ใต้เท้าอัครมหาใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีเสนาบดีไป๋ชินเตี่ยนก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห เขาได้เดินออกมายืนตรงประตูบ้านใหญ่ด้านนอกด้านนอกชายคา แววตาดุจเสือทั้งสองข้างก็มองมู่จิ่วซีอย่างดุร้ายแต่ที่แปลกคือมู่จิ่วซีมาพบแค่ไป๋ชิงแต่ทำไมต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้ด่วย? นางต้องการจะทำอะไร?"มู่จิ่วซีขอคารวะใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีไป๋" มู่จิ่วซีเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันที จากนั้นก็ย่อถวายความเคารพอัครมหาเสนาบดีไป๋"มู่จิ่วซี ดึกขนาดนี้แล้วมาหาชิงเอ๋อร์มีธุระอะไร?" อัครมหาเสนาบดีไป๋อายุประมาณ 40 ปี เป็นคนเฉลียวฉลาดมีความสามารถ แน่นอนเขาไม่หลงกลอุบายของมู่จิ่วซี นังผู้หญิงพาลโมโหโวยวายคนนี้ เขาได้เรียนรู้มาหลายครั้งแล้วและก็เพราะนาง เขากับมู่เทียนซิงแทบจะเป็นคู่อาฆาตกันแล้ว ปัญหาคือทุกครั้งพระพันปีหลวงมักจะช่วยมู่จิ่วซี จนทำให้เขาโกรธจนแทบจะอกแตกตาย"ใต้เท้าอะครเสนาบดี ข้ากับไป๋ชิงถือว่าเป็นสหายกัน การที่ข้ามาหาเพื่อนเพื่อพูดคุย พวกเจ้าต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?" มู่จิ่วซีหัวเราะส่ายหัว"มู่จิ่วซี เจ้าเคยมีเรื่องดีๆ ด้วยงั้นรึ?" ไป๋เฟิ่งหว่านหัวเราะเย็นชาออกมาทันที"ไป๋เฟิ่งหว่าน ถ้าข้ามาหาเจ้า แน่นอนว่าจ
เพียงแต่มู่จิ่วซีไม่คาดคิดว่าเรือนของไป๋ชิงจะตั้งอยู่มุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจวนอัครมหาเสนาบดี จวนอัครมหาเสนาบดีใหญ่โตมาก จำเป็นต้องเดินสักระยะหนึ่งกว่าจะถึงส่วนไป๋ชิงตอนนี้กลับมีสีหน้ากังวลอย่างไม่มีอะไรเทียบได้และกำลังวิ่งออกมาพอดีมู่จิ่วซีพอเห็นบ่าวรับใช้ของจวนอัครมหาเสนาบดีตามออกมาด้วยสี่คน นางก็ยิ้มกล่าวให้กับไป๋ชิง : "คุณหนูใหญ่ไป๋ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าไหม?"ไป๋ชิงรู้ว่ามู่จิ่วซีมาหานาง นางเองรู้สึกว่ามันน่าแปลกอย่างมาก พอเห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามของมู่จิ่วซี นางเองถึงกับตั้งสติตอบสนองอย่างไม่ทันมู่จิ่วซีเดินเข้ามาตรงๆ จากนั้นก็รับสั่งกับเย่ฮาน : "เย่ฮาน เจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ ห้ามใครเข้ามาใกล้เด็ดขาด"เย่ฮานก็ส่งเสียงตอบรับมาหนึ่งคำและยืนอยู่ตรงปากประตู บ่าวรับใช้ทั้งสี่คนก็รู้สึกเสียมารยาทเล็กน้อยเมื่อเผชิญกับบหน้าอันเย็นชาของเย่ฮานบ่าวรับใช้สองคนของไป๋ชิงก็ถูกไล่ให้ออกไป มู่จิ่วซีและไป๋ชิงก็เดินมาถึงห้องของไป๋ชิงและปิดประตูลงมู่จิ่วซียังคงไม่มั่นใจและหันมองไปรอบๆ และยังตรวจสอบตรงหน้าต่างอีกด้วย"คุณหนูใหญ่มู่ เจ้ามีธุระอะไรกับข้างั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีทำให้ไป๋ชิ
