แชร์

บทที่ 772

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-14 18:00:01
ปู๋เยี่ยโหวได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความสงสัยว่า “ตอนที่เจ้าตาย เจ้าไม่มีลูกตาและคางหรือ”

เฉี่ยวหลิงตอบว่า “ข้าตายที่กรมราชทัณฑ์ ตอนนั้นก่อนตายข้าน่าจะถูกทรมานอย่างหนัก”

ปู๋เยี่ยโหวมองนางด้วยความตกใจ ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้เลยว่านางเคยมีประสบการณ์เช่นนี้

เฉี่ยวหลิงถามว่า “ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไม”

ปู๋เยี่ยโหวไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า “คงเจ็บมากสินะ”

เฉี่ยวหลิงครุ่นคิดสักครู่แล้วกล่าวว่า “ผ่านมานานแล้ว ข้าจำไม่ได้แล้ว แต่คงจะเจ็บมาก”

“แต่ข้าโชคดีที่ได้พบคุณหนู มิฉะนั้นวิญญาณข้าคงแตกสลายไปแล้ว”

ก่อนหน้านี้ ปู๋เยี่ยโหวไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ของเฉี่ยวหลิง คิดแค่ว่านางดูห้าวหาญ

บวกกับที่นางชอบทุบตีเขาอยู่เสมอ เขาจึงมักหลีกเลี่ยงนาง

ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วนางเป็นคนที่น่าสงสารมากคนหนึ่ง

ถูกควักลูกตา กระชากคาง ต้องเจ็บปวดมากขนาดไหนกัน?

เฉี่ยวหลิงเห็นแววตาของเขาก็ถามว่า “ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไม”

ปู๋เยี่ยโหวถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครฆ่าเจ้า”

เฉี่ยวหลิงตอบว่า “ก็พวกขันทีในกรมราชทัณฑ์นั่นแหละ แต่คุณหนูได้แก้แค้นให้ข้าแล้ว”

ปู๋เยี่ยโหวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “พวกในกรมราชทัณฑ์เป็นแค่หมาที
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 773

    ถ้าเขาไม่รู้จักจิ่งโม่เยี่ยดี คงคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยเป็นคนซื่อๆ และอ่อนโยนแบบนี้จริงๆ เขาคิดจากใจจริงว่าจิ่งโม่เยี่ยช่างหน้าไม่อาย แถมยังเสแสร้งเก่งอีกจิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นสำหรับจิ่งโม่เยี่ยแล้ว ความคิดของปู๋เยี่ยโหวไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือความรู้สึกที่เหมยตงยวนมีต่อเขาหลังจากที่เขาเดินตามเหมยตงยวนออกมา เหมยตงยวนก็ถามเขาว่า “เจ้าจงใจ?”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “ไม่เชิงจงใจ ตอนนั้นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ”“ข้าหลบได้ แต่ข้าไม่อยากหลบ”“ถ้าชูอิ่งตื่นขึ้นมานางคงไม่สนใจข้าอีก แต่ข้าอยากใกล้ชิดนาง”เหมยตงยวน “......”ตอนแรกเขาอยากจะด่าจิ่งโม่เยี่ย แต่คำพูดของจิ่งโม่เยี่ยจริงใจเกินไป แถมสีหน้ายังดูน่าสงสารอีกเขาเคยลิ้มรสความรักที่ไม่สมหวังมาก่อน ดังนั้นจึงเข้าใจความรู้สึกของจิ่งโม่เยี่ยได้เหมยตงยวนจ้องจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า “คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”จิ่งโม่เยี่ยก้มหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถ้ามีโอกาสแบบนี้ในภายภาคหน้า ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ”เหมยตงยวน “......”นี่มันจริงใจเกินไปแล้วตอนนี้เขาอยากจะต่อยจิ่งโม่เยี่ย แต่พอเห็นผมขาวโพลนของจิ่งโม่เยี่ย เขาก็พยายาม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-15
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 774

