แชร์

บทที่ 1109

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานตอนที่ควรบ้าก็จะบ้า แต่อันที่จริงถ้าพูดขึ้นมา นางเองก็ไม่ได้มีนิสัยพูดจาใหญ่โต

ดังนั้นก่อนหน้าจึงไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ออกมาโดยละเอียด และเพราะตอนนี้ยังเป็นแค่ความคิดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มเขียนเส้นแรกเลยด้วยซ้ำ

แต่ต่อให้ในใจตนเองคิดไว้ดิบดี ต่อให้ตนเองเข้าใจวิชาหุ่นเชิดอย่างถ่องแท้ แล้วสามารถใช้ไหมกู่มาควบคุมหุ่นเชิดได้จริงล่ะก็...

การจะสร้างกองกำลังหุ่นเชิดของตนเองออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้

แต่ว่าเนื่องจากยังไม่ทันได้เริ่มอะไรทั้งนั้น ดังนั้นจึงแค่คิดไว้ในใจตนเอง ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดออกมา

เพียงแต่สำหรับเหล่าก้อนเนื้อของตนเอง ถึงอย่างไรพวกมันก็คงไม่เอาไปบอกใครอยู่แล้ว ดังนั้นการที่นางเอ่ยขึ้นมา ปัญหาจึงไม่ได้ใหญ่โตอะไร

จั๋วซือหรานใช้เวลาไปพักหนึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ จัดการคัดลอกอักขระคำสาปทั้งหมดบนตะปูวิญญาณ วงแหวนวิญญาณ แล้วก็บนตัวของหุ่นเชิดความมืดออกมาค้นคว้า

นี่เป็นงานละเอียด จำเป็นต้องใช้เวลา

เว้นเรื่องความยุ่งวุ่นวายในมิติของนางไปก่อน

เวลานี้ อีกด้านหนึ่ง

ในโถงหน้าของโรงเตี๊ยม ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังกินอาหารบนโต๊ะอย่างไ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1110

    "ใช่แล้ว น้องชายของแม่นางเราถูกพาตัวไป เป็นฝีมือของสำนักเมฆาวารี เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของแม่นางก็คือเรื่องนี้" เจิ้นเจียงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงฟังแล้วดูกังวลหน่อยๆ"แม่นางอยู่ที่เมืองหลวงแม้จะประสบความสำเร็จในทุกที่ แต่ถึงอย่างไรครั้งนี้มาอยู่ในสถานที่แปลกหน้า ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเผชิญหน้ากับสำนัก ดังนั้นแม่นางจึงต้องยิ่งเตรียมตัวอย่างระมัดระวัง..."เจิ้นเจียงเองก็น่าจะไม่มีใครที่พูดด้วยได้ ในใจอดกลั้นไว้ไม่น้อย พวกเชลยที่คุณหนูจับมาก่อนหน้านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็นคนของสำนักเมฆาวารี เขาเองก็พูดอะไรด้วยไม่ได้คนคุ้มกันตระกูลเหอที่คุณหนูพากลับมาพวกนั้น ก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ พูดอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกันดังนั้นตอนนี้ พอเจอกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณหนู จึงเหมือนกับเปิดประตูน้ำออกอย่างไรอย่างนั้นขณะที่พูดแรงก็เริ่มมา ไม่วา่จะเรื่องที่คุณหนูออกจากเมืองหลวงอย่างไร รับมือกับพวกลอบโจมตีอย่างไร จัดการแก้ไขวิกฤติ รับมือกับอีกฝ่าย จับคนของสำนักเมฆาวารีมาเป็นเชลยอย่างไรหลังจากมาถึงเมืองหยางแล้วรับมือกับตระกูลเหออย่างไร เล่าออกมาจนหมดและขณะที่ 'คุณชายเยี่ยน' กำลังกินข้าวอย่างไม่รีบไม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1111

