ทั้งสามคนพุ่งตัวออกไปดู ก็เห็นชายคนนั้นโดนธนูยิงตรงหน้าอกตายคาที่ ทหารมังกรดำตกใจและรีบเอาตัวไปขวางตรงด้านหน้าของลู่เวยหย่า"ตามไป!" จี๋เฟิงออกคำสั่ง ทหารมังกรดำทั้งสี่ก็ทะยานตามออกไปมู่จิ่วซีมองไปยังดอกธนูครึ่งดอกซึ่งโผล่ปักคาตรงอกด้านหน้าอีกทั้งยังเป็นตำแหน่งหัวใจและตายในทันที นายไม่สามารถช่วยชีวิตได้นางโกรธจนเข็ดฟัน เลยเดินเข้าไปและกระชากลูกธนูออกมาพอเห็นธนูดอกนั้นดวงตาของนางก็หรี่เล็กลงทันที ธนูดอกนี้เป็นธนูดอกเดียวกันกับที่ยิงโม่จุนในตอนนั้นมกุฎราชกุมารแคว้นเป่ยจิ้น เซวียนหยวนเชา!มู่จิ่วซีไม่กล้ายืนยัน แต่ก่อนหน้านี้โม่จุนเคยสงสัยเซวียนหยวนเชา ทักาะการยิงธนูและความเร็วนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนๆ เดียวกันงั้นถ้าหากเป็นมกุฎราชกุมารเซวียนหยวนเชา แบนนั้นก็สามารถยืนยันได้ว่าเขาอยู่ในพระนครของแคว้นเกาอวิ๋นไม่แปลกใจที่บอกว่าหลังจากนี้คณะเจรจาของแคว้นเป่ยจิ้น มกุฎราชกุมารก็จะเสด็จมาด้วย เห็นได้ชัดว่าเขามาอยู่ในพระนครตั้งนานแล้วงั้นหากสามารถจับมกุฎราชกุมารเซวียนหยวนเชาทั้งเป็นได้ก่อนการเจรจา แบบนั้นก็คงจะน่าสนใจแต่ว่ามู่จิ่วซีก็อดไม่ได้จะนับถือยกย่องมกุฎราชกุมารคนนี้มีฐาน
"ซีเอ๋อร์ โชคดีที่ลูกโตแล้ว" มู่เทียนซิงพอคิดไปคิดมา แต่ละเรื่องเหมือนกับต่างเกี่ยวข้องกับลูกสาวของเขา เป็นความจริงที่ลูกสาวของเขาได้ทำลายความมืดมิดในแคว้นเกาอวิ๋น"ท่านพ่อ ท่านคือแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเกาอวิ๋น หลังจากนี้ยังคงต้องออกไปสู้ในสนามรบ จากนี้ไปพวกเราจะต้องทำให้แคว้นซีเย่ว์และแคว้นเป่ยจิ้นยอมศิโรราบให้จงได้ ดังนั้นท่านอย่าไปคิดมาเด็ดขาด คนบางคนก็เลวยันในไขกระดูก ไม่มีความจำเป็นต้องเห็นใจ แต่ว่าควรจะใส่ใจคนตรงหน้าในปัจจุบันมากกว่า"มู่เทียนซิงมองลูกสาวของตน ทันใดนั้นน้ำตาก็เอ่อล้น จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าว : "พ่อเข้าใจแล้ว เจ้าวางใจเถอะ พ่อเองก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น""ใช่แล้วล่ะ ลุงไป๋ยังยืนหยัดขึ้นมาได้เลย ท่านพ่อตะไปแพ้เขาได้ยังไง" มู่จิ่วซียั่วยุให้ฮึกเหิม"ใช่ พ่อจะไปสู้กับไอแก่นั่นไม่ได้ได้ยังไง" มู่เทียนซิงฮึกเหิมลุกโชนเหมือนที่คาดไว้ "เอาล่ะ พ่อจะกลับก่อน แม่ของเจ้าคงจะกระวนกระวายแล้ว เจ้าเสร็จธุระแล้วก็กลับไปกินข้าวที่บ้านล่ะ""ค่ะ" มู่จิ่วซีกล่าวรับคำและมองเขาขึ้นมากลับไปภายในจวนฉี ฉีหู่ซานได้ฟื้นขึ้นมา เขาถูกคนพยุงให้มายังห้องของฉีเล่อฉี่ พอเห็นน้องสาวตนเองที่ยังหล
