Share

บทที่ 150

Author: ดอกถังร่วงหล่น
เฟิ่งชูอิ่งมองสีหน้าที่หลากหลายของบรรดาองค์ชาย ก่อนจะรู้สึกขบขันในใจ

ที่แท้ก็ไม่ใช่นางคนเดียวที่กลัวจิ่งโม่เยี่ย องค์ชายคนอื่นๆ ก็หวาดกลัวเขาเหมือนกัน

ทว่าจิ่งโม่เยี่ยในอาภรณ์สีขาวที่ยืนเด่นสง่าอยู่ตรงนั้น ช่างดูหล่อเหลาเหลือเกิน!

บรรยากาศของเขาในตอนนี้ แตกต่างกับบรรยากาศเหมือนคนขี้โรคอ่อนแอในยามปกติอย่างสิ้นเชิง ตัวเขาเหมือนกับกระบี่คมที่หลุดจากฝัก

ไหล่กว้าง เอวเล็ก ต้นขากำยำ ประกอบกับใบหน้าที่เหมือนถูกสลักเสลามาเป็นอย่างดี ผมยาวสีดำขลับดุจน้ำหมึก ช่างเป็นอาวุธสังหารจิตใจของสาวน้อยทั้งหลายจริงๆ

ในมือของเขากุมกระบี่ แม้ตอนนี้จะเพียงแค่ยกมันขึ้นเฉยๆ แต่กลับดูเท่จนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร

เฟิ่งชูอิ่งยกมือแตะคางมองเขาไม่ละสายตา ดวงตาของนางส่องประกายแวววาว แต่ในใจกลับนึกเสียดายเล็กน้อย

บุรุษงามเป็นเอกเช่นนี้ หากมิใช่คนบ้า ต่อให้จะนิสัยย่ำแย่สักแค่ไหน ลำพังแค่มีใบหน้าหล่อเหลาของเขา นางก็พร้อมจะยอมทนแล้ว

แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นคนบ้าตัวยง ที่ทำอะไรผิดพลาดนิดเดียวก็จ้องจะเอาชีวิตนางแล้ว

เขาที่เป็นแบบนั้นนางคงทำเพียงมองชื่นชมอยู่ห่างๆ ไม่มีทางคิดเป็นอื่นกับเขาอย่างแน่นอน

ดังนั้นตอนนี้นาง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 151

    นางหันไปมองทางจิ่งโม่เยี่ยที่กำลังรำกระบี่ พอเอาทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกัน ก็มองเห็นความสูงส่งและต้อยต่ำได้ในทันทีหัวใจของนางพลันเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยครู่ต่อมา กระบี่ในมือของจิ่งโม่เยี่ยก็ตวัดฟันออกไปหนึ่งครา คลื่นกระบี่พลันก่อตัวขึ้นมา พัดพาเอาอาหารภายในจานที่วางอยู่รอบๆ ตัวเขาปลิวกระจัดกระจายจิ่งสือเฟิงรีบคว้าตัวหลินหว่านถิงที่อยู่ข้างๆ มาไว้ตรงหน้าเพื่อเป็นเกราะกำบังปลาทอดจานหนึ่งจึงบินมาฟาดใบหน้าของหลินหว่านถิงอย่างแม่นยำเมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะล้มเอาหน้าจูบพื้นไปรอบหนึ่ง ยามนี้ยังถูกจานกระแทกใบหน้าซ้ำอีกรอบ ทำเอาจมูกนางเกือบเบี้ยวทันใดนั้นเอง นางก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เฟิ่งชูอิ่งทักว่านางจะมีดวงเลือดตกยางออกนางรู้สึกว่าการก้าวออกจากจวนวันนี้ มีแต่เรื่องเฮงซวยเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น!ชั่วพริบตานั้น ภายในศาลาริมน้ำก็ปรากฏเสียงโพล้งเพล้งดังสนั่นไปทั่ว จานชามและอาหารทั้งหมดหล่นไปกองกับพื้นบรรดาองค์ชายที่ยกถาดอาหารขึ้นมาป้องกันตัวรู้สึกว่าตนเองชาญฉลาดยิ่งนัก โชคดีที่พวกเขาเตรียมรับมือเอาไว้ตั้งแต่แรกจิ่งโม่เยี่ยเก็บกระบี่แล้วถามว่า “การรำกระบี่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”รอบด้านมีเพีย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 152

