แชร์

บทที่ 773

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
ถ้าเขาไม่รู้จักจิ่งโม่เยี่ยดี คงคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยเป็นคนซื่อๆ และอ่อนโยนแบบนี้จริงๆ

เขาคิดจากใจจริงว่าจิ่งโม่เยี่ยช่างหน้าไม่อาย แถมยังเสแสร้งเก่งอีก

จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น

สำหรับจิ่งโม่เยี่ยแล้ว ความคิดของปู๋เยี่ยโหวไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือความรู้สึกที่เหมยตงยวนมีต่อเขา

หลังจากที่เขาเดินตามเหมยตงยวนออกมา เหมยตงยวนก็ถามเขาว่า “เจ้าจงใจ?”

จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “ไม่เชิงจงใจ ตอนนั้นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ”

“ข้าหลบได้ แต่ข้าไม่อยากหลบ”

“ถ้าชูอิ่งตื่นขึ้นมานางคงไม่สนใจข้าอีก แต่ข้าอยากใกล้ชิดนาง”

เหมยตงยวน “......”

ตอนแรกเขาอยากจะด่าจิ่งโม่เยี่ย แต่คำพูดของจิ่งโม่เยี่ยจริงใจเกินไป แถมสีหน้ายังดูน่าสงสารอีก

เขาเคยลิ้มรสความรักที่ไม่สมหวังมาก่อน ดังนั้นจึงเข้าใจความรู้สึกของจิ่งโม่เยี่ยได้

เหมยตงยวนจ้องจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า “คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”

จิ่งโม่เยี่ยก้มหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถ้ามีโอกาสแบบนี้ในภายภาคหน้า ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ”

เหมยตงยวน “......”

นี่มันจริงใจเกินไปแล้ว

ตอนนี้เขาอยากจะต่อยจิ่งโม่เยี่ย แต่พอเห็นผมขาวโพลนของจิ่งโม่เยี่ย เขาก็พยายาม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 774

    จิ่งโม่เยี่ยกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ใช่ ข้ากำลังหาที่ตายอยู่ ชีวิตมันไม่มีความหมายอะไรแล้ว เจ้าฆ่าข้าเสียเถิด”เหมยตงยวน “…”เขาอยากจะฆ่าจิ่งโม่เยี่ยใจจะขาด แต่จิ่งโม่เยี่ยมีพลังมังกรคุ้มกาย เขาฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ยิ่งมองเห็นจิ่งโม่เยี่ยมีสภาพแบบนี้ เขาก็ยิ่งนึกถึงตัวเองในอดีตความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมารดาของเฟิ่งชูอิ่งนั้นดูจะแย่กว่านี้อีกถึงเขาจะไม่ชอบจิ่งโม่เยี่ย แต่เขาก็รู้สึกเห็นใจและไม่สามารถเกลียดชังอีกฝ่ายได้ลงทว่าจิ่งโม่เยี่ยที่มีสภาพเป็นแบบนี้ ไล่ก็ไม่ไป ฆ่าก็ไม่ตาย ทำให้เขารู้สึกปวดหัวจริงๆ จิ่งโม่เยี่ยมาคืนนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปอยู่แล้วตราบใดที่เหมยตงยวนไม่ฆ่าเขา เขาก็จะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนทั้งนั้นเหมยตงยวนทำหน้าเย็นชา แค่นเสียงในลำคอเบาๆ แล้วไม่สนใจเขาอีกจิ่งโม่เยี่ยนั่งอยู่หน้าห้องของเฟิ่งชูอิ่ง ได้อยู่ใกล้ชิดกับนางแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจไม่ว่าในเมืองหลวงจะวุ่นวายแค่ไหน ขณะนี้ใจของเขาก็สงบปู๋เยี่ยโหวเห็นจิ่งโม่เยี่ยนั่งอยู่ตรงนั้นก็เข้ามาถามว่า “อะไรกัน? เจ้าจะใช้ลูกไม้ตามตื๊อหน้าด้านๆ อย่างนั้นหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยพูดอย่างแผ่วเบา “ถ้าหน้าด้านแล้วได้ผล ก็ไม่เส

