แต่ปรมาจารย์ไช่กลับยืนกรานว่าก่อนที่เขาถูกจับได้ไม่นาน เขาได้เห็นคุณชายหม่าอยู่ที่ท่าเรือ ไม่มีทางที่เขาจะออกมาจากพื้นที่ท่าเรือโดยไม่มีคนเห็น เขาจะต้องอยู่ในท่าเรือแน่นอนเพียงแต่โรงน้ำชา โกดังและเรือที่คุณชายหม่ามักจะไปก็ได้ตรวจสอบทั้งหมดแล้ว แต่ก็หาไม่เจอหลังจากโม่จุนเฝ้าไปหนึ่งวันหนึ่งคืนก็รู้สึกได้ว่าคุณชายหม่าได้หนีไปแล้วเพียงแต่เขาคิดไม่ตก พวกเขาดำเนินการอย่างรวดเร็วขนาดนั้น ปูพรมค้นหาอย่างกับตาข่าย คุณชายหม่าไม่มีทางจะเดินออกไปนอกการปิดล้อมนี้ได้โดยไม่มีแม้แต่ซุ่มเสียงพอรอจนมู่จิ่วซีมาถึงกรมพระราชวังนครบาล ก็เห็นถุงใต้ต้าอันดำคล้ำของโม่จุน ใบหน้าเย็นชายิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็งใต้เท้าโจวเหยาและคนอื่นๆ ต่างแอบถอยออกไปไกล ขนาดจี๋เฟิงยังไม่กล้าเข้าไปยุ่ง มีแค่อานเย่ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเขาด้วยความกลัวมู่จิ่วซีพอมาถึง ทุกคนก็เหมือนกับได้เห็นดวงดาวแห่งการช่วยเหลือ"คุณหนูใหญ่ เขาแทบไม่ทานอะไรเลย" จี๋เฟิงยกอาหารมาถาดหนึ่งมู่จิ่วซีก็ขมวดคิ้วถาม : "จับไม่ได้ก็จับไม่ได้สิ ถ้าจับได้ง่ายขนาดนั้น พวกเราก่อนหน้านี้คงไม่ต้องมาเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้หรอก"ขณะพูดนางก็รับถาดอาหารนั
มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็อยากจะหยอกล้อผู้ชายคนนี้อย่างมาก นางยิ้มแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาพร้อมกับกล่าว: "หากข้าบอกว่าไม่มีเรื่องผิดพลาดอะไร แค่อยากจะหลอกให้เจ้าทานอะไรสักหน่อยแค่นั้น เจ้าคงจะไม่บีบคอข้าให้ตายใช่ไหม?"โม่จุนทันใดนั้นก็นิ่งไป จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็เริ่มอึมครึมขึ้นมา จากนั้นก็แยกเขี้ยวยิงฟันกล่าวออกมา : "แล้วเจ้าว่าไงล่ะ?" พูดแบบนี้เหมือนกับกำลังจะบอก ว่าหากนางกล้าหลอกเขาอีก เขาจะต้องเอื้อมมือมาบีบขอนางแน่"ล้อเล่นหน่า ล้อเล่น มีเรื่องจะพูดจริงๆ" มู่จิ่วซียิ้มร่า "เจ้าไม่น่ารักเลย""เหอะ! เจ้าต่างหากที่ไม่น่ารัก จะพูดก็พูด อย่าลีลาเยอะ!" โม่จุนถลึงจ้องนางพร้อมกับกล่าวมู่จิ่วซีเบ้ปากพร้อมกับพูด : "คุณชายหม่าคงจะออกจากท่าเรือไปแล้ว ตอนที่ข้าไปหา"โม่จุนขมวดคิ้วกล่าว : "เมื่อวานตอนเช้า?""อืม เจ้ารู้ไหมตอนข้าไปหาได้เจอเข้ากับใคร?" ทันใดนั้นมู่จิ่วซีก็เอาเรื่องที่ได้ชนเข้ากับรถม้าของท่านอ๋องสี่เล่าให้ฟัง"ข้าตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป คนขับเกวียนม้าคนนั้นน่าสงสัยมาก" มู่จิ่วซีขมวดคิ้ว ใบหน้าอันงดงามเปลี่ยนไปจริงจังและตึงเครียดขึ้นมาใบหน้าเคร่งขรึมของโม่จุนก็มองนางและกล่า
