โม่จุนก้มหน้าลงและพิจารณาครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถึงเงยหน้าขึ้นมามองไปยังมู่จิ่วซีที่รอเขาพูดอธิบาย"เซียวเจี้ยนยังมีประโยชน์กับข้า ตอนนี้ไม่อาจจะฆ่าเขาได้""มีประโยชน์อะไร?" มู่จิ่วซียังคงซักไซ้ถามต่อ "เจ้าคงไม่คิดว่าเจ้าพูดเพียงแค่นี้แล้วข้าจะต้องเชื่อเจ้าหรอกใช่ไหม? ถ้าเป็นเจ้า เจ้าจะเชื่อไหม?"โม่จุนรู้สึกลำบากใจและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ : "เรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่ว่าคุณหนูใหญ่อย่างเจ้าจะเข้าไปยุ่งได้ ไม่มีประโยชน์อะไรกับเจ้าเลยและก็มีอันตรายด้วย หวังว่าเจ้าจะเชื่อข้า เซียวเจี้ยนไม่ช้าก็เร็วก็จะส่งตัวให้เจ้า แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้"สายตาของมู่จิ่วซีหรี่ลงอย่างกะทันหัน จากนั้นก็หันกลับมาพูด : "จับเขาได้แล้วหรือยัง?""ยังจับไม่ได้ แต่ว่าอยู่ในการเฝ้าสังเกตของข้าแล้ว" แววตาของโม่จุนกลับมามีแววตาปกติดังเดิม"เบื้องหลังของเซียวเจี้ยนยังมีคนอื่นอีกนอกจากเซียวหลิงเย่ว์?" มู่จิ่วซีถามขึ้นอีกครั้ง แต่หลังจากโม่จุนมองอย่างลุกซึ้งไปที่นางก็ไม่ได้ตอบอะไรมุมปากของมู่จิ่วซีก็กระตุกยิ้มขึ้นมา : "ได้ ขอยอมแลกเปลี่ยนเงื่อนไข แต่ถ้าหากเขาตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้าเมื่อไหร่ เจ้าก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน ในเ
ส่วนลู่เวยหย่าป้าสะใภ้รองของนางอ่อนโยนและสง่างาม ไม่ได้เป็นคนทะเยอทะยาน ไม่ได้ย่อถ้อต่อความยากลำบาก ถือว่าเป็นแบบอย่างของอนุภรรยา"ไป๋ฉี่เฟิง เจ้ารนหาที่ตายรึไง?" มู่จิ่วซีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยท่าทีที่เย็นชาในมือของไป๋ฉี่เฟิงถือกระบี่อยู่เล่มหนึ่งพร้อมกับชักกระบี่ออกมาจ่อหน้ามู่จิ่วซีและพูดอย่างเกรี้ยวกราด : "มู่จิ่วซี เจ้ามันจะมากเกินไปแล้ว พลักพี่สาวข้าลงทะเลสาบ เจ้าจะต้องขอโทษพี่สาวของข้า""ฮาฮา พี่สาวเจ้าใช้ให้เจ้ามาสินะ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ไม่ใช่! แต่ว่าข้าโกรธมาก เจ้าจะต้องขอโทษ!""หา? ข้าจำเป็นต้องทำ?" มู่จิ่วซีหัวเราะกล่าวออกมาไป๋ฉี่เฟิงขยับกระบี่ในมือขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอ่ยออกมา : "ถ้าไม่ขอโทษ งั้นก็ลิ้มรสกระบี่ขอข้าซะ!""ไป๋ฉี่เฟิง เจ้ามันก็แค่คุณชายคนหนึ่งของอนุภรรยา ริอาจเอากระบี่มาชี้ข้าซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่ของภรรยาหลวงแม่ทัพใหญ่มู่ นี่เจ้ากำลังทำผิดโทษฐานไม่รู้จักสูงต่ำ!"ไป๋ฉี่เฟิงถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันทีและกล่าวอย่างโมโห : "เจ้าริอาจรังแกพี่สาวข้า ยอมไม่ได้เด็ดขาด!""ได้ งั้นก็มา แทงข้าเลย!" มู่จิ่วซีเดินเข้าไปหาเขาตรงๆ นางเดินอย่างวามาดเข้าไปโดยไม่กลัวตายแม้แ