    จิ่งโม่เยี่ยกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ใช่ ข้ากำลังหาที่ตายอยู่ ชีวิตมันไม่มีความหมายอะไรแล้ว เจ้าฆ่าข้าเสียเถิด”เหมยตงยวน “…”เขาอยากจะฆ่าจิ่งโม่เยี่ยใจจะขาด แต่จิ่งโม่เยี่ยมีพลังมังกรคุ้มกาย เขาฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ยิ่งมองเห็นจิ่งโม่เยี่ยมีสภาพแบบนี้ เขาก็ยิ่งนึกถึงตัวเองในอดีตความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมารดาของเฟิ่งชูอิ่งนั้นดูจะแย่กว่านี้อีกถึงเขาจะไม่ชอบจิ่งโม่เยี่ย แต่เขาก็รู้สึกเห็นใจและไม่สามารถเกลียดชังอีกฝ่ายได้ลงทว่าจิ่งโม่เยี่ยที่มีสภาพเป็นแบบนี้ ไล่ก็ไม่ไป ฆ่าก็ไม่ตาย ทำให้เขารู้สึกปวดหัวจริงๆ จิ่งโม่เยี่ยมาคืนนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปอยู่แล้วตราบใดที่เหมยตงยวนไม่ฆ่าเขา เขาก็จะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนทั้งนั้นเหมยตงยวนทำหน้าเย็นชา แค่นเสียงในลำคอเบาๆ แล้วไม่สนใจเขาอีกจิ่งโม่เยี่ยนั่งอยู่หน้าห้องของเฟิ่งชูอิ่ง ได้อยู่ใกล้ชิดกับนางแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจไม่ว่าในเมืองหลวงจะวุ่นวายแค่ไหน ขณะนี้ใจของเขาก็สงบปู๋เยี่ยโหวเห็นจิ่งโม่เยี่ยนั่งอยู่ตรงนั้นก็เข้ามาถามว่า “อะไรกัน? เจ้าจะใช้ลูกไม้ตามตื๊อหน้าด้านๆ อย่างนั้นหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยพูดอย่างแผ่วเบา “ถ้าหน้าด้านแล้วได้ผล ก็ไม่เส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-15
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 775

    เขาเหลือบมองปู๋เยี่ยโหวแล้วพูดว่า “อย่างนั้นหรือ ถ้างั้นข้าก็ขอบใจแล้วกัน”คำพูดนี้ฟังดูไม่จริงใจเอาเสียเลย ปู๋เยี่ยโหวจึงเบ้ปาก “ข้าไม่รู้สึกถึงความจริงใจในคำพูดของเจ้าเลยสักนิด”จิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “บังเอิญ ข้าก็เหมือนกัน”ทั้งสองเป็นญาติกัน ตอนที่ร่วมมือกันจัดการกับฮ่องเต้เจาหยวน ทั้งคู่ก็เข้าขากันเป็นอย่างดีปกติเวลาทำงานราชการ ทั้งสองก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดีเช่นกันแต่เรื่องที่เกี่ยวกับเฟิ่งชูอิ่ง ทั้งคู่ก็มักจะขุดหลุมพรางใส่กันโดยที่ไม่มีใครยอมใครเลยปู๋เยี่ยโหวหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะกลัวจะรบกวนคนอื่นก่อนที่จิ่งโม่เยี่ยจะมา อารมณ์ของเขาย่ำแย่มาก แต่ตอนนี้เขารู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งอยู่ในห้อง และนางปฏิเสธความรักจากปู๋เยี่ยโหว อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมากตรรกะของเขาก็เรียบง่ายมาก ตราบใดที่เฟิ่งชูอิ่งยังไม่มีคนที่ชอบ เขาก็ยังมีโอกาสเขาเห็นปู๋เยี่ยโหวยิ้ม เขาก็ยิ้มออกมาเช่นกันเดิมทีเขาอยากจะทำลายโลกใบนี้ แต่เมื่อคิดว่านางยังอยู่ในโลกนี้ โลกนี้ก็ยังมีคุณค่าที่จะดำรงอยู่วันที่สองเฟิ่งชูอิ่งตื่นขึ้นมา รู้สึกปวดหัววิงเวียนไปหมดนางยกมือนวดขมับ รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมากเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-15
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 776