"พูดถูก เป็นพวกเขาที่ทำให้บรรพบุรุษเสียใจ ส่วนเจ้าก็ถูกบังคับให้ต้องมาปกป้อง ดังนั้นเจ้าก็อย่าโทษตัวเองไปเลย" มู่จิ่วซีรู้ว่าเขาพูดเหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจกลับขมขื่นและกดดันอย่างมากโม่จุนกำหมัดแน่น แต่พอเห็นสายตาเป็นห่วงของมู่จิ่วซี มือก็ค่อยๆ คลายออกมา"อานเย่" เขารีบตะโกนเรียกอานเย่ก็รีบเดินเข้ามาหา โม่จุนก็กล่าว : "ไปเรียกฝนทมิฬมา""ฝนทมิฬ?" แน่นอนว่ามู่จิ่วซีรู้จักลม ฝน สายฟ้าและไฟฟ้าของทหารมังกรดำ"ให้ฝนทมิฬไปจับตาดูท่านอ๋องสี่เอาไว้" โม่จุนกล่าวคำพูดประโยคนี้ มู่จิ่วซีรู้ว่าโม่จุนเชื่อนาง ไม่งั้นเขาคงไม่ทำถึงขั้นนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีหลักฐาน"ถ้าหากถูกท่านอ๋องสี่พบเข้าล่ะ?" มู่จิ่วซีขมวดคิ้ว"ถ้าถูกพบเข้าก็จะเป็นจังหวะดีได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงๆของเขาไม่ใช่หรอ?" แววตาของโม่จุนทอประกายคมกริบมู่จิ่วซีเห็นท่าทางอันแข็งแกร่งเย็นเยือกของเขาพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ในใจก็คิดว่าเขาตอนนี้คงจะต้องเจ็บปวดและเสียใจมากแน่ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกปวดใจแทนเขาชายคนนี้แบกรับเรื่องเอาไว้มากเกินไป"ไปเถอะ ตอนนี้คงไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะพาเจ้าออกไปเดินข้างนอก" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาโม่จุน
พระมเหสีเลี่ยวหลังจากดื่มชาผ่อนคลายอารมณ์แล้ว นางก็เริ่มร้องไห้พร้อมกับมองโม่จุนและมู่จิ่วซีด้วยแววตาอ้อนวอน"เรื่องนี้มีแค่ข้ากับแม่นมเฝิงเท่านั้นที่รู้ วันนี้ตอนข้าตื่นขึ้นมาก็เห็นกระดาษข้อความแผ่นหนึ่งวางเพิ่มขึ้นมาบนโต๊ะ เลยได้รู้ว่าหยวนชิงไม่อยู่แล้ว"จากนั้นท่านก็เลยมาหาโม่จุนทันทีเลยหรือเพคะ?" มู่จิ่วซีถาม"ใช่ เดิมทีข้าอยากจะไปที่หาแม่ทัพใหญ่มู่เพื่อพบคุณหนูใหญ่มู่ แต่พอนึกได้ว่าหยวนชิงเป็นมกุฎราชกุมาร หากเกิดอะไรขึ้นคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ดังนั้นก็เลยมาหาท่านผู้สำเร็จราชการแทน ข้าไปที่จวนของท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาแล้ว ที่นั่นบอกว่าท่านอยู่นี่ ข้าก็เลยรีบมาที่กรมพระราชวังนครบาล""ดังนั้นตอนนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องหกหายไปเมื่อคืนหรือว่าวันนี้กันแน่สินะ ไม่มีใครคนอื่นเห็นเขาเลยเหรอ?""องครักษ์ในเรือนของหยวนชิงไม่มีใครรู้ตัวเลยสักคน ข้าเองก็ไม่กล้าจะขึ้นเสียงก็เลยรีบออกมา""สามารถลักพาตัวน้องหกออกไปได้ อีกทั้งองครักษ์ยังไม่รู้ตัวด้วย แสดงว่าวรยุทธจะต้องแข็งแกร่ง" โม่จุนหรี่ตาลง จากนั้นก้หันมองมู่จิ่วซี"เจ้าคิดว่าเป็น..." มู่จิ่วซีอยากจะบอกว่าเป็นเซวียนหยวนเชา แต่ว่าไม่อาจพูดได
