กากีอ่อนระทวยเคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ในภวังค์ เมื่อถูกเขาบดจูบอย่างร้อนแรง อารมณ์ปรารถนาซึ่งกันและกันปั่นป่วนอย่างรุนแรง“หืม”ยมบาลค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นละเอียดจูบอย่างนุ่มนวล เมื่อนางตวัดสองแขนโอบรอบคอเขา แล้วเบียดร่างนุ่มนิ่มแนบชิดเสียดสีที่หว่างขาซึ่งท่อนหอกลำใหญ่ของเขากำลังพองผงาดแรงเสียดสีนั้นทำให้เขารู้สึกซาบซ่านแปลบปลาบเหมือนมีกระไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วทั้งกายเขาจึงอุ้มนางจนตัวลอยพ้นพื้นใช้มือลูบไล้แผ่นหลัง แล้วใช้มืออีกข้างรัดสะโพกนางให้เนินเนื้อที่หว่างขาแนบชิดท่อนหอกของเขามากขึ้น“อื้อ..อึก”กากีรู้สึกได้ถึงท่อนหอกลำใหญ่ เมื่อครั้งอดีตมันเคยทำให้นางซาบซ่านตราตรึงใจ จึงส่ายสะโพกขยับเนินเนื้อของตนแนบยิ่งขึ้น“ท่านยม... ข้ารักท่าน” นางกระซิบบอกรักเสียงพร่าสั่นวาบหวาม มือแทรกเข้าไปในผมดกดำด้วยความถวิลหาอย่างรุนแรงคำนั้นของนางทำเอาร่างยมบาลสั่นสะเทือนด้วยความพิศวาส เขาจึงอุ้มนางพาไปที่แท่นบัลลังก์ วางนางลงแล้วปลดเปลื้องอาภรณ์นางกากีเองก็ดึงอาภรณ์ของท่านยมบาลออกอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งคู่ขจัดอาภรณ์ที่ออกไปให้หมดแล้ว ยมบาลก็มองนางด้วยสายตาวาบหวามร้อนระอุ จากนั้น เขาก็ทาบเรือนกายบดเบียดแน
เกศราเหยียบคันเร่งรถหรูมุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปรับ ‘ดอน’ สามีที่เพิ่งกลับมาจากการไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกาดร.ดอน เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง ส่วนเธอเป็นผู้แทนขายยาให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศแม้อาชีพของเธอจะไม่มีเกียรติ ไม่มีหน้ามีตาเท่าสามี แต่เงินเดือนนับว่าสูงกว่ามาก ๆ บางเดือนเงินทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยให้กับดอนไม่พอใช้ ก็เป็นเกศราที่ต้องส่งเงินให้สามีใช้ที่ต่างประเทศวันนี้เขาเรียนจบกลับมาแล้ว เธอทั้งดีใจ และโล่งอกหนึ่งเธอจะได้ไม่ต้องหาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อส่งให้เขา สองเธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างคู่รัก นอนด้วยกัน กินด้วยกัน และจูงมือเดินเที่ยวไปด้วยกันเหมือนคู่รักคนอื่น ๆ เสียทีในขณะที่เกศรากำลังหวนคิดถึงสามีนั้น จู่ ๆ รถบรรทุกก็เบรกกะทันหัน เธอจึงรีบหักพวงมหาลัยหลบเข้าข้างทางเพื่อไม่ให้รถของตนชนเข้ากับท้ายรถบรรทุก ทำเอารถของเธอเสียหลักพุ่งตรงดิ่งเข้าหาเสาไฟฟ้าหญิงสาวจึงรีบเหยียบเบรกรถ.....ตู้ม !เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เกศรารู้สึกเหมือนตนเองหมุนคว้าง แล้วกลับมายืนงง ๆ อยู่ข้างถนนเธอเห็นรถที่ตามหลังมาชะลอความเร็ว รถบางคันถึงกลับหยุด จากนั้น ชาวบ้านที่อยู
