แชร์

บทที่ 778

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
จิ่งโม่เยี่ย มองนางพลางกล่าวว่า “การที่ข้าชอบเจ้า เรื่องนี้โดยพื้นฐานแล้ว มันเป็นเรื่องของข้าเอง”

“ข้าติดหนี้ชีวิตเจ้าไว้ ไม่ว่าข้าจะดีกับเจ้าอย่างไรก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นเจ้าจะไม่ตอบสนอง หรือจะไม่สนใจก็ย่อมได้”

เฟิ่งชูอิ่ง “……”

นางรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม การกระทำเช่นนี้ของเขา ทำให้นางลำบากใจจริงๆ

เฟิ่งชูอิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “จิ่งโม่เยี่ย ท่านชอบข้าตรงไหน”

จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “ชอบทุกอย่าง”

เฟิ่งชูอิ่งหรี่ตามอง “ข้าคิดว่าท่านไม่ได้ชอบข้าจริงๆ แต่เป็นเพราะท่านไม่เคยได้ครอบครองข้ามาก่อน จึงไม่ยอมแพ้เสียที”

“ท่านยังคงรู้สึกผิดกับ ‘ความตาย’ ของข้าในอดีต ท่านทั้งเสียใจและยังปล่อยวางไม่ได้”

“ดังนั้นท่านจึงยึดติดเช่นนี้ และคิดถึงห่วงหาข้าอยู่ตลอดเวลา”

จิ่งโม่เยี่ยกล่าวเบาๆ ว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ข้าเข้าใจความรู้สึกของตัวเองดี”

เฟิ่งชูอิ่งเอียงศีรษะมองเขา “ท่านที่เป็นแบบนี้ ทำให้ข้าอยากจะต่อยท่านจริงๆ ”

มุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต่อยเลย”

เฟิ่งชูอิ่ง “……”

นางไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะจัดการกับจิ่งโม่เยี่ยอย่างไร

นางกำหมัดใส่เขา ท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 779

    เขาเกลียดจิ่งโม่เยี่ย!ขณะนี้จิ่งสือเยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ แม้เมืองหลวงจะวุ่นวายไปหมด แต่ภายในจวนอ๋องจิ้นกลับเงียบสงบอย่างมากซูโหย่วเหลียงรีบร้อนเดินเข้ามา “ท่านอ๋อง นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะลงมือ”จิ่งสือเยี่ยนมองเขาแล้วพูดว่า “พวกคนที่ก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง เป็นฝีมือท่านที่ยุยงใช่หรือไม่?”ซูโหย่วเหลียงยิ้มแย้ม “โอกาสแบบนี้หาได้ยากยิ่ง เราต้องไม่ปล่อยให้หลุดมือไปสิ”“เพราะมหาราชครูมีเพียงคนเดียว อิทธิพลของเขาในเมืองหลวงก็มากมายมหาศาล”“ตราบใดที่เราคว้าโอกาสไว้ได้ ครั้งนี้อาจจะสามารถดึงจิ่งโม่เยี่ยลงจากตำแหน่งได้”จิ่งสือเยี่ยนพอได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าซูโหย่วเหลียงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขาเลยสักนิดเขาจึงพูดว่า “ท่านลุง ข้าบอกท่านไปหลายครั้งแล้ว อย่าไปยุ่งกับเรื่องของมหาราชครูและจิ่งโม่เยี่ย ทำไมท่านถึงไม่ยอมฟัง?”ซูโหย่วเหลียงเมื่อถูกต่อว่าเช่นนี้ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “การร่วมมือกับมหาราชครู เป็นผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา”“เรื่องที่ได้ประโยชน์เช่นนี้ เราต้องคว้าโอกาสเอาไว้สิ”“อีกอย่าง วันนั้นตอนที่มหาราชครูมาหาเจ้า เจ้าก็เห็นด้วยมิใช่หร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 780

