Share

บทที่ 145

Author: ดอกถังร่วงหล่น
last update Last Updated: 2024-07-22 18:00:00
“เป็นข้าที่คิดได้เองเพคะ ในใจของข้าท่านอ๋องเป็นดั่งเทพเซียนบนสวรรค์ ข้าจะกล้าดูหมิ่นเทพเซียนได้อย่างไร”

จิ่งโม่เยี่ย “......”

เขาคิดว่าสตรีนางนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ คำพูดเหลวไหลแบบนี้นางยังพูดเสียดูมีหลักการได้

เขาเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “หลังจากแก้คำสาปได้แล้ว เจ้ารีบออกไปจากเมืองหลวงทันทีเลยนะ ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เพคะ!”

จิ่งโม่เยี่ยเห็นนางตอบตกลงแบบไม่ลังเลเลยสักนิด ในใจก็รู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก

นางเอาแต่พูดว่าชอบเขา แต่ความจริงแล้วนางไม่ได้ชอบเขาสักนิด

เรื่องนี้เขารู้มาตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชอบท่าทางดีอกดีใจของนางอยู่ดี

ตอนนั้นเอง จิ่งสือเฟิงก็เดินเข้ามากล่าวว่า “ท่านอ๋อง องค์ชายทั้งหมดมาครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จิ่งโม่เยี่ยจึงวางมือลงบนสายพิณ เสียงพิณจึงเงียบหายไปในบัดดล

เขาลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อน หันมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วบอกว่า “ไปกันเถอะ ข้าอยากจะเห็นการแสดงของเจ้าในวันนี้มากเลย”

เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงแผ่ว “มิกล้าทำให้ท่านอ๋องผิดหวังหรอกเพคะ”

จิ่งสือเฟิงเห็นท่าทางเข้ากันดีของทั้งสองคน ก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้

เขาติดตามรับใช้จิ่งโม่เยี่ยมานานหลายปี รู้ว่าจิ่งโม่เยี่ยใช้ชีวิตอย
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Nathamon Tanasrivaroottanun
ชื่อคัวละครผิดไปหลายตอนแล้วค่ะ คือพอจะเข้าใจได้ แต่ถ้าทำได้ อยากให้แก้ไขดีกว่านะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 146

    จิ่งโม่เยี่ยตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ได้”จิ่งสือเฟิงรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย “ก็แค่ม้วนภาพอักษรเท่านั้นเอง พวกเราล้วนเป็นพี่น้องกัน เจ้าต้องคิดเล็กคิดน้อยถึงเพียงนี้เลย?”เฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ จึงถามว่า “ขอถามองค์ชายรอง ท่านอ๋องทุบตีท่านได้ไหมเพคะ?”จิ่งสือเฟิงตวาดกลับ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร พวกเราพี่น้องกำลังคุยกันอยู่ เจ้ามีสิทธิ์สอดปากอย่างนั้นหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขายกเท้าขึ้นแล้วถีบจิ่งสือเฟิงเต็มแรง จนเขาล้มกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบถึงจะหยุดนิ่งทุกคน “......” เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางก็แค่เอ่ยถามไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่าเขาจะลงมือทำจริงๆหลินหว่านถิงเห็นภาพดังกล่าวก็โง่งมไปเลย ในใจของนางจิ่งสือเฟิงเป็นดั่งผู้ที่ไร้เทียมทานนางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะกล้าลงมือทำร้ายจิ่งสือเฟิงนางรีบลุกขึ้นวิ่งไปประคองจิ่งสือเฟิงขึ้นมา “ท่านอ๋อง ท่านไม่บาดเจ็บตรงไหนนะเพคะ?”หลังจากนางสะดุดล้มจากรถม้า ถึงจะอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์และประทินโฉมใหม่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็งดงามไม่เท่าเดิมใบหน้าของนางมีแผลขีดข่วนอยู่หลายแห่ง มองดูแล้วน่าอนาถอยู่ไม่น้อยจิ่

    Last Updated : 2024-07-22
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 147