มีคนต้องการให้เธอตาย !แล้วใครกันหละที่อยากให้เธอตายเมื่อคำถามนี้เกิดขึ้นในหัว ร่างโปร่งแสงของเธอก็หายวาบกลับมายืนอยู่ที่หน้าบ้านของตนเอง“เอ๊ะ ฉันกลับมาบ้านได้ยังไง”เกศราเดินเข้าบ้านผ่านประตูเข้าไป ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากห้องสาวใช้ เธอจึงเดินทะลุประตูห้องเข้าไปเห็นนังแจ๋วกำลังนั่งอยู่บนตักไอ้เข้มผู้เป็นสามี“พี่ทำงานให้แจ๋วสำเร็จแล้วนะ ขอรางวัลให้พี่บ้างซีคนดี”ไอ้เข้มหุ่นล่ำเป็นคนสวนประจำบ้าน ซุกไซ้ซอกคอคนรักสาว“แหม... ก็แค่ตัดเบรกรถยัยคุณนายหน้าโง่ งานง่าย ๆ แค่นี้พี่จะเอารางวัลอะไรเยอะแยะ”แจ๋วสะบัดเสียงคล้ายไม่พอใจ แต่กลับไม่ผลักไสสามีออก หญิงสาวลูบไล้ปลุกอารมณ์ของเขาเช่นกันเกศราได้ยินเช่นนั้นถึงกลับตาเขียวปัด “หน็อยแน่ ! เป็นเพราะมึงสองตัวนี่เองที่ทำให้ฉันต้องตาย พวกแกเกลียดอะไรฉันหนักหนา เงินเดือนฉันก็ให้ ด่าก็แทบจะไม่เคย”ผีสาวยืนโกรธเกรี้ยวอยู่กลางห้อง ในขณะที่สองหนุ่มสาวบนเตียงยังคงนัวเนียกันไม่เลิก“ถึงงานจะง่าย แต่งานนี้ แจ๋วได้ค่าจ้างมาไม่น้อยไม่ใช่หรือ”“ก็พอใช้ได้สบาย ๆ ไปครึ่งปีเชียวหละ เดี๋ยวถ้าคุณพิมพ์ทราบแน่ชัดว่าคุณนายตายแน่แล้วก็จะโอนเงินให้ฉันอีกครึ่งหนึ่
“อ้ายย...ซี้ดด... ดูดแรง ๆ อีก ซี้ดด...โอววว...เสียว ซี้ดดด อา”เกศรารู้สึกว่าร่างที่ตนเองสิงอยู่น้ำหวานเริ่มไหลแฉะออกมา ยิ่งนายเข้ม กดปากฝังลึก แล้วดูดติ่งเสียว เธอยิ่งแอ่นร่างเร่า ๆ ร้องครางใหญ่ เด้งเนินสาวอัดกับใบหน้าแฟนหนุ่มแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆนายเข้มช้อนมือเข้าใต้สะโพกหญิงสาว แล้วดันให้เนินเนื้อสาวหยัดเข้าหาปากตนมากขึ้น ก่อนดูดหอยดังจ๊วบ ๆ“ซี้ดดดด เสียวววว อา”ผีสาวร่างแจ๋วร้องลั่น ร่างบิดแอ่นเนินสาวของเธอใส่ปากชายหนุ่มแทบจะเอาส่วนนั้นกระแทกหน้าเขาแรงๆ“อ๊า !”ในที่สุดร่างของเธอก็เกร็งสะท้าน น้ำหวานแตกออกพรวด ๆนายเข้มรีบตวัดลิ้นเลียอย่างหิวกระหายแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆเกศราในร่างของคนใช้สาวถึงสวรรค์ด้วยปากของคนสวน เขาเก่งเหลือเกิน แค่ปากยังเสียวสะท้านเพียงนี้ ถ้าได้ดุ้นใหญ่ ๆ ที่สัมผัสเมื่อครู่กระแทกจะเสียวแค่ไหนเพียงแค่คิดถึงตรงนี้ น้ำหวานของเธอก็ฉ่ำแฉะออกมาอีกแล้ว เสียวรูสาวจนน้ำไหลแฉะอยากเอากับคนสวนจริงๆเมื่อคิดได้ดังนั้น เกศราก็ผลักร่างนายเข้มให้ล้มนอนกับเตียง แล้วขึ้นเธอจับดุ้นยักษ์จ่อเข้าที่รู แล้วกดร่องสาวลงขย่มส๊วบ