มู่จิ่วซีหันไปผู้หญิงคนนั้นที่ตามมา จากนั้นก็ทำสีหน้าเย็นชาหันไปบอก : "เจ้าออกไปก่อน ข้ากับคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้ายังมีธุระที่ต้องคุยกัน"ผู้หญิงคนนั้นก็หันมามองไป๋ชิง ไป๋ชิงก็พยักหน้า ผู้หญิงคนนั้นก็ได้แต่ยิ้มอย่างเขินๆ และถอยฉากออกไปประตูห้องปิดลง มู่จิ่วซีหันไปมองที่ประตูห้องและถามไป๋ชิงด้วยเสียงเบา : "ไป๋ชิง กลิ่นไม้กฤษณาภายในห้องของท่านแม่ของเจ้าจุดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?"ไป๋ชิงชะงักไปชั่วขณะแล้วเอ่ยออกมา : "เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ถึงไรมันก็ถูกจุดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ข้าจำความได้ ท่านแม่บอกว่ากลิ่นของมันหอม ทำให้จิตใจสงบ นางก็เลยจุดตลอดเวลา"มู่จิ่วซีกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ : "แม่ของเจ้าถูกวางยาพิษหรือไม่นั้น คงจะเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว" ขณะที่นางพูดก็เดินไปที่ด้านหน้าของเตียงและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ผอมแห้งจนเห็นกระดูกราวกับท่อนไม้นอนนิ่งสงบอยู่ไป๋ชิงตกใจและพูดอย่างร้อนรน : "แม่ของข้าถูกวางยาพิษงั้นเหรอ?"มู่จิ่วซีได้มานั่งตรงข้างเตียงพร้อมกับหยิบเข็มเงินออกมาแล้ว นางใช้เข็มแทงที่ปลายนิ้วของผู้หญิงคนนั้นอย่างเบามือ จากนั้นเลือดหยดหนึ่งก็ไหลออกมามู่จิ่วซีโน้มตัวเข้าไปดมกลิ่
สีหน้าของไป๋ชิงโศกเศร้า จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าวออกมา : "มู่จิ่วซี ข้าคิดมาตลอดว่าพวกเราคือศัตรู...""จะเป็นไปได้ยังไง เจ้าอ่อนน้อมถ่อมคนมากขนาดนั้นมาโดยตลอดและก็ไม่เคยหาเรื่องยั่วยุข้า ศัตรูของข้าคือไป๋เฟิ่งหว่านที่ชอบแกว่งเท้าหาเสี่ยน" มู่จิ่วซียิ้มและกุมไปที่มือของนาง"ไป๋เฟิ่งหว่านชอบท่านผู้สำเร็จราชการแทน" ไป๋ชิงกล่าว "นางเองชอบท่านผู้สำเร็จราชการแทน แต่กลับเอาไปพูดกับคนอื่นว่าข้าชอบท่านผู้สำเร็จราชการแทน ก็คือนางอยากให้ข้าเป็นศัตรูกับเจ้า""ข้ารู้ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนกับข้าได้ถอนหมั้นกันแล้ว แต่ต่อให้ถอนหมั้นแล้ว ท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็ไม่มีทางสู่ขอไป๋เฟิ่งหว่าน นางก็แค่ฝันกลางวัน""อันที่จริงท่านพ่อของข้าก็หวังว่าน้องหญิงรองกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะ... ดังนั้นเมื่อแม่ของข้าตาย ป้าสะใภ้รองก็จะขึ้นมาแทน น้องหญิงรองก็จะได้เป็นลูกสาวของภรรยาหลวง ฐานะของนางก็จะเหมาะสมกับท่านผู้สำเร็จราชการแทน" ไป๋ชิงกล่าวออกมาในทันที "พอถึงเวลาท่านพ่อก็จะคิดหาวิธีเพื่อให้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาสู่ขอน้องหญิงรอง"ไป๋ชิงกล่าวอย่างรีบร้อน : "อันที่จริงข้าก็ไม่อยากเห็นเจ้ากับท่านผู้สำเร็จราชกา
