แชร์

บทที่ 658

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
จิ่งสืออวิ๋นรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาถามจิ่งสือเยี่ยน "จริงหรือเปล่า?"

จิ่งสือเยี่ยนตอบ "จริง ผีนั่นหน้าตาดีอยู่หรอก แต่ตอนมีชีวิตอาจโดนคนควักลูกตาและเลาะคางออก แค่ขยับตัวลูกตากับคางก็ร่วงลงมาแล้ว"

จิ่งสืออวิ๋น "!!!!!!"

ก่อนจะถูกฟาดจนสลบเขาเหมือนเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผู้หญิงคนนั้นเคลื่อนไหวเร็วเกินกว่าจะเป็นคน ฟาดเขาสลบไปในทันที

ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใกล้ เขารู้สึกถึงกลิ่นอายความเย็นเยียบอย่างรุนแรง

ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว และเป็นเวลาพลบค่ำ เขาตกใจจนต้องมุดเข้าไปหลบอยู่ในมุม

แต่เขาไม่เห็นว่าจิ่งสือเฟิงนั่งอยู่ตรงนั้น ตอนนี้กำลังมองมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

จิ่งสือเฟิงเพิ่งตายไม่กี่วัน กลิ่นอายความเย็นเยียบจึงยังไม่หนักมาก

แต่เขาก็เป็นวิญญาณอยู่ดี จิ่งสืออวิ๋นรู้สึกหนาวมาก อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา "น้องห้า เจ้ารู้สึกหนาวบ้างไหม?"

จิ่งสือเยี่ยนส่ายหัว "ก็ยังดีอยู่ ไม่ได้หนาวมาก พี่ใหญ่รู้สึกหนาวเพราะตรงที่นั่งอยู่มีผีรึเปล่า?"

จิ่งสือเฟิง "......"

จิ่งสืออวิ๋น "!!!!!!"

จิ่งสือเยี่ยนหัวเราะ "ล้อเล่นน่ะ โลกนี้มีผีตรงไหนกัน?"

"ปู๋เยี่ยโหวเลี้ยงนางโลมฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งไว้ในเรือนหลังจวน นางไม่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 659

    เฟิ่งชูอิ่งไม่อยากพบเขา แต่กลับยินดีพบจิ่งสือเยี่ยน เขารู้สึกเจ็บปวดในใจมากพอความคิดนี้ผุดขึ้นมา จิ่งโม่เยี่ยก็เกิดความคิดอยากฆ่าขึ้นมาในใจเขาพยายามกดความคิดนี้ลงไป สูดหายใจลึกๆ บอกตัวเองว่าตอนนี้ไม่ควรทำอะไร มิฉะนั้นจะยิ่งทำให้นางรังเกียจชั่วชีวิตของจิ่งโม่เยี่ย ไม่เคยระมัดระวังกับใครมากขนาดนี้มาก่อนหลังจากจิ่งสืออวิ๋นกลับจวน เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องเรือนท้ายจวนของปู๋เยี่ยโหวซ่อนอะไรเอาไว้กันแน่?หมอเพิ่งมาตรวจดูที่ต้นคอของเขา บนนั้นมีรอยช้ำสีเข้มอยู่หลายแห่งหมอบอกว่าถ้ามีรอยแบบนี้ เขาต้องโดนฟาดอย่างน้อยสามครั้งเมื่อจิ่งสืออวิ๋นได้ยินคำอธิบายนี้ ก็ยิ่งแน่ใจว่าจิ่งสือเยี่ยนต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง เพราะจิ่งสือเยี่ยนบอกว่าเขาโดนนางโลมฟาดแค่ครั้งเดียวเขารู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง ความอยากรู้อยากเห็นของเขาพุ่งสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเขาครุ่นคิดอยู่สักพัก รู้สึกว่าเขาไม่ควรเป็นเบี้ยรองของจิ่งสือเยี่ยนแบบนี้ ในเมื่อเรื่องนี้จิ่งสือเยี่ยนอยากปิดบังนัก เขาก็จะต้องรู้ให้ได้ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นเขาจึงไปหาปู๋เยี่ยโหว เขาอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 660