เธอส่งเสียงงัวเงียตอบกลับไป เพราะอยู่ในร่างมนุษย์จึงรู้สึกอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงหลังจากทำกิจกรรมบนเตียงอย่างหนัก“นี่ นังแจ๋ว ฉันได้รับข่าวการตายของเกศแล้วนะ” เสียงปลายสายเป็นเสียงผู้หญิง “เดี๋ยวฉันจะโอนเงินให้แกตามที่ตกลงกันเอาไว้”เกศราได้ยินเช่นนั้นถึงกับเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ”คำพูดของเกศราในร่างของสาวใช้ ทำเอาคนปลายสายชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับมาว่า“เอาเป็นว่า... งานที่ฉันสั่งให้แกทำเห็นผลเรียบร้อยแล้ว ฉันจะโอนเงินตามที่ตกลง แค่นี้แหละ”ตื้ด ๆ ตื้ด ๆ ตื้ด ๆปลายสายตัดไปแล้ว เกศรายังคงกำโทรศัพท์แน่น เสียงผู้หญิงที่โทรมาเมื่อสักครู่ช่างคุ้นหูมาก และที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่สั่งให้คนใช้มาตัดสายเบรกรถเธอ !“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าแกเป็นใคร”เกศราคำรามออกมา พลางจิ้มลงบนจอโทรศัพท์เพื่อไล่ดูชื่อที่โทรมาเมื่อสักครู่“คุณพิมพ์ เพื่อนคุณนาย”เธออ่านออกเสียงเบา ๆ มือของเธอถึงกลับสั่นระริก หัวใจเหมือนถูกค้อนปอนด์ทุบลงที่กลางใจจนเจ็บไปหมด“พิมพ์... ทำไม.. ทำไมเป็นแก เราเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ”เกศราน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด และสับสน เธอดีกับเพื่อนสาวคนนี
ผีสาวกระโดดโหยงถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้เธอก็มองดูชายคนนั้นดี ๆ แล้วพบว่า เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ผิวตลอดทั้งตัวสีแดงดำ นุ่งโจงกระเบนสีแดง ครึ่งบนสวมเครื่องประดับโบราณสีนิล ถือไม้สามง่าม ใบหน้าคมเข้มน่าเกรงขาม โดยเฉพาะดวงตาที่ดุมากแม้ว่าเขาจะดูน่ากลัว แต่ทำไมเกศรากลับรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ต่อเพศหญิงอย่างเหลือล้น“คุณคือยมทูตเหรอ”เกศราเลียบเคียงถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เหอะ”บุรุษนุ่งชุดโบราณผู้นั้นไม่ตอบ กลับเชิดหน้าแล้วแค่นเสียงในลำคอ ราวกับว่าหญิงสาวได้พูดอะไรที่เป็นการดูถูกเขาเข้าแล้วเกศราจึงเดาต่อไปอีกว่า “ถ้าไม่ใช่ยมทูต งั้นท่านก็คงเป็นยมบาลสินะ”“เจ้าอยู่กับข้าในนรกนับพันปีแล้ว ยังกล้าลืมข้าได้ เหอะ” น้ำเสียงนั้นคล้ายกับว่าน้อยใจ “แต่ช่างเถอะ ข้าไม่เอาความกับผีอ่อนแอเช่นเจ้าหรอก วันนี้เจ้าต้องไปลงนรกกับข้า”“ไม่นะ ! ข้าไม่ลงนรก” เกศราถอยหนีออกไปอีกหลายก้าวพลางส่ายหน้า “คนที่สมควรไปลงนรก คือไอ้ดอนสามีชั่ว กับนังพิมพ์แพศยาแย่งผัวชาวบ้านนู้น”“ฮ่า ๆ” ยมบาลหัวเราะดังลั่น แล้วเอ่ยเสียงดังกังวานว่า “เกศรา... เจ้าคิดว่าตนเองดีกว่าคนพวกนั้นนักหรือ ข้าต้องมาลากเจ้าไปลงนร