ลมระลอกหนึ่งพัดเข้ามาที่ใบหน้า มู่จิ่วซีก็เห็ยชายหนุ่มที่แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมกับเสื้อคลุมยาวสีขาวบางพริ้วมู่จิ่วซีอยากจะตะโกนดังๆ ว่าผีหลอกมากๆ แต่นางก็ได้แต่ต้องอดทนเอาไว้"อย่าขยับ" มู่จิ่วซีเอื้อมมือออกไปข้างหนึ่งเพื่อหยุดชายคนนั้นที่กำลังจะกระโจนเข้ามา "พ่อดอกเก๊กฮวย เจ้าจะสำรวมกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง? ทำแบบนี้ลูกค้าตกใจหนีไปกันหมด"พ่อดอกเก๊กฮวยซึ่งเป็นนายโลมก็ทำปากงอนไม่พอใจก็กล่าวออกมา : "คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าไม่ได้มาหาตั้งนานแล้ว แล้วยังไม่ให้ดอกเก๊กฮวยอย่างข้าดีใจอีก""อะ โอ๋ โอ๋ ดีใจก็ดีใจ" มู่จิ่วซีหยิบแท่งเงินตำลึงออกมาให้เขาพ่อดอกเก็กฮวยคนนั้นก็ยิ้มบานสะพรั่งอย่างกับดอกเก๊กฮวยดอกหนึ่งจริงๆ"คุณหนูใหญ่ คืนนี้จะเล่นอะไรกันดี เป่ายิ้งฉุบหรือว่าจะฟังดนตรี?" ดอกเก๊กฮวยคนนั้นเข้ามาใกล้นางพร้อมกับยิ้มถาม"ไปเปิดศาลาในเรือนดีกว่า คืนนี้ราตรีช่างสายงาม พวกเรามาชมดาวกันดีกว่า" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว"ดูดาวหรอ ได้สิ ได้สิ ดอกเก๊กฮวยอย่างข้าชอบดูดาวที่สุด" พ่อดอกเก๊กฮวยรีบสั่งให้เด็กรับใช้ไปเตรียมงานมู่จิ่วซีรู้สึกเข็ดฟัน นางเลยไอออกมาและพูดกล่าว : "อย่าดัดเสียงพูด พูดให้มันธ
"คืนนี้องค์หญิงเหวินซิงก็จะมา ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงบ้าง? พี่หญิงหงได้แอบบอกว่าใครที่ให้เงินเยอะสุด อู๋ถงก็จะไปกับคนๆ นั้น พวกเราต่างกังวลว่าถ้าองค์หญิงสู้ราคาไม่ไหวจะโวยวายขึ้นมาเนี่ยสิ""น่าสนใจ" มู่จิ่วซีลูบไปที่คางของนาง ในใจก็คิดว่าองค์หญิงเหวินซิงจะต้องควักเงินเป็นหมื่นตำลึงทองออกมาไม่ได้แน่ ต่อให้มีปัญญาจ่าย แต่ถ้าต้องจ่ายเงินมหาศาลขนาดนั้นเพื่อนายโลมคนเดียว ถ้าเกิดพระพันปีหลวงรู้ขึ้นมา นางโดนหนักแน่แต่องค์หญิงเหวินซิงนี่ก็อย่างกับมนุษย์หมาป่า ถ้าหากถูกฉีเล่อฉี่แย่งอู๋ถงไป นางในฐานะองค์หญิงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้ ? นางไม่มีทางปล่อยให้คุณหญิงฉีคว้าไปได้หรอกผู้หญิงสองคน อีกคนมีอำนาจ อีกคนมีเงินทอง ต้องการแย่งนายโลมผู้เป็นที่นิยม เกรงว่าไม่นานนักข่าวที่นางกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนถอนหมั้นกันคงจะถูกกลบด้วยข่าวนินทาหน้าหนึ่งนี้ที่ลือกระช่อนไปทั่วบ้านทั่วเมืองพ่อดอกเก๊กฮวยจู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย : "ถ้าหากมีคนไปแจ้งบอกคุณหญิงฉี งั้นคืนนี้ก็คงจะครึกครื้นน่าดู"มู่จิ่วซีหันไปทางเขาและเอ่ยออกมา : "เจ้าคงจะรู้ว่าคงต้องมีคนไปบอกคุณหญิงฉีใช่ไหม?"พ่อดอกเก๊กฮวยรีบส่ายหัวและพู
