"คุณหนูใหญ่ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนโกรธจนหน้ามืดไปแล้ว เขาไม่ฟังอะไรแล้วล่ะ" ชิงเฟิงรีบกล่าว"ผู้ชายคนนี้ป่วยเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?" มู่จิ่วซีไม่เข้าใจจริงๆ โม่จุนทำไมถึงต้องโมโหถึงขนาดนั้นด้วย อีกอย่างยังโกรธฮั้วอวิ๋นเทียนจนลุกเป็นไฟชัดขนาดนั้นชิงเฟิงเองก็ไม่เข้าใจ พอเห็นสองคนต่อสู้ห่างออกไปเรื่อยๆ ก็หันมามองรถม้าที่เป็นเศษแตกกระจาย เขาเองก็อยากรู้ว่าทำไม"สมควรตายนัก เดี๋ยวต้องให้ชดใช้ค่ารถม้าข้าให้สาสมเลย!" มู่จิ่วซีเจ็บใจ รถม้าคันนี้เป็นคันที่ดีที่สุดของจวนมู่ พริบตาก็กลายเป็นซากไปแล้วแต่ก็ทำให้นางตระหนักถึงความแข็งแกร่งของกำลังภายใน นางต้องหมั่นฝึกฝนกำลังภายในเฟิงเหยียนหยูเฟยให้ดี"ฮั้วอวิ๋นเทียน ถ้าคราวหน้าข้าเห็นเจ้ากับมู่จิ่วซีอยู่ด้วยกันอีก ก็อย่าโทษข้าแล้วกันที่ไม่เกรงใจหอดาราจันทรา!" โม่จุนและฮั้วอวิ๋นเทียนห่างออกไปเป็นร้อยเมตรแล้ว หลังจากประมือกันก็ถึงจะแยกห่างออกมาได้สายตาอันน่าครั่นคร้ามของฮั้วอวิ๋นเทียนก็จ้องเขม็งมองโม่จุนที่มีใบหน้าเย็นชาและแข็งกร้าว"ท่านผู้สำเร็จราชการแทนช่างสมคำล่ำลือจริงๆ ข้ายังอยากขอคำชี้แนะจากท่านอีกสักสองสามกระบวนท่า"
มู่จิ่วซีก็เห็นโม่จุนกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ไม่ได้ยับเยิน แต่มีเพียงเส้นผมบางเส้นที่ขาดหลุดไปบ้าง ผนวกกับหน้าใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นชาถึงขีดสุด พอมองแล้วก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอาย"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน นี่เจ้าหมายความว่ายังไง? รถม้าที่ดีที่สุดของจวนมู่ถูกเจ้าทำลายทิ้งไปแล้ว เจ้าจะต้องชดใช้!" มู่จิ่วซีมองเลยไปยังด้านหลังเขาแต่ก็ไม่พบฮั้วอวิ๋นเทียนโม่จุนเดินมาอยู่ตรงหน้าของนาง จากนั้นก็มองมู่จิ่วซีด้วยสายตาที่สูงส่ง บรรยากาศของเขาช่างดำมืดและเย็นเยียบ"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน" เย่ฮานที่อยู่ข้างก็กล่าวอกมาอย่างฝืนๆ "ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว ยังไงก็..."โม่จุนหันหน้ามาและเหลือบสายตามองไป ราวกับว่าเป็นดาบอันคมกริบที่จ่อไปตรงคอของเย่ฮานอย่างใดอย่างนั้น ทำให้เย่ฮานถึงกับพูดไม่ออกจนเขาก้มหดคอและถอยกลับไป"โม่จุน คืนนี้เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้า? ทำตัวแปลกประหลาด" มู่จิ่วซีเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับทำแก้มป่องถามเขา"ข้าควรต้องถามเจ้าต่างหากว่าคืนนี้เจ้าไปทำอะไรมา?" โม่จุนกล่าวอย่างเย็นชา"ข้าจะทำอะไรได้ ก็ไปที่หอหล่านจวี๋มาไง! ไม่ใช่ว่าข้าบอกแล้วเหรอ? ข้าไปทำธุระมา"มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าชายคนนี้
