มู่จิ่วซีเอียงศีรษะแล้วพูดว่า "เจ้าสำนักจะมีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเรื่องที่แก้ไขไม่ได้"ฮั้วอวิ๋นเทียนอึ้งไปพักหนึ่งแล้วพูดว่า "คุณหนูใหญ่มู่คิดว่าสามารถแก้ปัญหาให้ข้าได้กระไร""ข้าแค่ถามก่อน บางทีข้าอาจไม่ต้องการให้ข้าทุ่มเทในสิ่งที่ฉันคิดไว้""ไม่รู้ว่าตอนแรกสิ่งที่คุณหนูใหญ่มู่คิดคืออะไร""ขายตัวให้หอดาราจันทรา"ฮั้วอวิ๋นเทียนตกตะลึง มู่จิ่วซีอธิบายทันทีว่า "ฉันกําลังพูดถึงการเป็นนักฆ่าของหอดาราจันทราหรือการเป็นลูกศิษย์ของท่าน ไม่ใช่ขายเนื้อหนัง อย่างที่ท่านคิด"บรรยากาศรอบๆ ฮั้วอวิ๋นเทียนเริ่มเย็นลงอีกครั้ง"ที่นี่ไม่รับลูกศิษย์หญิง และที่นี่ก็ไม่มีนักฆ่า" ฮั้วอวิ๋นเทียนปฏิเสธด้วยเสียงเย็นชา"ดังนั้น ข้าคิดว่าท่านควรเสนอเงื่อนไขมาเถอะ แล้วทดสอบว่าข้าจะทําได้หรือไม่ ความสามารถของข้าก็ไม่ได้มีแค่ดีดกู่เจิง" มู่จิ่วซีพูดโอ้อวดฮั้วอวิ๋นเทียนขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และทันใดนั้นก็จ้องไปที่มู่จิ่วซีแล้วพูดว่า "คุณหนูมู่มีสมุนไพรที่ชื่อหลิวลี่กูซีหรือเปล่า"“หลิวลี่กูซี?” มู่จิ่วซีอึ้งไปชั่วขณะ แล้วยิ้มออกมา “มันใช้รักษาโรคหัวใจใช่ไหม?”ฮั้วอวิ๋นเทียนมีสีหน้าดีใจทันทีและพย
ฮั้วอวิ๋นเทียนมองดูขี้เล่นของมู่จิ่วซีและหัวเราะ"คุณหนูใหญ่มู่พูดตลกจริง ๆ"“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ยิ่งท่านขายมันแพงเท่าไหร่ คำพูดของข้าก็จะยิ่งน่าสนใจมากเท่านั้น ลาก่อน!” มู่จิ่วซีกลอกตา โดยไม่สนใจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนี้อีก และจากไปพร้อมกับยาแก้พิษฮั้วอวิ๋นเทียนมมองดูแผ่นหลังที่สวยงามของเธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก ที่ลึกซึ้งและคาดเดาไม่ได้คุณหนูใหญ่มู่แห่งแคว้นเกาอวิ๋นงคนนี้น่าสนใจจริง ๆและหวังว่าความสามารถทางการแพทย์ของเธอจะเหนือชั้นพอๆ กับกู่เจิงของเธอมู่จิ่วซีออกจากหอดาราจันทราก็กลับไปที่เรือนย่างรวดเร็ว ตรงไปที่เรือนเมฆน้ําของท่านแม่โดยมีป้าอิงคอยดูแลท่านแม่อยู่คนเดียว ดวงตาของป้าอิงมีอาการบวมแดง"ท่านแม่" มู่จิ่วซีวิ่งเข้าไปนั่งข้างเตียงของท่านแม่“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าและผู้สำเร็จราชการออกไปแล้ว ทำไมหัวเจ้าถึงเหงื่อออกขนาดนี้?” คำพูดที่อ่อนโยนของฮูหยินใหญ่ทำให้มู่จิ่วซีรู้สึกอบอุ่นในใจ"ข้าไม่เป็นไร" มู่จิ่วซีมองกูอิงแล้วพูดว่า "ป้าอิง คุณไปตุ๋นยาบํารุงให้ท่านแม่หน่อย"ป้าหญิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า จากไปทันที“ทุกคนรู้เรื่องนี้ และป้าอิงก็รู้เรื่องนี้ด้วย”