    งานเข้าแล้ว ขายหน้าแบบสุดๆ!ถึงนางจะหน้าด้านแค่ไหน ก็ทนไม่ไหวจริงๆ !เฉี่ยวหลิงเห็นท่าทางของนางก็หัวเราะ “คุณหนูคออ่อนทนฤทธิ์สุราได้ไม่ค่อยดี พอเมาแล้วก็อาละวาด ต่อไปอย่าดื่มเลยจะดีกว่า”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ครั้งนี้เมาจนสร้างเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ต่อไปนางจะกล้าดื่มอีกได้อย่างไร?ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เสียงของจิ่งโม่เยี่ยดังแว่วมา “ชูอิ่ง เจ้าตื่นหรือยัง?”เฟิ่งชูอิ่งตอนนี้ไม่อยากเจอจิ่งโม่เยี่ยเลยแม้แต่น้อย จึงพูดเบาๆ ว่า “เจ้าไล่เขาออกไป บอกว่าข้ายังไม่ตื่น”เฉี่ยวหลิงเห็นท่าทางของนางก็อดขำไม่ได้ เดินไปเปิดประตู “คุณหนูของข้าบอกว่ายังไม่ตื่น”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ยัยทึ่มเอ๊ย!เฉี่ยวหลิงพูดจบก็รู้ตัวว่าเผลอหลุดปากไปแล้ว เลยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน “ยังไงคุณหนูของข้าก็ไม่อยากเจอท่าน ท่านกลับไปเถอะ!”แววตาของจิ่งโม่เยี่ยหม่นแสงลงเล็กน้อย แต่ก็พูดว่า “ข้าให้พ่อครัวต้มโจ๊กมา ถ้าเจ้าตื่นแล้วก็กินรองท้องหน่อยนะ”พูดจบก็ยื่นโจ๊กให้เฉี่ยวหลิง แล้วหันหลังเดินจากไปเฉี่ยวหลิงยกโจ๊กเข้ามา “สำหรับคนที่มีฐานะอย่างจิ่งโม่เยี่ย นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรแบบนี้”เฟิ่งชูอิ่งนอนคว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-15
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 777

    เขาพูดจบก็ถามต่อว่า “โจ๊กอร่อยไหม?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “อร่อยดี”สายตาของจิ่งโม่เยี่ยมีรอยยิ้มมากขึ้น “ข้าทำเองกับมือ”เฟิ่งชูอิ่งเบิกตากว้างด้วยความตกใจองค์ชายผู้สูงศักดิ์อย่างจิ่งโม่เยี่ยทำโจ๊กเป็นด้วย?จิ่งโม่เยี่ยอธิบาย “ตอนที่ข้านำทัพไปตีแคว้นหนานเยว่ ข้าก็ได้เรียนรู้วิธีการทำโจ๊ก”“แต่พอกลับมาเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่ต้องลงมือทำเอง ฝีมือเลยเริ่มขึ้นสนิม”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางไม่รู้จะพูดอะไรดีทันใดนั้น ก็มีเสียงดุดังมาจากห้องครัว “ไอ้เด็กเวรคนไหนต้มโจ๊กหม้อเบ้อเริ่มตั้งแต่เช้า โจ๊กนี่มันไม่อร่อยเลย!”เฟิ่งชูอิ่งชะงักไป จิ่งโม่เยี่ยลูบจมูกเบาๆ แล้วพูดว่า “ฝีมือข้ายังไม่ค่อยดี ตอนแรกๆ ต้มเสียไปหลายหม้อ น้ำน้อยไปบ้าง น้ำมากไปบ้าง”“โจ๊กนี่ถ้าเติมน้ำทีหลัง รสชาติมันก็จะเสีย”เฟิ่งชูอิ่งมุมปากกระตุกนางนึกภาพจิ่งโม่เยี่ยที่ยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวไม่ออกในใจของนาง จิ่งโม่เยี่ยคือดอกไม้บนยอดเขาสูงดอกไม้บนยอดเขาสูงนี้ พอเข้าครัวก็เหมือนเซียนลงมาจุตินางถามว่า “ท่านต้มโจ๊กในครัวทั้งคืนเลยหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้า “ใช่”เขารู้ว่านางเมา เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าจะต้องไม่สบายตัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 778

