Share

บทที่ 39

Author: ดอกถังร่วงหล่น
last update Last Updated: 2024-06-29 00:45:24
คนที่บุกเข้ามาคือนักพรตเต๋าที่เป็นเวรประจำวันของสำนักโหรหลวง พร้อมกับขันทีอีกจำนวนหนึ่ง

พวกเขาเห็นภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้าก็พากันตื่นตกใจ นักพรตเต๋าคนนั้นตะโกนด้วยท่าทางดุร้าย “วิญญาณร้าย คิดจะหนีไปไหนกัน?”

เพียงแค่ก้าวเข้ามาด้านในเขาก็รีบเปิดเนตรทิพย์ของตนเอง ชักดาบไม้ท้อ[footnoteRef:1]ออกมาเตรียมจะจัดการพวกวิญญาณร้าย [1: คนจีนเชื่อกันว่าไม้ท้อสามารถขับไล่ภูตผีได้ จึงมักถูกนำมาใช้เป็นอาวุธของพวกนักพรต]

พริบตาที่เขาเบิกเนตรทิพย์ขึ้นมา เขาก็มองเห็นวิญญาณร้ายกลุ่มใหญ่ที่มีทุกรูปร่างลักษณะอัดแน่นอยู่ภายใน

ทว่าในตอนนั้นเอง วิญญาณร้ายทั้งหมดนั่นก็ถูกสวดส่งจนสูญสลายไปต่อหน้าต่อตาของเขา

นักพรตได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความโง่งม เขาคิดว่าตัวเองตาฝาดด้วยซ้ำไป

เขายกมือขยี้ตาสักพัก เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง วิญญาณร้ายเหล่านั้นก็หายไปไม่เหลือร่องรอยแล้ว

ในขณะเดียวกันไอมังกรก็พัดถาโถมเข้ามาจากด้านนอก ทว่าวนเวียนรอบกรมราชทัณฑ์แล้วก็ยังไม่พบเป้าหมายที่ต้องจัดการ มันจึงสลายหายไปเช่นกัน

เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ยังรอดชีวิตอยู่รีบตะโกนเสียงหลงว่า “ท่านนักพรตช่วยข้าด้วย!”

เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงร้องขอค
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Supitcha
อยากอ่านต่อ น่าจะมีเป็นหนังสือ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 40

    จิ่งโม่เยี่ยก้มมองเฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนคราหนึ่ง เอาล่ะ เขามั่นใจหนึ่งอย่างแล้ว ความสามารถของนางเหนือยิ่งกว่านักพรตเต๋าที่มีพรสวรรค์สูงสุดในสำนักโหรหลวงเสียอีกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์หัวเราะอย่างเสียสติ “ข้าเป็นชายชาตรี ข้าเป็นบุรุษอกสามศอก ข้าจะหลับนอนกับสตรีทุกคนในใต้หล้าเลย!”เขากล่าวจบก็ใช้มือจับของสิ่งนั้นที่ผูกอยู่ตรงช่วงเอว จ่อไปที่ส่วนท้องน้อยของขันทีผู้หนึ่งแล้วดันมันเข้าไปนางกำนัลคนหนึ่งทนดูไม่ไหวอีกต่อไป จึงคว้าท่อนไม้ขึ้นมาฟาดหลังศีรษะของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จนสลบเหมือดไปสันติสุขจึงหวนคืนสู่โลกหล้าอีกครั้งขันทีกลุ่มหนึ่งช่วยกันคนละไม้คนละมือ จับร่างของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เหวี่ยงออกจากตัวของขันทีผู้โชคร้ายคนนั้นก่อนที่เสียงเข้มงวดของใครคนหนึ่งจะดังมาจากข้างๆ “ส่งเสียงดังเอะอะโวยวายอะไรกัน”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงนั้นก็ทราบทันทีว่าฮองเฮามาถึงแล้วนางไตร่ตรองในใจ ต้องทำอย่างไรถึงจะสั่งสอนบทเรียนที่ฮองเฮาจะต้องจดจำไปจนวันตาย โดยที่ไม่หลงเหลือหลักฐานให้อีกฝ่ายมาเอาผิดได้ขันทีที่อยู่แถวนั้นรีบใช้ผ้านวมห่มคลุมร่างของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ จากนั้นก็กราบทูลเหตุการณ์ทั้งหม