"ท่านพ่อ ท่านทำเกินไปแล้ว แม่ทำงานหนักและจัดการทุกอย่างคนเดียวในบ้านมาหลายปี ตอนนี้ท่านป้ามีปัญหา ท่านทำอย่างงี้กับแม่ได้อย่างไร!" มู่หยางชุนพูดด้วยความโกรธ“หุบปาก!” ลู่เวยหย่าตะคอกด้วยความโกรธ “ทำไมเจ้าถึงพูดกับพ่อของเจ้า แบบนี้! นี่คือสิ่งที่ข้าสอนพวกพวกเจ้ามาตลอดใช่มั้ย?”“ท่านแม่ ท่านพ่อโทษทุกอย่างเป็นความผิดท่าน แต่ท่านยัง...” มู่เจินจูกระทืบเท้าด้วยความโกรธท่าทางโมโหร้ายของลู่เวยหย่า ทำให้มู่เจินจูไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกต่อไป"ท่านผู้เฒ่า น้องหญิงไม่เคยทําร้ายฮูหยินเลย ปีนั้นเป็นเพราะฮูหยิน น้องหญิงจึงได้รับวาสนาเข้ามาเพื่อรับใช้ท่าน น้องหญิงจะะวางยาพิษฮูหยินได้อย่างไร ถ้าท่านไม่เชื่อ น้องหญิงก็ประสงค์จะตาย"เมื่อพูดจบ ลู่เวยหย่าก็ยืนขึ้นและเอาหัวชนเข้ากับเสา“เหว่ยหยา!” มู่เทียนซิงอุทานชื่อออกมาอย่างตกใจและรีบไปหยุดเธอทันที แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของลู่เวยหย่า จะเร็วมาก“ตูม!” เสียงศรีษะกระแทกเข้ากับเสา“เวยหย่า!” มู่เทียนซิงตะโกนเสียงดังและกอดลู่เวยหย่า ที่ล้มลงอย่างรวดเร็ว“ท่านแม่!” จู่ๆ ห้องทั้งก็วุ่นวาย"ท่านผู้เฒ่า เวยหย่าไม่เคยทำร้ายฮูหยิน มันเป็นวาสนาของเวยหย่า
มู่เทียนซิงมองไปที่ป้าจ้าว แล้วมองไปที่ลู่เวยหย่าบนเตียง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความรู้สึกผิดมู่จิ่วซีเหลือบมองป้าจ้าว จากนั้นกลอกเตาของท่านหญิงรอง เมื่อตรวจสอบเธอเสร็จแล้ว จึงพูดว่า "ท่านหญิงรองสบายดี พักผ่อนก็จะดีขึ้น""หัวกระแทกเสาขนาดนี้ ยังไม่เป็นไรอีกหรอ?" ป้าจ้าวมองไปที่มู่จิ่วซีด้วยความไม่พอใจมู่จิ่วซีเหลือบมองป้าจ้าวอย่างเย็นชาป้าจ้าวอึ้งไปครู่หนึ่ง พบว่าแววตาของคุณหนูใหญ่คนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนได้"ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ท่านหญิงรองจะดีขึ้นเร็ว ๆ นี้" มู่จิ่วซีพูดจบก็ลุกขึ้น "ข้ามีเรื่องจะบอกพ่อ เราออกไปข้างนอกก่อนเถอะ"มู่เทียนซิงมองบนเตียงแล้วพูดกับป้าจ้าวทันทีว่า "ให้หมอดูให้ดี ๆ ดูแลท่านหญิงให้ดี"ป้าจ้าวตอบรับ และมองสองพ่อลูกออกไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ"ท่านพ่อ ท่านเชื่อสิ่งที่ป้าหวังพูดเหรอ เธอเป็นคนทําร้ายท่านแม่เอง?" มู่จิ่วซีถามมู่เทียนซิงมองเธอแล้วพูดว่า "ท่านคิดยังไง?""พูดตามตรง ข้าไม่เชื่อ ถ้าป้าหวังต้องการแก้แค้น ไม่จําเป็นต้องรอสิบกว่าปีหรอก""แล้วเจ้าคิดว่ามีคนสั่งให้เธอเหรอ?"มู่จิ่วซีมองไปที่พ่อของเธอที่จู่ๆ ก็ดูซีดเซียว และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร"เจ้าสง