    จิ่งโม่เยี่ย มองนางพลางกล่าวว่า “การที่ข้าชอบเจ้า เรื่องนี้โดยพื้นฐานแล้ว มันเป็นเรื่องของข้าเอง”“ข้าติดหนี้ชีวิตเจ้าไว้ ไม่ว่าข้าจะดีกับเจ้าอย่างไรก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นเจ้าจะไม่ตอบสนอง หรือจะไม่สนใจก็ย่อมได้”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม การกระทำเช่นนี้ของเขา ทำให้นางลำบากใจจริงๆ เฟิ่งชูอิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “จิ่งโม่เยี่ย ท่านชอบข้าตรงไหน”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “ชอบทุกอย่าง”เฟิ่งชูอิ่งหรี่ตามอง “ข้าคิดว่าท่านไม่ได้ชอบข้าจริงๆ แต่เป็นเพราะท่านไม่เคยได้ครอบครองข้ามาก่อน จึงไม่ยอมแพ้เสียที”“ท่านยังคงรู้สึกผิดกับ ‘ความตาย’ ของข้าในอดีต ท่านทั้งเสียใจและยังปล่อยวางไม่ได้”“ดังนั้นท่านจึงยึดติดเช่นนี้ และคิดถึงห่วงหาข้าอยู่ตลอดเวลา”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวเบาๆ ว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ข้าเข้าใจความรู้สึกของตัวเองดี”เฟิ่งชูอิ่งเอียงศีรษะมองเขา “ท่านที่เป็นแบบนี้ ทำให้ข้าอยากจะต่อยท่านจริงๆ ”มุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต่อยเลย”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะจัดการกับจิ่งโม่เยี่ยอย่างไรนางกำหมัดใส่เขา ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 779

    เขาเกลียดจิ่งโม่เยี่ย!ขณะนี้จิ่งสือเยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ แม้เมืองหลวงจะวุ่นวายไปหมด แต่ภายในจวนอ๋องจิ้นกลับเงียบสงบอย่างมากซูโหย่วเหลียงรีบร้อนเดินเข้ามา “ท่านอ๋อง นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะลงมือ”จิ่งสือเยี่ยนมองเขาแล้วพูดว่า “พวกคนที่ก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง เป็นฝีมือท่านที่ยุยงใช่หรือไม่?”ซูโหย่วเหลียงยิ้มแย้ม “โอกาสแบบนี้หาได้ยากยิ่ง เราต้องไม่ปล่อยให้หลุดมือไปสิ”“เพราะมหาราชครูมีเพียงคนเดียว อิทธิพลของเขาในเมืองหลวงก็มากมายมหาศาล”“ตราบใดที่เราคว้าโอกาสไว้ได้ ครั้งนี้อาจจะสามารถดึงจิ่งโม่เยี่ยลงจากตำแหน่งได้”จิ่งสือเยี่ยนพอได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าซูโหย่วเหลียงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขาเลยสักนิดเขาจึงพูดว่า “ท่านลุง ข้าบอกท่านไปหลายครั้งแล้ว อย่าไปยุ่งกับเรื่องของมหาราชครูและจิ่งโม่เยี่ย ทำไมท่านถึงไม่ยอมฟัง?”ซูโหย่วเหลียงเมื่อถูกต่อว่าเช่นนี้ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “การร่วมมือกับมหาราชครู เป็นผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา”“เรื่องที่ได้ประโยชน์เช่นนี้ เราต้องคว้าโอกาสเอาไว้สิ”“อีกอย่าง วันนั้นตอนที่มหาราชครูมาหาเจ้า เจ้าก็เห็นด้วยมิใช่หร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 780

    ถึงแม้ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะไม่รู้ว่าในฎีกาของพระสนมสวี่เขียนอะไรไว้ แต่สิ่งที่เขียนในนั้น แม้แต่เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ยังไม่กล้าตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดที่ผูกโยงเข้าด้วยกันนี้ ชวนให้น่าขบคิดอย่างยิ่งเมื่อคืนหลังจากที่จิ่งสือเยี่ยนรู้เรื่องนี้ เขาก็ได้กำชับซูโหย่วเหลียงเป็นพิเศษว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาดแต่เห็นได้ชัดว่าซูโหย่วเหลียงไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิดจิ่งสือเยี่ยนสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า นับตั้งแต่ตอนที่เขาเปิดเผยตัวตน และมีอำนาจทัดเทียมกับจิ่งโม่เยี่ย ซูโหย่วเหลียงก็เริ่มหลงระเริงในอำนาจหรืออาจกล่าวได้ว่า อำนาจที่อยู่ตรงหน้าได้หล่อเลี้ยงความทะเยอทะยานของซูโหย่วเหลียงจิ่งสือเยี่ยนมีแนวทางการทำงานที่ค่อนข้างรอบคอบ ซูโหย่วเหลียงไม่ค่อยพอใจกับแนวทางการทำงานของเขาจนถึงตอนนี้ ซูโหย่วเหลียงก็มักจะทำในสิ่งที่ขัดคำสั่งของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น ซูโหย่วเหลียงยังถือเอาความเป็นผู้อาวุโสของเขา คอยแต่จะสั่งสอนเขาอยู่บ่อยๆ ซูโหย่วเหลียงขมวดคิ้ว “มหาราชครูเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ มีลูกศิษย์อยู่ทั่วผืนแผ่นดิน ถึงแม้ว่าเขาจะประพฤติตัวไม่เหมาะสม แต่ก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 950