มู่จิ่วซีก็รีบดึงบังเหียนม้าเอาไว้และหันกลับมามอง เป็นหลิวฮั่วซึ่งเหงื่อไหลท่วมเต็มหน้าหลิวฮั่วและเหอเฟิงทั้งสองคนถูกมู่จิ่วซีให้ไปสังเกตการณ์ทางออกทั้งสองทางของทางลับร้านเฟิงเหอ"หลิวฮั่ว!" มู่จิ่วซีกล่าวดีใจ "เป็นไง สถานการณ์มีอะไรบ้าง?""มีขอรับ เป็รสถานการณ์ตรงทางลับข้างแม่น้ำ" หลิวฮั่วรีบกล่าวขึ้นมา "หลิวฮั่วก็รีบกล่าวขึ้นมา "วันนี้ได้มีเรืออูเผิงลำหนึ่งมาตรงปกแม่น้ำขอรับ บนเรือเป็นชายสวมหมวกปีกกว้างสีดำปกปิดใบหน้าและเข้าไปในทางลับขอรับ""เอ๋?" มู่จิ่วซีเอะใจ"ข้าน้อยไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เลยแอบสังเกตการณ์และเห็นว่าชายคนนั้นเข้าไปในทางลับและออกมาจากทางร้านเฟิงเหอขอรับ คนๆ นี้มีวรยุทธฝีมือสูงล้ำ แค่เดินลัดเลี้ยวไปไม่กี่โค้งก็กายไปแล้ว"หลิวฮั่วปาดเหงื่อตรงหน้าผากและกล่าวต่อ : "ข้าน้อยไม่เชื่อก็เลยได้แต่รอ ต่อมาผู้ชายคนนั้นก็กลับมาและเข้าไปในทางลับนั้นอีกครั้งและออกมาจากทางลับตรงแม่น้ำพร้อมกับขึ้นเรือจากไป เหอเฟิงได้ตามไป ส่วนข้าน้อยก็กลับมารายงานมู่จิ่วซีขมวดคิ้วและก็กล่าว : "ผู้ชายคนนี้สวมหมวก? แล้วมีลักษณะพิเศษอะไรอื่นอีก?""ข้างหลังได้พกธนูและซองลูกธนูขอรับ รูปร่างผอ
มู่จิ่วซีเลิกคิ้วในทันที พูดถึงข่าวกรอง คาดว่าฮั้วอวิ๋นเทียนคงจะสุดยอดยิ่งกว่า เขาบางทีอาจจะรู้จักชายคนนี้ก็ได้มกุฎราชกุมารของแคว้นเป่ยจิ้นถึงขนาดต้องออกโรงมาปิดปากด้วยตัวเอง คงจะไม่ใช่ลูกน้องธรรมดาแน่นอน"เดี๋ยวพ่อข้าคงจะต้องมาพบป้าสะใภ้รอง" มู่จิ่วซีเหลือบมองใต้เท้าโจวเหยาโจวเหยาก็สะดุ้งจากนั้นก็กล่าวอย่างสงสัย : "คุณหนูใหญ่มู่ต้องการให้ข้าทำอะไรรึ?""เตือนพ่อข้าว่าอย่าให้เกินสมควร นางคือไส้ศึก อย่าให้จวนมู่ไปเกี่ยวข้อง" สีหน้าของมู่จิ่วซีเย็นชาอย่างมาก"เข้าใจแล้ว เชื่อเถอะว่าแม่ทัพใหญ่มู่ไม่มีทางหน้ามืดตามัว" โจวเหยารีบพยักหน้าแต่มู่จิ่วซีกลับไม่คาดคิดว่ามู่เทียนซิงตอนมาพบลู่เวยหย่าและขอให้โจวเหยาและขออยู่กับลู่เวยหย่าตามลำพังนั้น ผลลัพธ์ก็คือมู่เทียนซิงกลับฆ่าลู่เวยหย่าทิ้งทันทีทันใดนั้น ทั้งกรมพระราชวังนครบาลก็สึกเหมือนขนไก่ร่วงกองพื้น โจวเหยาโกรธโมโหมาก และได้แต่จับมู่เทียนซิงเอาไปขัง (ขนไก่ร่วงกองพื้น หมายถึง ของมีค่าได้สูญเสียไป)ถึงอย่างไรลู่เวยหย่าก็ยังไม่ได้รับสารภาพ มู่เทียนซิงกลับฆ่าทิ้งเลยต้องสงสัยว่าเป็นการฆ่าปิดปากมู่จิ่วซีพอทราบข่าวก็โกรธจนอยากจะฆ่าคนน
