"ซีเอ๋อร์ โชคดีที่ลูกโตแล้ว" มู่เทียนซิงพอคิดไปคิดมา แต่ละเรื่องเหมือนกับต่างเกี่ยวข้องกับลูกสาวของเขา เป็นความจริงที่ลูกสาวของเขาได้ทำลายความมืดมิดในแคว้นเกาอวิ๋น"ท่านพ่อ ท่านคือแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเกาอวิ๋น หลังจากนี้ยังคงต้องออกไปสู้ในสนามรบ จากนี้ไปพวกเราจะต้องทำให้แคว้นซีเย่ว์และแคว้นเป่ยจิ้นยอมศิโรราบให้จงได้ ดังนั้นท่านอย่าไปคิดมาเด็ดขาด คนบางคนก็เลวยันในไขกระดูก ไม่มีความจำเป็นต้องเห็นใจ แต่ว่าควรจะใส่ใจคนตรงหน้าในปัจจุบันมากกว่า"มู่เทียนซิงมองลูกสาวของตน ทันใดนั้นน้ำตาก็เอ่อล้น จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าว : "พ่อเข้าใจแล้ว เจ้าวางใจเถอะ พ่อเองก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น""ใช่แล้วล่ะ ลุงไป๋ยังยืนหยัดขึ้นมาได้เลย ท่านพ่อตะไปแพ้เขาได้ยังไง" มู่จิ่วซียั่วยุให้ฮึกเหิม"ใช่ พ่อจะไปสู้กับไอแก่นั่นไม่ได้ได้ยังไง" มู่เทียนซิงฮึกเหิมลุกโชนเหมือนที่คาดไว้ "เอาล่ะ พ่อจะกลับก่อน แม่ของเจ้าคงจะกระวนกระวายแล้ว เจ้าเสร็จธุระแล้วก็กลับไปกินข้าวที่บ้านล่ะ""ค่ะ" มู่จิ่วซีกล่าวรับคำและมองเขาขึ้นมากลับไปภายในจวนฉี ฉีหู่ซานได้ฟื้นขึ้นมา เขาถูกคนพยุงให้มายังห้องของฉีเล่อฉี่ พอเห็นน้องสาวตนเองที่ยังหล
มู่จิ่วซีก็รีบดึงบังเหียนม้าเอาไว้และหันกลับมามอง เป็นหลิวฮั่วซึ่งเหงื่อไหลท่วมเต็มหน้าหลิวฮั่วและเหอเฟิงทั้งสองคนถูกมู่จิ่วซีให้ไปสังเกตการณ์ทางออกทั้งสองทางของทางลับร้านเฟิงเหอ"หลิวฮั่ว!" มู่จิ่วซีกล่าวดีใจ "เป็นไง สถานการณ์มีอะไรบ้าง?""มีขอรับ เป็รสถานการณ์ตรงทางลับข้างแม่น้ำ" หลิวฮั่วรีบกล่าวขึ้นมา "หลิวฮั่วก็รีบกล่าวขึ้นมา "วันนี้ได้มีเรืออูเผิงลำหนึ่งมาตรงปกแม่น้ำขอรับ บนเรือเป็นชายสวมหมวกปีกกว้างสีดำปกปิดใบหน้าและเข้าไปในทางลับขอรับ""เอ๋?" มู่จิ่วซีเอะใจ"ข้าน้อยไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เลยแอบสังเกตการณ์และเห็นว่าชายคนนั้นเข้าไปในทางลับและออกมาจากทางร้านเฟิงเหอขอรับ คนๆ นี้มีวรยุทธฝีมือสูงล้ำ แค่เดินลัดเลี้ยวไปไม่กี่โค้งก็กายไปแล้ว"หลิวฮั่วปาดเหงื่อตรงหน้าผากและกล่าวต่อ : "ข้าน้อยไม่เชื่อก็เลยได้แต่รอ ต่อมาผู้ชายคนนั้นก็กลับมาและเข้าไปในทางลับนั้นอีกครั้งและออกมาจากทางลับตรงแม่น้ำพร้อมกับขึ้นเรือจากไป เหอเฟิงได้ตามไป ส่วนข้าน้อยก็กลับมารายงานมู่จิ่วซีขมวดคิ้วและก็กล่าว : "ผู้ชายคนนี้สวมหมวก? แล้วมีลักษณะพิเศษอะไรอื่นอีก?""ข้างหลังได้พกธนูและซองลูกธนูขอรับ รูปร่างผอ
