"ฮาๆๆ! คุณหนูใหญ่มู่ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะมองออกมากขนาดนี้ ไม่เลวๆ" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างดีใจ "เจ้าเหมาะสมจะเป็นคู่ปรับของข้า""คู่ปรับ? เกรงว่าเจ้าไม่ได้มีสิทธิมาเป็นคู่ปรับคุณหนูใหญ่อย่างข้า คู่ปรับที่ดีนั้นมีค่ามาก ข้าไม่เคยเอาคนชั้นต่ำมาเป็นคู่ปรับ" ประโยคนี้ของมู่จิ่วซีฉีกกระชากใบหน้าของเขาตรงๆจื่ออวิ๋นเฟยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างที่คาดไว้ เสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชาและกล่าว : "เจ้าบอกว่าข้าชั้นต่ำ?""ถ้าไม่ใช่คนชั้นต่ำแล้วเป็นคนคุณธรรมสูงส่งงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าการลอกหนังหน้าคนทั้งเป็นเป็นเรื่องที่มีความสุขมากหรือไง? คงจะทำให้เจ้ารู้สึกตื่นเต้นสินะ?" มู่จิ่วซีดูถูกคนวิปริตคนนี้จื่ออวิ๋นเฟยทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปและจ้องมู่จิ่วซีอย่างคาดไม่ถึง นางรู้ได้อย่างไรว่าเขาเองตอนทำเรื่องแบบนั้นรู้สึกตื่นเต้น"ดูเหมือนว่าข้าจะเดาถูกสินะ ฮาๆ ไม่คาดคิดว่าหมอเทวดาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธจักร จะป่วยโรคที่ตัวเองก็ไม่อาจรักษาให้หาย เป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ""ข้าป่วย? ป่วยโรคอะไร?" ดวงตาของจื่ออวิ๋นเฟยถลึงออกมา"เจ้าเป็นโรคจิตวิปริต!" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างเย็นชา "คนปกติคนหนึ่งกลับโ
จื่ออวิ๋นเฟยตบโต๊ะอย่างแรงและลุกขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือชี้นิ้วมาทางมู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห : "มู่จิ่วซี เจ้ามันโอหังไม่รู้จักสัมมาคารวะ!""ข้าไม่ใช่โอหัง ข้าแค่มั่นใจ ถ้าเจ้าไม่เชื่อ พวกเรามาเดิมพันกันก็ได้" มู่จิ่วซียักใหล่ บนใบหน้าประดับด้วยรองยิ้มจางๆ"ได้! เดิมพันก็เดิมพัน! ศาสตร์ศัลยกรรมงั้นเหรอ? ข้าก็อยากจะเห็นว่าศาสตร์ศัลกรรมของเจ้าจะสูงส่งสักแค่ไหน!" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวโมโห"เจ้านั่งลงก่อน เป็นถึงหมอเทวดาของยุทธจักร มีมารยาทหน่อยไม่ได้หรือไง?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว "การเดิมพันก็ต้องมีของเดิมพัน หากข้าพอใจ แน่นอนว่าข้าจะยอมเดิมพันด้วย""ถ้าไม่พอใจเจ้าก็จะไม่เดิมพันรึไง?" จื่ออวิ๋นเฟยโมโหอีกครั้ง อีกอย่างใครกันแน่ที่ไม่มีมารยาท นางพอเจอหน้าก็หาเรื่องเขา ยังมาบอกว่าเขาไม่มีมารยาท?"ถ้าไม่พอใจทำไมต้องเดิมพัน ตอนนี้คนที่ไมพอใจคือเจ้า ไม่ใช่ข้าปะ?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างไม่พอใจ"เจ้า....ได้ๆๆ ไม่ว่าเจ้าจะเดิมพันด้วยอะไร ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะแพ้" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างโมโห"เดิมพันด้วยศาสตร์ศัลยกรรม หากข้าฝีมือดีกว่า เจ้าจะต้องดื่มพิษสาบาน ว่าหลังจากนี้จะไม่ทำหน้ากากหนังมนุษย์อะไรอีก" ม
