มู่จิ่วซีรับรู้ถึงสายตาที่หยั่งเชิงลึกของโม่จุน นางหันไปมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยฟันยิ้มแฉ่งให้กับเขาในใจก็คิดว่าชายคงนี้คงจะคิดฉวยโอกาสให้กับตัวนางเอง กลัวว่านางเองคงจะยิงธนูไม่เป็นสินะนางเองถ้าต้องถูกผู้ชายชาติหมดคนนี้มองจนทะลุปรุโปร่ง นางจะยังเรียกตัวเองว่าราชินีแห่งราตรีได้หรอ?"ก้อนหินเยอะแยะไปหมด พวกเราไปช่วยหยิบมาให้" มีคนกล่าวขึ้นมา ทุกคนต่างก็ช่วยกันเก็บก้อนหิวแถวนั้นจากนั้นก็มีคนเอาเป้าธนูมาวางตั้งเอาไว้ ไม่นานนักด้านหน้าของมู่จิ่วซีก็มีหินมาวางไว้กองหนึ่ง ด้านหน้าของฝนทมิฬก็มีหินกองหนึ่งวางเอาไว้เช่นกันมู่จิ่วซีหยิบหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งขึ้นมาถือและกล่าว : "ดูว่าใครเขวี้ยงโดนจุดแดงตรงกลางใช่ไหม?"ฝนทมิฬเหลือบมองครู่หนึ่งและพูดขึ้นมา : "ใช่ คุณหนูใหญ่คิดว่าระยะประมาณนี้พอจะได้ไหม?""แล้วแต่เจ้าเลย" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว"งั้นเราก็แข่งที่ระยะ 30 เมตรแล้วกัน" ฝนทมิฬเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมามู่จิ่วซีพยักหน้า พวกทหารย้ายเป้าธนูถอยออกไปอีกให้ห่างเป็นระยะทางประมาณ 30 เมตรระยะห่างถึงขนาดนี้ การจะปาให้โดนจุดแดงใจกลางถือว่ายากมาก การกะเรี่ยวแรงไม่อาจพลาดไปได้เลย
"เหน็บแนมเขาคนเดียวซะที่ไหนล่ะ ทุกคนต่างก็ล้วนโดนหางเลขไปด้วย""ใช่น่ะสิ พวกเจ้าบอกทีว่าที่คุณหนูใหญ่มู่พูดว่าพวกเรามันสวะ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าพวกเราดูจะคล้ายขึ้นมาจริงๆ""ถ้าต้องประลองกับนางพวกเรามันก็สวะจริงๆ""ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ พวกเราร่ำเรียนกันมาตั้งหลายปี ทำไมทักาะแต่ละอย่างของเราถึงเทียบกับนางไม่ติด""ที่เลวร้ายที่สุดคือ คุณหนูใหญ่มู่แต่ก่อนเป็นคุณหนูใหญ่ผู้ลากมากดีที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เพียงพริบตานางก็กลับมามีความสามารถหลากหลาย สั่นสะเทือนผู้คนไปทั้งใต้หล้า""ช่างอัศจรรย์""บุตรสาวของพระผู้เป็นเจ้าหรือไง""ฮือๆ พวกเราแพ้โคตรอนาถเลย...ไม่มีหน้าไปเจอคนแล้ว...""นายท่านเสียหน้าจนไม่มีให้จะเสียแล้ว"รอบด้านต่างมีเสียงดังขึ้นไปทั่ว มู่จิ่วซีได้ยินก็เกือบจะหัวเราะออกมา"เจ้ายิงธนูไม่เป็นใช่ไหม?" ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โม่จุนมาอยู่ข้างกายนาง เสียงอันแผ่วเบาของเขาได้ดังขึ้นข้างหูของนางมู่จิ่วซีเอื้อมมืออกมาและผลักเขาออกไปและก็กล่าว : "พูดดีๆ ก็ได้ จะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ทำไม ถ้าข้าพลาดมือไป เจ้าได้สิ้นชีพแน่"โม่จุนตกตะลึงไป จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาเขาก็โกรธขึ้นมา
โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี จากนั้นก็หันมองจี๋เฟิงและกล่าว : "จี๋เฟิงคือทหารมังกรดำพอจะจัดอันดับได้ว่าเป็นผู้พิทักษ์เงาแนวหน้า 20 คนแรก""20 คนแรก? แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย?" มู่จิ่วซีหันมองจี๋เฟิงและกลับตกใจเล็กน้อยใบหน้าอันเรียบเฉยปกติของจี๋เฟิงดูเหมือนจะขยับเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองมู่จิ่วซีและกล่าว : "ได้โปรดคุณหนูใหญ่มู่สั่งสอน ข้าน้อยอย่างข้าพอจะเข้าใจถึงความเก่งกาจผู้พิทักษ์เงาของแคว้นศัตรู""พวกนั้นน่ะเหรอ เจ้าไม่ต้องไปเข้าใจหรอก ไม่ต่างกับพวกเจ้าเท่าไหร่" ประโยคนี้ของมู่จิ่วซีทำให้กลุ่มทหารมังกรดำส่งเสียงร้องระงมกันออกมาโม่จุนก็กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ : "จากที่ข้าดูแล้ว พวกเจ้าอาจเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ! ขายหน้านัก"โม่จุนรู้สึกชายหน้าจริงๆ เขาพามู่จิ่วซีมาที่ค่ายของทหารมังกรดำเพื่อให้นางได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งผู้พิทักษ์เงาของแคว้นเกาอวิ๋นใครจะไปคิดว่ากลับแพ้ยับเยิน อีกทั้งระดับยังห่างชั้นกันแบบต่อให้หวดม้าไล่ตามก็ตามไม่ทันประเภทนั้น มันทำให้เขารู้สึกใจหายวาบหากแคว้นศัตรูมีมู่จิ่วซี เขารู้สึกว่าเขาคงได้แต่ต้องกังวลจนผมบนหัวได้ล่วงหมดแน่แต่ที่ยังดีคือมู่จิ่วซีคือคนของแคว้นเกาอว