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 775

    เขาเหลือบมองปู๋เยี่ยโหวแล้วพูดว่า “อย่างนั้นหรือ ถ้างั้นข้าก็ขอบใจแล้วกัน”คำพูดนี้ฟังดูไม่จริงใจเอาเสียเลย ปู๋เยี่ยโหวจึงเบ้ปาก “ข้าไม่รู้สึกถึงความจริงใจในคำพูดของเจ้าเลยสักนิด”จิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “บังเอิญ ข้าก็เหมือนกัน”ทั้งสองเป็นญาติกัน ตอนที่ร่วมมือกันจัดการกับฮ่องเต้เจาหยวน ทั้งคู่ก็เข้าขากันเป็นอย่างดีปกติเวลาทำงานราชการ ทั้งสองก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดีเช่นกันแต่เรื่องที่เกี่ยวกับเฟิ่งชูอิ่ง ทั้งคู่ก็มักจะขุดหลุมพรางใส่กันโดยที่ไม่มีใครยอมใครเลยปู๋เยี่ยโหวหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะกลัวจะรบกวนคนอื่นก่อนที่จิ่งโม่เยี่ยจะมา อารมณ์ของเขาย่ำแย่มาก แต่ตอนนี้เขารู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งอยู่ในห้อง และนางปฏิเสธความรักจากปู๋เยี่ยโหว อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมากตรรกะของเขาก็เรียบง่ายมาก ตราบใดที่เฟิ่งชูอิ่งยังไม่มีคนที่ชอบ เขาก็ยังมีโอกาสเขาเห็นปู๋เยี่ยโหวยิ้ม เขาก็ยิ้มออกมาเช่นกันเดิมทีเขาอยากจะทำลายโลกใบนี้ แต่เมื่อคิดว่านางยังอยู่ในโลกนี้ โลกนี้ก็ยังมีคุณค่าที่จะดำรงอยู่วันที่สองเฟิ่งชูอิ่งตื่นขึ้นมา รู้สึกปวดหัววิงเวียนไปหมดนางยกมือนวดขมับ รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมากเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 776

    งานเข้าแล้ว ขายหน้าแบบสุดๆ!ถึงนางจะหน้าด้านแค่ไหน ก็ทนไม่ไหวจริงๆ !เฉี่ยวหลิงเห็นท่าทางของนางก็หัวเราะ “คุณหนูคออ่อนทนฤทธิ์สุราได้ไม่ค่อยดี พอเมาแล้วก็อาละวาด ต่อไปอย่าดื่มเลยจะดีกว่า”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ครั้งนี้เมาจนสร้างเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ต่อไปนางจะกล้าดื่มอีกได้อย่างไร?ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เสียงของจิ่งโม่เยี่ยดังแว่วมา “ชูอิ่ง เจ้าตื่นหรือยัง?”เฟิ่งชูอิ่งตอนนี้ไม่อยากเจอจิ่งโม่เยี่ยเลยแม้แต่น้อย จึงพูดเบาๆ ว่า “เจ้าไล่เขาออกไป บอกว่าข้ายังไม่ตื่น”เฉี่ยวหลิงเห็นท่าทางของนางก็อดขำไม่ได้ เดินไปเปิดประตู “คุณหนูของข้าบอกว่ายังไม่ตื่น”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ยัยทึ่มเอ๊ย!เฉี่ยวหลิงพูดจบก็รู้ตัวว่าเผลอหลุดปากไปแล้ว เลยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน “ยังไงคุณหนูของข้าก็ไม่อยากเจอท่าน ท่านกลับไปเถอะ!”แววตาของจิ่งโม่เยี่ยหม่นแสงลงเล็กน้อย แต่ก็พูดว่า “ข้าให้พ่อครัวต้มโจ๊กมา ถ้าเจ้าตื่นแล้วก็กินรองท้องหน่อยนะ”พูดจบก็ยื่นโจ๊กให้เฉี่ยวหลิง แล้วหันหลังเดินจากไปเฉี่ยวหลิงยกโจ๊กเข้ามา “สำหรับคนที่มีฐานะอย่างจิ่งโม่เยี่ย นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรแบบนี้”เฟิ่งชูอิ่งนอนคว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 777