    ครู่ต่อมา เฟิ่งชูอิ่งก็มองเห็นสตรีนางหนึ่งที่มีรูปโฉมงดงามเป็นเอกเดินเข้ามาด้านในเฟิ่งชูอิ่งเคยพบเจอผู้หญิงหน้าตาสวยมาทุกประเภท แต่เพิ่งจะเคยเห็นผู้หญิงที่สวยถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก สวยจนนางบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกนางคิดว่าคงต้องใช้คำว่า ‘โฉมสะคราญแห่งยุค’ มาบรรยายรูปลักษณ์ของสตรีตรงหน้าสตรีนางนี้มีดวงตาดอกท้อที่งดงามอย่างยิ่ง แล้วยังคล้ายคลึงกับดวงตาของจิ่งโม่เยี่ยอยู่หลายส่วนด้วยแต่ถึงนางจะงดงามสักแค่ไหน เฟิ่งชูอิ่งก็ยังเผลอดูโหงวเฮ้งของนางในพริบตาต่อมาอยู่ดี จุดกลางหน้าผากของนางแคบและมีรอยพับ ติ่งหูเล็กบาง เป็นลักษณะโหงวเฮ้งของพวกที่ไร้ใจนางจึงเปิดเนตรทิพย์มองเส้นโชคชะตาที่ผูกโยงกันไว้ทั้งหมดของสตรีนางนี้ ก่อนนางจะถอยออกไปข้างๆ อย่างเงียบงันเพราะนางมองเห็นว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ คือมารดาผู้ให้กำเนิดของจิ่งโม่เยี่ยพระสนมสวี่เดินมาหยุดตรงหน้าจิ่งโม่เยี่ยแล้วเอ่ยว่า “เยี่ยเอ๋อร์ เจ้าจัดงานเลี้ยงวันเกิดขึ้นที่นี่ เหตุใดไม่แจ้งให้แม่ทราบบ้างล่ะ?“ตอนแรกข้าไปหาเจ้าที่จวนอ๋องในเมือง ต้องสอบถามคนตั้งมากมายกว่าจะรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่”องค์ชายทั้งหมดที่เดิมทีคิดจะเดินทางกลับ ยามนี้กล

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 153

    นางจึงเอ่ยแทรกออกไปว่า “พระสนม วันนี้ท่านอ๋องทรงมิค่อยสบายนัก ก็เลยไม่อยากอาหาร ถ้าอย่างไรท่านค่อยมาหาเขาวันหลังดีไหมเพคะ?”พระสนมสวี่ถึงได้หันหน้ามาทางเฟิ่งชูอิ่ง เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน “คิดว่าเจ้าน่าจะเป็นเฟิ่งชูอิ่ง ว่าที่พระชายาคนใหม่ของเยี่ยเอ๋อร์สินะ?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เพคะ”พระสนมสวี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับหางตาเล็กน้อย เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาแล้ว รู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดีผู้หนึ่ง“วันนี้เห็นเจ้ายืนเคียงคู่กับเยี่ยเอ๋อร์แล้ว ข้าก็รู้สึกวางใจ”เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกว่าคำพูดของนางฟังดูแปลกๆ นางเป็นคนชื่อเสียงโด่งดังขนาดนั้นเชียวหรือ?นางจำได้ว่าร่างเดิมมีนิสัยอ่อนแอปวกเปียก สถานะในเมืองหลวงก็กระอักกระอ่วนมากด้วยฮ่องเต้เจาหยวนพระราชทานนางให้จิ่งโม่เยี่ย ประการแรกเพราะนางอ่อนแอควบคุมง่าย จะฆ่าให้ตายเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ประการที่สองเพื่อทำให้จิ่งโม่เยี่ยอับอายนางเหลือบมองจิ่งโม่เยี่ยอย่างระมัดระวังแล้วเอ่ยตอบพระสนมสวี่ “พระสนมชมเกินไปแล้วเพคะ ความจริงแล้วข้าแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย”พระสนมสวี่ดึงมือของนางไปกอบกุมอย่างกระตือรือร้น “ถึงก่อนหน้านี้เยี่ยเอ๋อร์จะเคยมีว่าที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 154