    "คุณหนูของเจ้าล่ะ อยู่ที่ไหน?"พอได้ยินคำนี้ของเขา เจิ้นเจียงก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาเจิ้นเจียงคิดอยู่นานถึงคำเรียกตัวเขา จึงเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมว่า "เจ้าหุบเขาปัน คุณหนูของข้ายังไม่ได้แต่งงาน ท่านอย่าได้พูดจาส่งเดชเลย มันจะเสียหายไปถึงชื่อเสียงคุณหนูข้า"เจิ้นเจียงอันที่จริงก็สั่นเทาหน่อยๆ ถึงอย่างไรก็สามารถเดาได้ว่าคนตรงหน้าคนนี้เป็นบุคคลที่ร้ายกาจแค่ไหนแต่ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณหนู เจิ้นเจียงก็ไม่มีลังเลแม้แต่น้อย พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาทันทีและพอได้ยินคำนี้ของเจิ้นเจียง ปันอวิ๋นก็เหมือนจะโกรธแล้วคิ้วยาวเลิกขึ้น ดวงตาเรียวยาวคู่นั้น เหมือนยกหางตาขึ้นบางๆ "เจ้าไม่เชื่อหรือ? อย่าไม่เชื่อเลย คุณหนูของเจ้าตกลงกับข้าไปนานแล้วว่าจะแต่งงานกับข้า"เจิ้นเจียงตกตะลึงขึ้นมา เรื่องนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อน แต่เขาเองก็จะปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ดังนั้นจึงทำได้แค่นิ่งเงียบเพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า เจิ้นเจียงรู้สึกหนาวหน่อยๆ...เหมือนรอบตัวมีลมเย็นที่พัดออกมาจากถ้ำน้ำแข็งอะไรแบบนั้นเจิ้นเจียงยังไม่ทันมีปฏิกิริยาว่าปราณเย็นพัดมาจากไหนก็ได้ย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1112

    คิ้วของปันอวิ๋นขมวดเบาๆ แหงนตาสบมองนาง "เจ้ไาปสัมผัสกับสิ่งเย็นมืดอะไรมา?""อื๋อ?" จั๋วซือหรานตอนนี้ก็งงงันไปหน่อยๆ นางคิดไม่ถึงว่า ปันอวิ๋นจะจับออกมาได้จริงๆนางยิ้มโบกไม้โบกมือ ตอบว่า "ไม่มีอะไร ก็แค่ชิงหุ่นเชิดความมืดมาตัวหนึ่ง คิดจะค้นคว้าดูเล่นๆ ปราณหยินเข้าสู่ร่างกายเสียแล้วหรือ? ไม่เป็นไร ไม่กี่วันก็สลายหมดแล้ว"พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ปันอวิ๋นก็จ้องนาง ครู่ต่อมา ในน้ำเสียงก็เหมือนมีความจนใจหรือไม่ก็อารมณ์อะไรสักอย่างอยู่ ถอนใจเอ่ยขึ้นว่า "เจ้านี่มัน...อะไรก็กล้าแย่งมา กล้าเอามาเล่นทั้งหมดเลยจริงๆ"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ฟังออกถึงความหมายของเขา นางตอนนั้นกระทั่งกู่ของเขาก็ยังแย่งมา ตอนนี้ยังแย่งหุ่นเชิดความมืดของคนอื่นมาอีกจั๋วซือหรานคิดๆ ถามขึ้นว่า "จริงด้วย เจ้าไม่ใช่คนพรมแดนใต้หรือ? เคยค้นควัาวิชาหุ่นเชิดบ้างไหม?""รู้นิดหน่อย ทำไมหรือ?" ปันอวิ๋นมองนาง ถามขึ้นว่า "อยากให้ข้าสอนหรือ?"เขายิ้มขึ้นมา ในสายตามีปราณชั่วร้ายขึ้นมา "ก็ได้นะ ข้าจะสอนเจ้า เจ้าหมั้นกับข้าสิ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่พูดไว้แล้วหรือ..."จั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ ถ้าตามนิสัยของนาง น่าจะคงตอบกลับคำพูดนี้ทัน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1113