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 41

    “พวกเขาบอกว่าเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เป็นตัวการแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง พวกเขาจึงต้องการฉีกเขาให้เป็นชิ้นๆ!”นางกล่าวถึงตรงนี้ก็ลอบใช้มือสร้างมุทรายิงคาถาใส่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่เดิมสลบเหมือดไปแล้วก็พลันลืมตาขึ้นมา เขากระโจนลุกขึ้นมาแล้วถาโถมร่างใส่ฮองเฮาจนล้ม ก่อนจะเผยอปากจูบใบหน้าของฮองเฮาเนื่องจากเขาถูกตีสลบไปแล้ว อีกทั้งตอนที่ฮองเฮาปรากฏตัวคนทั้งหลายก็มัวแต่ถวายความเคารพ จึงไม่มีใครสนใจเขาอีกการที่เขาลุกขึ้นมากระโจนใส่ฮองเฮาจึงเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของคนทั้งหมด จนไม่มีใครเข้าไปห้ามปรามเขาได้ทันฮองเฮาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ในยามปกตินางจะวางมาดนิ่งขรึม ทว่ายามนี้กลับไม่หลงเหลือความสุขุมเลยแม้แต่นิดเดียวเสียงหวีดแหลมยามเสียขวัญของนางบาดหูยิ่งกว่าสตรีทั่วไปเสียอีก “บังอาจ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะแล้ว จึงไม่คิดจะฟังคำสั่งของฮองเฮาแม้แต่น้อยเขาตะโบมจูบใบหน้าของฮองเฮาอย่างบ้าคลั่ง แม้นางจะพยายามหลบอย่างสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ยังโดนเขาจูบไปสองสามครั้งอยู่ดีบรรดานางกำนัลขันทีที่พากันตกใจก็พลันได้สติกลับมา พวกเขารีบเข้

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 42

    มุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกสูงขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “นางเป็นฮองเฮาของแผ่นดิน เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นก็ต้องอับอายขายหน้าเป็นธรรมดา”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยด้วยท่าทางไร้เดียงสา “ยามเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นพระนางรู้สึกขายหน้า แล้วทำไมเมื่อครู่นี้ถึงพยายามใส่ร้ายป้ายสีข้าล่ะ?“มิใช่กล่าวกันว่าฮองเฮาคือพระมารดาแห่งแผ่นดิน เป็นผู้ที่งดงามเพียบพร้อม มีน้ำพระทัยกว้างขวางหรอกหรือ? ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ?”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “อาจเป็นเพราะนางยังไม่ใจกว้างมากพอ”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยใบหน้าฉงนสนเท่ห์ “ในเมื่อพระนางทรงน้ำพระทัยไม่กว้างขวางพอ แล้วทำไมยังได้เป็นฮองเฮาล่ะเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยใช้นิ้วดีดหน้าผากของนางทีหนึ่งแล้วกล่าว “เด็กดื้อ เจ้าจะสงสัยอะไรนักหนาเล่า”เขากล่าวจบก็หันไปมองฮองเฮา “เฟิ่งชูอิ่งเพิ่งจะเข้าวังเป็นครั้งแรก ยังคงไม่รู้ความมากนัก อาจจะมีข้อสงสัยมากไปเสียหน่อย ขอฮองเฮาอย่าได้ถือสาหาความ”ฮองเฮา “......”ทั้งสองคนนี้เล่นด่านางซึ่งๆ หน้า ด่าเสร็จแล้วยังบอกไม่ให้นางถือสาหาความอีก!เรื่องพรรค์นี้จะไม่ถือสาหาความได้อย่างไร?เดิมทีนางอยากจะฆ่าเฟิ่งชูอิ่งให้ตาย ทว่าตอนนี้นอกจากเฟิ่งชูอิ่ง