จ่ายาวโอดครวญ พลางบ่นผู้กองหนุ่มในใจว่า ‘ผู้กองยังโสดทำงานหามรุ่งหามค่ำได้สิ ผมจะแช่งให้ผู้กองมีเมียไว ๆ จะได้รู้รสชาติความโหดในชีวิตแบบผมบ้าง’“เอาเถอะ ๆ จ่าไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก เดี๋ยวผมไปรับผลการชันสูตรเอง”“จริงเหรอผู้กอง”จ่ายาวร้องเสียงหลงตาวาว แทบจะกระโดดกอดผู้กองคนใหม่“ผมเคยพูดเล่นเหรอจ่า แต่อย่าแอบกลับก่อนเวลาราชการหละ ไม่งั้นผมรายงานสารวัตแน่”“ครับผม”จ่ายาวตะเบ๊ะท่าขึงขัง แล้วยิ้มหน้าบานออกไปด้วยเหตุนี้ผู้กองหนุ่มที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสืบสวนสอบสวนคดีจึงต้องมารับผลชันสูตรพลิกศพของเกศราที่โรงพยาบาลเองโรงพยาบาลหาที่จอดรถยากมาก ผู้กองแจ็คจึงจอดรถไว้ที่ริมถนนด้านข้างของโรงพยาบาลจากนั้นก็เดินเท้าเข้ามาในจังหวะที่เขากำลังจะเดินเข้าประตูโรงพยาบาลนั้น หางตาของเขาบังเอิญเหลือบเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเสื้อกาวสีขาวตัวสั้นกำลังจะก้าวข้ามถนนในขณะที่รถวิ่งไปมาไม่ขาดสายท่าทางของเธอคนนั้นราวกับมองไม่เห็นรถที่วิ่งสวนกันไปมา เลือดตำรวจที่เป็นนักช่างสังเกต ช่างสงสัย และชอบแส่ทุกเรื่องของชาวบ้านก็หันขวับไปมองเธออย่างพิจารณาเธอคนนั้นเหมือนง่วง ๆ ซึม ๆ สติไม่อยู่กับตัวแล้ว เขาจึ
ทั้งสองจูบปากกันอย่างดูดดื่ม เรือนร่างนวลเนียนของหญิงสาวค่อย ๆ เลื้อยไปบนตัวของชายหนุ่ม“จ๊วบ.... อืม”ดอมตวัดปลายลิ้นเอาหัวนมเธอเข้าปากแล้วดูดดึงจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ“อ๊ะ.. อา ดอมขา พิมพ์เงี่ยนอีกแล้ว”หญิงสาวครางครวญ แล้วหล่อนก็เป็นฝ่ายดูดยอดอกปลุกความเสียวซ่านให้เขาบ้าง“โอ้วววว พิมพ์... คุณก็ทำผมแข็งโด่หมดแล้ววว อา”ดอนครางกระหึ่มเมื่อมือน้อย ๆ ของหญิงสาวกำรอบลำดุ้นของเขา แล้วเคลื่อนปากลงมาอมเข้าไปทั้งดุ้น แล้วตวัดลิ้นที่ปลายหัวบากถี่ ๆ ก่อนดูดแรงๆม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ“อูยยยย พิมมมม อา”เขาเด้งเอวขึ้นด้วยความเสียวซ่านที่ถูกดูดอมเข้าลึก ๆ จนเกือบมิดด้ามม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆหญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างหยาดเยิ้ม ดุ้นของผัวเพื่อนช่างอร่อยเหลือเกิน เธอจับลำดุ้นของเขาสาวรูด ใช้ปลายลิ้นไล้เลียเล่นอย่างชอบใจ“อู้ยยยยย... พิมมม ผะ ผมจะไม่ไหวแล้ววว ซี้ดด อา”ดอนครางใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน เด้งเอวเข้าใส่ปากหญิงสาว เธอยิ่งกํามันแน่นแล้วรูดปากใหญ่ในที่สุดเขาก็ทนความเสียวซ่านไม่ไหว ระเบิดน้ำแตกออกใส่ปากเมียน้อย“อ๊ากกกกก”ม๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
กากีอ่อนระทวยเคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ในภวังค์ เมื่อถูกเขาบดจูบอย่างร้อนแรง อารมณ์ปรารถนาซึ่งกันและกันปั่นป่วนอย่างรุนแรง“หืม”ยมบาลค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นละเอียดจูบอย่างนุ่มนวล เมื่อนางตวัดสองแขนโอบรอบคอเขา แล้วเบียดร่างนุ่มนิ่มแนบชิดเสียดสีที่หว่างขาซึ่งท่อนหอกลำใหญ่ของเขากำลังพองผงาดแรงเสียดสีนั้นทำให้เขารู้สึกซาบซ่านแปลบปลาบเหมือนมีกระไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วทั้งกายเขาจึงอุ้มนางจนตัวลอยพ้นพื้นใช้มือลูบไล้แผ่นหลัง แล้วใช้มืออีกข้างรัดสะโพกนางให้เนินเนื้อที่หว่างขาแนบชิดท่อนหอกของเขามากขึ้น“อื้อ..