    ในใจเหมือนมีเสียงที่กำลังกู่ก้องขึ้นอย่างไร้ซุ่มเสียงแต่หลังจากที่ในใจกู่ก้องออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียงแล้ว ตัวเขาเองก็ตกตะลึงไปทำไมในใจถึงได้มีเสียงเช่นนี้ ทั้งที่ควรจะไม่มีความรักกับความรู้สึกใดแล้วแท้ๆแต่ตอนนี้ความรู้สึกในใจมันเหมือนกับไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้วเจิ้นเจียงยังคงตักอาหารให้เขา แต่เขากลับกินอย่างไม่รู้รส กลืนลงไปอย่างยากลำบากส่วนอีกด้าน จั๋วซือหรานเดินมาถึงเรือนหลังโรงเตี๊ยมแล้วร่างสูงใหญ่ของปันอวิ๋น ยังคงตามอยู่ด้านหลังนางหลังจากมาถึงเรือนหลังโรงเตี๊ยม แม้ทั้งสองคนดูแล้ว ระยะห่างเหมือนจะไม่แตกต่างอะไรก่อนหน้าแต่อันที่จริงในพริบตานี้ ระหว่างทั้งสองคนก็เหมือนมีความห่างเหินกันขึ้นมาจั๋วซือหรานหมุนตัวไปทางปันอวิ๋น ขณะที่หมุนตัวหันไป เธอก็ถอยหลังออกมาครึ่งก้าวแค่ระยะห่างสั้นๆ เพียงครึ่งก้าวเท่านั้น กลับเหมือนดึงกว้างห่างออกมาเท่ากับทางช้างเผือกปันอวิ๋นสังเกตถึงความห่างเหินที่นางจู่ๆ ก็ดึงออกมาแล้ว เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ช แม่นางจั๋วนี่ใช้งานเสร็จก็โยนทิ้งกันเสียแล้ว...ิ"ในเสียงของจั๋วซือหรานมีรอยยิ้มจางๆ "เจ้าหุบเขาปันพูดแล้วมัน...ข้าไปใช้ประโยชน์อะไรจากเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1114

    ตอนที่ลุกขึ้นยืนก็มีข้อสรุปขึ้นมา "วิชาของสำนักเมฆาวารีหรือ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็เลิกคิ้ว ยิ้มตาโค้ง "ดูเหมือนเจ้าจะเป็นวิชาหุ่นเชิดสินะ!"ปันอวิ๋นเอียงตาเหล่มองนาง "ที่เจ้าจงใจวางไว้แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อจะดทสอบว่าข้าเป็นจริงหรือเปล่าไม่ใช่เรอะ"จั๋วซือหรานก็มีความหมายนี้อยู่จริงๆ ตอนนี้ถูกปันอวิ๋นจี้เข้ามา นางก็ไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิดนางหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าเจ้าไม่เป็น พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียเวลาบนวิชาหุ่นเชิดอีก"แต่ในเมื่อปันอวิ๋นเป็น...จั๋วซือหรานถามขึ้น "ทำไมถึงมองออกว่าเป็นวิชาของสำนักเมฆาวารี? ข้าดึงตะปูวิญญาณกับห่วงวิญญาณทิ้งไปแล้ว...""ง่ายมาก" ปันอวิ๋นยกมุมปาก รอยยิ้มดูแล้วมีความประชดประชันอยู่ แต่ก็ไม่ได้เพ่งเป้ามาทางจั๋วซือหรานบนความรู้สึก ดูคล้ายจะเพ่งไปทางสำนักเมฆาวารีมากกว่าปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "มีแค่สำนักเมฆาวารีที่เท่านั้นจะทำได้ระดับต่ำแบบนี้ อักขระคำสาปบนตัวก็ขาดความสมบูรณ์แบบ แต่ว่านี่็เป็นลักษณะของทางสำนักเมฆาวารี พวกเขาชอบเน้นไปที่พลานุภาพของหุ่นเชิดความมืด รู้สึกแค่ว่า ถ้าให้คนอื่นมองปราดเดียวแล้วรู้ว่าเป็นหุ่นเชิดความมืด ก็สามารถข่มขู่ฝ่ายตรง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1115