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 43

    ฮองเฮาถูกด่าจนไม่กล้าพูดอะไรอีกไทเฮากล่าวย้ำว่า “อย่าคิดว่าข้ารู้ไม่ทันความคิดชั่วร้ายของเจ้านะ!“ข้ายังไม่ทันตาย เจ้าก็ทำวังหลวงเต็มไปด้วยความอัปมงคลทุกหนแห่งแล้ว!“หากเจ้าจัดการวังหลังให้ดีไม่ได้ก็ส่งมอบอำนาจออกมาเสีย ในวังยังมีสนมชายาอีกมากที่ดูแลวังหลังแทนเจ้าได้”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวเบาๆ ว่า “เสด็จย่า แม้คุณสมบัติของฮองเฮาจะด้อยไปบ้าง แต่นางก็เป็นถึงภรรยาเอกของเสด็จลุง ท่านก็ช่วยไว้หน้านางหน่อยเถอะ”หากเขาไม่พูดก็แล้วไปเถิด พอเขาเอ่ยปากออกมาเช่นนี้ไทเฮาก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ “เจ้าไม่ต้องช่วยพูดแทนนางเลย!“เจ้าดูสารรูปนางสิ สตรีที่ปากร้ายใจดำ ใจคอคับแคบเยี่ยงนี้ มีลักษณะเหมือนมารดาแห่งแผ่นดินสักนิดไหม!“วันๆ นางเอาแต่คิดจะจัดการคนนั้น ต่อกรกับคนนี้ ไม่เคยทำเรื่องดีๆ ที่เป็นชิ้นเป็นอันอะไรเลย“ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เจ้าดูสิว่านางจัดการดูแลวังหลวงจนมีสภาพแบบไหน?“กรมราชทัณฑ์สมควรจะเป็นสถานที่ที่มีความยุติธรรมมากที่สุด กลับถูกนางเปลี่ยนเป็นแหล่งซ่องสุมแสนโสมมไปแล้ว!”ไทเฮากล่าวจบก็หันมาหาเฟิ่งชูอิ่ง “เด็กดี เจ้าไม่ต้องกลัวนะ มีเสด็จย่าอยู่ตรงนี้ ใครหน้าไหนก็รังแกเจ้าไม่ได้ทั้งนั้น”เฟ

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 44

    ไทเฮาหันไปสั่งนางกำนัลข้างกาย “พาแม่นางเฟิ่งไปล้างเนื้อล้างตัวข้างในเถอะ จากนั้นก็จัดเตรียมอาภรณ์ชุดใหม่ให้นางด้วย”นางกำนัลคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพาเฟิ่งชูอิ่งเดินไปทางตำหนักข้างพอนางจากไป ไทเฮาก็หันไปคุยกับจิ่งโม่เยี่ย “น้อยครั้งนักที่เจ้าจะสนใจสตรีสักคน นางเป็นคนที่น่าสนใจมากจริงๆ“สถานที่แบบกรมราชทัณฑ์ นางเข้าไปแล้วกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย ช่างถูกใจข้าเสียจริงเชียว”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าความจริงแล้วไทเฮาไม่ค่อยพอใจนักที่ฮ่องเต้เจาหยวนพระราชทานสมรสให้เฟิ่งชูอิ่งแต่งเป็นชายาเขา เพราะว่าฐานะของเฟิ่งชูอิ่งต่ำต้อยเกินไปและความจริงแล้วไทเฮาก็ทรงทราบเรื่องที่ฮองเฮาเรียกตัวเฟิ่งชูอิ่งเข้าวังด้วย ด้วยความสามารถของพระนางมีหรือจะปิดบังได้ หลายปีที่ผ่านมาไทเฮาทรงเป็นห่วงเป็นใยเรื่องการแต่งงานของจิ่งโม่เยี่ยมาโดยตลอด ทว่าหลังจากว่าที่ภรรยาของเขาตายไปติดๆ เจ็ดคน ต่อให้ก่อนหน้านี้จะตื่นเต้นสักแค่ไหน ยามนี้ก็เหลือเพียงความเฉยชาแล้วดังนั้นนางจึงไม่ค่อยอยากจะข้องเกี่ยวกับเรื่องครั้งนี้ ทรงทราบดีว่าคราวนี้ฮองเฮาน่าจะใช้วิธีการโหดเหี้ยมจัดการกับเฟิ่งชูอิ่งที่ไม่มีอำนาจหนุนหลังเพียงแต่นางคิดไม่ถึง