    จิ่งสือเยี่ยนคิดว่าการเดินทางผ่านหมู่บ้านอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จึงเลือกที่จะเดินทางผ่านป่าแทนแต่แล้วม้าของเขาก็ติดกับดักอีกครั้ง ครั้งนี้ม้าเกิดอาการตื่นตระหนกม้าที่เขาเพิ่งเปลี่ยนมาจากองครักษ์นั้นดีดดิ้นเหมือนกำลังคุ้มคลั่ง จนเขากระเด็นตกจากหลังม้าครั้งนี้เขาไม่โชคดีเท่าไหร่ ตอนที่ถูกม้าเหวี่ยงออกไป ร่างของเขาฟาดเข้ากับต้นไม้อย่างแรงมีเสียงดัง “โครม!” ก่อนจิ่งสือเยี่ยนจะกลิ้งลงมาจากต้นไม้ครั้งนี้เขารู้สึกเหมือนเอวจะหัก ปวดจนทนแทบไม่ไหวองครักษ์ของเขาช่วยพยุงเขาขึ้นมาและดึงม้าที่ตื่นตระหนกกลับมาจิ่งสือเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจรู้สึกหงุดหงิดยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนก็ไม่ได้เป็นอะไร มีแค่ม้าของเขาเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองค่อนข้างโชคร้ายคืนนี้การเดินทางไม่คืบหน้าไปไหน แล้วเขายังต้องตกม้าถึงสองครั้ง เจอเรื่องแบบนี้แม้แต่พระอิฐพระปูนก็ยังโมโห นับประสาอะไรกับจิ่งสือเยี่ยนที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความโกรธแต่การตกม้าครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง เขาเคล็ดเอวด้วยจึงไม่สามารถขี่ม้าได้อีกสักพักเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 949

    “ข้าไม่ใช้วิชาชั่วร้ายแบบที่เทียนซือใช้กับเจ้าก่อนหน้านี้หรอก ข้าใช้แต่คาถาสายธรรมมะเท่านั้น”“วิธีนี้ไม่สร้างอันตรายถึงชีวิต แต่จะทำให้โชควาสนาของเขาน้อยลง”“จากนี้ไป เขาจะไม่ใช่จิ่งสือเยี่ยนที่ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นอีกต่อไป แต่จะเป็นจิ่งสือเยี่ยนคนธรรมดา”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าวิชาศาลตร์ลี้ลับของนางสูงส่งมาก นางแค่พูดแบบถ่อมตัวนั่นหมายความว่าจิ่งสือเยี่ยนอาจจะต้องประสบโชคร้ายสักหน่อยเขาถามว่า “วิชาของเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ประมาณเจ็ดวัน แต่ถ้าโชคชะตาของเขาแข็งแกร่งเกินไป เวลาก็จะสั้นลงอีกหน่อย”“ดังนั้น เจ้าต้องตามหาเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด แล้วจัดการเขาให้เรียบร้อย”“เพราะเจ็ดวันหลังจากนี้ เท่าที่ดูจากกระดานคำนวณครั้งก่อน เขาอาจจะพากองทัพกลับมาเอาคืนได้”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้าแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนอาชาเฟิ่งชูอิ่พูดกับแผ่นหลังของเขาว่า “ตอนที่เจ้าสู้กับเขา ต้องระวังตัวให้มากนะ”จิ่งโม่เยี่ยหันกลับมามองนาง นางกัดริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “เจ้าต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้!”“เมื่อเจ้ากลับมาแล้ว พวกเราจะแต่งงานกัน”จิ่งโม่เยี่ยได้ยินคำพูดนี้ก็ตาเป็นประกาย ในขณะนั้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 948