    ใบหน้านี้ จั๋วซือหรานยังสามารถมองออกได้ในทันทียิ่งไปกว่านั้น ตอนที่นางเรียกชื่อเขาออกมา...แม้ว่าเขาจะเป็นหุ่นเชิดความมืดไปแล้ว แต่ก็เหมือนว่ายังมีปฏิกิริยากับชื่อนี้อยู่...หรืออาจจะ มีปฏิกิริยากับเสียงของนางอาจจะเพราะชิงชังนางอย่างมากกระมัง?สรุปคือ จั๋วซือหรานสัมผัสได้ ว่าการโจมตีของเขาเฉียบคมขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว พลิกข้อมือ ดาบยาวในมือชักออกดังเสียงดัง "เคร้ง..."จากนั้นแสงดาบก็แทบจะจ้าแยงตา!นี่เป็นสิ่งที่ปันอวิ๋นคาดการณ์ไม่ถึงเพราะปันอวิ๋นคิดอยู่ตลอด ว่าวิชาแพทย์วิชาพิษวิชากู่ กระทั่งการควบคุมสัตว์ของนางนั้นโดดเด่นมาก แต่ในด้านทักษะยุทธ์ แม้จะไม่ถึงกับอ่อนแอแต่บางทีอาจจะยังด้อยกว่าทักษะด้านอื่นๆ อยู่ถึงอย่างไร มนุษย์ก็ย่อมมีจุดอ่อนเสมอสายอาชีพอย่างแพทย์ ปรมาจารย์พิษ ปรมาจารย์กู่ ปรมาจารย์เชิดหุ่นต่อให้จะรุนแรงแค่ไหน การต่อสู้ระยะประชิดก็ยังเป็นจุดอ่อนอยู่แต่ที่คิดไม่ถึงคือ จั๋วซือหรานในตอนนี้กลับไม่ได้มีความอ่อนแอแบบที่แพทย์คนหนึ่งควรมีเลยหลังจากที่เห็นนางพลิกข้อมือ แล้วมีดาบยาวส่งเสียงวูมขึ้นมาพลังของนางก็เปลี่ยนไปฉับพลัน!หญิงสาวงดงามที่ดูไม่มีพิษภัย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1116

    "นั่นเพราะความทรงจำที่ไม่สมประกอบของเขาล้วนเคียดแค้นชิงชังเจ้ากระมัง ดังนั้นพอได้ยินเสียงของเจ้าถึงได้ทนไม่ไหว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ข้าเห็นหน้าเขาแล้วก็เข็ดฟันสุดๆ ดังนั้นก็เหมือนกันนั่นล่ะ" จากนั้นนางก็ยิ้มตาโค้งให้ปันอวิ๋น "ดังนั้นเจ้าหุบเขาโปรดให้อภัยด้วย"นางวางดาบยาวลงข้างๆ แล้วจึงนั่งยองลงมา มองไปยังหุ่นเชิดความมืดบนพื้น"ดูแล้ว...ก็ไม่ได้น่าเกลียดจริงๆ" จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายที่ปันอวิ๋นพูดไว้ว่าพอเห็นหุ่นเชิดความมืดก็ดูออกว่าเป็นของสำนักเมฆาวารีขึ้นมาแล้วเพราะว่า...พูดแบบนี้แล้วกันหุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของสำนักเมฆาวารี มองแล้วก็เหมือนกับผีดิบแต่หุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของปันอวิ๋น มองแล้วคล้ายกับซือคงอวี้ที่ป่วยหนักจั๋วซือหรานยิ่งรู้สึกสนใจกับวิชาหุ่นเชิดขึ้นไปอีกนางหยิบอักขระคำสาปหุ่นเชิดความมืดสำนักเมฆาวารีที่ตนเองคัดลอกออกมา นำมาเปรียบเทียบอย่างละเอียดกับอักขระคำสาปบนตลับหุ่นเชิดของปันอวิ๋น"เหมือนจะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่เหมือนกันจริงๆ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นตอบ "อักขระคำสาปของปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนทุกคนล้วนมีจุดที่แตกต่าง แต่แกนกลางนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1117