    จิ่งสือเฟิงตัวแข็งทื่อเหมือนโดนสาป ใครหน้าไหนบอกว่าเขาอยากประลองกัน?แต่หลินหว่านถิงที่อยู่ข้างๆ กลับพูดด้วยท่าทางเชื่อมั่น “ท่านอ๋องเฉินเพคะ ท่านยอดเยี่ยมที่สุดเลย ข้าเชื่อว่าท่านต้องทำได้เพคะ”จิ่งสือเฟิง “......”ตอนแรกเขาก็แค่ไม่พอใจหลินหว่านถิงอยู่นิดหน่อย แต่ตอนนี้เขาอยากจะบีบคอนางให้ตายๆ ไปเลยสามลมหายใจเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก เขารีบเอ่ยว่า “รอเดี๋ยว.....”ทว่าเขายังไม่ทันจะได้เอ่ยจนจบ จิ่งโม่เยี่ยก็ยกเท้าถีบจิ่งสือเฟิงจนกระเด็นออกไปแล้วหลินหว่านถิง “......”หลินหว่านถิง “!!!!!!”ภาพลักษณ์ไร้เทียมทานของจิ่งสือเฟิงในใจนางพังทลายอย่างสิ้นเชิงนางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าจิ่งโม่เยี่ย เขาจะไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้!นางรีบเข้าไปประคองจิ่งสือเฟิง “ท่านอ๋อง ไม่บาดเจ็บนะเพคะ?”ตอนแรกจิ่งสือเฟิงก็แค่อับอายนิดหน่อย แต่ยามนี้เขาไม่สามารถใช้คำว่า ‘อับอาย’ มาบรรยายสภาพของเขาได้แล้วเขาโกรธจัดจนทนไม่ไหว เงื้อมือขึ้นตบใบหน้าของนางอย่างแรงพร้อมตะคอกว่า “ไสหัวไป!”หลินหว่านถิงถูกฮวาซื่อและหลินชูเจิ้งเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมตั้งแต่เด็ก วันนี้ตอนที่นางล้มหน้าทิ่มพื้นก็รู้สึกเจ็บช้ำน้

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 148

    ก่อนหน้านี้หลินหว่านถิงคิดว่าจิ่งสือเฟิงจะต้องมีใจให้นางอยู่บ้าง ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินถึงแม้จะไม่ได้มั่นคงเหมือนเหล็กกล้า แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่านั้นมากแต่วันนี้นางเพิ่งจะค้นพบว่า นางช่างโง่เขลาเสียจริงวันนี้จิ่งสือเฟิงตบหน้านางต่อหน้าองค์ชายทุกพระองค์ หมายความว่าเขาไม่ให้เกียรตินางแม้แต่น้อยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ต่อไปหลินหว่านถิงจะได้เป็นพระชายาอ๋องเฉิน ยามอยู่ในราชวงศ์นางก็คงไม่อาจโงหัวขึ้นได้อยู่ดีนางมาที่นี่ด้วยความหวังเต็มอก แต่ยามนี้กลับรู้สึกว่างเปล่าไปหมดนางนั่งลงหลังต้นไม้ จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งสือเฟิงที่เดินผ่านมาจึงมองไม่เห็นนางนางได้ยินพวกเขาคุยกันก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น วันเกิดของจิ่งโม่เยี่ยมีเรื่องอะไรพิเศษด้วยอย่างนั้นหรือ?จิ่งสือเยี่ยนเป็นฝ่ายเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ได้ยินว่าเสด็จแม่คัดเลือกพระชายาเอกให้พี่รอง ใช่แม่นางหลินหว่านถิงที่ถูกใจพี่รองคนนั้นหรือไม่?”ตั้งแต่หลินหว่านถิงเดินทางมาถึง นางก็ทำตัวติดหนึบกับจิ่งสือเฟิงตลอดเวลาจิ่งสือเฟิงเอ่ยอย่างไม่แยแส “คนโง่แบบนางเนี่ยนะ จะเหมาะกับตำแหน่งพระชายาของข้า?”ก่อนหน้านี้เขาให้ความสำคัญกับฐานะรองเจ้ากรมคลังของหล

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 149

    เฟิ่งชูอิ่งแอบเดาะลิ้นในใจ หลินหว่านถิงช่างเป็นแม่นางดอกบัวขาวจริงๆ จิ่งสือเฟิงน่ากลัวว่าจะหลงกลอุบายของนางแล้วแต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง วันนี้หน้าที่ของนางคือการช่วยจิ่งโม่เยี่ยจับตัวโจรที่ขโมยโชคชะตาของเขาไปหลังจากฉินจื๋อเจี้ยนเข้ามาขอความคิดเห็นจากจิ่งโม่เยี่ย งานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเฟิ่งชูอิ่งยกจอกสุราขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ขออวยพรให้ท่านอ๋องได้ฉลองวันเกิดทุกปี มีความเจริญรุ่งโรจน์ตลอดไป”จิ่งโม่เยี่ยปรายตามองนางแวบหนึ่ง หัวใจนางพลันกระตุกวูบ นางไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย!ทำไมเขาต้องมองนางด้วยสายตาแบบนั้นด้วยล่ะ?เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “ในหนึ่งปี ข้าไม่อยากให้มีวันนี้มากที่สุดแล้ว“เจ้าเปลี่ยนคำอวยพรเถอะ หากพูดได้ดี ข้าจะไม่ลงโทษเจ้า”เฟิ่งชูอิ่งไม่รู้จริงๆ ว่ามันยังมีเรื่องราวอะไรแอบแฝงอยู่อีก นางจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าขออวยพรให้ท่านอ๋อง ‘มีความสุขสมหวังดั่งปรารถนา ทุกเรื่องราวราบรื่นดั่งคาดหวัง’ ”จิ่งโม่เยี่ยหันมองนางแล้วเอ่ยว่า “ตั้งแต่ได้เจอกับเจ้า ข้าก็รู้สึกว่าทุกเรื่องน่าคาดหวังจริงๆ“ข้าไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่า อีกเดี๋ยวเจ้าจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ช่า