อึก”กากีรู้สึกได้ถึงท่อนหอกลำใหญ่ เมื่อครั้งอดีตมันเคยทำให้นางซาบซ่านตราตรึงใจ จึงส่ายสะโพกขยับเนินเนื้อของตนแนบยิ่งขึ้น“ท่านยม... ข้ารักท่าน” นางกระซิบบอกรักเสียงพร่าสั่นวาบหวาม มือแทรกเข้าไปในผมดกดำด้วยความถวิลหาอย่างรุนแรงคำนั้นของนางทำเอาร่างยมบาลสั่นสะเทือนด้วยความพิศวาส เขาจึงอุ้มนางพาไปที่แท่นบัลลังก์ วางนางลงแล้วปลดเปลื้องอาภรณ์นางกากีเองก็ดึงอาภรณ์ของท่านยมบาลออกอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งคู่ขจัดอาภรณ์ที่ออกไปให้หมดแล้ว ยมบาลก็มองนางด้วยสายตาวาบหวามร้อนระอุ จากนั้น เขาก็ทาบเรือนกายบดเบียดแน
ยมทูตขวามองสมุดบันทึกการจดใช้กรรมอย่างเคร่งเครียด “อีกเจ็ดวันนางกากีก็จะชดใช้กรรมหมดแล้ว เราจะต้องรายงานให้ท่านยมบาลทราบ เพื่อส่งนางกลับขึ้นสวรรค์”ยมทูตซ้ายเอ่ยเสียงเศร้า “ช่วงเวลาแห่งความสุขของท่านยมบาลจะสิ้นสุดลงแล้วสินะ ช่างน่าสงสารท่านยมบาลจริง ๆ”ยมทูตขวาถอนหายใจออกมา “ชะตากรรมกำหนดให้โดดเดี่ยวใต้พสุธา อย่างไรก็หลีกหนีไม่พ้น”“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่าน ๆ มา ท่านยมบาลรักนางมากแค่ไหน พวกเราต่างก็เห็น หากนางกากีจากไป ท่านยมของเราไม่ใช่แค่โดดเดี่ยวอ้างว้าง แต่จะทุกข์ทรมานเจ็บร้าวเจียนตาย”“นางกากีจะอยู่ที่นรกไม่ได้ เดิมทีนางก็เป็นเทพธิดาอยู่บนสรวงสวรรค์ อย่างไรเสียเมื่อนางชดใช้กรรมหมดแล้ว องค์อินทร์ก็ต้องมีบัญชาเรียกนางให้กลับไปแน่นอน”“ท่านยมบาลของเราช่างน่าสงสารนัก หากเป็นไปได้ข้าอยากให้ท่านยมไร้ใจไร้ความรู้สึกเหมือนเมื่อก่อนจะดีเสียกว่า จะได้ไม่เจ็บปวดทรมานเช่นนี้”“เอาน่า... อย่างน้อย ในช่วงหนึ่งพันปีที่ผ่านมานี้ ท่านยมก็มีความสุขไม่น้อย”นางกากีได้ฟังเช่นนั้น ในหัวอึงอลไปหมด แม้ยมทูตสองตนจะเดินจากไปนานแล้ว แต่นางก็ยังคงยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจช่วงเวลาแห่งความสุขช่างผ่าน
คำสาปแช่งนั้นทำให้นางกากีหวนคืนสู่นรกอีกครั้ง ครั้งนี้นางมีความทรงจำของชาติภพที่เพิ่งจากมานางเดินตามยมทูตสองตนมาจนถึงประตูทางเข้านรก แลเห็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่สง่าโดดเด่น ดวงตาคมดุนั้นกำลังมองจ้องนางเช่นกัน“องค์หญิง.....”เสียงเรียกนั้น ทำให้หัวใจของกากีชุ่มฉ่ำ นางรีบวิ่งโผเข้าสู่อ้อมกอดเขา“ท่านแม่ทัพ....”