    ที่จั๋วซือหรานไม่รู้ก็คือ การคงอยู่ของพิษกู่ร้อยไหม จุดเริ่มต้นของมัน คือปันอวิ๋นคิดจะเสริมแกร่งการควบคุมของวิชาหุ่นเชิดหวังว่าจะค้นคว้าสิ่งที่มีพลังมากกว่าหุ่นเชิดความมืดออกมาได้แต่ว่า...กลับล้มเหลว"...พิษกู่ร้อยไหมเป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวเท่านั้น" ปันอวิ๋นเอ่ย "ตั้งแต่แรกเริ่ม เป้าหมายของข้าคือหวังว่าจะสามารถทำให้วิชากู่กับวิชาหุ่นเชิดรวมกันได้ในระดับหนึ่ง เกื้อกูลกันจนยกระดับพลังการควบคุมได้"และไม่ต้องไปเอาคนเป็นมาหลอมเป็นหุ่นเชิดอีก เอาจริงๆ กระบวนการนั้นมันค่อนข้างแย่เลยทีเดียวถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเสพสุขกับการสังหารเพียงแต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องจงใจนำออกมาพูดก็ได้ กลับจะดูใจแคบจนเกินไปจั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "สิ่งล้มเหลวที่เจ้าหุบเขาพูด คงไม่ได้หมายถึงพวกหนอนกู่ร้อยไหมหลายตัวนั้นของข้าหรอกใช่ไหม?"ปันอวิ๋นแหงนตามองนาง "พวกมันนั่นล่ะ""เจ้าพูดถึงพวกมันแบบนี้ พวกมันจะรู้สึกแย่เอานะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นไม่ค่อยจะใส่ใจกับเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า "พวกมันมีคุณสมบัติที่พิเศษ ข้าหลอมสกัดออกมาจากแมลงกู่ใยไหม เ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1263

    ท่าทีของเฟิงเหยียน ไม่ถือว่ากระตือรือร้นมากนัก กระทั่งค่อนข้างเย็นชาด้วยซ้ำแต่ก็เป็นเรื่องปกติ หลังจากที่เขาออกจากสำนักในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีความฮึกเหิมเหมือนสมัยครั้งยังเด็กอีกมักจะเย็นชา และมักจะเฉยเมยปันอวิ๋นเม้มริมฝีปาก เข้าใจถึงสาเหตุนั้นสภาพการณ์ตอนที่เฟิงเหยียนออกจากสำนักครั้งนั้น เขาเองก็รู้เป็นอย่างดีต่อให้จนถึงตอนนี้ ก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนเพราะเฟิงเหยียนถูกทรยศเป็นคนแรก ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในฐานะคนที่ยังไม่ถูกทรยศอันที่จริง จะมากน้อยก็ยังมีความสงสัยว่าถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่เข้าใจอยู่พวกเขารู้สึกว่าเฟิงเหยียนทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเฟิงเหยียนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกเขารู้สึกว่า เป็นเฟิงเหยียนที่ทำไม่ถูกเฟิงเหยียนเป็นคนอกตัญญูจนต่อมา ต่อมาของต่อมา ทุกคนทยอยกันเดินบนเส้นทางของเฟิงเหยียน ใครก็หนีไม่พ้นการทรยศหรือใช้ประโยชน์ทั้งนั้นตามหลักแล้วควรจะยอมรับชะตากรรมอย่างที่เคยเตือนเฟิงเหยียนเอาไว้ในตอนนั้น และมองว่าสิ่งนั้นเป็นการบ่มเพาะและการให้ความสำคัญจากสำนักแต่เพระาอะไร...ถึงได้ดีใจกันขึ้นมาไม่ได้เลยและหลังจากนั้นอีก แต่ละคนก็ทร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1262

    ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าไปกอดนางไว้แบบนี้ตลอด คอยอยู่ด้วยเงียบๆแต่เขากลับไม่ง่วงเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้ปิดตาด้วยแค่มองนางเงียบๆ สัมผัสถึงความร้อนในตัวนางกับชีพจรนางกระทั่งตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง...รู้สึกสงบใจอย่างมากราวกับว่า ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งที่ความทรงจำในอดีตยังไม่กลับคืนเข้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนสลักประทับอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยากที่จะลบเลือนจนกระทั่งลมหายใจของจั๋วซือหรานมั่นคงแล้ว สีหน้ายิ่งมีประกายแดง สภาพดีขึ้นมากแล้วเขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรังเหล่านั้นบนใบหน้าจั๋วซือหราน รู้สึกเสียดแทงตาเหลือเกินจึงได้เคลื่อนไหวเบาๆ เดินออกไปด้านนอก กำชับคนรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนมาไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ แต่เขาหิ้วถังน้ำเข้ามาเองเขาอุ้มนางมาแช่ในถังน้ำ คอยสระชำระเส้นผมนางทีละเล็กทีละน้อย เช็ดคราบเลือดบนผิวนางออกอาบตัวนางจนสะอาดหมดจด อุ้มกลับไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวนางจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณธาตุไฟบริสุทธิ์ เป่าผมนางจนแห้งและเพราะมีกลิ่นอายของเขาห่อหุ้มอยู่ จั๋วซือหรานจึงหลับลึกอย่างสบาย ไม่ตื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1261

    พลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงที่บริสุทธิ์ที่สุด ถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างนั้นจั๋วซือหรานมีความรู้สึกเหมือนตนเองถูกแช่ไว้ในน้ำอุ่น เป็นความรู้สึกที่สบายอย่างที่สุดในลำคอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายยิ่งไปกว่านั้น คนเราก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองลำบากยากเย็นอะไรนักแต่ตอนที่ร่างกายสามารถผ่อนคลายลงมาได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานอีกแล้วพอย้อนคิดไปถึงความยากลำบากเหล่านั้นก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารขึ้นมาจั๋วซือหรานตอนนี้ก็รู้สึก ว่าตนเอง...ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าไรชายคนนี้ เจ้าคนสมควรตายนี่มีสิทธิ์อะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?"..." ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นเขาขมวดคิ้ว รสชาติคคาวหวานของเลือดแผ่ซ่านในร่องฟันของทั้งสองคนเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็เห็นแววตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่หน่อยๆแล้วยังมีสีหน้าท้าทายอีกด้วยดูเหมือนจะจงใจกัดปลายลิ้นเขา น่าจะโมโหเอาการชายหนุ่มไม่ครางออกมาเลย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังโถมใส่นางอย่างเร่าร้อนรุนแรงถ้านางอยากได้ ก็ต้องแล้วแต่นางจั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1260

    เหมือนว่าความทรมานทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทรมานอะไรขนาดนั้นและไม่รู้ว่าเจ้าโง่นี้ใช้แรงกระแทกนางมากแค่ไหน...มีหลายครั้ง ที่นางรู้สึกได้ว่า ในมิตินี้เหมือนสั่นไหวขึ้นมาราวกับวิญญาณของนางที่ถูกขังอยู่ในมิติ จะถูกดันกลับเข้าไปที่เดิมเลยจั๋วซือหรานถลึงตาโตขึ้นหน่อย จ้องมองมิติที่โยกไหวหน่อยๆรู้สึกหมดคำจะพูดแมงมุมน้อยงึมงำขึ้นมาข้างๆ "นายท่าน...ในนี้มัน...ร้อนจัง..."จั๋ซซือรหานมองไปทางเหล่าสัตว์อสูรของตนเอง มองออกไม่ยาก พวกมันเหมือนเริ่มมึนๆ จะหลับกันแล้ว พอเห็นแบบนี้ ก็เหมือนจะไม่ได้แตกต่างอะไรนักกับสถานการณ์ครั้งที่แล้วเพียงแต่ครั้งที่แล้ว ตนเองถูกทำจนเกือบจะสลบไปและตอนนี้ ตนเองถูกทำ...จนใกล้จะตื่นขึ้นมาแล้วผู้ชายคนนี้...ร้ายกาจจริงๆนี่มันช่าง....สัมผัสแนบเนื้อบนตัวนางมีเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ผิวที่เคยขาวซีดไปทั้งตัว ตอนนี้พอมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ จึงยิ่งดูเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน..."อือ..." หญิงสาวที่ไม่มีปฏิกิริยามาตลอด ริมฝีปากที่ยังมีรอยเลือดที่ยังเช็ดไม่สะอาด ส่งเสียงครางออกมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยฟังดูแล้วเป็นเสียงอือๆ งึมงำๆน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1259