"เจ้าเจอมาเยอะหมายความว่ายังไง ศัตรูไม่ใช่คนธรรมดา!" โม่จุนกล่าวอย่างกระวนกระวาย "ข้าจะไปกับเจ้าด้วย เราจะแอบสังเกตการณ์ก่อน อย่าทำเรื่องอะไรโง่ๆ"มู่จิ่วซีกรอกตาพร้อมกับกล่าว : "หากฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเจ้าไปด้วย พวกเขาจะออกมาให้เห็นหรอ? บางทีท่านอ๋องหกคงได้แขนขาดขาขาดแน่ เจ้ายกให้ข้าจัดการเถอะ เชื่อใจข้าหน่อย"โจวเหยาพอได้ฟังก็ตัวสั่นขึ้นมาและกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ ท่านไปคนเดียวมันอันตรายเกินไป ไม่ได้หรอก ท่านได้เกิดเรื่องแน่ พวกเราคงยิ่งได้เสียหายหนักเข้าไปอีก""ท่านอ๋องหกจะตายงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีเหลือบมองเขาและกล่าว"เออ..." โจวเหยาเงียบในทันใด พอเห็นใบหน้าดำทะมึนของโม่จุน เขาก็ปลีกตัวออกไปทันทีภายในห้องมีเพียงโม่จุนและมู่จิ่วซีแค่สองคน"เจ้าก็รู้ว่าคนๆ นั้นอาจจะเป็นเซวียนหยวนเชา" โม่จุนพูด "อีกอย่างอาจไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว ผู้ร่วมลงมือตะต้องคุ้นชินจวนท่านอ๋องหกอย่างดี""ไม่ว่าจะกี่คน และไม่สนด้วยว่าจะใช่เซวียนหยวนเชาหรือไม่ ตราบใดที่ข้ายังมีคุณค่า พวกเขาก็จะไม่ลงมือสังการข้า" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วกล่าว"เจ้ามีคุณค่าอะไร พวกเขาเกลียดเจ้า เกลียดจนอยากให้เจาตายๆ ไปซะ" โม่จุนกล่าวอย่
มู่จิ่วซีดีดนิ้วพร้อมกับพูด : "ใช่ ง่ายมากๆ ถ้าเจ้าไม่ฟังข้า ข้าจะไปเอง แบบนี้ต่อให้ผลลัพธ์เป็นแบบไหนข้าก็จะรับผิดชอบเอง แต่ว่าหากเจ้าไม่ให้ข้าไป จนทำให้เรื่องนี้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าเลย!"พูดจบนางก็หรี่ตาลงและจ้องโม่จุน : "โม่จุน ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะเชื่อใจข้า เหมือนกับที่ข้าเชื่อใจเจ้า"โม่จุนสั่นสะท้านไปทั้งตัว สี่ดวงตาสอดประสาน เขาเห็นความแน่วแน่จริงจังอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ในสายตาของมู่จิ่วซี"ข้าก็แค่กังวลจะเกิดเรื่องกับเจ้า" โม่จุนยอมแพ้ ทุกครั้งเรื่องแบบนี้ เขาล้วนรู้สึกจนปัญญา ส่วนผลลัพธ์ในตอนท้ายสุด มู่จิ่วซีก็มักจะถูกต้องเสมอ"ไม่จำเป็นต้องกังวล พูดตามตรงข้าเองไม่ค่อยกังวล ต่อให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ขอเพียงไม่ตายและช่วยท่านอ๋องหกออกมาได้ถือว่าเป็นอันสำเร็จ" มู่จิ่วซีกล่าว "เชื่อข้า แล้วข้าจะบอกแผนการคืนนี้กับเจ้า""เจ้ามีแผน?" โม่จุนถลึงตาโต นางทำหน้าทะเล้นพูดมาตั้งนาน เขาคิดว่านางก็แค่พูดไปอย่างนั้น ที่แท้ก็มีแผน? นางวางแผนการไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่"ข้าทำงานล้วนมีแผนการตลอด" ขณะพูดก็ชี้ไปที่สมองอันชาญฉลาดของน