ไป๋ชิงหันมามองนาง สีหน้านิ่งสงบอย่างมากทันใดนั้นมู่จิ่วซีก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อยและพูดกล่าวอย่างยิ้มแย้ม : "คุณหนูใหญ่ไป๋ เจ้าไม่สนใจจัดการน้องขายเจ้าแล้วจริงๆ งั้นเหรอ?"ไป๋ชิงกล่าวยิ้มขึ้นมาอย่างเรียบๆ : "คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าเองก็เห็นแล้ว ข้าไม่สนใจแล้วล่ะ ต่อให้ข้าจะอยากจัดการเขา แต่ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือไง?""ไป๋ชิง เจ้าเลิกเแสร่งเสียทีเถอะ เห็นแล้วมันทุเรศ" ไป๋ฉี่เฟิงสบประมาทไป๋ชิงมู่จิ่วซีเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนฐานะตำแหน่งของไป๋ชิงจะถูกดูหมิ่นดูแคลนให้ตกต่ำอย่างมากตอนที่อยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีจริงๆไป๋ชิงมองไป๋ฉี่เฟิงด้วยใบหน้าที่เย็นชาและกล่าวอย่างเรียบเฉย : "พอกลับไปแล้วก็อย่าพูดแล้วกันว่าข้าที่เป็นพี่สาวไม่ช่วยเจ้า"พอพูดจบนางก็หันไปพูดกับมู่จิ่วซี : "คุณหนูใหญ่มู่ ขออภัยที่ให้เจ้าต้องมาเห็นเรื่องน่าอับอาย อ่อ ได้ยินมาว่าเจ้ากับท่านผู้สำเร็จราชการแทนถอนหมั้นกันแล้วงั้นรึ?"มู่จิ่วซีผงะไปพร้อมกับเอ่ยออกมา : "ใช่ พวกเราถอนหมั้นกันแล้ว ข้าไม่ได้ชอบข้า"ไป๋ชิงตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งพร้อมกับพูดออกมา : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นผู้ชายที่ดี เกรงว่าคุณหนูใหญ่มู่คงจะพลาดโอกาสไปแล
"คุณหนูใหญ่ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนออกจะรูปงามขนาดนั้น บุรุษชายหล่อเหลาอันดับหนึ่ง เก่งกาจรอบรู้บู๊บุ๋น ผู้ชายแบบนี้ใครบ้างที่ไม่อยากจะได้" ลู่เอ๋อร์กล่าวอย่างร้อนรน "มีแต่คุณหนูนี่แหละเจ้าคะที่ถอนหมั้น!""ชิ ลู่เอ๋อร์ ผู้หญิงถ้าต้องแต่งงานจะต้องแต่งกับคนที่รักเรา ไม่ใช่แต่งกับคนที่เรารัก เข้าใจไหม? ไม่อย่างงั้นผู้หญิงคนนั้นจะต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต แน่นอนว่าถ้าทั้งสองฝ่ายรักซึ่งกันและกันจะดีที่สุด"ลู่เอ๋อร์เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ สองคนนายบ่าวคุยกันอย่างเฮฮาอยู่ในภายในจวน...เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ทัพใหญ่มู่ก็กลับมาด้วยใบหน้าที่ดำทะมึน"มู่จิ่วซี เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!"มู่จิ่วซีอยู่ในเรือนออกกำลังกายตลอดเวลา ทั้งตัวนางเต็มไปด้วยเหงื่อและหายใจหอบเหนื่อย เมื่อได้ยินท่านพ่อโวยวายเสียงดัง นางก็รู้เลยว่านางเองโดนใครเอาเรื่องไปฟ้องเข้าให้แล้ว"ท่านพ่อ ท่านโมโหอะไรของท่าน" มู่จิ่วซียิ้มร่ากล่าวออกมา "อัครมหาเสนาบดีไป๋คงไปฟ้องท่านสินะ?"มู่เทียนซิงผงะไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นลูกสาวตัวเองเหงื่อไหลเต็มหน้า จากนั้นก็กล่าวอย่างโมโห : "เจ้าก็รู้ว่าไอแก่นั่นไม่ควรไปยั่วโมโหด้วย เจ้ายังจะไปรังแกลูกชา