    ในใจจั๋วหวายเข้าใจอย่างหนักแน่นว่าเฟิงเหยียนคือผู้ชายทรยศแต่ว่านี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาคิดว่าเฟิงเหยียนจะทำให้พี่สาวดีขึ้นได้คนเราก็มักมีสองมาตรฐานเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกดังนั้นจั๋วหวายแม้จะไม่ได้เน้นหนักว่าผู้ชายทรยศคนนั้นคือผู้ชายทรยศ แต่ก็ยังถามขึ้นว่า "เขาจะพาพี่สาวข้าไปไหน?"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ สายตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "นั่น...เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กๆ ไม่ต้องถามเยอะ"จั๋วหวายเบ้ปาก ในใจก็บ่นว่าตนเองไม่ใช่เด็กแล้วเสียหน่อยแต่ปันอวิ๋นในที่สุดก็ไม่ได้บอกจั๋วหวาย ว่าเฟิงเหยียนจะพาจั๋วซือหรานไปที่ไหนในใจปันอวิ๋นชัดเจนดี สภาพของจั๋วซือหรานแย่หนักถึงระดับนี้แล้ว ขนาดยาก็ยังดื่มไม่ลงถ้าคิดจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปลอบประโลมตัวนาง รวมถึงปลอบประโลมลูกในท้องนาง...วิธีการที่ดีที่สุด คือสิ่งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยสติสัมปชัญญะของจั๋วซือหรานไม่ได้หลับลึกอย่างสมบูรณ์ ในมิติยังสัมผัสรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆความรู้สึกนั้น เหมือนกับสติสัมปชัญญะถูกขังอยู่ในมิติอย่างไรอย่างนั้นนางจึงเป็นได้เพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น"เฮ้อ ดูท่าเขาจะใช้วิะีนั้นสินะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นขนมถั่วแดงกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1258

    แต่ว่าชายหนุ่มยังคงไม่ตอบเขาเขาเพียงยกมือขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อ เผยท่อนแขนออกมาจากในแขนเสื้อจั๋วหวายจึงเห็นว่าท่อนแขนของชายคนนี้ มีลายมัดกล้ามที่สวยงาม กระชับเรียวยาวผิวเองก็ขาวเย็น ไม่รู้ว่าเพราะปกติไม่ค่อยโดนแสงแดดหรือเปล่าและตอนนี้เอง ผิวหนังขาวเย็นที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อพอต้องกับแสงตะวัน จั๋วหวายก็รู้สึกเหมือนขาวจนสะท้อนแสงออกมาเลย!จากนั้น หลังจากสัมผัสกับแสง ก็ค่อยๆ รอยแผลเหมือนไฟลวกที่ค่อยๆ แดงขึ้น ก็ปรากฏมาบนท่อนแขนเขาไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่รอยไหม้เหล่านี้ปรากฏ ท่อนแขนเขาก็มีอักขระประหลาดบางส่วนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพออักขระคำสาปปรากฏ บาดแผลเผาไหม้พวกนั้นก็ถูกสะกดลงไป บาดแผลบนผิวหนังเริ่มสมานตัวกลับเหมือนเดิม หลังจากแผลสมานดี อักขระคำสาปเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปบนผิวหนังเขาแต่ไม่นานนัก ก็ปรากฏแผลไฟลวกอีกครั้ง อักขระเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ดูแล้วทำให้คน...รู้สึกประหลาดมากจั๋วหวายมองจนบื้อไปเลยและชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับแผลที่หายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็หายพวกนี้เลย ราวกับเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้นและก็เหมือนไม่ได้เจ็บได้ปวดเลย แม้ต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1257

