้เลย ราวกับเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้นและก็เหมือนไม่ได้เจ็บได้ปวดเลย แม้ต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1257

    เหมือนว่าพอสายตามองเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดปันปวิ๋นที่เหมือนลมพัดก็สลายหายไปได้ ตอนนั้นเอง สัมผัสทั้งหมดก็เหมือนหายวับไปในพริบตาดวงตามองไม่เห็นสิ่งใดอีกแล้ว หุเองก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนมีดกรีดกลางใจ ไม่เพียงเท่านี้ สมองก็เหมือนถูกของมีคมกวนคนอย่างไรอย่างนั้น เจ็บขึ้นมาเป็นระยะๆยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งอยากจะมองนางให้ชัดจเน ไม่อยากพลาดไปแม้แต่น้อยปันอวิ๋นพอเห็นร่างของเขา และกลิ่นอายนั่นบนตัวปันอวิ๋นในที่สุดก็ถอนใจโล่ง เขามาได้เสียที..."เจ้าหุบเขา?" ศิษย์สำนักข้างๆ ยังระแวดระวังอยู่ปันอวิ๋นบอกกับศิษย์สำนักเสียงเรียบว่า "เขาไม่ทำอะไรหรอก"ศิษย์สำนักพอได้ยินคำนี้ จึงถอนใจโล่งออกมา เพราะตอนที่พวกคนคุ้มกันขวางเขาเมื่อครู่มันเกินต้านแล้วจริงๆปรมาจารย์กู่อย่างพวกเขาเดิมทีก็แพ้ธาตุไฟอยู่แล้ว และชายคนนี้ก็เหมือนจะมีธาตุไฟระดับสูงด้วยพวกเขาไม่มีความสามารถจะไปทัดทานได้เลยปันอวิ๋นพอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก็คิดในใจ ยังจะงงอะไรอยู่เล่า ถ้าเจ้ายังงงอยู่ หญิงสาวคนนี้จะไม่ไหวแล้วนะ!"โอ๊ค..." ในปากจั๋วซือหรานมีเลือดสดทะลักออกมาและมือข้างนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1256

    ราวกับว่า...ต่อให้นางจะดูอ่อนแอเหมือนกดให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียวแต่ยังคงไม่ยอมให้คนรู้สึกว่าอ่อนแอ ยังคงทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าหากอยากจะเป็นศัตรูกับนาง ก่อนนางตายก็จะลากเจ้าลงนรกไปด้วยกันตอนนี้รอยยิ้มที่ดูเกียจคร้านไม่ใส่ใจ กลับยิ่งดูสงบนิ่งมั่นคงราวกับยกของหนักได้อย่างสบายนางเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน "ใครจะรู้ล่ะ? อาจจะขาดหนูไม้ไผ่อยู่กระมัง"ปันอวิ๋นกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่พอได้ยินหนูไม้ไผ่สองคำนี้ เขาก็รู้แล้ว ว่าตอนที่เขาไปทิ้งจดหมายที่บ้านไม้ไผ่ นางก็เดาได้แล้วว่าเขาทำอะไรเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเป็นหญิงสาวที่เจ้าเล่ห์กว่าจิ้งจอกเสียอีกปันอวิ๋นจุ๊ปาก "เจ้านี่ถึงตายไป สมองก็คงจะแล่นอยู่อย่างนี้สินะ?"จั๋วซือหรานแค่เหลือบมองเขา ไม่ได้พูดอะไร มุมปากกลับยกโค้งขึ้นบางๆหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คิ้วนางก็ขมวดขึ้นบางๆ"ทำไมหรือ?" ปันอวิ๋นเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้านาง จึงขมวดคิ้วเดินเข้ามา สองมือประคองบ่านางไว้อันที่จริงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าทรมานจากหน้านางนัก นางมักจะทำเป็นเหมือนไม่เป็นไรเสมอแต่ตอนนี้ บนสีหน้า กลับดูทรมานขึ้นอย่างชัดเจนจากนั้น นางก็เหมือนจะยืน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status