จนเวลาผ่านไปนาน โจวเหยาก็หันมองมู่เทียนซิงที่หลังน้ำตาเต็มหน้าและค่อยเดินไปอยู่ข้างหน้าท่านผู้สำเร็จราชการแทนและกล่าวด้วยเสียงต่ำ: "ตอนนี้จะทำอย่างไรดีพะยะค่ะ?""ให้จิ่วซีสงบสติอารมณ์ก่อน เย่ฮาน อานเย่ พวกเจ้าไปส่งแม่ทัพใหญ่มู่กลับจวนที" โม่จุนกล่าว"อะไรนะ? กลับจวน?" โจวเหยาตะลึงค้างไป"มีปัญหารึ? เจ้าคิดจริงหรือว่าแม่ทัพใหญ่มู่เป็นไส้ศึกของแคว้นศัตรู?" โม่จุนกล่าวอย่างโมโหโจวเหยาก็นิ่งไป จากนั้นก็ยิ้มกล่าวอย่างขมขื่น : "แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้วพะยะค่ะ"พอนึกถึงมู่เทียนซิงได้ทำสงครามล้างบางศัตรูมาหลายปี บาดเจ็บมานับครั้งไม่ถ้วน ชนะสงครามกลับมาจนไม่อานจนับได้ เขาจะเป็นไส้ศึกได้อย่างไร มีไส้ศึกที่ไหนนำทัพชนะสงคราม?"งั้นก็ไปส่งเขากลับไปพักผ่อน จิตใจของเขาตอนนี้เสียใจมากยิ่งกว่าใคร" โม่จุนถอนหายใจเย่ฮานและอานเย่ก็ประคองมู่เทียนซิงซึ่งกำลังโศกเศร้าจนจะยืนก็ยังไม่มั่นคงกลับจวนโม่จุนก็หันไปถามจี๋เฟิง : "วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น เจ้าช่วยเล่าให้ชัดเจนที"จี๋เฟิงก็รีบทูลกล่าว ดดยเริ่มตั้งแต่เย่อู่เหิงเรียกมู่จิ่วซีไปที่จวนฉี..."ใต้เท้าเย่บาดเจ็บสาหัสไหม?" โม่จุนขมวดคิ้ว พอได้ยินถึงตอ
"เซวียนหยวนเชาในเมื่ออยู่ในพระนคร หากพวกเราจับเขาจะทำให้เกิดสงครามโกลาหลไหม?" ดวงตาของมู่จิ่วซีเย็นชา"อาจเกิด และอาจไม่เกิด" คำพูด 6 พยางค์ของโม่จุนทำเอามู่จิ่วซีอยากจะด่าคน"หากเซวียนหยวนเชาถูกพวกเราจับ และเขาถูกจับทั้งเป็น พวกเราก็จะสามารถยื่นข้อเสนอได้ไม่น้อย แคว้นเป่ยจิ้นก็จะยิ่งไม่กล้าก่อสงครามแต่บางคนของแคว้นเป่ยจิ้นที่ประสงค์ร้อยก็จะอาศัยโอกาศเอาเซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารคนนี้มากดดัน ให้กลายเป็นข้ออ้างในการก่อสงคราม จนเราอดไม่ได้ต้องฆ่าเซวียนหยวนเชา" โม่จุนอธิบายต่อ"อีกอย่าง เซวียนหยวนเชาก็แข็งแกร่งมาก เราคงไม่สามารถจับเขาทั้งเป็นได้" โม่จุนขมวดคิ้วมู่จิ่วซีก็พยักหน้าและกล่าว : "โอกาสมีเสมอ เหอเฟิงหายตัวไป อาจถูกเซวียนหยวนเชาฆ่าไปแล้ว""คงจะไม่ใช่ตอนนี้ เขาต้องการข่าวกรอง อยากมากก็ทรมาน" โม่จุนกังวลปัญหานี้มาตลอด "แต่เหอเฟิงจะไม่มีทางพูด ทหารมังกรดำทุกคนล้วนได้รับการฝึกด้านนี้มาแล้ว""เหอเฟิงคงจะรู้อะไรไม่เยอะสินะ" มู่จิ่วซีครุ่นคิด สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้คือทหารมังกรดำโม่จุนไม่ได้ปักใจยืนยัน เพราะของแบบนี้ใครก็ไม่กล้ารับประกันได้"จิ่วซี เจ้าอย่าโทษพ่อของเจ้าเลย"