    จิ่งสืออวิ๋นรู้สึกว่าจิ่งสือเยี่ยนและปู๋เยี่ยโหวต่างก็ง้างปากยากมากเขาชี้หน้าใส่ปู๋เยี่ยโหวแล้วพูดว่า "เจ้าพูดจาหาความจริงไม่ได้สักคำ"ปู๋เยี่ยโหวถอนหายใจ "คราวนี้เจ้าเข้าใจผิดข้าจริงๆ คนที่พูดจาไม่มีความจริงสักคำคือจิ่งสือเยี่ยนต่างหาก"พูดถึงตรงนี้เขาก็เริ่มด่าทอ "จิ่งสือเยี่ยนบอกว่าจวนตากอากาศของข้ามีผีสิงเจ้ายอมเชื่อ แต่กลับไม่เชื่อว่าในจวนตากอากาศของข้ามีสาวงามซ่อนอยู่""จิ่งสืออวิ๋น สมองเจ้าคงมีแต่ขี้เลื่อยเต็มไปหมดสินะ!"จิ่งสืออวิ๋นเมื่อวานโดนเฉี่ยวหลิงฟันคอไปหลายที หลังคอจึงเจ็บมาก พอได้ฟังเรื่องราวมากมายที่เขาเล่า หัวก็ยิ่งปวดหนักขึ้นเขายกมือปิดหูแล้วพูดว่า "หุบปากซะ!"เห็นว่าถามอะไรจากปู๋เยี่ยโหวไม่ได้แล้ว เขาจึงหันหลังเดินจากไปเลยแต่พอเดินมาถึงลานบ้าน ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างตกลงมาบนหัว ยกมือขึ้นลูบดู ที่แท้เป็นขี้นกก้อนหนึ่งนกตัวนั้นยังส่งเสียงร้องอยู่บนท้องฟ้า ดูเหมือนจะมีความสุขมากจิ่งสืออวิ๋นโกรธจนแทบระเบิด หยิบก้อนหินขึ้นมาหมายจะขว้างนกตัวนั้นให้ตกลงมาแต่พอดีตอนที่เขาขว้างหิน กรมโยธาธิการกำลังซ่อมกระจกบนหลังคาอยู่ แสงสะท้อนจากกระจกส่องเข้าตาเขาพอดีมือของเขาเบี่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 661

    คาดว่าการตายของจิ่งสือเฟิงทำให้จิ่งสืออวิ๋นตระหนักถึงบางสิ่ง เขาต้องการจะบอกจิ่งโม่เยี่ยว่าถึงแม้เขาจะเป็นองค์ชาย แต่ก็อยู่ฝ่ายเดียวกับจิ่งโม่เยี่ยปู๋เยี่ยโหวเหลือบตาขึ้นถาม "เจ้าคิดดีแล้วหรือ?"จิ่งสืออวิ๋นรู้ว่าเขาถามถึงอะไร จึงตอบว่า "เจ้าคิดว่าข้าเป็นเหมือนเจ้า ที่ไม่รู้จักประมาณตนหรือ?""อีกอย่าง ข้าไม่ได้โง่เหมือนจิ่งสือเฟิง ข้ารู้จักฐานะของตัวเองดี"ก่อนหน้านี้เขาอาศัยความเป็นพี่ใหญ่ ส่วนจิ่งสือเฟิงอาศัยความเป็นลูกภรรยาเอก ทั้งสองคนต่างอยากได้ตำแหน่งนั้น จึงแย่งชิงกันอย่างดุเดือดที่จิ่งสืออวิ๋นกล้าแย่งชิงกับจิ่งสือเฟิง ก็เพราะเขาคิดว่าจิ่งสือเฟิงเป็นแค่คนโง่คนอย่างจิ่งสือเฟิงถ้าสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ เขาก็ย่อมเป็นได้เช่นกันตอนนี้แผ่นดินส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของจิ่งโม่เยี่ยแล้ว เขาเห็นถึงความสามารถในการวางแผนและการจัดการอย่างเฉียบขาด นอกเหนือจากกลอุบายต่างๆ จากวิธีการทำงานของจิ่งโม่เยี่ย เขาจึงรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อเข้าใจเรื่องนี้แล้ว เขาก็ไม่กล้าแย่งชิงกับจิ่งโม่เยี่ยอีกยิ่งไปกว่านั้น การตายของจิ่งสือเฟิงทำให้เขารู้สึกว่าถ้าเขาจะแย่งชิงกับจิ่งโม่เยี่ย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 662

    ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะพลางกล่าวว่า "อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของข้า ข้าตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่จวนตากอากาศของข้า""ท่าทีของเจ้าแย่มาก ข้าจะไม่เชิญเจ้าละกัน!"เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้จิ่งโม่เยี่ยตอบสนองจิ่งโม่เยี่ยเงยหน้าขึ้นทันทีที่ปู๋เยี่ยโหวพูดจบ แต่ปู๋เยี่ยโหวก็เดินไปไกลแล้วเขาหัวเราะเบาๆ แล้วก้มหน้าลงจัดการงานราชการต่อแต่ความเร็วในการตรวจสอบเอกสารของเขาเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาจัดการให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้มีเวลาไปร่วมงานวันเกิดของปู๋เยี่ยโหวหลังจากที่ปู๋เยี่ยโหวออกไปแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจที่บอกจิ่งโม่เยี่ยเรื่องงานวันเกิดเขาตั้งใจจะมาบอกจิ่งโม่เยี่ยว่าจิ่งสืออวิ๋นได้เข้าร่วมกับพวกเขาแล้ว แต่ทำไมสุดท้ายถึงได้พูดเรื่องงานวันเกิดแทนล่ะ?เขาเข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเฟิ่งชูอิ่ง ไม่เคยคิดที่จะช่วยจิ่งโม่เยี่ยตามง้อเฟิ่งชูอิ่งแต่การจัดงานวันเกิดครั้งนี้ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังช่วยจิ่งโม่เยี่ย?เขายกมือตบหัวตัวเอง คิดว่าตัวเองคงจะบ้าไปแล้วเพราะโมโหจิ่งโม่เยี่ย ถึงได้หลุดปากพูดออกไปเขาคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยเป็นคนที่น่ารำคาญที่สุดในโลก เขาตาบอดจริงๆ ที่เลือกร่ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 663

    เขาพูดเสียงเย็น "ยกเลิกงานเลี้ยง"ปู๋เยี่ยโหวรู้ถึงความสามารถของเหมยตงยวน ตอนนี้วิญญาณร้ายทั้งหมดในเมืองหลวงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาสามารถรู้ข่าวในเมืองหลวงได้เร็วที่สุดเขาสูดจมูกพูดว่า "ลุงเหมย ถึงแม้ว่าข้าจะหน้าหนา แต่ก็ยังต้องการรักษาหน้าบ้าง""หากข้าเรียกคืนบัตรเชิญตอนนี้ คนในเมืองหลวงคงจะหัวเราะเยาะข้าตายเลย!"เหมยตงยวนพูดเสียงเย็น "เมื่อครู่นี้เจ้าบอกเองว่าเจ้าไม่สนใจหน้าตา แล้วเจ้ายังกลัวถูกคนหัวเราะเยาะอีกหรือ?"ปู๋เยี่ยโหว "......"งานเลี้ยงนี้ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ถูกยกเลิก ปู๋เยี่ยโหวยอมเอาตัวเข้าแลกให้อีกฝ่ายทุบตี แต่จะไม่ยอมเสียหน้าโดยเด็ดขาดเหมยตงยวนก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้จริงๆ จึงต้องปล่อยให้เขาทำตามใจแต่ในวันงานเลี้ยง เขาได้ติดตั้งกลไกหน้าเรือนเพื่อป้องกันคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือหลงเข้ามาเฟิ่งชูอิ่งแต่เดิมเป็นคนชอบความคึกคัก อยู่ในบ้านหลังนี้มาหลายเดือนไม่ได้ออกไปไหนเลย นางรู้สึกเบื่อแย่แล้วนางนั่งในห้องได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากลานหน้าบ้าน จึงเอามือเท้าคาง สีหน้าเศร้าสร้อยเหมยตงยวนเห็นท่าทางของนางแบบนี้ จึงเรียกวิญญาณร้ายที่มีความสามารถมาสองสามตนให้มาแสดงให้นางดูเฟ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 664

    วิญญาณร้ายรู้แค่ว่าเหมยตงยวนและเฉี่ยวหลิงเก่งกาจ แต่ไม่รู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งจะเก่งขนาดนี้พวกมันคิดว่าจะสามารถฆ่านางได้อย่างรวดเร็วแล้วกลับไปรายงานแต่ตอนนี้พวกวิญญาณร้ายเหล่านี้ ไม่มีตนไหนสามารถต่อสู้กับนางได้แม้แต่นิดเดียวเฟิ่งชูอิ่งเห็นพวกมันไม่เข้ามา นางเคลื่อนไหวลำบากจึงไม่สะดวกที่จะไล่ตามพวกมันไป จึงใช้นิ้วกระดิกเรียกพวกมันการกระทำของนางในสายตาของพวกวิญญาณร้าย นั่นคือการท้าทายอย่างชัดเจนพวกมันสบตากันแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีวิญญาณร้ายเนรมิตผมยาวออกมารัดคอนางบนพื้นก็มีผ้าขาวโผล่ออกมาพันเท้านางก่อนที่พวกวิญญาณร้ายจะลงมือ ด้านหน้าลานบ้านสว่างไสวด้วยเปลวไฟ ดูคึกคักมาก แต่ก็มีคนหนึ่งที่จิตใจไม่ได้อยู่ที่งานเลี้ยงจิ่งสืออวิ๋นคิดถึงความลับที่เรือนหลังจวนตลอด เขาวางแผนจะหาโอกาสไปสำรวจดูสักหน่อยแต่เหตุการณ์ครั้งที่แล้วทำให้เขาจำได้แม่น เขากลัวว่าจวนตากอากาศของปู๋เยี่ยโหวจะมีผีสิง จึงไม่กล้าไปคนเดียวเขาพยายามบอกใบ้ให้ปู๋เยี่ยโหวพาเขาไป แต่ไม่คิดว่าปู๋เยี่ยโหวจะแกล้งโง่ ไม่ตอบรับคำพูดของเขาเลยเขาจึงไปหาจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเยี่ยนนึกถึงคำพูดของเฟิ่งชูอิ่งเมื่อครั้งก่อน เขาไม่อยากทำให้นางรำ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 665