"ว้าว ไม่รู้จริง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วไม่รู้ว่าลูกสาวบ้านไหนจะได้เป็นเจ้าหญิงผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ล่ะ""คุณหนูรองไป๋ ใครจะไม่รู้ว่าเธอรักผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์มานานแล้วล่ะ""พวกคุณเข้าใจอะไร ผู้สมัครตำแหน่งภริยาของผู้สําเร็จราชการแทนต้องเป็นคนที่พระพันปีหลวงโปรดปราน""ข้ากลับอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วใครกล้าแต่งงานกับคุณหนูใหญ่มู่จิ่วซี""ผู้หญิงวิกลจริตคนนี้ สุดท้ายคงไม่แต่งงานไม่ออกหรอกมั้ง...""ฮ่าๆๆ..."ทั้งเมืองหลวงกําลังถกเถียงเรื่องนี้กันอยู่ มู่จิ่วซีกลายเป็นตัวตลกจริง ๆมีเพียงฮั้วอวิ๋นเทียนจากหอดาราจันทราและ เย่อู๋เหิง จากศาลต้าหลี่เท่านั้นที่ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เพียงแค่ส่ายหัวทั้งคู่ได้สั่งการให้ติดตามตัวหมู่จิ่วซีมาสอบสวนอีกครั้งว่า แท้จริงแล้วหญิงรายนี้ปกปิดอะไรอยู่แน่นอนว่ามีอีกคนที่ทําเช่นเดียวกัน นั่นก็คือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ โม่จุนแม้จะยกเลิกงานสมรสได้สำเร็จ แต่การแสดงออกทั้งสองครั้งของมูจิ่วซีทำให้เขาประทับใจ ทั้งยังเกิดความสงสัยอย่างมากต่อข่าวลือของมูจิ่วซี จึงให้ผู้พิทักษ์เงาไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งในพระราชวังของพระพันปีหลวงฉือลู่ มู่จิ่วซี
โม่จุนรีบถวายบังคมแด่พระพันปีหลวง จากนั้นก็หันไปมองมู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่มู่ช่างเอาใจใส่ผู้อื่น ข้าขอบใจจริงๆ"จากนั้นเขาก็หันไปทูลกับพระพันปีหลวง : "พระพันปีหลวง ข้าน้อยจะไม่มีทางเสียใจ เพียงแต่ข้าน้อยขอรับประกันกับพระพันปีหลวงไว้อย่าง ว่าคุณหนูใหญ่มู่หากยังทรงไม่พบพระสวามีที่สมดั่งปรารถนา ข้าน้อยเองก็จะไม่แต่งงาน""หา เจ้าหมายความว่ายังไง นีคือเจ้าจะไม่แต่งงานงั้นรึ?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างขำขัน"เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้างกายข้าไม่จำเป็นต้องมีอิสตรี" โม่จุนมองนางอย่างเย็นชา"นี่เจ้าเอาข้ามาเป็นเกราะกำบังงั้นสินะ" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วพระพันปีหลวงตะคอกออกมาอย่างไม่พระทัย : "สามหาว ! เจ้าเป็นถึงท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะไม่แต่งงานได้อย่างไร? ข้าไม่อนุญาต!"โม่จุนสีหน้าบูดบึ้งในทันทีพร้อมกับมองพระพันปีหลวงด้วยสีหน้าที่สงสัยอย่างมาก : "ทูลพระพันปีหลวง หากข้าน้อยต้องแต่งงาน ข้าน้อยเองก็คงต้องรอฝ่าบาทครบ 16 พรรษาก่อนกระมังพะยะค่ะ""16 พรรษา? งั้นก็อีก 5 ปีเลยนะสิ?" มู่จิ่วซีคำนวนอยู่ครู่หนึ่ง ในใจก็คิดว่าผู้ชายอายุ 28 ปีถึงค่อยแต่งงานก็ไม่นับว่าเร็วเกินไป อีกอย่างเป็นผู้ชายก็ควรจะมีการงานทำก