มู่จิ่วซีเลิกคิ้วในทันที พูดถึงข่าวกรอง คาดว่าฮั้วอวิ๋นเทียนคงจะสุดยอดยิ่งกว่า เขาบางทีอาจจะรู้จักชายคนนี้ก็ได้มกุฎราชกุมารของแคว้นเป่ยจิ้นถึงขนาดต้องออกโรงมาปิดปากด้วยตัวเอง คงจะไม่ใช่ลูกน้องธรรมดาแน่นอน"เดี๋ยวพ่อข้าคงจะต้องมาพบป้าสะใภ้รอง" มู่จิ่วซีเหลือบมองใต้เท้าโจวเหยาโจวเหยาก็สะดุ้งจากนั้นก็กล่าวอย่างสงสัย : "คุณหนูใหญ่มู่ต้องการให้ข้าทำอะไรรึ?""เตือนพ่อข้าว่าอย่าให้เกินสมควร นางคือไส้ศึก อย่าให้จวนมู่ไปเกี่ยวข้อง" สีหน้าของมู่จิ่วซีเย็นชาอย่างมาก"เข้าใจแล้ว เชื่อเถอะว่าแม่ทัพใหญ่มู่ไม่มีทางหน้ามืดตามัว" โจวเหยารีบพยักหน้าแต่มู่จิ่วซีกลับไม่คาดคิดว่ามู่เทียนซิงตอนมาพบลู่เวยหย่าและขอให้โจวเหยาและขออยู่กับลู่เวยหย่าตามลำพังนั้น ผลลัพธ์ก็คือมู่เทียนซิงกลับฆ่าลู่เวยหย่าทิ้งทันทีทันใดนั้น ทั้งกรมพระราชวังนครบาลก็สึกเหมือนขนไก่ร่วงกองพื้น โจวเหยาโกรธโมโหมาก และได้แต่จับมู่เทียนซิงเอาไปขัง (ขนไก่ร่วงกองพื้น หมายถึง ของมีค่าได้สูญเสียไป)ถึงอย่างไรลู่เวยหย่าก็ยังไม่ได้รับสารภาพ มู่เทียนซิงกลับฆ่าทิ้งเลยต้องสงสัยว่าเป็นการฆ่าปิดปากมู่จิ่วซีพอทราบข่าวก็โกรธจนอยากจะฆ่าคนน
จนเวลาผ่านไปนาน โจวเหยาก็หันมองมู่เทียนซิงที่หลังน้ำตาเต็มหน้าและค่อยเดินไปอยู่ข้างหน้าท่านผู้สำเร็จราชการแทนและกล่าวด้วยเสียงต่ำ: "ตอนนี้จะทำอย่างไรดีพะยะค่ะ?""ให้จิ่วซีสงบสติอารมณ์ก่อน เย่ฮาน อานเย่ พวกเจ้าไปส่งแม่ทัพใหญ่มู่กลับจวนที" โม่จุนกล่าว"อะไรนะ? กลับจวน?" โจวเหยาตะลึงค้างไป"มีปัญหารึ? เจ้าคิดจริงหรือว่าแม่ทัพใหญ่มู่เป็นไส้ศึกของแคว้นศัตรู?" โม่จุนกล่าวอย่างโมโหโจวเหยาก็นิ่งไป จากนั้นก็ยิ้มกล่าวอย่างขมขื่น : "แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้วพะยะค่ะ"พอนึกถึงมู่เทียนซิงได้ทำสงครามล้างบางศัตรูมาหลายปี บาดเจ็บมานับครั้งไม่ถ้วน ชนะสงครามกลับมาจนไม่อานจนับได้ เขาจะเป็นไส้ศึกได้อย่างไร มีไส้ศึกที่ไหนนำทัพชนะสงคราม?"งั้นก็ไปส่งเขากลับไปพักผ่อน จิตใจของเขาตอนนี้เสียใจมากยิ่งกว่าใคร" โม่จุนถอนหายใจเย่ฮานและอานเย่ก็ประคองมู่เทียนซิงซึ่งกำลังโศกเศร้าจนจะยืนก็ยังไม่มั่นคงกลับจวนโม่จุนก็หันไปถามจี๋เฟิง : "วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น เจ้าช่วยเล่าให้ชัดเจนที"จี๋เฟิงก็รีบทูลกล่าว ดดยเริ่มตั้งแต่เย่อู่เหิงเรียกมู่จิ่วซีไปที่จวนฉี..."ใต้เท้าเย่บาดเจ็บสาหัสไหม?" โม่จุนขมวดคิ้ว พอได้ยินถึงตอ