ยมบาลกอดนางไว้แน่น ความรักในโลกมนุษย์ไม่สมหวัง เมื่อล่วงลับดับขันธ์ลงมา แรงแห่งปรารถนานั้นผูกจิตให้คะนึงหานางไม่เสื่อมคลายยมทูตซ้ายขวามองหน้ากันไปมา ตามกฎนรกแล้วพวกเขาจะต้องนำวิญญาณกากีเข้าสู่แดนนรกตามกำหนดเวลาเพื่อลงทัณฑ์ตามกรรมที่ก่อไว้ยมทูตซ้ายกระซิบเพื่อน “ท่านยมบาลคงยังตัดใจจากนางไม่ได้”ยมทูตขวากระซิบตอบ “น่าเห็นใจท่านยมบาลนะ จะมีความรักเหมือนมนุษย์กับเขาสักหน แต่กลับมีอุปสรรคมากมาย”ยมทูตซ้ายเอ่ยเสียงเศร้า “นั่นสิ มิหนำซ้ำ ท่านยมบาลเองก็มิอาจเลี่ยงชะตาชีวิตของตนได้ ดวงเกิดของท่านเป็นเทพเจ้าสงคราม ชะตาลิขิตให้ต้องฆ่าทำลายชีวิตผู้คน แล้วต้องกลับมาชดใช้กรรมทำหน้าที่เป็นยมบาลอยู่ใต้พิภพนับหมื่นนับแสนกัปแสนกัลป์”ยมทูตขวาเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง จึงดึงเพื่อนยมทูตถอยห่างออกมา
“ท่านแม่ทัพ !”เหล่าทหารสีหน้าราวกับจะร้องไห้ แม่ทัพที่ทั้งเก่งทั้งมีเมตตาต่อลูกน้องหายากยิ่ง ร้อยปีจะมีสักคน ช่างน่าเสียดายนัก“พวกเราจะไม่ทิ้งท่าน”ทหารนายหนึ่งประกาศขึ้น อีกหลายคนก็ร้องขึ้นต่อ ๆ กันว่า“เราจะช่วยท่านแม่ทัพชิงองค์หญิงคืน”“เราจะร่วมเป็นร่วมตายกับท่านแม่ทัพ”ทำเอาแม่ทัพยมราชถึงกับน้ำตาคลอขึ้นมา“น้ำใจของเหล่าพี่น้องทุกคนข้าขอรับไว้ แต่พวกท่านอย่าลืมว่า พ่อแม่ลูกเมียของพวกท่านยังคอยอยู่ที่กรุงศากยะบุรี อย่าได้เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เลย”ทหารนายหนึ่งก้าวขึ้นมา “หากแม่ทัพเอ่ยเช่นนั้น ข้าก็ไปได้ เพราะข้าไร้ญาติขาดมิตร ชีวิตของข้าท่านเป็นคนชุบขึ้นมา ข้ายินดีช่วยท่านจนตัวตาย”แม่ทัพยมราชมองหน้านายทหารผู้นั้นชัด ๆ ก็จำได้ว่า คนผู้นั้นเคยป่วยเป็นโรคเรื้อนถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน บังเอิญเขาไปพบเข้าจวนเจียนจะสิ้นลมที่กลางป่าจึงนำกลับมารักษาที่ค่ายทหาร“ได้ ขอบใจเจ้ามาก”จากนั้น ทหารแต่ละคนที่ไม่มีใครให้อาวรณ์ก็เสนอตัวเข้าร่วมกองทัพชิงตัวองค์หญิงเก็จมณี“ข้าด้วย !”“ข้าอีกคน”..............ตะวันแผดแสงแรงกล้า เงากำแพงเมืองสีดำทอดตัวลงเบื้องล่าง หน้าประตูนอกเมืองนั้นทหารสองกองทัพ
สิ้นคำ แม่ทัพยมราชก็กระโดดหนีออกไปทางหน้าต่างอย่างไร้ร่องรอย เป็นจังหวะเดียวกันกับเหล่าทหารนับสิบคนกรูกันเข้ามาในห้องหอ“ไอ้พวกสวะ มันหนีไปโน้นแล้ว !” องค์ชายอดามีตะคอกใส่เหล่าทหาร พร้อมกับชี้มือไปยังหน้าต่าง “รีบตามไปจับมันมาสิ !”ทหารทั้งหมดจึงรีบวิ่งตามคนร้ายออกไปจากห้อง องค์ชายอดามีจึงหันกลับมาเล่นงานองค์หญิงเก็จมณีเพี๊ยะ !"โอ๊ย!"แรงตบทำให้นางล้มไปกับพื้น ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด"เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ ไม่คิดว่าจะจิตใจชั่วช้าเป็น สตรีแพศยา ไร้ยางอาย กล้าเรียกชู้ขึ้นมาบำเรอถึงในตำหนัก"องค์ชายอดามีตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจกระหายเลือด“หม่อมฉันไม่ได้ต้องการอภิเษกกับท่าน เราทั้งสองต่างไม่มีความรักต่อกัน ขอพระองค์ได้โปรดหย่ากับหม่อมฉันเถิดเพคะ”นางพยายามอ้อนวอนเขา หวังว่าเขาจะเข้าใจถึงเหตุผล“หย่าเหรอ...”องค์ชายอดามีตาลุกโรจน์ด้วยความโกรธ เขาเอื้อมมือเข้าไปขยุ้มกำผมของนางแล้วกระชากให้ใบหน้านางแหงนมองหน้าเขา“โอ๊ย !” นางร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด “หม่อมฉันเจ็บเพคะ”“ข้าอุตส่าห์วางแผนเพื่อให้ได้แต่งงานกับเจ้า มีหรือข้าจะยอมหย่ากับเจ้าง่าย ๆ”เขาไม่