โม่จุนแทบอยากจะกรอกตา ผู้หญิงคนนี้วุ่นวายเสียจริงโจวเหยาในใจก็คิด แบบนี้ก็ได้หรอ?คุณหนูใหญ่มู่ช่างต่างกับคนอื่นเสียจริงอานเย่ เย่ฮาน ชิงเฟิงและจี๋เฟิงทั้งหมดได้เข้ามา ทั้งสี่คนมองโม่จุนและมู่จิ่วซี สีหน้าพวกเขาทั้งหมดตึงเครียดมากพวกเขาทราบถึงความสำคัญของเรื่องในคืนนี้"ไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะขนาดนี้ไหม?" มู่จิ่วซีมองหน้าโม่จุนและยิ้มกล่าวอย่างขมขื่น "บนกระดาษข้อความเขียนว่าให้ข้าไปคนเดียว พวกเจ้ามากันขนาดนี้ อยากจะบีบให้พวกนั้นฆ่าท่านอ๋องหกหรือไง? ขนาดข้ายังไม่อยากพาเจ้าไป แต่เจ้าอยากจะพาพวกเขาไปด้วย?"เย่ฮานก็รีบพูดขึ้นมา : "คุณหนูใหญ่ ท่านไปคนเดียวมันอันตราย ข้าน้อย ข้าน้อยไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณท่าน""เจ้าลองกล้าบอกสิ!" มู่จิ่วซีถลึงจ้องมองเขา "นอกจากจะทำให้ท่านพ่อกังวลแล้วยังจะมีประโยชน์อะไรอีก?เย่ฮานน้อยใจเล็กน้อย หากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ คุณท่านได้ตัดคอเขาขาดแน่"เจ้าไม่ต้องกังวล คุณหนูใหญ่จะต้องไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่" ชิงเฟิงปลอบใจเย่ฮาน"ชิงเฟิงช่างเข้าใจข้าเสียจริง" มู่จิ่วซีหันไปกล่าวชมให้ชิงเฟิงชิงเฟิงก็รีบพูดขึ้นมา : "ในสายตาของข้าน้อย คุณหนูใหญ่จะไม่สู้ใน
"เจ้าได้ยินไหม?" โม่จุนเห็นมู่จิ่วซีเอาแต่จ้องมองเขาไม่พูดไม่จา เขาเลยถามไปอีกคำ "เจ้าห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด เข้าใจไหม?"มู่จิ่วซีถูกเขาเขย่าอย่างแรงจนได้สติอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็ยิ้มให้เขาอย่างชั่วร้ายและกล่าวขึ้นมา : "โม่จุน เจ้าหลงรักข้าแล้วใช่ไหม?"โม่จุนตกตะลึงทันที จากนั้นก็ปล่อยนาง ดวงตาของเขาแวววาว หลังจากเขาหันไปก็กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า : "เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ข้าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก รู้แค่ว่าแคว้นเกาอวิ๋นยังต้องการเจ้า เจ้าห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด!"ขณะพูดก็ได้เดินออกไปมู่จิ่วซีรีบเข้าไปคว้าแขนของเขาพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มร้ายๆ : "ข้าเข้าใจแล้ว ท่านใต้เท้าท่านผู้สำเร็จราชการแทน เพื่อไม่ให้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนแห่งแคว้นเกาอวิ๋นเสียใจ ข้ามู่จิ่วซีคนนี้จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้"โม่จุนหันไปมองใบหน้าหัวหมอและเจ้าเล่ห์ของนางและกล่าว : "เจ้าทำไมไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย?""กังวลไปแล้วได้อะไร ข้าไม่กังวลไม่ได้หมายความว่าข้าไม่ให้ความสำคัญ โม่จุน เจ้าควรรู้ ข้ารักชีวิตของข้าเองมากกว่าใคร ข้าจะต้องหาเงินให้มากๆ มะรืนนี้หอโม่ช่างเหวินก็จะเปิดใหม่อีกครั้ง ข้าจะไม่ไปร่วมได้ยังไง