    แต่เพื่อความสะดวกในการสะกดรอยตามจิ่งสือเยี่ยน เฟิ่งชูอิ่งจึงใช้ศาสตร์ลี้ลับกับเขาเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บของบางอย่างไว้กับตัวได้ อย่างเช่นกางเกงในสองสามตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตอนนี้เขาถูกกระจกปราบปีศาจกดทับจนขยับไม่ได้ เฟิ่งชูอิ่งจึงร่ายคาถาช่วยเขาป้องกันการโจมตีของกระจกปราบปีศาจชั่วคราว ทันใดนั้นเขาก็หายวับไปอยู่ด้านหลัง ตรงจุดที่กระจกปราบปีศาจโจมตีไม่ถึงเมื่อจิ่งสือเฟิงเป็นอิสระ เขาก็เริ่มบิดตัวไปมา “เกือบจะถูกทับตายอยู่แล้วเชียว!”“ข้าไม่ได้ทำร้ายใครสักหน่อย ทำไมต้องโจมตีกันด้วย?”เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็ลอบกลอกตาไปมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอาของออกมา”จิ่งสือเฟิงกลัวจะถูกนางทุบตี จึงรีบหยิบกางเกงในออกมาให้นางจิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่มีของอย่างอื่นให้หยิบมาหรือไง?”เขามองจิ่งสือเฟิงด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาช่างกล้าหาญนัก กล้าให้เฟิ่งชูอิ่งดูกางเกงในของผู้ชายคนอื่นจิ่งสือเฟิงหดคอแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่หยิบติดมือมาส่งเดช”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยท่าทางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ช่างเถอะ ใช้งานได้ก็พอ ตอนนี้ไม่ใช่เ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 947

    นางจ้องเขม็งไปทางจิ่งสือเฟิงด้วยความขุ่นเคือง พับเก็บแผนการที่จะกระทืบเขาไว้ชั่วคราวจิ่งโม่เยี่ยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นนางอยู่ที่นี่ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”เขาพูดพลางถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาห่มให้นางคืนนี้หิมะตก อากาศหนาวมาก เฟิ่งชูอิ่งรีบร้อนออกมาจนลืมหยิบเสื้อคลุมตอนนี้เสื้อคลุมของเขากำลังห่มคลุมร่างของนาง ความอบอุ่นและกลิ่นอายของเขากำลังโอบล้อมนาง ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นอย่างมากนางตอบ “ข้ามาหาจิ่งสือเฟิง เขาติดตามจิ่งสือเยี่ยนมาที่นี่ แต่โดนกระจกปราบปีศาจที่หน้าประตูเมืองสะกดเอาไว้”จิ่งโม่เยี่ยมองจิ่งสือเฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม เจ้าบ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ แค่ตามคนยังตามได้ไม่ดี ต้องเดือดร้อนให้เฟิ่งชูอิ่งมาช่วยเหลือกลางดึกจิ่งสือเฟิงรีบหดตัวเป็นก้อนเล็กๆ พยายามทำตัวให้โดดเด่นน้อยที่สุดเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทีเดียว ใครจะไปรู้ว่าที่นี่จะมีกระจกปราบปีศาจบานใหญ่ขนาดนี้อยู่ที่สำคัญคือเขาเพิ่งเป็นผีได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่จิ่งโม่เยี่ยพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “อากาศหนาว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปตามจิ่งสือเยี่ยนเอง”เฟิ่งชูอิ่งถ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 946