เห็นเขาเหม่อตกตะลึง เกรงว่าเขาคงกำลังสงสัยความฉลาดของตัวเอง"เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะรู้จักศิษย์น้องข้าได้อย่างไร!" จื่ออวิ๋นเฟยก็เงยหน้าในทันทีพร้อมกับมองมู่จิ่วซีอย่างตกใจ"ศิษย์น้องของเจ้าเอาแต่เปรียบเทียบศาสตร์แพทย์ของเจ้ามาตลอด คงจะไม่ยอมรับศาสตร์แพทย์ของเจ้า แต่การปรุงพิษของเขาถือว่าเก่งกว่าใช่ไหมล่ะ?" มู่จิ่วซีกล่าว"เจ้า เจ้ารู้ได้ยังไง? เขาอยู่ที่ไหน?" จื่ออวิ๋นเฟยมุ่ยหน้าอันหล่อเหลาของเขาในทันที"เจ้ากับศิษย์น้องของเจ้ามีความสัมพันธ์เป็นไงบ้าง?" มู่จิ่วซีถาม"ทำไมถึงถาม เกี่ยวกับเจ้าหรือไง?""แน่นอนว่าเกี่ยว หากเจ้ากับศิษย์น้องเจ้าสนิทกันดี ข้าก็จะไม่บอกเจ้า ถึงอย่างไรศิษย์น้องของเจ้าก็เคยวางยากระดูกอ่อนกับข้า แต่ว่าความสามารถในการปรุงพิษห่วยไปหน่อย ผลของพิษ 12 ชั่วยามถูกข้าถอนพิษได้ภายใน 1 ชั่วยาม ฮาๆๆ เขารับไม่ได้เลยล่ะ"จื่ออวิ๋นเฟยมองมู่จิ่วซีและเผยสีหน้าหวาดกลัว : "เจ้า เจ้าพูดเรื่องจริง? ยากระดูกอ่อนของเขาเจ้าถอนได้เพียงแค่ 1 ชั่วยาม? เป็นไปได้ยังไง? แต่ก่อนข้าใช้ตั้ง 6 ชั่วยามกว่าจะถอนได้""ดังนั้นเจ้าเลยเทียบข้าไม่ได้ยังไงล่ะ" มู่จิ่วซีช่วยเขาสรุปประเด็น "ไม่สิ ศิษ
จื่ออวิ๋นเฟยหลังจากคิดอยู่ครู่ก็กล่าวขึ้นมา : "บอกเจ้าก็ได้ ข้าคือคนของแคว้นอู ส่วนศิษย์น้องของข้าเป็นคนแคว้นเป่ยจิ้น ตอนเล็กพวกเราถูกปรมาจารย์รับมาเลี้ยง เจ้าพูดถูกแล้ว ความสัมพันธ์ของข้ากับศิษย์น้องปกติอย่างมาก ตั้งแต่เด็กความสามารถของเขาน้อยกว่าข้าอยู่ระดับหนึ่ง ดังนั้นเลยคิดอยากชนะข้าตลอดเวลา""ต่อมาปรมาจารย์ก่อนจะจากโลกนี้ไปก็ได้มอบคัมภีร์ลับของศาสตร์แพทย์ให้กับข้า ส่วนศิษย์น้องหลังจากเกลียดข้าก็ได้จากไป จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่เจอเขา""ที่แท้ก็เป็นแบบนี้" มู่จิ่วซีถอนหายใจ "ดูเหมือนแต่ละครอบครัวล้วนมีปัญหาที่คนนอกยากจะเข้าใจ แต่ว่าก็ไม่ได้เกี่ยวกับข้า เจ้ามาที่แคว้นเกาอวิ๋นก็เพราะข้า? หรือว่าเพราะจุดประสงค์อื่น?"จื่ออวิ๋นเฟยโกรธจนแก้มป่องออกมา แค่อยากจะบอกว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก แต่ว่าปากร้ายจริงๆ คำพูดคำจาล้วนสามารถเชือดเฉือนหัวใจของเขา"อันที่จริงข้ามาก็เพราะเจ้า มาเพราะวิธีการเย็บชันสูตรศพของเจ้า ส่วนเรื่องด้านอื่นๆ แม้ว่าเจ้าจะเก่งกาจ แต่ว่าข้าไม่ได้สนใจ"วิธีการเย็บชันสูตรศพหรอ ฮาๆๆ" มู่จิ่วซีไม่คาดคิดว่าฝีมือด้านนี้จะสามารถดึงดูดหมอเทวดายุทธจักรได้ อย่างที่ต้องรู้ว่าทั้งย