ไม่นานนักเขาพลิกร่างกลับเปลี่ยนให้องค์หญิงเก็จมณีเป็นฝ่ายขึ้นนั่งคร่อมแล้วโยกบด“ขย่มลงมาเหมือนควบม้า.... ขะ ขย่มแรง ๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ”เขาสอนนางองค์หญิงเก็จมณีจึงทำตามที่เขาบอกโขยงตัวขึ้นรูดแก่นลำเขา แล้วกดสะโพกลงแรง ๆ ทำเอาแม่ทัพหนุ่มเสียวเกร็งทั้งตัวด้วยความเสียวสะท้านช่องของนางขมิบตอดแท่งอาวุธของแม่ทัพหนุ่มถี่ยิบมากขึ้นตับ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆแม่ทัพหนุ่มเด้งสะโพกสวนลำอาวุธสู้เนินเนื้อสาวที่ขย่มลงมาอย่างไม่ถอย พร้อมกับใช้สองมือบีบเคล้นสองเต้านมไปด้วย จากนั้นก็จับนางพลิกลงในท่าหมอบคลานองค์หญิงเก็จมณีก้มหน้าหมอบโก้งโค้งให้แม่ทัพหนุ่ม แล้วเขาก็กระแทกอาวุธเข้าพรวดเดียวสุดลำตับบบบบบบบบบบบบบ“อ๊า !”องค์หญิงเก็จมณีร้องลั่น อาวุธแท่งใหญ่ทะลวงเข้าไปจนชนเข้ากับปากมดลูกแม่ทัพหนุ่มจับที่สะโพกกลึมกลึงของนางแน่นแล้วบีบเคล้นหนักหน่วงในขณะที่บดสะโพกคว้านแท่งอาวุธไปซ้ายขวาภายในกายนาง“งื้อออ อา ทะ... ท่านแม่ทัพ ข้าจะไม่ไหวแล้ว อะ อา”องค์หญิงเก็จมณีครางเว้าวอน ในขณะที่แม่ทัพโน้มกายลงเอื้อมมือผ่านลำแขนของนางเข้าไปบีบเคล้นเต้านมนาง ทำให้ยิ่งเสียวหวิววาบขึ้นมา รูสาวยิ่งขมิบตอดรัดแท่งอาวุธของแม่ทัพ
นางเอ่ยเสียงกระเส่าอย่างขัด ๆ เขิน ๆ ด้วยความไร้เดียงสากับเรื่องแบบนี้แม่ทัพหนุ่มนำพามือนางเร่งรูดสาวลำอาวุธของตนถี่ยิบมากขึ้น ในขณะที่ดวงตาก็ชื่นชมโลมเลียยอดปทุมถันของนาง“งื้อออออ ทะ ท่านแม่ทัพ” องค์หญิงเก็จมณีครางเสียงกระเส่า เมื่อถูกแม่ทัพหนุ่มขบเน้นแน่นปลายปทุมถัน กลิ่นหอมเนื้อนางที่เขาถวิลหาทุกค่ำคืนยั่วยวนจนเขาไม่อาจหักห้ามใจได้ภายในห้องไร้ซึ่งแสงเทียน คนบนแท่นบรรทมนอนนิ่งเงียบสนิท แต่ใต้ม่านข้างหน้าต่างกำลังเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงร่างสวยขององค์หญิงถูกแม่ทัพหนุ่มรุกล้ำด้วยฝ่ามือใหญ่ เขาลูบไล้ไปตามรอยแยกเนินสวรรค์แสนงาม ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาสัมผัสถูกผิวยามเมื่อเขาจูบไล้เลียไปทั่วทั้งร่าง ทำเอานางสั่นสะท้านเฮือกหลายครั้ง“อะ งื้อ อา”องค์หญิงเก็จมณีร้องครางกระเส่าหนักขึ้น เมื่อปลายนิ้วของแม่ทัพหนุ่มถูไถชำแรกไปตามกลีบเนื้อนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลาย ๆ ครั้ง“อึก อือ”แม่ทัพหนุ่มประกบปากบดจูบกลืนกินเสียงครางแว่วหวานเอาไว้อย่างดูดดื่ม ปลายลิ้นเกี่ยวกวัดพัวพันกันเป็นพัลวันด้วยความโหยหาจากส่วนลึกจากนั้นเขาก็ถอนจูบออก แล้วพรมจูบลงมาจนถึงหว่างขานาง แล้วฝังใบหน้าหล่อเหลาลงไปดอม