มู่จิ่วซีมองไปที่เขาอย่างแปลกๆ : "โม่จุน เจ้าทำแบบนี้ ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหึงหวงอยู่นะ"ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนเปลี่ยนไป จากนั้นก็ยิ้มกล่าวอย่างแหยงๆ : "ข้าเนี่ยนะหึงหวง? เจ้าคงเมาเหล้ายังไม่ส่างสินะ? ข้าก็แค่เจตนาดีเตือนเจ้า ถ้าท่านพ่อเจ้ากับพระพันปีหลวงรู้เจ้าไถ่ตัวนายโลมมา เจ้าคงรู้ผลลัพธ์ที่จะตามมาใช่ไหมว่าคืออะไร?""โม่จุน ทุกครั้งเจ้าเลิกทำมารู้จักผิดชอบชั่วดีได้ไหม เจ้าก็ดีแต่ตัดสินคนอื่น เจ้ารู้เรื่องราวทั้งหมดหรือไง? รู้หรือว่าจุดประสงค์ของข้าคืออะไร? เจ้าไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เจ้ารู้แต่ตัวเจ้าเอง! แม้แต่อารมณ์ของเจ้าก็ยังจัดการไม่ได้!""เจ้า!" โม่จุนถูกมู่จิ่วซีกล่าวตำหนิเขาออกมาเป็นพรวน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาโกรธจัดจนแดงก่ำ ในใจก็รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย หรือว่าที่เขาได้ฟังมามันจะไม่ถูก?"ถ้าเจ้าชดใช้ค่ารถม้าให้ข้า ข้าจะค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟัง" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วมองไปที่เขา"ข้าเอารถไม้ของข้าให้เจ้าก็ได้" เดิมทีโม่จุนก็ต้องชดใช้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรรถม้าก็เป็นของมู่เทียนซิง เขาทำรุนแรงไปขนาดนั้นก็รู้สึกผิดเสียใจอยู่บ้างมู่จิ่วซีก็นึกถึงรถม้าหรูหราของจวนท่านผู้สำเร็จราชการแทนของ
มู่จิ่วซีพอเห็นสายตาที่ลึกล้ำของโม่จุนมองจ้องมาที่นาง นางก็ถูกเขามองจนรู้สึกขนุกไปทั้งตัว"ข้าน่ามองขนาดนั้นเลยรึไง?" มู่จิ่วซีเอื้อมออกไปขยับส่ายหน้าของเขาโม่จุนก็ได้สติมาในทันที จากนั้นก็รีบหันกลับมา ใบหน้าของเขาถึงกับร้อนผ่าว หูของเขาแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว"แค่กแค่กแค่ก ไม่มีใครบอกว่าเจ้าขี้เหล่สักหน่อย" โม่จุนเขินอายอย่างมากแต่เมื่อนึกถึงนางที่ไม่มีความรู้ความสามารถตรงจุดนี้ ซึ่งก็จริงตามที่ลือกัน แต่ตั้งแต่ที่นางเดิมพันทักษะฉินและเขียนอักษรกับฮั้วอวิ๋นเทียน ก็ทำให้เขารู้ว่าที่ลือกันไม่ไร้สาระและยังรวมไปถึงทำษะแพทย์ขอนางอีกที่นางสามารถวินิจฉัยได้ว่าท่านแม่ของนางเองกับคุณหญิงของท่านอัครมหาเสนาบดีล้วนถูกพิษเงาดอกนิโลบลเหมือนกัน ซึ่งแม้แต่แพทย์หลวงก็ยังวินิจฉัยไม่ออก แต่นางกลับสามารถรู้ได้ นี่ถือว่าเป็นทักษะแขนงหนึ่งเหมือนกันบางทีการที่นางเป็นคนไม่เชื่อฟังใครตรงจุดนี้ก็เหมาะสมกับนางแล้วแต่ผู้หญิงประเภทที่หัวอ่อนว่านอนสอนง่าย เขาก็เจอมามากแล้ว และก็ไม่น่าสนใจเลยจริงๆ"ข้าเองก็คิดว่าข้าดูดี" มู่จิ่วซีพูดกับตัวเองแล้วก็เดินกระโดดเริงร่าออกไปอย่างมีความสุขโม่จุนเหลือบกันมา