"เป็นข้าเรียกเจ้าสำนักฮั้วให้มาเอง ไม่ใช่ว่าให้เขามายืนยันว่าข้าได้ดูอาการโรคหัวใจของอาจื่อจนหายดีและทักษะแพทย์ก็เก่งกาจกว่าเจ้าไม่ใช่หรือไง" มู่จิ่วซีกระพริบตาปริบๆ มองฮั้วอวิ๋นเทียนจื่ออวิ๋นเฟยทันใดนั้นก็รีบพูด : "ฮั้วอวิ๋นเทียน คุณหนูใหญ่มู่พูดจริงงั้นรึ? นางรักษาอาจื่อได้จริงรึ?"ฮั้วอวิ๋นเทียนพยักหน้าและกล่าว : "ใช่ หากมองจากจุดนี้ ศาสตร์แพทย์ของจิ่วซีถือว่าเก่งกว่าเจ้ามาก"จื่ออวิ๋นเฟยทันใดนั้นก็เหมือนถูกกระทบกระเทือนจนสั่นคลอน จากนั้นก็นั่งลงและเหม่อลอย"จิ่วซี เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?" ฮั้วอวิ๋นเทียนถามนางมู่จิ่วซีส่ายหัวและกล่าว : "เขาก็แค่หาเรื่องใส่ตัวเอง ท่านพี่ฮั้ว เจ้าดูเหมือนจะสนิทกับเขามาก?""พวกเราเป็นคนแคว้นอู" ฮั้วอวิ๋นเทียนขมวดคิ้วเบาๆ และเหลือบมองจื่ออวิ๋นเฟย"อ๋อ คนบ้านเดียวกัน" มู่จิ่วซีแอบหัวเราะในใจ ทั้งสองคนจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจบอกคนอื่นได้"ต่อหน้าเจ้า คนมากมายล้วนหาเรื่องใส่ตัวเอง" ฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มขึ้นมา "เดิมคิดว่าทักษะฉินของข้าจะเป็นหนึ่งใน 6 แคว้น ไม่คาดคิดว่าพอประลองกับเจ้า ข้าก็กลายเป็นเด็กน้อย""ท่านพี่ฮั้ว เจ้าก็หยอกล้อข้าเกินไป ข้าแค
"อายุ 26? งั้นเจ้ารีบแก่เกินไปหรือเปล่า?" มู่จิ่วซีตกตะลึงตาค้างมองไปที่จื่ออวิ๋นเฟยแม้ว่ารูปลักษณ์ใบหน้าของจื่ออวิ๋นเฟยจะไม่เลว แต่ว่าดูไปแล้วเหมือนคนอายุ 30 กว่าจริงๆ พร้อมกับกลิ่นอายของชายวัยผู้ใหญ่แต่ว่านิสัยอารมณ์ไม่ได้สุขุมเหมือนชายวัยผู้ใหญ่เลย"ฮาๆๆ" ฮั้วอวิ๋นเทียนหัวเราะกับคำหยอกล้อของมู่จิ่วซี "เขารีบแก่เกินไปจริงๆ""เจ้าไสหัวไปเลย ถ้าไม่ใช่เพราะการทดลองยาของปรมาจารย์ในตอนนั้น เลยทำให้ข้าตอนนี้เลยดูแก่ขึ้นมาบ้าง" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างโมโหเดือดดาลพร้อมกับเอื้อมมือลูบใบหน้าของตนเอง"อย่าโมโหเลย มันไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องจนปัญญาหรือไง? แต่ว่าเจ้าเป็นถึงหมอเทวดา ทำให้ตัวเองอ่อนเยาว์ไม่ได้หรือไง?" มู่จิ่วซีหัวเราะกล่าว "สภาพเจ้าคงถูกพิษในชีพจรแน่นอน ลองถอนพิษและบำรุงร่างกายก็คงจะฟื้นฟูกลับไปอ่อนเยาว์ได้แน่""ถูกพิษ? ปรมาจารย์ไม่มีทางวางยาพิษข้า" จื่ออวิ๋นเฟยชะงักไป จากนั้นก็เหมือนนึกอะไรได้ ภายในแววตาได้เปลี่ยนไป แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความไม่อยากเชื่อ"คงไม่ใช่ศิษย์น้องเจ้าหรอกใช่ไหม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วเบาๆ พร้อมกับกล่าว"หมอผี? เจ้าเองก็รู้จัก?" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองไปที่มู่จิ