"เซวียนหยวนเชาในเมื่ออยู่ในพระนคร หากพวกเราจับเขาจะทำให้เกิดสงครามโกลาหลไหม?" ดวงตาของมู่จิ่วซีเย็นชา"อาจเกิด และอาจไม่เกิด" คำพูด 6 พยางค์ของโม่จุนทำเอามู่จิ่วซีอยากจะด่าคน"หากเซวียนหยวนเชาถูกพวกเราจับ และเขาถูกจับทั้งเป็น พวกเราก็จะสามารถยื่นข้อเสนอได้ไม่น้อย แคว้นเป่ยจิ้นก็จะยิ่งไม่กล้าก่อสงครามแต่บางคนของแคว้นเป่ยจิ้นที่ประสงค์ร้อยก็จะอาศัยโอกาศเอาเซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารคนนี้มากดดัน ให้กลายเป็นข้ออ้างในการก่อสงคราม จนเราอดไม่ได้ต้องฆ่าเซวียนหยวนเชา" โม่จุนอธิบายต่อ"อีกอย่าง เซวียนหยวนเชาก็แข็งแกร่งมาก เราคงไม่สามารถจับเขาทั้งเป็นได้" โม่จุนขมวดคิ้วมู่จิ่วซีก็พยักหน้าและกล่าว : "โอกาสมีเสมอ เหอเฟิงหายตัวไป อาจถูกเซวียนหยวนเชาฆ่าไปแล้ว""คงจะไม่ใช่ตอนนี้ เขาต้องการข่าวกรอง อยากมากก็ทรมาน" โม่จุนกังวลปัญหานี้มาตลอด "แต่เหอเฟิงจะไม่มีทางพูด ทหารมังกรดำทุกคนล้วนได้รับการฝึกด้านนี้มาแล้ว""เหอเฟิงคงจะรู้อะไรไม่เยอะสินะ" มู่จิ่วซีครุ่นคิด สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้คือทหารมังกรดำโม่จุนไม่ได้ปักใจยืนยัน เพราะของแบบนี้ใครก็ไม่กล้ารับประกันได้"จิ่วซี เจ้าอย่าโทษพ่อของเจ้าเลย"
"คือใคร?" โม่จุนรีบถามขึ้นมา"แม่หญิงอาจื่อแห่งหอดาราจันทรา" มู่จิ่วซีขมวดคิ้วครุ่นคิด "หากเป็นนาง ก้พอจะสมเหตุสมผล นางชอบฮั้วอวิ๋นเทียน นางเคยเตือนข้าว่าอย่าติดต่อกับฮั้วอวิ๋นเทียนอีก เมื่อวานข้าได้เชิญฮั้วอวิ๋นเทียนมา พวกเรามีความสุขกันมากในหอชมจันทร์ บางทีนางอาจจะอิจฉา อันที่จริงข้าลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย""อาจื่อ? ไม่ใช่ว่าเป็นแม่หญิงที่แกล้งทำเป็นป่วยคนนั้นหรอกเหรอ?" โม่จุนกล่าวอย่างไม่เข้าใจ"ใช่ ป่วยโรคหัวใจ แกล้งป่วยน่ะ นางก็แค่อยากจะติดตามฮั้วอวิ๋นเทียน เพื่อให้ฮั้วอวิ๋นเทียนชอบนางก็เลยแกล้งเป็นป่วย""หากนงวรยุทธสูงขนาดนั้น ฮั้วอวิ๋นเทียนไม่รู้เลยหรอ?" โม่จุนเลิกคิ้วถาม"เหอะๆๆ พวกผู้ชายอย่างเจ้าบางครั้งก็หน้ามืดตามัว" มู่จิ่วซีแซะโม่จุนที่ไม่ชัดเจนกับเซียวหลิงเย่ว์"อย่าพูดจนทำคนอื่นเสียหาย บางครั้งการโดนเข้ากับตัวก็ทำให้มองไม่ชัด ส่วนคนที่อยู่วงนอกจะมองได้ชัดเจน" โม่จุนเห็นสายตารังเกียจของนางที่เหลือบมองเขาก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร"ข้าอ้างดีหนิ" มู่จิ่วซียกนิ้วโป้งให้กับนางโม่จุนก็ชะงักไป จากนั้นฏ้อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เขายื่นมืออกไปและลูบหัวนาง : "แล้วแต่เจ้าพูดเลย"