"คือใคร?" โม่จุนรีบถามขึ้นมา"แม่หญิงอาจื่อแห่งหอดาราจันทรา" มู่จิ่วซีขมวดคิ้วครุ่นคิด "หากเป็นนาง ก้พอจะสมเหตุสมผล นางชอบฮั้วอวิ๋นเทียน นางเคยเตือนข้าว่าอย่าติดต่อกับฮั้วอวิ๋นเทียนอีก เมื่อวานข้าได้เชิญฮั้วอวิ๋นเทียนมา พวกเรามีความสุขกันมากในหอชมจันทร์ บางทีนางอาจจะอิจฉา อันที่จริงข้าลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย""อาจื่อ? ไม่ใช่ว่าเป็นแม่หญิงที่แกล้งทำเป็นป่วยคนนั้นหรอกเหรอ?" โม่จุนกล่าวอย่างไม่เข้าใจ"ใช่ ป่วยโรคหัวใจ แกล้งป่วยน่ะ นางก็แค่อยากจะติดตามฮั้วอวิ๋นเทียน เพื่อให้ฮั้วอวิ๋นเทียนชอบนางก็เลยแกล้งเป็นป่วย""หากนงวรยุทธสูงขนาดนั้น ฮั้วอวิ๋นเทียนไม่รู้เลยหรอ?" โม่จุนเลิกคิ้วถาม"เหอะๆๆ พวกผู้ชายอย่างเจ้าบางครั้งก็หน้ามืดตามัว" มู่จิ่วซีแซะโม่จุนที่ไม่ชัดเจนกับเซียวหลิงเย่ว์"อย่าพูดจนทำคนอื่นเสียหาย บางครั้งการโดนเข้ากับตัวก็ทำให้มองไม่ชัด ส่วนคนที่อยู่วงนอกจะมองได้ชัดเจน" โม่จุนเห็นสายตารังเกียจของนางที่เหลือบมองเขาก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร"ข้าอ้างดีหนิ" มู่จิ่วซียกนิ้วโป้งให้กับนางโม่จุนก็ชะงักไป จากนั้นฏ้อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เขายื่นมืออกไปและลูบหัวนาง : "แล้วแต่เจ้าพูดเลย"
มุมปากของมู่จิ่วซีกระตุกขึ้นมาไม่กี่ครั้งและกล่าวขึ้นมา "เป็นข้าที่ไม่ดีเอง ข้าต่อว่าท่านพ่อของข้า""อะไรนะ?" ดวงตาอันแก่ชราของลุงมู่แทบจะถลนออกมา"ลุงมู่ ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ เพราะว่าจับกุมป้าสะใภ้รองได้ เดิมทีต้องการทรมานเพื่อสอบปากคำ ผลลัพธ์คือพ่อท่านพ่อข้ากลัวว่านางจะทรมานก็เลยฆ่านางทิ้ง ข้ารู้สึกว่าท่านแม่ข้าทนทรมานมาตั้งหลายปีขนาดนั้น นางกลับมาชิงตายไปทั้งแบบนี้ มันง่ายเกินไปสำหรับนาง"มู่จิ่วซีเบ้ปากลุงมู่หลังจากสะดุ้งตกใจก็ถอนหายใจกล่าวออกมา : "คุณท่านแม้จะพูดว่าไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งกับนางขนาดนั้นเหมือนแม่ของเจ้า แต่ก็เป็นคู่เคียงเรียงหมอนกันมานานนับ 20 ปี ฮูหยินรองปฏิบัติกับคุณท่านและบ้านหลังนี้ครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องมาโดยตลอด พ่อของเจ้าจะให้นางต้องทนทรมานได้อย่างไร อีกอย่าง ท่านพ่อเจ้าลงมือฆ่าฮูหยินรองด้วยตัวเอง ในใจของเขาพอเทียบกับทุกคนจะต้องเสียใจมาก""ลุงมู่ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ขอตอนนั้นโมโหเกินไป ไม่ทันได้คิดถึงจุดนี้ ข้าตอนนี้จะไปยอมรับผิดกับเขา" มู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าพอเป็นคนนอกทำไมมองสถานการณ์ได้ชัดเจนจริงๆ เลยเชียว?"คุณท่านยังไม่ได้ทานอาหาร เป็นจังหวะ