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 45

    ดังนั้นฮ่องเต้เจาหยวนจึงกอดสนมรักของตนเองแล้วหลับตานอนต่อ ทำเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นผลคือยามเช้าเมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา หัวหน้าขันทีก็ปรี่เข้ามารายงานเรื่องที่ฮองเฮาถูกลวนลามแล้วยังถูกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คนนั้นทำบัดสีอีก เขาจึงไม่อาจนิ่งดูดายได้ฮองเฮาเป็นภรรยาคนแรกของเขา แม้ทั้งสองจะไม่ถึงขั้นรักใคร่ลึกซึ้ง แต่ฮองเฮาก็เป็นภรรยาเอกของเขา เกี่ยวพันถึงหน้าตาและเกียรติยศของตนเองทว่าฮองเฮากลับจัดการเฟิ่งชูอิ่งที่เป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าไร้บิดามารดาหนุนหลังไม่ได้ แล้วยังเกิดเรื่องสกปรกโสมมกับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์อีก เขาจึงรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมากหลังจากด่าฮองเฮาจนพอใจแล้ว เขาก็สั่งให้ฮองเฮาจัดการวังหลังให้ดี หากยังเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้นมาอีก เขาจะสั่งลงโทษให้หนักเลยเดิมทีฮองเฮาก็ถูกเฟิ่งชูอิ่งกับจิ่งโม่เยี่ยเล่นงานจนโทสะสูงเทียมฟ้าแล้ว บัดนี้ยังถูกฮ่องเต้เจาหยวนด่าซ้ำอีก นางจึงโกรธจนแทบลมจับ เจี่ยนชุนนางกำนัลที่รู้ใจนางมากที่สุดก็ถูกจิ่งโม่เยี่ยเอากระบี่แทงทะลุอกตายคาที่ไปแล้ว นางกำนัลคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ความเท่าเจี่ยนชุน ไม่รู้วิธีฉอเลาะปลอบใจนางตำหนักคุนหนิงของนางยังถูกเผาวอ

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 46

    เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเช่นนั้นแล้วก็อยากเทศนาบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเขาทันที!นางอดไม่ได้ที่จะแขวะจิ่งโม่เยี่ยว่า “ท่านอ๋อง ไม่ว่าใครหากตายไปแล้ว ก็ไม่เหลืออะไรทั้งนั้นแหละเพคะ”จิ่งโม่เยี่ยเหล่ตามองเฟิ่งชูอิ่งแวบหนึ่ง “ข้าเห็นว่าเจ้าก็หาเรื่องตายอยู่ทุกวันนะ”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ครู่ต่อมา นางก็ถูกจิ่งโม่เยี่ยขับไล่ลงมาจากรถม้านางยังไม่ทันจะยืนมั่นคง รถม้าก็ห้อตะบึงผ่านร่างของนางไปอย่างว่องไว แรงเหวี่ยงแทบจะทำนางหมุนรอบตัวเอง เกือบล้มคว่ำไปกองกับพื้นนางโกรธจนกระทืบเท้าตึงตัง ชี้รถม้าตะโกนด่าว่า “จิ่งโม่เยี่ย ไอ้เจ้าลูก...”จิ่งโม่เยี่ยใช้มือเลิกม่านรถม้าขึ้นเล็กน้อย คำพูดที่จะหลุดจากปากของเฟิ่งชูอิ่งจึงหยุดชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนคำอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋องหล่อเหลามากเพคะ!”จิ่งโม่เยี่ยกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วปิดม่านลงดั่งเดิมเฟิ่งชูอิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่นด่าเสียงเบาว่า “ไอ้บุรุษชาติหมา ไอ้คนเฮงซวย สมน้ำหน้าเจ้าแล้วที่ถูกพระเอกฆ่าตาย!”นางด่าจบก็รู้สึกอัดอั้นตันใจไปหมดเครื่องประดับศีรษะชุดใหญ่ที่งดงามขนาดนั้น เผลอพริบตาเดียวก็ถูกชิงไปเสียแล้ว!โมโหชะมัด!เสียแรงนางอุตส่าห์คิดว่าเขากลายเป็