เสียงของนางเต็มไปด้วยความเศร้าระคนน้อยใจ“ถึงไม่ได้ยิน แต่ก็อยู่ในสายนับสิบคู่ และถึงไม่มีใครรู้เห็นฟ้าดินก็เป็นพยานได้”เขายังคงเอ่ยอย่างไร้เยื่อใย แต่กลับไม่กล้าสบตาองค์หญิง เพราะกลัวว่าตนจะใจอ่อน และตัดใจจากนางไม่ได้องค์หญิงเก็จมณียิ้มอย่างขมขื่น “หากฟ้าดินล่วงรู้จริง งั้นก็ควรรู้ว่าข้าไม่ได้อยากอภิเษกกับองค์ชายแคว้นอลงกรณ์ คนที่ข้าอยากร่วมชีวิตด้วย คือ ท่าน... แม่ทัพยมราช”ถ้อยคำนั้นทำเอาแม่ทัพยมราชสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ หากนางไม่ใช่องค์หญิง เขาคงจะรีบคว้านางเข้ามากอด แล้วตะโกนให้ได้ยินกันทั่วทั้งแผ่นดินว่า ข้าเองก็รักเจ้าเช่นกัน แต่มนุษย์มิอาจฝืนโชคชะตาฟ้ากำหนด เมื่อนางเป็นองค์หญิงเขาจึงจำต้องตัดไมตรี“พระองค์กำลังจะเป็นพระชายาของแคว้นอลงกรณ์....”“ข้าไม่เป็นไปแคว้นอลงกรณ์ ในระหว่างเดินทางพวกเราสามารถหลบหนีไปอยู่ด้วยกันได้”องค์หญิงเก็จมณีเผลอก้าวเท้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้นแม่ทัพยมราชรีบถอยห่างออก แล้วรีบหันหลังให้นางอย่างไร้เยื่อใย“ท่านเป็นองค์หญิงของราษฎร ข้าเป็นแม่ทัพผู้ภักดี โปรดอย่าเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้อีก”นางมองแผ่นหลังเขา แววตาสั่นระริกอย่างเจ็บปวด “ท่านไม่เคยรักข้าบ้างสักนิดห
จนกระทั่งร่างสูงงามสง่าในชุดแม่ทัพเต็มยศที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน เดินเข้ามาโค้งคำนับถวายความเคารพเจ้าหลวง องค์ชายรัชทายาท และองค์หญิงเก็จมณีเมื่อเขานั่งลงร่วมโต๊ะเสวยดวงตาของคนทั้งสองก็บังเอิญสบตากัน แล้วประสานกันเนิ่นนาน ก่อนที่เจ้าหลวงจะตรัสขึ้นด้วยเสียงยินดีปรีดาว่า“ท่านแม่ทัพผู้เก่งกาจของเรามาแล้ว เช่นนั้นทุกคนก็เริ่มเปิดงานกันเถอะ” แม่ทัพยมราชโค้งศีรษะรับอย่างสุภาพอยู่ในทีและพยายามบังคับตนเองไม่ให้มองไปยังองค์หญิง แม้ว่าในใจจะคิดถึงนางมากก็ตามในระหว่างที่ขุนนางคนอื่นกำลังเสวนากับเจ้าหลวงนั้น องค์หญิงเก็จมณีก็คอยชำเลืองมองแม่ทัพยมราชด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่เขาทำเหมือนไร้เยื่อใยที่มีต่อกัน และเมื่อเขาบังเอิญเงยหน้าขึ้นมาสบตานางอีกครั้ง นางจึงเอ่ยถามว่า “ท่านแม่ทัพสบายดีหรือ”“สบายดีพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง”เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา สิ่งที่เขาตอบนางนั้น ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย นับตั้งแต่ที่นางจากเขาไป อาการปวดหัวของเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ราวกับว่านางคือยาวิเศษของเขา หากไร้นางข้างกาย ชีวิตเขาคงจะเจ็บปวดทรมานไปตลอดทั้งชาติองค์หญิงเก็จมณีกำลังจะเอ่ยปากถามต่อ แต่พระ