"หรือว่าผู้ชายสันดานหมาคนนั้นยังรักสนมเอกสามอยู่?" มู่จิ่วซีก็รู้สึกดูหมิ่นอยู่ในใจพระพันปีหลวงถอนหายใจกล่าวออกมา : "อย่าพูดจาสามหาว ลึกๆ ในใจของท่านผู้สำเร็จราชการแทน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่เซียวหลิงเย่ว์สำหรับเขา...""นั่นมันผ่านมาตั้งนานแล้ว ถ้าเขายังคงฝังใจไม่ลืม แล้วสนมเอกสามกับเขายิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย!""ถ้าเขาคิดขึ้นมาจริงๆ ใครจะไปขวางเข้าได้ อันที่จริงในใจของเขาก็ข่มขื่น ข้ารู้ดี" พระพันปีหลวงถอนหายใจอีกครั้ง"เขาจะขมขื่นอะไร เขามันหน้ามืดตามัวเอง อีกอย่างไม่ใช่เขาที่ทำให้เซียวหลิงเย่ว์ผิดหวัง เป็นเซียวหลิงเย่ว์เองที่แต่งงานกับเสด็จลุงสาม เห็นชัดแล้วว่าเซียวหลิงเย่ว์ไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเขา""ยัยหนูคนนี้ วันนี้ทำไมเจ้าได้ถึงพูดมากขนาดนี้?" พระพันปีหลวงตรัสอย่างตกใจ"นี่ไม่ใช่ว่าเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้หรอกหรอ!" มู่จิ่วซีเบ้ปากพูดขึ้นมา "ผู้ชายคนนี้มีตาหามีแววไม่" (เจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ หมายถึง ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้)"ยัยหนูอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร" พระพันปีหลวงถอนหายใจอีกครั้
มู่จิ่วซีไม่พอใจสีหน้าดำทะมึนของโม่จุนพร้อมกับเอ่ยอย่างไม่พอใจออกมาทันที : "มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา มีอะไรจะแพล่มก็รีบแพล่ม!"โม่จุนจู่ๆ ก็พุ่งฝ่ามือโจมตี มู่จิ่วซีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นเขาก็คว้ามาที่คอของนางทันทีแต่มู่จิ่วซีก็ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม นางง้างมือออกไปบังเงื้อมมือของโม่จุนที่เข้ามาคว้าเอาไว้แทบจะในเวลาเดียวกันดังนั้นในเวลาเดียวกันนั้น โม่จุนได้คว้าคอของมู่จิ่วซี แต่มู่จิ่วซีกลับเร็วกว่าอยู่ช่วงหนึ่งและได้คว้ากล่องดวงใจของโม่จุนเอาไว้สี่สายตาสอดประสาน แววตาของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความโกรธโมโหและจิตสังหาร"ต่ำตม!" โม่จุนวางมือในทันที เพียงแต่ใบหน้าที่โกรธแค้นของเขาก็ได้ปรากฎสีแดงระเรื่อขึ้นมาจางๆ"ต่ำช้า!" ทันใดนั้นสีหน้าของมู่จิ่วซีก็ไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความทะเล้น บรรยากาศรอบกายของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโม่จุนเลยแววตาที่คมกริบคู่นั้นทำให้โม่จุนรู้สึกว่ามู่จิ่วซีคนนี้ไม่ใช่คนอย่างที่ผู้คนกล่าวถึงอย่างแน่นอน"โม่จุน ข้าขอเตือนเจ้าไว้ ครั้งหน้าหากยังคว้าที่คอของข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้ามีลูกไม่ได้อีกเลยคอยดู!" มู่จิ่วซีพอพูดจบก็กำมือที่คว้ากล่องดวงใจขอ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่