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 47

    ฮว๋าซื่อได้ยินแล้วแทบเป็นลม “เจ้ายกเครื่องประดับศีรษะชุดนั้นให้คนอื่นไปแล้ว?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ หากท่านป้าอยากได้เครื่องประดับศีรษะชุดนั้นคืน ก็เข้าวังไปทวงจากขันทีพวกนั้นเองเถอะ“อ้อ แต่ตอนนั้นข้ามัวแต่ห่วงชีวิตตัวเอง ก็เลยไม่ทันถามว่าขันทีเหล่านั้นชื่อว่าอะไรกันบ้าง“ท่านป้าเป็นคนรอบรู้ จะต้องตามหาตัวพวกเขาเจอแน่นอนเจ้าค่ะ”นางกล่าวจบก็แสร้งทำเป็นหาวหวอดใหญ่ “ข้าไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลย ง่วงจะตายอยู่แล้ว ข้าขอตัวกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ”นางกล่าวจบก็ไม่สนใจใยดีฮว๋าซื่ออีก ก้าวฉับๆ กลับห้องตัวเองทันทีฮว๋าซื่อตะโกนอย่างเดือดดาล “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้ารีบเข้าวังไปเอาเครื่องประดับศีรษะคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”หลินชูเจิ้งแม้จะเป็นรองเจ้ากรมขุนนางขั้นที่สาม แต่วังหลวงก็ไม่ใช่สถานที่ที่ฮว๋าซื่อจะเข้าออกตามอำเภอใจได้การบอกให้นางเข้าวังหลวงไปทวงเครื่องประดับศีรษะจากขันทีที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อ เป็นเรื่องที่ฟังดูเหลวไหลสิ้นดีเลยเฟิ่งชูอิ่งโบกมือไปมาแล้วกล่าว “ไม่ไปเจ้าค่ะ อยากไปท่านป้าก็ไปเองสิ”ฮว๋าซื่อคิดจะสั่งให้พวกบ่าวขวางเฟิ่งชูอิ่ง แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อพวก

    Last Updated : 2024-06-29

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 950

    จิ่งสือเยี่ยนคิดว่าการเดินทางผ่านหมู่บ้านอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จึงเลือกที่จะเดินทางผ่านป่าแทนแต่แล้วม้าของเขาก็ติดกับดักอีกครั้ง ครั้งนี้ม้าเกิดอาการตื่นตระหนกม้าที่เขาเพิ่งเปลี่ยนมาจากองครักษ์นั้นดีดดิ้นเหมือนกำลังคุ้มคลั่ง จนเขากระเด็นตกจากหลังม้าครั้งนี้เขาไม่โชคดีเท่าไหร่ ตอนที่ถูกม้าเหวี่ยงออกไป ร่างของเขาฟาดเข้ากับต้นไม้อย่างแรงมีเสียงดัง “โครม!” ก่อนจิ่งสือเยี่ยนจะกลิ้งลงมาจากต้นไม้ครั้งนี้เขารู้สึกเหมือนเอวจะหัก ปวดจนทนแทบไม่ไหวองครักษ์ของเขาช่วยพยุงเขาขึ้นมาและดึงม้าที่ตื่นตระหนกกลับมาจิ่งสือเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจรู้สึกหงุดหงิดยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนก็ไม่ได้เป็นอะไร มีแค่ม้าของเขาเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองค่อนข้างโชคร้ายคืนนี้การเดินทางไม่คืบหน้าไปไหน แล้วเขายังต้องตกม้าถึงสองครั้ง เจอเรื่องแบบนี้แม้แต่พระอิฐพระปูนก็ยังโมโห นับประสาอะไรกับจิ่งสือเยี่ยนที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความโกรธแต่การตกม้าครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง เขาเคล็ดเอวด้วยจึงไม่สามารถขี่ม้าได้อีกสักพักเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 949

    “ข้าไม่ใช้วิชาชั่วร้ายแบบที่เทียนซือใช้กับเจ้าก่อนหน้านี้หรอก ข้าใช้แต่คาถาสายธรรมมะเท่านั้น”“วิธีนี้ไม่สร้างอันตรายถึงชีวิต แต่จะทำให้โชควาสนาของเขาน้อยลง”“จากนี้ไป เขาจะไม่ใช่จิ่งสือเยี่ยนที่ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นอีกต่อไป แต่จะเป็นจิ่งสือเยี่ยนคนธรรมดา”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าวิชาศาลตร์ลี้ลับของนางสูงส่งมาก นางแค่พูดแบบถ่อมตัวนั่นหมายความว่าจิ่งสือเยี่ยนอาจจะต้องประสบโชคร้ายสักหน่อยเขาถามว่า “วิชาของเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ประมาณเจ็ดวัน แต่ถ้าโชคชะตาของเขาแข็งแกร่งเกินไป เวลาก็จะสั้นลงอีกหน่อย”“ดังนั้น เจ้าต้องตามหาเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด แล้วจัดการเขาให้เรียบร้อย”“เพราะเจ็ดวันหลังจากนี้ เท่าที่ดูจากกระดานคำนวณครั้งก่อน เขาอาจจะพากองทัพกลับมาเอาคืนได้”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้าแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนอาชาเฟิ่งชูอิ่พูดกับแผ่นหลังของเขาว่า “ตอนที่เจ้าสู้กับเขา ต้องระวังตัวให้มากนะ”จิ่งโม่เยี่ยหันกลับมามองนาง นางกัดริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “เจ้าต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้!”“เมื่อเจ้ากลับมาแล้ว พวกเราจะแต่งงานกัน”จิ่งโม่เยี่ยได้ยินคำพูดนี้ก็ตาเป็นประกาย ในขณะนั้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 948