มู่จิ่วซีขมวดคิ้วในทันทีและถามขึ้นมา : "ท่านพ่อ ท่านคิดว่าเป็นฝีมือมือสังหาร?""ไม่ การลอบสังหารคนในวังและราชสำนัก ปกติแล้วหอดาราจันทราจะไม่รับงานพวกนี้ แต่ด้านข้อมูลข่าวกรองหอดาราจันทรานั้นรวดเร็ว บางทีอาจจะมีเงื่อนงำ" มู่เทียนซิงถูไปที่หัวคิ้ว"ท่านพ่อ เรื่องนี้อันตรายเกินไปแล้ว ท่านอย่าไปยุ่งเลย ให้ข้าตรวจสอบแทนเถอะ" มู่จิ่วซีคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยออกมา"พูดจาไร้สาระ!" มู่เทียนซิงถึงกับสะดุ้ง "ก็เพราะอันตรายไงล่ะ ดังนั้นเจ้าเลิกคิดเองเออเองซะ""ท่านพ่อ ข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ ท่านให้เย่ฮานกับชิงเฟิงมากับข้าก็พอ ข้ารับผิดตรวจสอบเงื่อนงำเบาะแส พอถึงเวลาตอนลงมือจับกุม ท่านพ่อจัดการก็สิ้นเรื่องแล้ว""ข้าเมื่อวานซืนเพิ่งไปที่หอดาราจันทรา ข้าถือว่าพอจะสนิทกับจิ้งจอกม่วงอยู่บ้าง ให้ข้าไปสืบจะสะดวกกว่า อีกอย่างพรุ่งนี้ข้ากับท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็จะไปที่นั่นด้วยกัน"มู่จิ่วซีพูดออกมาพรวนภายในลมหายใจเดียว"ไม่ได้ พ่อไม่ไว้ใจ" มู่เทียนซิงยังคงส่ายหัว"ท่านพ่อ ถ้าให้ท่านไป เกรงว่าแม้แต่หน้าของจิ้งจอกม่วงท่านก็คงจะไม่ได้พบ ถ้าเวลาท่านก็ต้องมาเสียหน้าอีก" มู่จิ่วซีได้แต่ต้องเหน็บแนมเขามู่เ
ป้าหวังพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก จากนั้นจู่ๆ ป้าหวังก็กัดขบฟันอย่างแรง"ป้าหวัง!" มู่จิ่วซีเรียกนางอย่างกระทันหัน นางไม่คาดคิดว่าป้าหวังจะมียาพิษซ่อนเอาไว้อยู่ในฟัน"ข้าขอโทษ" มุมปากของป้าหวังก็มีเลือดสดๆ ไหลออกมา นางค่อยๆ พริ้มตาหลับลงอย่างช้าๆมู่จิ่วซีใจเต้นโครมครามอย่างแรง องครักษ์สองนายก็รีบเข้ามาดูพร้อมกับตกตะลึงจนตาค้าง"คุณหนูใหญ่ นี่มัน...""ไปเรียนท่านพ่อข้ามา เร็วเข้า!" มู่จิ่วซีรีบตะโกนส่งเสียงดังออกมาองครักษ์คนหนึ่งก็รีบวิ่งไปตามอย่างรวดเร็ว มู่จิ่วซีมองป้าหวังที่น้ำตาไหลอาบหน้าซึ่งยังไม่แห้งดี ในใจของนางรู้สึกสะอื้นเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันในใจก็มีความหนาวเย็นปะทุขึ้นมาการกัดพิษปลิดชีพตนเองเรื่องประเภทนี้ ปกติแล้วก็มีเพียงแต่พวกไส้ศึกและมือสังหารเท่านั้นที่มักจะใช้ตอนทำภารกิจพลาด แต่ป้าหวังทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?ทันใดนั้นมู่จิ่วซีก็รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้อยู่เหนือจิตนาการของนางขณะที่มู่เทียนซิงวิ่งเข้ามาหา เขาก็เห็นว่าป้าหวังตายไปแล้วและก็สะเทือนใจอย่างมาก"ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าเกรงว่าจะไม่ธรรมดาแล้ว เรื่องนี้ให้ศาลต้าหลี่หรือเจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาลจัด
มู่จิ่วซียิ้มให้กับอานเย่ที่นั่งอยู่หน้ารถม้าและเอ่ยกล่าว : "อานเย่ อรุณสวัสดิ์""มู่ คุณหนูใหญ่มู่ อรุณสวัสดิ์" เดิมทีอานเย่ยืนอยู่ข้างรถม้าด้วยใบหน้าที่ขึงขัง พอมู่จิ่วซีทักทายอย่างเป็นกันเองก็ทำให้รับมือไม่ทัน เขาเลยรีบตอบกลับไป ใบหน้าของทั้งเขินอายและรู้สึกเกรงใจเย่ฮานก็ได้พยุงมู่จิ่วซีให้ขึ้นรถม้าไปก็เห็นท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุนที่จัดเสื้อผ้าจนเรียบร้อยและนั่งตัวตรงหันมองมาที่นางเขาสวมชุดคลุมยาวสีฟ้าเข้ม บนหัวก็มีมงกุฎหยกสวมทับ บรรยากาศสูงส่งเกรงขามเพียงแต่ใบหน้าที่หล่อหเหลานั้นกลับเย็นชา ราวกับภูเขาน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน อรุณสวัสดิ์" มู่จิ่วซีนั่งข้างๆ พร้อมกับเจตนาดีทักทายเขา "วันนี้อากาศดีจริงๆ เจ้าเองควรจะยิ้มให้เยอะๆ หน่อยนะ"พอโม่จุนเห็นใบหน้าอบชมพูราวกับดอกท้อของนางที่มีรอยยิ้มพร้อมกับดวงตาสวยงามที่เหลือบมอง เขาก็รู้สึกว่าความงามนั้นตละการตาอยู่เล็กน้อยเขาเมื่อก่อนที่เคยเห็นมู่จิ่วซี ก็รู้สึกว่านางงามแบบไม่มีรสนิยม ฉูดฉาด เลี่ยนและรู้สึกไม่น่าอภิรมย์ แต่ตอนนี้ท่าทีของนางกลับดูสบายๆ วิจิตรงดงาม มีความนุ่มนวลแฝงอยู่จางๆนี่เป็นความเปลี
"เจ้าวางใจเถอะ ข้าวันนี้ไปที่หอดาราจันทราก็กะจะไปสืบข่าวด้วยพอดี" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจดวงตาสีดำของโม่จุนก็จ้องเขม็งพร้อมกับกล่าวออกมา : "อันที่จริงหอดาราจันทราถือว่าเป็นองค์กรข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดทั้งหกแคว้น แต่ข่าวหรองพวกนี้ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะบอกเจ้างั้นเหรอ?""เจ้าคอยดูแล้วกัน วันนี้ข้าออกโรง เจ้าก็อย่าสร้างปัญหาให้ข้าแล้วกัน" มู่จิ่วซีดูหมิ่นเขาโม่จุนถึงกับแผ่ซ่านบรรยากาศความหนาวเหน็บออกมารอบตัวหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม รถม้าก็ได้มาหยุดลงตรงปากประตูของหอดาราจันทรา"คุณหนูใหญ่มู่!" เถ้าแก่ร่างท้วมก็วิ่งออกมาจากด้านในและยิ้มให้กับมู่จิ่วซีพร้อมกับประสานมือเคารพทักทาย จากนั้นเขาก็หันไปมองโม่จุนพร้อมกับเววตาที่เบิกโพลงกว้างเป็นประกาย "ท่านนี้คือ?""เถ้าแก่ นี่คือท่านผู้สำเร็จราชการแทนผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นแคว้นเกาอวิ๋นของพวกเรา เจ้าไม่รู้จักงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีมองไปที่โม่จุนที่มีสีหน้าเย็นชาพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มเถ้าแก่ร่างท้วมสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นเขาก็รีบคุกเข่าในทันทีและเอ่ยออกมา : "ข้าน้อยหลิวเหวินเทาประชาชนคนธรรมดาขอคารวะท่านผู้สำเร็จราชการแทน""ไม่ต้องพิธ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่