มู่จิ่วซีเมื่อเห็นกระบวนท่านี้ นางก็หรี่ตาลงในฉับพลัน คนๆ นี้คือมือสังหารเพราะว่ามีเพียงแต่มือสังการเท่านั้นที่เวลาต่อสู้กับศัตรูจะมักใช้วิธีการบุกโจมตีเพื่อเป็นการป้องกันตัว อีกอย่างท่าทางที่คนๆ นี้ถือดาบสั้นก็เป็นกระบวนท่าที่มือสังหารมักจะใช้การปาดคอคู่ต่อสู้คือท่าสังหารที่ได้ผลรวดเร็วที่สุด"ระวัง!" มู่จิ่วซีกรีดร้องขึ้นมาในฉับพลัน เนื่องจากคนในชุดดำนั้นไม่เพียงแต่มีกำลังภายในที่ทรงพลัง อีกทั้งในมือทั้งสองข้างก็ยังมีอาวุธอีกอย่างเพื่อให้เย่ฮานสับสน เขาจึงเผยมีดสั้นออกมาก่อนในตอนแรก เพื่อหลอกล่อให้เย่ฮานใช้กระบี่ที่ยาวกว่าโจมตี จากนั้นเสียงเกร้งก็ดังขึ้น ร่างกายของชายชุดดำคนนั้นพลิกตีลังกาคล่องแคล่วอย่างมาก มืออีกข้างของเขาในแขนเสื้อก็มีกริชสั้นพุ่งเป้าแทงเข้าไปที่หัวใจของเย่ฮานมู่จิ่วซีพอเห็นว่าท่าทีของชายชุดดำคนนั้นแปลกออกไป นางก็ตะโกนเสียงดัง ในใจของนางกังวลขึ้นมาอย่างสุดขีดเย่ฮานหลังจากได้ยินเขาก็คิดที่อยากจะหลบแต่ว่าไม่ทันการเสียแล้ว แต่ยังดีที่พอเขาพลิกตัว กริชก็ปักจนมีเสียง "ฉึก" แทงเข้าไปที่แขนของเขา ทันใดนั้นเขาก็โอดครวญด้วยความเจ็บปวดจนเขาถอยหลังไปหลายก้าว กริช
สีหน้าของเย่ฮานตกใจอย่างมากและกล่าว : "เป็นผู้หญิง? และก็เป็นมือสังหาร?"มู่จิ่วซีเองก็ใจหายอยู่พักหนึ่งและพยักหน้ากล่าว : "ใช่ ข้ามองไม่ผิดแน่ ในเมื่อเป้นมือสังหาร แสดงว่าคงจะเกี่ยวข้องกับหอดาราจันทรา แต่เป็นไปไม่ได้ที่ฮั้วอวิ๋นเทียนจะมาสังหารข้า? งั้นคือใครกันแน่?"ดูจากรูปร่างของผู้หญิงคนนี้แล้วคงจะสูงกว่านางอยู่หน่อย รูปร่างก็ไม่ได้ผอมมากขนาดนั้น ดังนั้นเย่ฮานเลยคิดว่าเป็นผู้ชายแต่นางเห็นมือที่ผู้หญิงคนนั้นเผยออกมา นางไม่มีทางมองผิดแน่เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้เผยให้เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้าง ในความมืดมินจึงเห็นได้ไม่ชัด แม้ว่าจะเป้นการคาดเดาของมู่จิ่วซี แต่นางก็ไม่กล้ามั่นใจ"คุณหนู หรือว่าจะเป็นเรื่องตำหนักราชวงศ์ก่อนหน้านี้?" เย่ฮานกำลังพูดถึงเรื่องที่นางถูกผลักตกลงทะเลสาปจนอีกนิดเดียวก็เกือบจะจมน้ำตาย"ตระกูลเซียว?" มู่จิ่วซีนึกถึงเซียวเจี้ยนและพยักหน้าพร้อมกับกล่าว "ก็อาจเป็นไปได้ ศัตรูของข้าเยอะมาก คาดว่าคงมีหลายคนที่อยากจะให้ข้าตาย เอาเถอะ เลิกคิดเถอะ รีบกลับจวนดีกว่า แผลของเจ้ายังต้องรักษาจัดการใหม่"ทั้งสองรีบกลับไปที่จวน มู่เทียนซิงพอรู้ว่ามู่จิ่วซีเกือบจะถูกฆ่า ใบหน้าช