    แต่เพื่อความสะดวกในการสะกดรอยตามจิ่งสือเยี่ยน เฟิ่งชูอิ่งจึงใช้ศาสตร์ลี้ลับกับเขาเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บของบางอย่างไว้กับตัวได้ อย่างเช่นกางเกงในสองสามตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตอนนี้เขาถูกกระจกปราบปีศาจกดทับจนขยับไม่ได้ เฟิ่งชูอิ่งจึงร่ายคาถาช่วยเขาป้องกันการโจมตีของกระจกปราบปีศาจชั่วคราว ทันใดนั้นเขาก็หายวับไปอยู่ด้านหลัง ตรงจุดที่กระจกปราบปีศาจโจมตีไม่ถึงเมื่อจิ่งสือเฟิงเป็นอิสระ เขาก็เริ่มบิดตัวไปมา “เกือบจะถูกทับตายอยู่แล้วเชียว!”“ข้าไม่ได้ทำร้ายใครสักหน่อย ทำไมต้องโจมตีกันด้วย?”เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็ลอบกลอกตาไปมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอาของออกมา”จิ่งสือเฟิงกลัวจะถูกนางทุบตี จึงรีบหยิบกางเกงในออกมาให้นางจิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่มีของอย่างอื่นให้หยิบมาหรือไง?”เขามองจิ่งสือเฟิงด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาช่างกล้าหาญนัก กล้าให้เฟิ่งชูอิ่งดูกางเกงในของผู้ชายคนอื่นจิ่งสือเฟิงหดคอแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่หยิบติดมือมาส่งเดช”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยท่าทางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ช่างเถอะ ใช้งานได้ก็พอ ตอนนี้ไม่ใช่เ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 947

    นางจ้องเขม็งไปทางจิ่งสือเฟิงด้วยความขุ่นเคือง พับเก็บแผนการที่จะกระทืบเขาไว้ชั่วคราวจิ่งโม่เยี่ยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นนางอยู่ที่นี่ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”เขาพูดพลางถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาห่มให้นางคืนนี้หิมะตก อากาศหนาวมาก เฟิ่งชูอิ่งรีบร้อนออกมาจนลืมหยิบเสื้อคลุมตอนนี้เสื้อคลุมของเขากำลังห่มคลุมร่างของนาง ความอบอุ่นและกลิ่นอายของเขากำลังโอบล้อมนาง ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นอย่างมากนางตอบ “ข้ามาหาจิ่งสือเฟิง เขาติดตามจิ่งสือเยี่ยนมาที่นี่ แต่โดนกระจกปราบปีศาจที่หน้าประตูเมืองสะกดเอาไว้”จิ่งโม่เยี่ยมองจิ่งสือเฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม เจ้าบ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ แค่ตามคนยังตามได้ไม่ดี ต้องเดือดร้อนให้เฟิ่งชูอิ่งมาช่วยเหลือกลางดึกจิ่งสือเฟิงรีบหดตัวเป็นก้อนเล็กๆ พยายามทำตัวให้โดดเด่นน้อยที่สุดเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทีเดียว ใครจะไปรู้ว่าที่นี่จะมีกระจกปราบปีศาจบานใหญ่ขนาดนี้อยู่ที่สำคัญคือเขาเพิ่งเป็นผีได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่จิ่งโม่เยี่ยพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “อากาศหนาว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปตามจิ่งสือเยี่ยนเอง”เฟิ่งชูอิ่งถ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 946