    เหมือนว่าพอสายตามองเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดปันปวิ๋นที่เหมือนลมพัดก็สลายหายไปได้ ตอนนั้นเอง สัมผัสทั้งหมดก็เหมือนหายวับไปในพริบตาดวงตามองไม่เห็นสิ่งใดอีกแล้ว หุเองก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนมีดกรีดกลางใจ ไม่เพียงเท่านี้ สมองก็เหมือนถูกของมีคมกวนคนอย่างไรอย่างนั้น เจ็บขึ้นมาเป็นระยะๆยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งอยากจะมองนางให้ชัดจเน ไม่อยากพลาดไปแม้แต่น้อยปันอวิ๋นพอเห็นร่างของเขา และกลิ่นอายนั่นบนตัวปันอวิ๋นในที่สุดก็ถอนใจโล่ง เขามาได้เสียที..."เจ้าหุบเขา?" ศิษย์สำนักข้างๆ ยังระแวดระวังอยู่ปันอวิ๋นบอกกับศิษย์สำนักเสียงเรียบว่า "เขาไม่ทำอะไรหรอก"ศิษย์สำนักพอได้ยินคำนี้ จึงถอนใจโล่งออกมา เพราะตอนที่พวกคนคุ้มกันขวางเขาเมื่อครู่มันเกินต้านแล้วจริงๆปรมาจารย์กู่อย่างพวกเขาเดิมทีก็แพ้ธาตุไฟอยู่แล้ว และชายคนนี้ก็เหมือนจะมีธาตุไฟระดับสูงด้วยพวกเขาไม่มีความสามารถจะไปทัดทานได้เลยปันอวิ๋นพอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก็คิดในใจ ยังจะงงอะไรอยู่เล่า ถ้าเจ้ายังงงอยู่ หญิงสาวคนนี้จะไม่ไหวแล้วนะ!"โอ๊ค..." ในปากจั๋วซือหรานมีเลือดสดทะลักออกมาและมือข้างนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1256

    ราวกับว่า...ต่อให้นางจะดูอ่อนแอเหมือนกดให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียวแต่ยังคงไม่ยอมให้คนรู้สึกว่าอ่อนแอ ยังคงทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าหากอยากจะเป็นศัตรูกับนาง ก่อนนางตายก็จะลากเจ้าลงนรกไปด้วยกันตอนนี้รอยยิ้มที่ดูเกียจคร้านไม่ใส่ใจ กลับยิ่งดูสงบนิ่งมั่นคงราวกับยกของหนักได้อย่างสบายนางเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน "ใครจะรู้ล่ะ? อาจจะขาดหนูไม้ไผ่อยู่กระมัง"ปันอวิ๋นกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่พอได้ยินหนูไม้ไผ่สองคำนี้ เขาก็รู้แล้ว ว่าตอนที่เขาไปทิ้งจดหมายที่บ้านไม้ไผ่ นางก็เดาได้แล้วว่าเขาทำอะไรเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเป็นหญิงสาวที่เจ้าเล่ห์กว่าจิ้งจอกเสียอีกปันอวิ๋นจุ๊ปาก "เจ้านี่ถึงตายไป สมองก็คงจะแล่นอยู่อย่างนี้สินะ?"จั๋วซือหรานแค่เหลือบมองเขา ไม่ได้พูดอะไร มุมปากกลับยกโค้งขึ้นบางๆหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คิ้วนางก็ขมวดขึ้นบางๆ"ทำไมหรือ?" ปันอวิ๋นเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้านาง จึงขมวดคิ้วเดินเข้ามา สองมือประคองบ่านางไว้อันที่จริงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าทรมานจากหน้านางนัก นางมักจะทำเป็นเหมือนไม่เป็นไรเสมอแต่ตอนนี้ บนสีหน้า กลับดูทรมานขึ้นอย่างชัดเจนจากนั้น นางก็เหมือนจะยืน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status