"ยังดีที่มีจิ่วซี เรื่องเลยยังไม่ได้เกิดขึ้นก็ถูกนางบุกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ท่านอ๋องสี่ได้พาเยียนเอ๋อร์และเซวียนหยวนเชาไปหลบ พวกเรารู้สึกว่าเขาคงยังไม่ได้ออกจากเมืองหลบหนีไป ประตูเมืองบานใหญ่ทั้ง 4 เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พวกเขาไม่มีทางออกไปได้ ดังนั้นจะต้องอยู่ในพระนครแน่" ฮั้วอวิ๋นเทียนเดือดดาลกล่าวออกมา "ข้าจะต้องหาเยียนเอ๋อร์ให้เจอจงได้ ไม่งั้นถ้าออกจากพระนครไป บางทีอาจจะหานางไม่พบอีกแล้ว"จื่ออวิ๋นเฟยพยักหน้าและกล่าว : "พูดได้ถูกแล้ว หากออกจากพระนครไป ใต้ฟ้ากว้างใหญ่ปฐพีกว้างไกล คงยากที่จะตามหา มีอะไรที่ข้าช่วยได้ไหม?"ฮั้วอวิ๋นเทียนหลังจากมองเขาก็ส่ายหัวและกล่าว : "ไม่มี เจ้าอย่าก่อเรื่องในแคว้นเกาอวิ๋นก็พอ""ข้าก่อเรื่อง?" จื่ออวิ๋นเฟยทันใดนั้นสีหน้าก็ไม่สบอารมณ์"เจ้าลืมเรื่องของแคว้นตงเฉินและแคว้นซีเย่ว์ไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหอดาราจันทราช่วยเจ้าปกปิด คนพวกนั้นคงได้มาเอาชีวิตเจ้าแล้ว!" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวอย่างโมโหจื่ออวิ๋นเฟยทันใดนั้นก็กล่าวอย่างยอมแพ้ : "เออ ก็ใช่ เจ้ามักจะปกป้องข้าจากลูกพี่ลูกน้องชายคนนี้ พวกเราสองพี่น้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน"ที่แท้จื่ออวิ๋นเฟยเดิมมีชื่อ
หลังจากดวงตาจื่ออวิ๋นเฟยทอประกายก็กล่าวขึ้นมา : "ใช่แล้วล่ะ หากช่วยฉินอวี่เยียนออกมาได้ เจ้าจะสู่ขอนางไหม?"ฮั้วอวิ๋นเทียนชะงักไป คิ้วขมวดเล็กน้อย สายตาหันมองใบหน้างดงามของมู่จิ่วซีครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลบสายตาไปหันไปมองจื่ออวิ๋นเฟย"แน่นอน นางตอนนั้นถูกพวกเขาจับไปเพื่อจะช่วยข้า" ฮั้วอวิ๋นเทียนเผยสีหน้าขมขื่นออกมาเล็กน้อย"แต่เรื่องตอนนี้กับที่เจ้าคิดมันต่างออกไป เป็นอาจื่อที่ลอบทำร้ายเยียนเอ๋อร์ ดังนั้นในเรื่องนี้จะมีหรือไม่มีเจ้าก็ล้วนเหมือนกัน" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "ทว่าอันที่จริงเยียนเอ๋อร์มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเจ้า"ฮั้วอวิ๋นเทียนชะงักไป อันที่จริงก่อนที่เยียนเอ๋อร์จะเสียไป ความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางและอาจื่อล้วนไม่ต่างกัน ทั้งสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน เยียนเอ๋อร์ค่อนข้างจะเชื่อฟังกว่าอยู่เล็กน้อย ดังนั้นเขาจักมักจะยิ้มแย้มให้กับนางมากอยู่บ้างเขารู้ว่าเยียนเอ๋อร์เลื่อมใสเขา ล้วนยอมทำเพื่อเขาทุกอย่าง เมื่อสามปีก่อน หอดาราจันทรากำลังเร่งพัฒนาตามแคว้นต่างๆ งานมือสังหารจำเป็นต้องการยอดฝีมือแข็งแกร่งเข้าร่วมจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องสามารถทำภารกิจความยากระดับสูงได้พี่สาวน้องสาวตระกูลฉินม