    จิ่งสือเฟิงนอนกลัดกลุ้มอยู่บนพื้นแล้วจะทำอย่างไรต่อดี?ถึงแม้เขาจะหลุดพ้นจากกระจกปราบปีศาจที่ประตูเมืองได้ และย้อนกลับไปแจ้งข่าวเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ทันการณ์แล้วเพราะเขาเห็นจิ่งสือเยี่ยนคุยกับแม่ทัพผู้รักษาประตูเมืองเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถเดินออกจากเมืองหลวงไปได้อย่างผ่าเผยจิ่งสือเฟิงเห็นท่าทางแบบนั้นของจิ่งสือเยี่ยนก็แอบสบถในใจและในขณะนี้เอง เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเขากับจิ่งสือเยี่ยนก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขารวบรวมผู้คนได้มากมาย เขาเก่งกาจมากแต่ไม่มีใครในกลุ่มคนเหล่านั้นสามารถพาเขาออกจากเมืองหลวงได้เลยเมื่อเทียบกับจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองโง่จริงๆ เพราะคนที่เขาซื้อตัวมานั้นไม่สามารถทำงานเป็นระบบแบบแผนเหมือนคนของจิ่งสือเยี่ยนไม่ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะทำอะไร ก็มีคนที่สามารถใช้งานได้ตลอดจิ่งสือเฟิงก็เป็นองค์ชาย รู้ว่ากว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้มันยากขนาดไหนเพราะการซื้อตัวขุนนางที่มีอำนาจสูงต่ำต่างกัน ต้องใช้ความพยายามที่แตกต่างกันด้วยหากจะให้สรุปง่ายๆ คือเขาไม่มีปัญญาทำเฟิ่งชูอิ่งติดยันต์ไว้บนตัวจิ่งสือเฟิง ตอนที่เขาถูกกระจกปราบปีศาจสะกด นางก็รู้สึกได้ทันที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 945

    ต้องออกจากเมืองหลวงให้ได้ เขาถึงจะปลอดภัยอย่างแท้จริงกองกำลังของเขายังต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงเมืองหลวง ตอนนี้เขาต้องออกจากเมืองหลวงไปสมทบกับพวกเขาตราบใดที่พวกเขารวมตัวกันได้ เขาก็จะปลอดภัยเพียงแต่เรื่องนี้ พูดง่าย แต่ทำได้ยากเพราะอีกไม่นานจิ่งโม่เยี่ยก็จะรู้ตัวว่าเขาหนีออกมาแล้ว จากนั้นก็จะส่งทหารมาตามล่าเขาดังนั้นเขาต้องรีบออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด!วันนี้ตอนที่เขาเข้าวัง เขาได้เตรียมการมาอย่างรอบคอบ เขากลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นจึงให้ทหารองครักษ์ของเขารอเขาอยู่นอกวังตอนนี้ทหารองครักษ์ของเขาตามหาเขาพบแล้ว เขาจึงออกคำสั่งว่า "ออกจากเมืองหลวง"ทหารองครักษ์ทำท่าลำบากใจแล้วรายงานว่า "ตอนที่ท่านอ๋องเข้าวัง พวกข้าได้ทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง สืบดูสถานการณ์ในเมืองหลวงแล้ว""เป็นอย่างที่ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ อ๋องผู้สำเร็จราชการได้สั่งปิดประตูเมืองแล้ว""ตอนนี้ประตูเมืองปิดหมดทุกบาน พวกเราออกไปไม่ได้แล้ว"จิ่งสือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ไม่เป็นไร ที่ประตูติ้งหวามีคนของข้าอยู่ พวกเราจะไปที่ประตูติ้งหวากัน"ทหารองครักษ์ตอบรับ แล้วรีบพาเขาไปทางนั้นพวกเขาไม่ท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 944

    จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเคยมุดนะ”ปู๋เยี่ยโหวนึกอยากจะเถียงว่าเขามุดรูหมาลอดตอนไหน แต่ก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเด็กๆ ได้ จึงเงียบปากลงทันทีจิ่งโม่เยี่ยพูดต่อ “ได้ยินว่าวันนี้เจ้าไปก่อเรื่องใหญ่ในวังหลวงอีกแล้ว?”พอเขาเข้าวัง ก็มีทหารมาเล่าเรื่องที่ศพฮ่องเต้เจาหยวนถูกทำลายจนแหลกละเอียดให้ฟังคนอื่นอาจจะโดนปู๋เยี่ยโหวหลอกได้ แต่จิ่งโม่เยี่ยไม่มีทางโดนหลอกแน่นอนเขารู้ว่าปู๋เยี่ยโหวต้องเป็นคนทำลายศพฮ่องเต้แน่ๆปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “เรื่องนั้นข้าไม่ได้ทำจริงๆ เสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นพยานให้ข้าได้”จิ่งโม่เยี่ยได้แต่หัวเราะในใจกับคำพูดนี้ ใครบ้างไม่รู้จักนิสัยของปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเขา ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ ปู๋เยี่ยโหวจึงขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้เจาหยวนยังไม่ตาย”จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขา ปู๋เยี่ยโหวจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบตอนแรกปู๋เยี่ยโหวคิดว่าฮ่องเต้เจาหยวนถูกผีสิง แต่เขาก็นึกถึงที่เฟิ่งชูอิ่งเคยบอกว่าวิญญาณร้ายเข้าวังหลวงไม่ได้ดังนั้น ตอนที่ฮ่องเต้เจาหยวนดีดตัวลุกขึ้นมานั่งในโลงศพ คงต้องมีแผนการบางอย่างแน่แต่ฮ่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 943