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 150

    เฟิ่งชูอิ่งมองสีหน้าที่หลากหลายของบรรดาองค์ชาย ก่อนจะรู้สึกขบขันในใจที่แท้ก็ไม่ใช่นางคนเดียวที่กลัวจิ่งโม่เยี่ย องค์ชายคนอื่นๆ ก็หวาดกลัวเขาเหมือนกันทว่าจิ่งโม่เยี่ยในอาภรณ์สีขาวที่ยืนเด่นสง่าอยู่ตรงนั้น ช่างดูหล่อเหลาเหลือเกิน!บรรยากาศของเขาในตอนนี้ แตกต่างกับบรรยากาศเหมือนคนขี้โรคอ่อนแอในยามปกติอย่างสิ้นเชิง ตัวเขาเหมือนกับกระบี่คมที่หลุดจากฝักไหล่กว้าง เอวเล็ก ต้นขากำยำ ประกอบกับใบหน้าที่เหมือนถูกสลักเสลามาเป็นอย่างดี ผมยาวสีดำขลับดุจน้ำหมึก ช่างเป็นอาวุธสังหารจิตใจของสาวน้อยทั้งหลายจริงๆในมือของเขากุมกระบี่ แม้ตอนนี้จะเพียงแค่ยกมันขึ้นเฉยๆ แต่กลับดูเท่จนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรเฟิ่งชูอิ่งยกมือแตะคางมองเขาไม่ละสายตา ดวงตาของนางส่องประกายแวววาว แต่ในใจกลับนึกเสียดายเล็กน้อยบุรุษงามเป็นเอกเช่นนี้ หากมิใช่คนบ้า ต่อให้จะนิสัยย่ำแย่สักแค่ไหน ลำพังแค่มีใบหน้าหล่อเหลาของเขา นางก็พร้อมจะยอมทนแล้วแต่น่าเสียดายที่เขาเป็นคนบ้าตัวยง ที่ทำอะไรผิดพลาดนิดเดียวก็จ้องจะเอาชีวิตนางแล้วเขาที่เป็นแบบนั้นนางคงทำเพียงมองชื่นชมอยู่ห่างๆ ไม่มีทางคิดเป็นอื่นกับเขาอย่างแน่นอนดังนั้นตอนนี้นาง

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 151

    นางหันไปมองทางจิ่งโม่เยี่ยที่กำลังรำกระบี่ พอเอาทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกัน ก็มองเห็นความสูงส่งและต้อยต่ำได้ในทันทีหัวใจของนางพลันเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยครู่ต่อมา กระบี่ในมือของจิ่งโม่เยี่ยก็ตวัดฟันออกไปหนึ่งครา คลื่นกระบี่พลันก่อตัวขึ้นมา พัดพาเอาอาหารภายในจานที่วางอยู่รอบๆ ตัวเขาปลิวกระจัดกระจายจิ่งสือเฟิงรีบคว้าตัวหลินหว่านถิงที่อยู่ข้างๆ มาไว้ตรงหน้าเพื่อเป็นเกราะกำบังปลาทอดจานหนึ่งจึงบินมาฟาดใบหน้าของหลินหว่านถิงอย่างแม่นยำเมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะล้มเอาหน้าจูบพื้นไปรอบหนึ่ง ยามนี้ยังถูกจานกระแทกใบหน้าซ้ำอีกรอบ ทำเอาจมูกนางเกือบเบี้ยวทันใดนั้นเอง นางก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เฟิ่งชูอิ่งทักว่านางจะมีดวงเลือดตกยางออกนางรู้สึกว่าการก้าวออกจากจวนวันนี้ มีแต่เรื่องเฮงซวยเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น!ชั่วพริบตานั้น ภายในศาลาริมน้ำก็ปรากฏเสียงโพล้งเพล้งดังสนั่นไปทั่ว จานชามและอาหารทั้งหมดหล่นไปกองกับพื้นบรรดาองค์ชายที่ยกถาดอาหารขึ้นมาป้องกันตัวรู้สึกว่าตนเองชาญฉลาดยิ่งนัก โชคดีที่พวกเขาเตรียมรับมือเอาไว้ตั้งแต่แรกจิ่งโม่เยี่ยเก็บกระบี่แล้วถามว่า “การรำกระบี่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”รอบด้านมีเพีย