มุมปากของมู่จิ่วซีกระตุกขึ้นมาไม่กี่ครั้งและกล่าวขึ้นมา "เป็นข้าที่ไม่ดีเอง ข้าต่อว่าท่านพ่อของข้า""อะไรนะ?" ดวงตาอันแก่ชราของลุงมู่แทบจะถลนออกมา"ลุงมู่ ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ เพราะว่าจับกุมป้าสะใภ้รองได้ เดิมทีต้องการทรมานเพื่อสอบปากคำ ผลลัพธ์คือพ่อท่านพ่อข้ากลัวว่านางจะทรมานก็เลยฆ่านางทิ้ง ข้ารู้สึกว่าท่านแม่ข้าทนทรมานมาตั้งหลายปีขนาดนั้น นางกลับมาชิงตายไปทั้งแบบนี้ มันง่ายเกินไปสำหรับนาง"มู่จิ่วซีเบ้ปากลุงมู่หลังจากสะดุ้งตกใจก็ถอนหายใจกล่าวออกมา : "คุณท่านแม้จะพูดว่าไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งกับนางขนาดนั้นเหมือนแม่ของเจ้า แต่ก็เป็นคู่เคียงเรียงหมอนกันมานานนับ 20 ปี ฮูหยินรองปฏิบัติกับคุณท่านและบ้านหลังนี้ครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องมาโดยตลอด พ่อของเจ้าจะให้นางต้องทนทรมานได้อย่างไร อีกอย่าง ท่านพ่อเจ้าลงมือฆ่าฮูหยินรองด้วยตัวเอง ในใจของเขาพอเทียบกับทุกคนจะต้องเสียใจมาก""ลุงมู่ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ขอตอนนั้นโมโหเกินไป ไม่ทันได้คิดถึงจุดนี้ ข้าตอนนี้จะไปยอมรับผิดกับเขา" มู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าพอเป็นคนนอกทำไมมองสถานการณ์ได้ชัดเจนจริงๆ เลยเชียว?"คุณท่านยังไม่ได้ทานอาหาร เป็นจังหวะ
มู่จิ่วซียิ้มกล่าว : "ท่านพ่อ ลูกอย่างน้อยก็ช่วยเขามากมายขนาดนั้น แถมยังช่วยชีวิตเขาไว้อีกต่างหาก เขาจะดีกับพวกเราหน่อยไม่ได้หรือยังไง?""เหอะๆ ข้าเห็นแค่ว่าไอเด็กนี่มันชอบเจ้าแล้วมากกว่า ซีเอ๋อร์ พ่อจะบอกเจ้าให้ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนอันที่จริงไม่ได้เหมาะสมกับเจ้า เมื่อก่อนพ่อรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งเพียงพอ หลังจากนี้คงจะสามารถดูแลเจ้าได้ แต่ตอนนี้พ่อรู้สึกว่าเขาไม่ได้เหมาะสมจะเป็นลูกเขย"มู่เทียนซิงเริ่มล้างสมองมู่จิ่วซีขณะกำลังทานพระกระโดดกำแพงไปด้วย เหมือนกับว่าได้ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปแล้วจริงๆมู่จิ่วซีก็สีหน้าอึมครึม การทนรับแรงกดดันและผ่อนคลายแรงกดดันของท่านพ่อของนางแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก"ทำไมถึงไม่เหมาะแล้วล่ะ? เมื่อก่อนก็เป็นท่านพ่อเองที่บอกจะช่วยลูกเรื่องแต่งงาน" มู่จิ่วซีนึกย้อนไปถึงเจ้าของร่างเดิมที่ถึงแม้จะชอบคนใบหน้าเย็นชาอย่างโม่จุน แต่ก็ไม่เคยพูดว่าอยากจะแต่งกับเขา ถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ตอนนั้นก็ชอบจะไปหอนางโลมเพื่อฟังดนตรีและชมละคร เที่ยวเล่นกับพวกนายโลมอย่างสนุกสุดเหวี่ยง"แค่กๆๆ นั่นเพราะพ่อไม่คิดให้รอบด้านเอง ท่านผู้สำเร็จราชการแทนหยิ่งหัวสูง ไม่ได้สนใจเจ้
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่