    เฟิ่งชูอิ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป “ไม่เห็นจะปัญญาอ่อนเลย ข้าว่าเขาเป็นแบบนี้น่ารักจะตาย”เหมยตงยวนกลอกตาไปมา เขามองไม่เห็นจริงๆ ว่าจิ่งโม่เยี่ยน่ารักตรงไหนเฟิ่งชูอิ่งเห็นสีหน้าของเขาจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว ข้าว่าท่านพ่อพูดถูก เขาโง่จริงๆ นั่นแหละ”“ขนาดเดินยังไม่ถูกทางเลย ไม่โง่จะเรียกว่าอะไร?”มุมปากของเหมยตงยวนกระตุกเบาๆถึงแม้เขาจะรู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งพูดแบบนี้เพื่อปลอบใจเขา แต่มันก็ปิดกั้นความรู้สึกดีของเขาไม่ได้ลูกสาวของเขายังคงเอาใจใส่เขา คอยดูแลความรู้สึกของเขาในฐานะพ่อเสมอถึงแม้ว่าเหมยตงยวนจะรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่คู่ควรกับลูกสาวของเขา แต่เขาก็พอจะยอมรับจิ่งโม่เยี่ยได้อย่างมากที่สุดก็คือตอนที่จิ่งโม่เยี่ยทำไม่ดีกับเฟิ่งชูอิ่งในอนาคต เขาจะไปซ้อมจิ่งโม่เยี่ยให้หนักเองเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “มืดแล้ว เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”วันนี้นางใช้พลังทำนายมากเกินไป ร่างกายจึงอ่อนล้า ต้องพักผ่อนให้เพียงพอตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกมึนหัวจริงๆ นางเดินโซเซกลับไปที่ห้องของตัวเองแต่เมื่อนางกลับมาที่ห้อง นางกลับพบว่าตัวเองนอนไม่หลับไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 942

    แววตาของจิ่งโม่เยี่ยเยือกเย็นลงในทันที พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเขาไม่ได้ยึดติดกับบัลลังก์ แต่ตอนนี้เขาต้องการมีชีวิตอยู่เขาต้องมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่เคียงข้างเฟิ่งชูอิ่งได้เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง เขาสามารถทำทุกอย่างได้เดิมทีเขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าจิ่งสือเยี่ยน แต่ในวินาทีนี้ เขากลับรู้สึกว่าจิ่งสือเยี่ยนสมควรตายได้แล้วเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ข้าจะกลับเข้าวังก่อน”กลับไปเพื่อฆ่าจิ่งสือเยี่ยนแต่เหมยตงยวนกลับรั้งเขาไว้ว่า “เจ้าช้าก่อน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองเขา เหมยตงยวนจึงยื่นกระบี่ในมือให้เขา “ใช้สิ่งนี้ไปฆ่าจิ่งสือเยี่ยน”จิ่งโม่เยี่ยค่อนข้างงุนงง เหมยตงยวนอธิบายว่า “กระบี่เกล็ดน้ำค้างเหมันต์ของเจ้าถึงแม้จะคมกริบ แต่เจ้าหล่อเลี้ยงมันด้วยจิตสังหารมามากเกินไปในช่วงหลายปีมานี้”“จิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ เมื่อชักกระบี่ออกมา แท้จริงแล้วคนที่ได้รับความเสียหายที่สุดคือตัวเจ้าเอง มันจะส่งผลต่อโชคชะตาของเจ้า”“สำหรับเจ้าในอดีต จิตสังหารเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลเสียอะไร แต่ตอนนี้โชคชะตาของเจ้ากำลังเฟื่องฟู หากจิตสังหารหนักเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อโชคช

DMCA.com Protection Status