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 152

    ครู่ต่อมา เฟิ่งชูอิ่งก็มองเห็นสตรีนางหนึ่งที่มีรูปโฉมงดงามเป็นเอกเดินเข้ามาด้านในเฟิ่งชูอิ่งเคยพบเจอผู้หญิงหน้าตาสวยมาทุกประเภท แต่เพิ่งจะเคยเห็นผู้หญิงที่สวยถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก สวยจนนางบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกนางคิดว่าคงต้องใช้คำว่า ‘โฉมสะคราญแห่งยุค’ มาบรรยายรูปลักษณ์ของสตรีตรงหน้าสตรีนางนี้มีดวงตาดอกท้อที่งดงามอย่างยิ่ง แล้วยังคล้ายคลึงกับดวงตาของจิ่งโม่เยี่ยอยู่หลายส่วนด้วยแต่ถึงนางจะงดงามสักแค่ไหน เฟิ่งชูอิ่งก็ยังเผลอดูโหงวเฮ้งของนางในพริบตาต่อมาอยู่ดี จุดกลางหน้าผากของนางแคบและมีรอยพับ ติ่งหูเล็กบาง เป็นลักษณะโหงวเฮ้งของพวกที่ไร้ใจนางจึงเปิดเนตรทิพย์มองเส้นโชคชะตาที่ผูกโยงกันไว้ทั้งหมดของสตรีนางนี้ ก่อนนางจะถอยออกไปข้างๆ อย่างเงียบงันเพราะนางมองเห็นว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ คือมารดาผู้ให้กำเนิดของจิ่งโม่เยี่ยพระสนมสวี่เดินมาหยุดตรงหน้าจิ่งโม่เยี่ยแล้วเอ่ยว่า “เยี่ยเอ๋อร์ เจ้าจัดงานเลี้ยงวันเกิดขึ้นที่นี่ เหตุใดไม่แจ้งให้แม่ทราบบ้างล่ะ?“ตอนแรกข้าไปหาเจ้าที่จวนอ๋องในเมือง ต้องสอบถามคนตั้งมากมายกว่าจะรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่”องค์ชายทั้งหมดที่เดิมทีคิดจะเดินทางกลับ ยามนี้กล

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 153

    นางจึงเอ่ยแทรกออกไปว่า “พระสนม วันนี้ท่านอ๋องทรงมิค่อยสบายนัก ก็เลยไม่อยากอาหาร ถ้าอย่างไรท่านค่อยมาหาเขาวันหลังดีไหมเพคะ?”พระสนมสวี่ถึงได้หันหน้ามาทางเฟิ่งชูอิ่ง เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน “คิดว่าเจ้าน่าจะเป็นเฟิ่งชูอิ่ง ว่าที่พระชายาคนใหม่ของเยี่ยเอ๋อร์สินะ?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เพคะ”พระสนมสวี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับหางตาเล็กน้อย เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาแล้ว รู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดีผู้หนึ่ง“วันนี้เห็นเจ้ายืนเคียงคู่กับเยี่ยเอ๋อร์แล้ว ข้าก็รู้สึกวางใจ”เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกว่าคำพูดของนางฟังดูแปลกๆ นางเป็นคนชื่อเสียงโด่งดังขนาดนั้นเชียวหรือ?นางจำได้ว่าร่างเดิมมีนิสัยอ่อนแอปวกเปียก สถานะในเมืองหลวงก็กระอักกระอ่วนมากด้วยฮ่องเต้เจาหยวนพระราชทานนางให้จิ่งโม่เยี่ย ประการแรกเพราะนางอ่อนแอควบคุมง่าย จะฆ่าให้ตายเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ประการที่สองเพื่อทำให้จิ่งโม่เยี่ยอับอายนางเหลือบมองจิ่งโม่เยี่ยอย่างระมัดระวังแล้วเอ่ยตอบพระสนมสวี่ “พระสนมชมเกินไปแล้วเพคะ ความจริงแล้วข้าแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย”พระสนมสวี่ดึงมือของนางไปกอบกุมอย่างกระตือรือร้น “ถึงก่อนหน้านี้เยี่ยเอ๋อร์จะเคยมีว่าที

    Last Updated : 2024-07-23

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

DMCA.com Protection Status