    เขาพูดจบก็ถามต่อว่า “โจ๊กอร่อยไหม?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “อร่อยดี”สายตาของจิ่งโม่เยี่ยมีรอยยิ้มมากขึ้น “ข้าทำเองกับมือ”เฟิ่งชูอิ่งเบิกตากว้างด้วยความตกใจองค์ชายผู้สูงศักดิ์อย่างจิ่งโม่เยี่ยทำโจ๊กเป็นด้วย?จิ่งโม่เยี่ยอธิบาย “ตอนที่ข้านำทัพไปตีแคว้นหนานเยว่ ข้าก็ได้เรียนรู้วิธีการทำโจ๊ก”“แต่พอกลับมาเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่ต้องลงมือทำเอง ฝีมือเลยเริ่มขึ้นสนิม”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางไม่รู้จะพูดอะไรดีทันใดนั้น ก็มีเสียงดุดังมาจากห้องครัว “ไอ้เด็กเวรคนไหนต้มโจ๊กหม้อเบ้อเริ่มตั้งแต่เช้า โจ๊กนี่มันไม่อร่อยเลย!”เฟิ่งชูอิ่งชะงักไป จิ่งโม่เยี่ยลูบจมูกเบาๆ แล้วพูดว่า “ฝีมือข้ายังไม่ค่อยดี ตอนแรกๆ ต้มเสียไปหลายหม้อ น้ำน้อยไปบ้าง น้ำมากไปบ้าง”“โจ๊กนี่ถ้าเติมน้ำทีหลัง รสชาติมันก็จะเสีย”เฟิ่งชูอิ่งมุมปากกระตุกนางนึกภาพจิ่งโม่เยี่ยที่ยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวไม่ออกในใจของนาง จิ่งโม่เยี่ยคือดอกไม้บนยอดเขาสูงดอกไม้บนยอดเขาสูงนี้ พอเข้าครัวก็เหมือนเซียนลงมาจุตินางถามว่า “ท่านต้มโจ๊กในครัวทั้งคืนเลยหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้า “ใช่”เขารู้ว่านางเมา เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าจะต้องไม่สบายตัว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 778

    จิ่งโม่เยี่ย มองนางพลางกล่าวว่า “การที่ข้าชอบเจ้า เรื่องนี้โดยพื้นฐานแล้ว มันเป็นเรื่องของข้าเอง”“ข้าติดหนี้ชีวิตเจ้าไว้ ไม่ว่าข้าจะดีกับเจ้าอย่างไรก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นเจ้าจะไม่ตอบสนอง หรือจะไม่สนใจก็ย่อมได้”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม การกระทำเช่นนี้ของเขา ทำให้นางลำบากใจจริงๆ เฟิ่งชูอิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “จิ่งโม่เยี่ย ท่านชอบข้าตรงไหน”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “ชอบทุกอย่าง”เฟิ่งชูอิ่งหรี่ตามอง “ข้าคิดว่าท่านไม่ได้ชอบข้าจริงๆ แต่เป็นเพราะท่านไม่เคยได้ครอบครองข้ามาก่อน จึงไม่ยอมแพ้เสียที”“ท่านยังคงรู้สึกผิดกับ ‘ความตาย’ ของข้าในอดีต ท่านทั้งเสียใจและยังปล่อยวางไม่ได้”“ดังนั้นท่านจึงยึดติดเช่นนี้ และคิดถึงห่วงหาข้าอยู่ตลอดเวลา”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวเบาๆ ว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ข้าเข้าใจความรู้สึกของตัวเองดี”เฟิ่งชูอิ่งเอียงศีรษะมองเขา “ท่านที่เป็นแบบนี้ ทำให้ข้าอยากจะต่อยท่านจริงๆ ”มุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต่อยเลย”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะจัดการกับจิ่งโม่เยี่ยอย่างไรนางกำหมัดใส่เขา ท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 779

    เขาเกลียดจิ่งโม่เยี่ย!ขณะนี้จิ่งสือเยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ แม้เมืองหลวงจะวุ่นวายไปหมด แต่ภายในจวนอ๋องจิ้นกลับเงียบสงบอย่างมากซูโหย่วเหลียงรีบร้อนเดินเข้ามา “ท่านอ๋อง นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะลงมือ”จิ่งสือเยี่ยนมองเขาแล้วพูดว่า “พวกคนที่ก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง เป็นฝีมือท่านที่ยุยงใช่หรือไม่?”ซูโหย่วเหลียงยิ้มแย้ม “โอกาสแบบนี้หาได้ยากยิ่ง เราต้องไม่ปล่อยให้หลุดมือไปสิ”“เพราะมหาราชครูมีเพียงคนเดียว อิทธิพลของเขาในเมืองหลวงก็มากมายมหาศาล”“ตราบใดที่เราคว้าโอกาสไว้ได้ ครั้งนี้อาจจะสามารถดึงจิ่งโม่เยี่ยลงจากตำแหน่งได้”จิ่งสือเยี่ยนพอได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าซูโหย่วเหลียงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขาเลยสักนิดเขาจึงพูดว่า “ท่านลุง ข้าบอกท่านไปหลายครั้งแล้ว อย่าไปยุ่งกับเรื่องของมหาราชครูและจิ่งโม่เยี่ย ทำไมท่านถึงไม่ยอมฟัง?”ซูโหย่วเหลียงเมื่อถูกต่อว่าเช่นนี้ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “การร่วมมือกับมหาราชครู เป็นผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา”“เรื่องที่ได้ประโยชน์เช่นนี้ เราต้องคว้าโอกาสเอาไว้สิ”“อีกอย่าง วันนั้นตอนที่มหาราชครูมาหาเจ้า เจ้าก็เห็นด้วยมิใช่หร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 780