"ขอบคุณใต้เท้าเย่มากที่เชื่อใจข้า ข้าทราบแล้ว" มู่จิ่วซีก็ประสานมือเคารพเขา จากนั้นนางก็พาเย่ฮานและลู่เอ๋อร์ไปที่จวนอัครมหาเสนาบดีลู่เอ๋อร์ที่อยู่บนรถม้าด้วยก็เห็นคุณหนูใหญ่สีหน้าไม่ค่อยดี นางเองก็ไม่กล้าถาม นางเลยหันมองไปาหาเย่ฮานแขนของเย่ฮานก็ไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงอีกแล้วพร้อมกับเริ่มทำงานปกป้องมู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" เย่ฮานถาม"ไม่เป็นไร ก็แค่รู้สึกโดนคนอื่นหรอกก็เท่านั้น ข้าไม่ชอบมากๆ" มู่จิ่วซียิ้มอย่างแหยงๆ "เย่ฮาน เจ้าไม่ต้องมาติดตามข้าแล้ว ช่วยข้าไปจัดการเรื่องหนึ่งให้หน่อยสิ""คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยไม่อาจห่างจากท่านไปได้ ถ้าหากเกิดเรื่องแบบตอนนักฆ่าคนนั้นอีก..." เย่ฮานส่ายหัวในทันที"นี่มันกลางวันแสกๆ อีกอย่างช่วงสิบวันมานี้ข้าก็ฝึกฝนวรยุทธมาตลอด กระบวนท่าของข้าเก่งขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล"กำลังภายในของมู่จิ่วซีตั้งแต่ไม่มีจนมี ถ้าหากแบ่งขั้นแรกออกเป็นเก้าชั้น นางตอนนี้ก็ได้ฝึกฝนไปถึงระดับชั้นสามสี่แล้วนางมั่นใจว่าภายในหนึ่งเดือน นางจะสามารถฝึกฝนเฟิงเหยียนหยูเฟยขั้นแรกสำเร็จได้แน่ อีกทั้งจะบรรลุถึงขั้นสูงสุดด้วยมู่จิ่วซีบอกให้รถม้าหยุด ลู่เอ๋อร์
มู่จิ่วซีและไป๋ชิงมองตากัน"ฮูหยินรอง?" มู่จิ่วซีกล่าว "ป้าสะใภ้รองของเจ้า?"ไป๋ชิงพยักหน้า บ่าวคนนั้นก็รีบกล่าวออกมา "ฮูหยินรองอยู่ที่เรือนข้างๆ นางบอกว่ามีเรื่องต้องการเจรจากับคุณหนูใหญ่มู่ ขอให้คุณหนูใหญ่มู่ให้เกียรติมาหาด้วย"มู่จิ่วซียักใหล่และก็พูดตอบตกลงไปเสร็จก็ส่งสายตาเป็นนัยน์บอกให้ไป๋ชิงสบายใจและเดินตามบ่าวคนนั้นไปที่เรือนข้างๆเรือนข้างๆ นั้นเงียบสงบอย่างมาก มู่จิ่วซีพอเห็นเรือนที่งดามและวิจิตรของจวนอัครมหาเสนาบดีก็ได้แต่เบ้ปาก ที่แท้อัครมหาเสนาบดีก็คืออัครมหาเสนาบดี สวัสดิการที่อยู่อาศัยล้วนมากกว่าท่านพ่อของนางฮูหยินรองจ้วงชิงเหมยแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีเป็นผู้หญิงทีาสวยงดงาม เมื่อสิบปีก่อนมีชื่อเสียงใรพระนครว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งเพียงแต่จ้วงชิงเหมยเกิดมาฐานะไม่ดี เป็นเพียงแค่ลูกกำพร้า นางถูกครอบครัวพื้นบ้านธรรมดารับเลี้ยง ชีวิตของนางผ่านไปอย่างขมขื่น ต่อมาก็ถูกขายให้กับหอชิงหยาซึ่งก็ถือว่าเป็นหอนางโลมในพระนครนายท่านของหอนางโ,มในตอนนั้นเห็นว่าจ้วงชิงเหมยงดงามหาใครเปรียบได้ก็เลยทำการเลี้ยงดูนางให้เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งพระนคร อีกทั้งให้นางขายเฉพาะความสามารถแต่ไม่
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่