    เมื่อเขาพูดจบก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังมาจากในห้อง และมีแสงฟ้าแลบระเบิดขึ้นด้านหน้ากระดาษยันต์ปัญจอสนีที่เฟิ่งชูอิ่งวางไว้ในห้องเกิดระเบิดขึ้น แต่พวกเขาถูกผลกระทบจากเขตอาคมจึงมองไม่เห็นห้อง ได้แต่เห็นแสงฟ้าแลบเท่านั้นเพราะสิ่งนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเขตอาคมแต่เดิม เมื่อถูกรบกวนเช่นนี้เขตอาคมก็อ่อนแรงลงกว่าเดิมไปหลายส่วนจิ่งสือเยว่พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ "ทำไมอยู่ดีๆ ก็มีฟ้าร้องฟ้าผ่าขึ้นมา แล้วทำไมฟ้าร้องดูเหมือนดังมาจากพื้นดินด้วย? เมฆลอยต่ำขนาดนั้นเลยหรือ?"จิ่งสืออวิ๋นสงสัยมาตั้งแต่แรกแล้วว่านี่เป็นมายาลวงตา พอได้ยินคำพูดของจิ่งสือเยว่ก็ยิ่งแน่ใจว่าเป็นการโดนผีลักซ่อนในใจเขารู้สึกกลัวแทบตาย แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็งในฐานะพี่ชายคนโต เขาพูดเสียงสั่น "ที่นี่ดูไม่ค่อยชอบมาพากลนะ พวกเราออกไปก่อนดีกว่า"แต่พวกเขาหาทางออกไม่เจอเลย!ด้านหน้ามีแสงฟ้าแลบระเบิดขึ้นอีกครั้ง พวกเขาถึงกับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างชนกระแทกไม้อย่างแรงและเสียงไม้แตกหักจิ่งสืออวิ๋นกับจิ่งสือเยว่สบตากัน อาศัยแสงฟ้าแลบที่วาบผ่าน พวกเขาต่างเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของอีกฝ่ายจิ่งสือเยว่ถามว่า "พี่ใหญ่ นี่มันเกิดอะไร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 666

    เปลวไฟแผดเผาวิญญาณร้ายที่ต้องการฆ่าเฟิ่งชูอิ่งจนตายไปหลายตน แต่ก็กลืนกินทั้งห้องไปด้วยวิญญาณร้ายที่ไม่ตายก็ถูกไฟลนจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงผมและผ้าขาวกลายเป็นเชื้อเพลิง เพียงชั่วพริบตาทั้งห้องก็กลายเป็นทะเลเพลิงสีหน้าของเฟิ่งชูอิ่งดูแย่มาก นางพยายามหมุนรถเข็นเพื่อออกไป แต่กลับพบว่าล้อรถเข็นถูกวิญญาณร้ายบางตนขัดไว้ ทำให้หมุนไม่ได้เลยหลังจากพยายามสามครั้งแล้วยังไม่สำเร็จ เฟิ่งชูอิ่งก็ตัดสินใจทิ้งรถเข็นแล้วกระโดดด้วยขาข้างเดียวไปที่ประตูแต่ที่ประตูมีม่านแขวนอยู่ ตอนนี้ม่านถูกไฟไหม้แล้วม่านเพิ่งแขวนหลังเข้าฤดูใบไม้ร่วงเพื่อกันลม มันหนามาก ขาของนางยังบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถวิ่งฝ่าไปได้ด้านหลังของนางกลายเป็นทะเลเพลิงแล้ว เปลวไฟกำลังลุกลามเข้ามาใกล้ในขณะนั้น นางรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปอยู่ในกองเพลิงที่โรงเก็บฟืนในคืนวิวาห์อีกครั้งความหวาดกลัวอย่างมหาศาลโถมเข้าใส่นาง นางรู้ว่าการตื่นตระหนกไม่มีประโยชน์ในตอนนี้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้นางรู้ว่าหลังจากไฟไหม้ครั้งนั้น นางมีอาการหวาดหวั่นและวิตกกังวลอย่างรุนแรง แต่เพราะปกตินางไม่ได้สัมผัสกับไฟ จึงไม่ค่อยแสดงอาการออกมาแต่วันนี

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status