    จิ่งสือเฟิงนอนกลัดกลุ้มอยู่บนพื้นแล้วจะทำอย่างไรต่อดี?ถึงแม้เขาจะหลุดพ้นจากกระจกปราบปีศาจที่ประตูเมืองได้ และย้อนกลับไปแจ้งข่าวเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ทันการณ์แล้วเพราะเขาเห็นจิ่งสือเยี่ยนคุยกับแม่ทัพผู้รักษาประตูเมืองเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถเดินออกจากเมืองหลวงไปได้อย่างผ่าเผยจิ่งสือเฟิงเห็นท่าทางแบบนั้นของจิ่งสือเยี่ยนก็แอบสบถในใจและในขณะนี้เอง เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเขากับจิ่งสือเยี่ยนก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขารวบรวมผู้คนได้มากมาย เขาเก่งกาจมากแต่ไม่มีใครในกลุ่มคนเหล่านั้นสามารถพาเขาออกจากเมืองหลวงได้เลยเมื่อเทียบกับจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองโง่จริงๆ เพราะคนที่เขาซื้อตัวมานั้นไม่สามารถทำงานเป็นระบบแบบแผนเหมือนคนของจิ่งสือเยี่ยนไม่ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะทำอะไร ก็มีคนที่สามารถใช้งานได้ตลอดจิ่งสือเฟิงก็เป็นองค์ชาย รู้ว่ากว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้มันยากขนาดไหนเพราะการซื้อตัวขุนนางที่มีอำนาจสูงต่ำต่างกัน ต้องใช้ความพยายามที่แตกต่างกันด้วยหากจะให้สรุปง่ายๆ คือเขาไม่มีปัญญาทำเฟิ่งชูอิ่งติดยันต์ไว้บนตัวจิ่งสือเฟิง ตอนที่เขาถูกกระจกปราบปีศาจสะกด นางก็รู้สึกได้ทันที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 945

    ต้องออกจากเมืองหลวงให้ได้ เขาถึงจะปลอดภัยอย่างแท้จริงกองกำลังของเขายังต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงเมืองหลวง ตอนนี้เขาต้องออกจากเมืองหลวงไปสมทบกับพวกเขาตราบใดที่พวกเขารวมตัวกันได้ เขาก็จะปลอดภัยเพียงแต่เรื่องนี้ พูดง่าย แต่ทำได้ยากเพราะอีกไม่นานจิ่งโม่เยี่ยก็จะรู้ตัวว่าเขาหนีออกมาแล้ว จากนั้นก็จะส่งทหารมาตามล่าเขาดังนั้นเขาต้องรีบออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด!วันนี้ตอนที่เขาเข้าวัง เขาได้เตรียมการมาอย่างรอบคอบ เขากลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นจึงให้ทหารองครักษ์ของเขารอเขาอยู่นอกวังตอนนี้ทหารองครักษ์ของเขาตามหาเขาพบแล้ว เขาจึงออกคำสั่งว่า "ออกจากเมืองหลวง"ทหารองครักษ์ทำท่าลำบากใจแล้วรายงานว่า "ตอนที่ท่านอ๋องเข้าวัง พวกข้าได้ทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง สืบดูสถานการณ์ในเมืองหลวงแล้ว""เป็นอย่างที่ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ อ๋องผู้สำเร็จราชการได้สั่งปิดประตูเมืองแล้ว""ตอนนี้ประตูเมืองปิดหมดทุกบาน พวกเราออกไปไม่ได้แล้ว"จิ่งสือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ไม่เป็นไร ที่ประตูติ้งหวามีคนของข้าอยู่ พวกเราจะไปที่ประตูติ้งหวากัน"ทหารองครักษ์ตอบรับ แล้วรีบพาเขาไปทางนั้นพวกเขาไม่ท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 944

    จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเคยมุดนะ”ปู๋เยี่ยโหวนึกอยากจะเถียงว่าเขามุดรูหมาลอดตอนไหน แต่ก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเด็กๆ ได้ จึงเงียบปากลงทันทีจิ่งโม่เยี่ยพูดต่อ “ได้ยินว่าวันนี้เจ้าไปก่อเรื่องใหญ่ในวังหลวงอีกแล้ว?”พอเขาเข้าวัง ก็มีทหารมาเล่าเรื่องที่ศพฮ่องเต้เจาหยวนถูกทำลายจนแหลกละเอียดให้ฟังคนอื่นอาจจะโดนปู๋เยี่ยโหวหลอกได้ แต่จิ่งโม่เยี่ยไม่มีทางโดนหลอกแน่นอนเขารู้ว่าปู๋เยี่ยโหวต้องเป็นคนทำลายศพฮ่องเต้แน่ๆปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “เรื่องนั้นข้าไม่ได้ทำจริงๆ เสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นพยานให้ข้าได้”จิ่งโม่เยี่ยได้แต่หัวเราะในใจกับคำพูดนี้ ใครบ้างไม่รู้จักนิสัยของปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเขา ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ ปู๋เยี่ยโหวจึงขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้เจาหยวนยังไม่ตาย”จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขา ปู๋เยี่ยโหวจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบตอนแรกปู๋เยี่ยโหวคิดว่าฮ่องเต้เจาหยวนถูกผีสิง แต่เขาก็นึกถึงที่เฟิ่งชูอิ่งเคยบอกว่าวิญญาณร้ายเข้าวังหลวงไม่ได้ดังนั้น ตอนที่ฮ่องเต้เจาหยวนดีดตัวลุกขึ้นมานั่งในโลงศพ คงต้องมีแผนการบางอย่างแน่แต่ฮ่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 943