มู่จิ่วซีตกในจนสะดุ้งกับเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง ถึงอย่างไรนางก็คนที่ระวังตัวสูง อีกอย่างชายคนนั้นที่อยู่ข้างหลัง นางก็แทบไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของเขาเลยแต่ว่าเสียงของเขาคุ้นเคยมาก ไม่แปลกเลยที่นางจะไม่ได้ยินก็เพราะเขาคือฮั้วอวิ๋นเทียนเจ้าสำนักของหอดาราจันทรา"เจ้าสำนักฮั้ว เจ้ามาได้ยังไง?" มู่จิ่วซีแหวกม่านเปิดออกพร้อมกับถามฮั้วอวิ๋นเทียนพอเห็นมู่จิ่วซีแต่งตัวด้วยผ้าที่น่าประทับใจ งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ มุมปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นขึ้นมาการมาหานายโลมแบบนี้ดีแล้วจริงๆ หรือ?นายโลมพวกนี้คงจะแอบหัวเราะขาดใจตายน่ะสิ"ข้าคิดไปคิดมาก็เกรงว่าคุณหนูใหญ่มู่คืนนี้จะมีอันตราย" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าว"นี่เจ้าตั้งใจมาเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของข้า?" มู่จิ่วซีไม่คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะดีถึงเพียงนี้"เอาเป็นว่า ถึงอย่างไรหากเกิดเรื่องกับเจ้า โรคป่วยของอาจื่อก็จะหมดความหวัง" ประโยคนี้ของฮั้วอวิ๋นเทียนได้ทำให้ความรู้สึกประทับใจของมู่จิ่วซีหายไปในพริบตาผู้ชายคนนี้ คงกลัวว่านางเอาวรยุทธเฟิงเหยียนหยูเฟยของเขาไปแล้วถ้าเกิดนายตายขึ้นมาก็คงจะขาดทุนสินะที่แท้จิ้งจอกม่วงก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้
ส่วนฮั้วอวิ๋นเทียนที่อยู่บนศาลาพอได้ยินเรื่องลามกพวกนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา คุณหนูใหญ่มู่คนนี้โผงผางจริงๆเรือนด้านหลังเป็นอาคารไม้สามชั้นตกแต่งอย่างหรูหรา เทียบได้กับโรงแรม 5 ดาวในยุคปัจจุบัน ตรงประตูมีป้ายไม้เขียนชื่อของนายโลมเอาไว้"คุณหนูใหญ่มู่ ที่นี่คือห้องพักของท่านชายน้อยจินเป้ย แต่ว่าคุณหญิงฉีได้จ่ายเงินเหมาเขาไว้ตลอดทั้งครึ่งเดือนแล้ว" พี่หญิงหงกล่าวยิ้มออกมาด้วยเสียงเบา"งั้นไม่ใช่ว่าคุณหญิงฉีจะมาคืนนี้หรอกเหรอ?" มู่จิ่วซีนึกได้ว่าองค์หญิงเหวินซิงคงจะใกล้มาถึงเร็วๆ นี้แล้วพี่หญิงหงก็กล่าวออกมาอย่างเขินอายเล็กน้อย : "ต่อให้คุณหญิงฉีคืนนี้มาหา แต่ก็ไม่ได้มาเพื่อท่านชายน้อยจินเป้ย นางมาเพื่อไถ่ตัวท่านชายน้อยอู๋ถง เพียงแต่องค์หญิงเหวินซิงก็หมายปองท่านชายน้อยอู๋ถงเหมือนกัน นางเองก็อยากไถ่ตัวกลับไป เห้อ"มู่จิ่วซียังไม่ทันเอ่ยปากพูด พี่หญิงหงก๋หัวเราะยิ้มร่าขึ้นมา : "คุณหนูใหญ่มู่ ไม่งั้นคืนนี้ท่านช่วยบ่าวหน่อยสิเจ้าคะ""ข้า? ข้าจะไปช่วยอะไรได้?" มู่จิ่วซีรู้สึกตกใจอย่างมาก"ถ้าหากบุคคลสำคัญทั้งสองแย่งอู๋ถงกันขึ้นมา บ่าวคงไม่อาจทนรับความขุ่นเคืองบาดหมางไว้ได้" พี่หญิงทำท่าอย่า
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่