    ถึงแม้ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะไม่รู้ว่าในฎีกาของพระสนมสวี่เขียนอะไรไว้ แต่สิ่งที่เขียนในนั้น แม้แต่เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ยังไม่กล้าตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดที่ผูกโยงเข้าด้วยกันนี้ ชวนให้น่าขบคิดอย่างยิ่งเมื่อคืนหลังจากที่จิ่งสือเยี่ยนรู้เรื่องนี้ เขาก็ได้กำชับซูโหย่วเหลียงเป็นพิเศษว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาดแต่เห็นได้ชัดว่าซูโหย่วเหลียงไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิดจิ่งสือเยี่ยนสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า นับตั้งแต่ตอนที่เขาเปิดเผยตัวตน และมีอำนาจทัดเทียมกับจิ่งโม่เยี่ย ซูโหย่วเหลียงก็เริ่มหลงระเริงในอำนาจหรืออาจกล่าวได้ว่า อำนาจที่อยู่ตรงหน้าได้หล่อเลี้ยงความทะเยอทะยานของซูโหย่วเหลียงจิ่งสือเยี่ยนมีแนวทางการทำงานที่ค่อนข้างรอบคอบ ซูโหย่วเหลียงไม่ค่อยพอใจกับแนวทางการทำงานของเขาจนถึงตอนนี้ ซูโหย่วเหลียงก็มักจะทำในสิ่งที่ขัดคำสั่งของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น ซูโหย่วเหลียงยังถือเอาความเป็นผู้อาวุโสของเขา คอยแต่จะสั่งสอนเขาอยู่บ่อยๆ ซูโหย่วเหลียงขมวดคิ้ว “มหาราชครูเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ มีลูกศิษย์อยู่ทั่วผืนแผ่นดิน ถึงแม้ว่าเขาจะประพฤติตัวไม่เหมาะสม แต่ก็

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 781

    ผู้ดูแลที่ได้ยินคำสั่งก็รีบปิดประตูจวนอ๋องไม่ต้อนรับแขกทันทีแต่จิ่งสือเยี่ยนรู้ว่าแค่นี้ยังไม่พอ เขากลัวว่าจิ่งโม่เยี่ยจะฉวยโอกาสครั้งนี้กวาดล้างเมืองหลวงเขาจึงจุดดอกไม้ไฟในจวนเพื่อแจ้งกองทัพอวี๋ซานให้เตรียมพร้อมหากเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง ก็ให้รีบนำทัพเข้ามาช่วยเหลือในเมืองหลวงทันทีในเวลาเดียวกัน องครักษ์ทั้งหมดในจวนอ๋องจิ้นต่างเข้าประจำตำแหน่ง เตรียมพร้อมอย่างเข้มงวดองครักษ์เหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่คัดเลือกมาจากกองทัพอวี๋ซาน แต่ละคนสามารถต่อสู้กับศัตรูได้ถึงสิบคนองครักษ์ทุกคนมีหน้าไม้และอาวุธยุทโปกรณ์ครบมือ แม้ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะพาคนบุกเข้ามา เขาก็ใช่ว่าจะไร้หนทางสู้สถานการณ์เช่นนี้ทำให้จิ่งสือเยี่ยนรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงบัลลังก์จริงๆ เพราะเขานับถือจิ่งโม่เยี่ยมาก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้เขายิ่งถูกคนในตระกูลฝั่งมารดาผลักดันให้แย่งชิงบัลลังก์เดิมทีเขาคิดว่าคู่แข่งของเขาคือพี่น้องของเขา แต่กลับไม่คิดว่าจะเป็นจิ่งโม่เยี่ยหากเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับจิ่งโม่เยี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 782

    จิ่งโม่เยี่ยถามว่า “ถ้าเป็นชูอิ่งเจอเรื่องแบบนี้ เจ้าคิดว่านางจะจัดการอย่างไร”ปู๋เยี่ยโหวไม่รู้ว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยถึงถามแบบนี้ แต่เขาก็ลองนึกถึงวิธีการของเฟิ่งชูอิ่งดูหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ถ้าเป็นชูชูจัดการเรื่องนี้ คงจะทำให้พวกนี้รู้สึกเสียใจจนอยากจะหายไปจากโลกนี้เลยล่ะ!”เขาเคยเห็นวิธีการจัดการเรื่องต่างๆ ของนาง ถือว่าคำที่เขาใช้อธิบายนั้นเหมาะสมแล้วเพราะไม่ว่าจะเป็นจวนสกุลหลิน อารามเทียนอี้หรือแม้แต่คุกของจวนผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวง ทุกหนแห่งที่มีนางปรากฏตัว ที่นั่นก็จะวุ่นวายโกลาหลไปหมดจะบอกว่าที่ที่นางผ่านไปนั้นราบคาบเป็นหน้ากลองก็คงไม่ผิดนักมุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าเป็นนาง พวกหัวโบราณคร่ำครึเหล่านั้นคงจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงกันตรงนั้นแน่”ปู๋เยี่ยโหวรู้สึกว่าเฟิ่งชูอิ่งมีความสามารถขนาดนั้นจริงๆ จิ่งโม่เยี่ยพูดต่อ “ในเมื่อคนพวกนี้น่ารำคาญนัก ก็ให้พวกเขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเถอะ”พอปู๋เยี่ยโหวได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จึงถามว่า “เจ้าจะทำอะไร”จิ่งโม่เยี่ยพูดอย่างใจเย็น “ที่ผ่านมาข้ารู้สึกว่าคนที่อยู่ในเมืองหลวงพวกนี้น่ารำคาญมา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 783