    เฟิ่งชูอิ่งมองเห็นรอยประทับสีแดงบนฝ่ามือของตนเองได้อย่างชัดเจน ซึ่งรอยประทับดังกล่าวเป็นค่ายกลชนิดหนึ่งแม้นางจะเป็นผู้เชี่ยวชาญลัทธิเต๋า แต่กลับเพิ่งจะเคยเห็นค่ายกลที่ชั่วร้ายแบบนี้เป็นครั้งแรกค่ายกลชนิดนี้นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่นางสามารถคำนวณจากรูปแบบของค่ายกลได้ว่ามันเป็นค่ายกลที่กลืนกินเลือดลมของมนุษย์เป็นอาหารเรื่องนี้ทำให้สามทัศน์ของนางถูกทำลายโดยแท้จริง นางพบหน้าพระสนมสวี่ครั้งแรก อีกฝ่ายก็ลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้แล้วการกระทำแบบนี้ใช้คำว่าชั่วร้ายยังบรรยายไม่หมดเลย มันต้องเรียกว่าเสียสติไปแล้วจิ่งโม่เยี่ยชี้รอยแดงบนมือนางแล้วถามว่า “มันคืออะไร?”เฟิ่งชูอิ่งไม่ยอมตอบ นางถามกลับว่า “พระสนมสวี่เคียดแค้นท่านขนาดนั้นเลยหรือ?”ก่อนหน้านี้นางไม่เคยล่วงเกินพระสนมสวี่ ดังนั้นสามารถที่พระสนมสวี่ลงมือกับนางอย่างโหดเหี้ยม ก็อาจจะเป็นเพราะจิ่งโม่เยี่ยนางถามจบก็พลันคิดได้ว่าคำถามของนางไร้สาระสิ้นดีเพราะเมื่อครู่เขาก็บอกเองว่าพระสนมสวี่เป็นมารดาแท้ๆ ของเขาเองนัยน์ตาดอกท้อของจิ่งโม่เยี่ยทอประกายมืดหม่นออกมา ชี้รอยแดงบนมือของนางแล้วถามซ้ำ “มันคืออะไร?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “มันคือค่ายกลที่กลืนกิ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 155

    นางไม่อยากรู้ความลับพวกนี้นักหรอก เพราะยิ่งนางรู้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งต้องตายไวเท่านั้นนางจึงบอกว่า “เอาเถอะ ไม่ต้องเล่าหรอก ข้าไม่ได้อยากรู้”ตอนแรกจิ่งโม่เยี่ยไม่อยากจะพูดถึงเรื่องพวกนี้นัก แต่พอเห็นว่านางไม่อยากฟัง เขากลับอยากจะเล่าขึ้นมาเสียอย่างนั้นเขากล่าวว่า “ถึงนางจะเป็นมารดาแท้ๆ ของข้า แต่กลับเกลียดชังเสด็จพ่อของข้ามาก แล้วนางก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้กำเนิดข้าตั้งแต่แรก”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้สึกเหมือนกำลังจะได้รู้ความลับระดับชาติเลยล่ะนางเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะรู้เรื่องซุบซิบพวกนั้นจิ่งโม่เยี่ยเอ่ยเสียงเรียบ “นางถูกเสด็จพ่อบีบบังคับถึงได้คลอดข้าออกมา นับตั้งแต่วันที่ข้าลืมตาดูโลก นางก็คิดจะฆ่าข้าทันที“ตอนข้ายังเด็กเกือบตายด้วยน้ำมือของนาง เสด็จพ่อไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องเลี้ยงดูข้าเพียงลำพัง“ตอนข้าเป็นเด็กยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวนัก เห็นมารดาของคนอื่นรักใคร่ทะนุถนอมลูกของตนเองยิ่งชีพ ข้าก็เลยโหยหาความรักจากนาง“สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นางยังคงเย็นชากับข้าตั้งแต่ต้นจนจบ มีอยู่วันหนึ่ง จู่ๆ นางก็หันมาทำดีกับข้า ทำขนมให้ข้ากินด้วยตัวเอง...”เ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 156

    จิ่งโม่เยี่ยลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ “ถ้างั้นก็พอแค่นี้แหละ ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่ช่วยอะไรหรอก“เพราะอย่างไรเจ้าก็ต้องจำเรื่องหนึ่งไว้ให้แม่น บนโลกใบนี้ คนที่อยากจะให้เจ้าตายมีอยู่เยอะเชียวล่ะ”เฟิ่งชูอิ่ง “......” ทำไมชีวิตนางถึงได้เศร้าขนาดนี้นะ!พวกคนในจวนสกุลหลินก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ทางฝั่งจิ่งโม่เยี่ยนี่แหละแย่ของจริง คนที่อยากจะฆ่าเขาให้ตายมีมากมายนับไม่ถ้วน นางเลยพลอยซวยไปด้วยจิ่งโม่เยี่ยถามนาง “เจ้าทำลายค่ายกลนี้ได้หรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”นางกล่าวจบก็ใช้มือสร้างคาถาขณะที่ปากพึมพำบทสวดบางอย่างไปด้วย จากนั้นก็ยื่นมือออกไปด้านหน้า นิ้วชี้และนิ้วกลางเหยียดตรง ขณะที่นิ้วอื่นๆ พับลงท่ามุทราของนางวาดผ่านค่ายกลดังกล่าวเบาๆ เสียงโหยหวนแหลมแสบแก้วหูพลันดังออกมาจากในค่ายกลพริบตาต่อมา ไอสีดำสายหนึ่งก็ปรากฏออกมา จิ่งโม่เยี่ยรู้สึกตาลายไปชั่วขณะ กลางอกพลันกระตุกวูบ ก่อนภาพเบื้องหน้าจะมืดสนิทเฟิ่งชูอิ่งเห็นว่าเขาท่าทางแปลกๆ จึงใช้มีดเล่มเล็กกรีดปลายนิ้วจนเลือดแดงสดหยดออกมาก่อนจะใช้มือที่เปื้อนเลือดวาดยันต์เต๋ากลางอากาศ ยันต์แผ่นหนึ่งพลันปรากฏออกจากความว่างเปล่า ห่อหุ้ม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 157