    ถึงแม้ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะไม่รู้ว่าในฎีกาของพระสนมสวี่เขียนอะไรไว้ แต่สิ่งที่เขียนในนั้น แม้แต่เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ยังไม่กล้าตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดที่ผูกโยงเข้าด้วยกันนี้ ชวนให้น่าขบคิดอย่างยิ่งเมื่อคืนหลังจากที่จิ่งสือเยี่ยนรู้เรื่องนี้ เขาก็ได้กำชับซูโหย่วเหลียงเป็นพิเศษว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาดแต่เห็นได้ชัดว่าซูโหย่วเหลียงไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิดจิ่งสือเยี่ยนสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า นับตั้งแต่ตอนที่เขาเปิดเผยตัวตน และมีอำนาจทัดเทียมกับจิ่งโม่เยี่ย ซูโหย่วเหลียงก็เริ่มหลงระเริงในอำนาจหรืออาจกล่าวได้ว่า อำนาจที่อยู่ตรงหน้าได้หล่อเลี้ยงความทะเยอทะยานของซูโหย่วเหลียงจิ่งสือเยี่ยนมีแนวทางการทำงานที่ค่อนข้างรอบคอบ ซูโหย่วเหลียงไม่ค่อยพอใจกับแนวทางการทำงานของเขาจนถึงตอนนี้ ซูโหย่วเหลียงก็มักจะทำในสิ่งที่ขัดคำสั่งของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น ซูโหย่วเหลียงยังถือเอาความเป็นผู้อาวุโสของเขา คอยแต่จะสั่งสอนเขาอยู่บ่อยๆ ซูโหย่วเหลียงขมวดคิ้ว “มหาราชครูเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ มีลูกศิษย์อยู่ทั่วผืนแผ่นดิน ถึงแม้ว่าเขาจะประพฤติตัวไม่เหมาะสม แต่ก็

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 781

    ผู้ดูแลที่ได้ยินคำสั่งก็รีบปิดประตูจวนอ๋องไม่ต้อนรับแขกทันทีแต่จิ่งสือเยี่ยนรู้ว่าแค่นี้ยังไม่พอ เขากลัวว่าจิ่งโม่เยี่ยจะฉวยโอกาสครั้งนี้กวาดล้างเมืองหลวงเขาจึงจุดดอกไม้ไฟในจวนเพื่อแจ้งกองทัพอวี๋ซานให้เตรียมพร้อมหากเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง ก็ให้รีบนำทัพเข้ามาช่วยเหลือในเมืองหลวงทันทีในเวลาเดียวกัน องครักษ์ทั้งหมดในจวนอ๋องจิ้นต่างเข้าประจำตำแหน่ง เตรียมพร้อมอย่างเข้มงวดองครักษ์เหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่คัดเลือกมาจากกองทัพอวี๋ซาน แต่ละคนสามารถต่อสู้กับศัตรูได้ถึงสิบคนองครักษ์ทุกคนมีหน้าไม้และอาวุธยุทโปกรณ์ครบมือ แม้ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะพาคนบุกเข้ามา เขาก็ใช่ว่าจะไร้หนทางสู้สถานการณ์เช่นนี้ทำให้จิ่งสือเยี่ยนรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงบัลลังก์จริงๆ เพราะเขานับถือจิ่งโม่เยี่ยมาก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้เขายิ่งถูกคนในตระกูลฝั่งมารดาผลักดันให้แย่งชิงบัลลังก์เดิมทีเขาคิดว่าคู่แข่งของเขาคือพี่น้องของเขา แต่กลับไม่คิดว่าจะเป็นจิ่งโม่เยี่ยหากเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับจิ่งโม่เยี

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status