    หลางซานพูดต่อว่า "จะว่าไปก็แปลกนะพ่ะย่ะค่ะ หลังจากเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น จวนอ๋องจิ้นก็ปิดประตูจวนไม่รับแขก""ดูจากท่าทางของเขาแล้ว คล้ายไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้"จิ่งโม่เยี่ยมองด้วยสายตาเย็นชา "เขาปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไปโดยไม่ขัดขวาง นั่นหมายความว่าเรื่องนี้เป็นความตั้งใจของเขา""อาจจะไม่ใช่เจตนาของเขาก็ได้ แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว มันก็เป็นตัวแทนของเขาอยู่ดี"เขาพูดต่ออย่างช้าๆ "หรืออาจจะเป็นเพราะคนในตระกูลซูมีความทะเยอทะยานมากเกินไป เขาอาจจะต้องการยืมมือข้าจัดการพวกเขา"หลางซานไม่เข้าใจเหตุผลในเรื่องนี้ จึงถามว่า "แต่ตระกูลซูเป็นฐานอำนาจของเขา ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้ด้วย?"จิ่งโม่เยี่ยพูดเสียงเรียบ "อาจจะเป็นเพราะเขาได้ควบคุมทุกอย่างของตระกูลซูแล้ว คนที่ไม่เชื่อฟังก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีก"หลางซานได้ยินแล้วรู้สึกขนลุก เขารู้สึกว่าคนในราชวงศ์นี่น่ากลัวจริงๆ ถึงพวกเขาจะไม่ถึงขั้นไม่รู้จักคำว่าญาติพี่น้อง แต่ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่เขาพูดเบาๆ "แต่ก่อนเห็นอ๋องจิ้นเป็นคนรักษาน้ำใจและเห็นค่าความสัมพันธ์ ไม่คิดว่าเมื่อเขาโหดขึ้นมาจะเหี้ยมยิ่งกว่าใครๆ "จิ่งโม่เยี่ยมองอย่างเย็น

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 784

    ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีเอาเสียเลย แต่ก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าใครจะเป็นผู้แบกรับภาระหนัก ในสายตาของฮ่องเต้เจาหยวน คนนั้นก็คือผู้สืบทอดบัลลังก์ที่เหมาะสมที่สุดบัลลังก์นี้เขาได้มาด้วยความพยายามอย่างมาก เขาจะไม่ยอมให้สิ่งที่ได้มาด้วยความยากลำบากต้องตกไปอยู่ในมือของจิ่งโม่เยี่ยแม้เขาจะมีความเชื่อมั่นในตัวจิ่งสือเยี่ยนมากแค่ไหน ก็ไม่คิดว่าจิ่งสือเยี่ยนจะเป็นคู่ต่อสู้ของจิ่งโม่เยี่ยได้ขันทีกล่าวเบาๆ "ในใจของพวกเขา ฝ่าบาทคือผู้สืบทอดที่ถูกต้อง จิ่งโม่เยี่ยเป็นโจรชิงบัลลังก์"ฮ่องเต้เจาหยวนได้ยินคำนั้นก็หัวเราะเบาๆ "เรื่องนี้พูดยากนะ"ถึงอย่างไรจิ่งโม่เยี่ยก็เป็นโอรสของอดีตฮ่องเต้ เขาเคยเป็นองค์ชายที่ถูกต้องตามครรลองมาก่อนหากไม่ใช่เพราะเขาสับเปลี่ยนพระราชโองการ แผ่นดินนี้ก็คงตกเป็นของจิ่งโม่เยี่ยไปแล้วเรื่องเช่นนี้เขาพูดได้ แต่ขันทีไม่กล้าพูดขันทีถาม "ฝ่าบาท สถานการณ์เช่นนี้พวกเราควรจะทำอะไรบ้างหรือไม่?"ฮ่องเต้เจาหยวนหลับตาลง หลังจากครุ่นคิดสักครู่จึงกล่าวว่า "จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแสดงให้ผู้คนเห็นความโหดร้ายของจิ่งโม่เยี่ยได้"