    มารดาพรรค์นี้ ชั่วช้าสามานย์จนน่าโมโหโกรธายิ่งนัก เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ท่านไม่คิดว่าพวกเราเหมาะสมกันมากหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยมองนางอย่างเย็นชา นางจึงกล่าวต่อโดยไม่รอให้เขาถาม “บิดามารดาของข้าตายหมด ส่วนท่านถึงจะมีมารดา แต่มารดาแบบนั้นให้ตายไปเลยจะดีกว่า“ครอบครัวและคนรอบกายท่านล้วนอยากจะฆ่าท่านให้ตาย บังเอิญแท้ ข้าก็เช่นกัน“ชะตาชีวิตของพวกเราเหมือนกัน แบบนี้จะไม่เหมาะสมได้อย่างไร?”จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยอย่างเฉยชา “เรื่องแบบนี้ ทำไมข้าฟังแล้วถึงรู้สึกว่าเจ้ามีความสุขอยู่หน่อยๆ ล่ะ?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มตอบ “ก็ต้องมีความสุขสิเพคะ พวกเขาไล่ต้อนพวกเราจนมุมถึงเพียงนี้แล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องปรานีอะไรอีกต่อไป“เวลาที่ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ทำอะไรก็สะดวกสบายไปหมดแหละเพคะ เรื่องนี้มีค่าควรให้มีความสุขมิใช่หรือ?”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาหมดคำจะพูดจริงๆก่อนหน้านี้เขาคิดว่านางเป็นพวกใจกล้าบ้าบิ่นอย่างเดียว ตอนนี้เพิ่งจะสังเกตว่านอกจากความใจกล้าบ้าบิ่นแล้ว นางยังมีมุมอ่อนโยนซ่อนเอาไว้เหมือนกันเขาพอจะรู้หรอก ว่านี่เป็นการปลอบใจในแบบของนางเขาใช้หางตาเหลือบมองนางเล็กน้อย “ข้ากับเจ้าไม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 158

    เฟิ่งชูอิ่งเบิกตากว้างมองไปทางฉินจื๋อเจี้ยน จ๋างสื่อของจิ่งโม่เยี่ยผู้นี้เป็นคนโผงผางตรงไปตรงมาไม่น้อยเลยเรื่องนี้แม้แต่นางยังไม่กล้าคิด แต่ฉินจื๋อเจี้ยนกลับกล้าคิดแทนเขาจิ่งโม่เยี่ยปรายตามองฉินจื๋อเจี้ยน “เจ้ามีปัญหาหรือไง?”ฉินจื๋อเจี้ยน “......มิกล้า!”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางแอบส่งสายตาให้จิ่งโม่เยี่ย ถามว่า “ท่านอ๋องจะแช่น้ำร้อนกับข้าจริงๆ หรือเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยยกมือขึ้นเขกกะโหลกนางดังโป้ก “เจ้าฝันไปเถอะ!”เฟิ่งชูอิ่ง “......”อะไรคือการบอกให้นางฝันไปเถอะ?คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้มันชวนให้คนเข้าใจผิดไม่ใช่หรือไงฉินจื๋อเจี้ยนอมยิ้ม “ข้าจะไปเตรียมของจำเป็นให้เดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งชูอิ่งยกมือกุมศีรษะแล้วถลึงตาใส่จิ่งโม่เยี่ย เขากลับหัวเราะเบาๆ ฉินจื๋อเจี้ยนที่เห็นฉากดังกล่าวก็แอบส่งเสียง “ชิ” เขาเพิ่งจะรู้ว่าท่านอ๋องของตนเองชักจะต่ำช้าลงทุกวันแล้วทั้งที่ตัวเองมีคนในใจแท้ๆ แต่ยังหยอกเย้าว่าที่พระชายาเช่นนั้นอีกเพียงแต่ทุกครั้งที่จิ่งโม่เยี่ยเจอหน้าพระสนมสวี่ เขาจะอารมณ์ไม่ดีอย่างถึงที่สุดแต่คราวนี้จิ่งโม่เยี่ยกลับดูไม่หงุดหงิดอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่หายากมากเขาคิดว่าจิ่งโม

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status