    เฟิ่งชูอิ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป “ไม่เห็นจะปัญญาอ่อนเลย ข้าว่าเขาเป็นแบบนี้น่ารักจะตาย”เหมยตงยวนกลอกตาไปมา เขามองไม่เห็นจริงๆ ว่าจิ่งโม่เยี่ยน่ารักตรงไหนเฟิ่งชูอิ่งเห็นสีหน้าของเขาจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว ข้าว่าท่านพ่อพูดถูก เขาโง่จริงๆ นั่นแหละ”“ขนาดเดินยังไม่ถูกทางเลย ไม่โง่จะเรียกว่าอะไร?”มุมปากของเหมยตงยวนกระตุกเบาๆถึงแม้เขาจะรู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งพูดแบบนี้เพื่อปลอบใจเขา แต่มันก็ปิดกั้นความรู้สึกดีของเขาไม่ได้ลูกสาวของเขายังคงเอาใจใส่เขา คอยดูแลความรู้สึกของเขาในฐานะพ่อเสมอถึงแม้ว่าเหมยตงยวนจะรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่คู่ควรกับลูกสาวของเขา แต่เขาก็พอจะยอมรับจิ่งโม่เยี่ยได้อย่างมากที่สุดก็คือตอนที่จิ่งโม่เยี่ยทำไม่ดีกับเฟิ่งชูอิ่งในอนาคต เขาจะไปซ้อมจิ่งโม่เยี่ยให้หนักเองเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “มืดแล้ว เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”วันนี้นางใช้พลังทำนายมากเกินไป ร่างกายจึงอ่อนล้า ต้องพักผ่อนให้เพียงพอตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกมึนหัวจริงๆ นางเดินโซเซกลับไปที่ห้องของตัวเองแต่เมื่อนางกลับมาที่ห้อง นางกลับพบว่าตัวเองนอนไม่หลับไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 942

    แววตาของจิ่งโม่เยี่ยเยือกเย็นลงในทันที พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเขาไม่ได้ยึดติดกับบัลลังก์ แต่ตอนนี้เขาต้องการมีชีวิตอยู่เขาต้องมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่เคียงข้างเฟิ่งชูอิ่งได้เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง เขาสามารถทำทุกอย่างได้เดิมทีเขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าจิ่งสือเยี่ยน แต่ในวินาทีนี้ เขากลับรู้สึกว่าจิ่งสือเยี่ยนสมควรตายได้แล้วเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ข้าจะกลับเข้าวังก่อน”กลับไปเพื่อฆ่าจิ่งสือเยี่ยนแต่เหมยตงยวนกลับรั้งเขาไว้ว่า “เจ้าช้าก่อน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองเขา เหมยตงยวนจึงยื่นกระบี่ในมือให้เขา “ใช้สิ่งนี้ไปฆ่าจิ่งสือเยี่ยน”จิ่งโม่เยี่ยค่อนข้างงุนงง เหมยตงยวนอธิบายว่า “กระบี่เกล็ดน้ำค้างเหมันต์ของเจ้าถึงแม้จะคมกริบ แต่เจ้าหล่อเลี้ยงมันด้วยจิตสังหารมามากเกินไปในช่วงหลายปีมานี้”“จิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ เมื่อชักกระบี่ออกมา แท้จริงแล้วคนที่ได้รับความเสียหายที่สุดคือตัวเจ้าเอง มันจะส่งผลต่อโชคชะตาของเจ้า”“สำหรับเจ้าในอดีต จิตสังหารเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลเสียอะไร แต่ตอนนี้โชคชะตาของเจ้ากำลังเฟื่องฟู หากจิตสังหารหนักเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อโชคช

DMCA.com Protection Status