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 785

    เมื่อพวกเขาไม่อยู่ในเมืองหลวงแล้ว ก็ยากที่จะก่อเรื่องได้เมื่อเทียบกับความใจเย็นและสุขุมของฮ่องเต้เจาหยวนแล้ว ทางด้านฮองเฮากลับไม่ได้สงบนิ่งขนาดนั้นเพราะเรื่องที่มหาราชครูถูกจิ่งโม่เยี่ยกักบริเวณในจวนนั้น ต้นเหตุเกิดจากนางฮองเฮาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องมันจะลงเอยแบบนี้นางโมโหขว้างปาข้าวของแตกกระจาย สบถด่าว่า “จิ่งโม่เยี่ย นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”“แล้วก็เฟิงเอ๋อร์ด้วย ตายไปแล้วก็ยังโง่อยู่ได้ ยังจะไปเข้าข้างจิ่งโม่เยี่ยอีก”เหล่านางข้าหลวงในห้องของนางไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรงฮองเฮาเดินวนไปวนมาในห้อง รู้สึกหงุดหงิดใจมาก แต่ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ตำแหน่งของนางฟังดูสูงส่ง แต่เมื่อบัลลังก์ของฮ่องเต้เจาหยวนกำลังจะไม่มั่นคง ตำแหน่งฮองเฮาของนางก็กลายเป็นเรื่องตลกโดยแท้จริงหลังจากเดินวนไปวนมาในห้องสิบกว่ารอบ ฮองเฮาก็หยุดแล้วพูดว่า “ไม่ได้ ข้าจะมานั่งรอความตายอยู่แบบนี้ไม่ได้”นางเรียกขันทีคนหนึ่งมาแล้วพูดว่า “เจ้าเข้ามา”ขันทีรีบเดินเข้ามา ฮองเฮากระซิบสั่งอะไรบางอย่าง ขันทีอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แบบนี้จะไม่เหมาะสมหรือพ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาพูดเสียงเย็นชาว่า “มีอะไรไม่เหมาะสม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 786

    สถานการณ์ดูแปลกประหลาด คนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันอย่างงุนงง ต่างฝ่ายต่างก็เดาว่าอีกฝ่ายเป็นคนของใครแถมการต่อสู้ก็แปลกพิลึก ทั้งสองฝ่ายต่างก็เอาชีวิตเข้าแลก ทำให้ไม่มีใครหยุดการต่อสู้ได้ ต้องพยายามฆ่าอีกฝ่ายให้ได้เท่านั้นเหล่าขุนนางที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ต่างอกสั่นขวัญแขวน พวกเขาอยากจะหนี แต่ขาที่ชาอยู่ก็ทำให้หนีไม่ได้ดั่งใจต้องการเหล่าขุนนางพยายามอย่างหนักที่จะหนี แต่ด้วยความกลัวทำให้ขาของพวกเขาสั่น และเพราะการสั่นนั้นเอง พวกเขาจึงขยับไปไหนไม่ได้ตอนนี้พวกเขาลืมกิริยามารยาทของบัณฑิตไปหมดสิ้นแล้ว ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือว่า “ช่วยด้วย!”ถึงแม้ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะไม่ได้สนใจเหล่าขุนนางที่ก่อเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่เขาก็ยังคงจัดคนมาเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทหารที่เฝ้าดูเหล่าขุนนางอยู่ก็รีบไปแจ้งจิ่งโม่เยี่ยทันทีตอนนี้ทหารของจิ่งโม่เยี่ยก็งุนงงเช่นกัน พวกเขาไม่แน่ใจในสถานการณ์ ไม่รู้ว่าควรจะลงมือหรือไม่ทหารคนหนึ่งถามหัวหน้าทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ว่า “ตอนนี้จะทำยังไงดี?”หัวหน้าทหารเองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์เช่นกัน ในความคิดของเขา เหล่าขุนนางเหล่านี้น่าจะตายไปเสีย

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status