"ได้! วันนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า ขอเพียงเจ้าชนะ ข้าจะให้เจ้าได้เป็นผู้พิทักษ์เงาข้างกายของโม่จุน""คุณหนูใหญ่มู่ ท่านไม่ได้เป็นคนกำหนด" จี๋เฟิงหันไปมองโม่จุนครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวออกมาพร้อมกับอดกลั้นดวงตาที่แดงฉานโม่จุนหัวเราะยิ้มขึ้นมาและก็กล่าว : "จี๋เฟิง ถ้าหากเจ้าสามารถเอาชนะคุณหนูใหญ่มู่ได้ อย่าว่าแต่ตำแหน่งผู้พิทักษ์เงาข้างกาย ข้าจะให้เจ้าได้เป็นพี่ใหญ่ผู้พิทักษ์เงาข้างกายของข้าก็ยังได้!""ท่านอ๋อง ท่านพูดจริงอย่างงั้นหรือ?" จี๋เฟิงกล่าวขึ้นมาอย่างดีใจ ทหารมังกรดำคนอื่นก็ล้วนตกใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างล้วนอิจฉาถึงอย่างไรการได้อยู่ข้างกายท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็ดูน่าเกรงขามแล้ว อีกทั้งยังได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์มากมาย ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย"แน่นอนว่าที่ข้าพูดไปสามารถกล่าวได้ว่า พวกเจ้าที่นี่ทั้งหมดขอเพียงสามารถเอาประลองเอาชนะคุณหนูใหญ่มู่ได้ พวกเจ้าก็ล้วนจะสามารถเป็นผู้พิทักษ์เงาข้างกายข้าได้เช่นกัน" โม่จุนก็ได้ใช้สิ่งล่อใจนี้กับพวกเขา ทหารมังกรดำต่างล้วนถูกชักนำอารมณ์จนฮึกเหิมสายตาพวกเขาที่มองไปยังมู่จิ่วซีราวกับกำลังหมายปองหมั่นโถวร้อนๆ อย่างใดอย่างนั้น"พ
มู่จิ่วซียิ้มกล่าว : "จี๋เฟิง จริงๆ แล้วข้าสามารถโจมตีเจ้าได้ตั้งแต่แรก" มู่จิ่วซีตีไม้เรียวกับมือตัวเองและก็กล่าว "ข้าเคยบอกแล้ว ข้าเป็นแต่กระบวนท่าสังหาร ข้าสู้กับเจ้าไปตั้งหลายกระบวนท่าขนาดนั้น อันที่จริงมันไม่ควรด้วยซ้ำ"ประโยคนี้ทำให้จี๋เฟิงสีหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา"ไม่พอใจสินะ ต่อเลย แต่ว่ากระบวนท่าของข้าต่อจากนี้จะล้วนเป็นกระบวนท่าสังหาร พวกเจ้าทุกคนจับตาไว้ให้ดีล่ะ เรียนได้ก็เรียน เรียนไม่ได้ก็รู้ไว้ซะว่าตัวเองโง่มากแค่ไหน" จู่ๆ มู่จิ่วซีก็พูดขึ้นมาพร้อมกับน้ำเสียงอันคมกริบบรรยากาศอึมครึมได้แผ่ซ่านออกมารอบตัวของนาง จิตสังการที่กระหายเลือดอันรุนแรงได้ปกคุลมไปทั่วทุกบริเวณทหารมังกรดำที่อยู่ตรงนั้นต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที พวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าซีดขาวแม้แต่โม่จุน็ยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่มืดครึ้ม ราวกับว่าเขาได้เจอกับศัตรูที่สุดยอดในใจของเขารู้สึกตกใจอย่างมาก บรรยากาศกลิ่นอายของมู่จิ่วซีแบบนี้สิ ถึงจะเป็นการแสดงพลังที่แท้จริงของนาง แม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะรับรู้ได้ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนในครั้งนี้นางเหมือนกับได้ปกครองขุมนรกไว้ทั้งหมด ส่วนนางก็คือจักรพรรดินีของขุมนรกนี้ ข
ในตอนสุดท้ายเขาถูกมู่จิ่วซีใช้ฝ่าเท้าเตะกวาด ขาเรียวยาวของนางวาดเตะออกมาตั้งฉากกลับลำตัวของนาง ตรงส่วนปลายรองเท้าได้ปรากฎใบมีดแหลมคมเฉือนไปตรงลำคอของจี๋เฟิง"พี่ใหญ่จี๋เฟิง!" หลายคนกระโจนเข้ามาช่วย พวกเขาคิดว่าจี๋เฟิงถูกมู่จิ่วซีฆ่าตายไปแล้ว"เขาไม่เป็นไร" มู่จิ่วซีปัดฝุ่นตามลำตัวและพูดออกมา "นอกจากรวดเร็ว รุนแรงและแม่นยำแล้ว ร่างกายอันยืดหยุ่นคงจะเป็นกุญแจไปสู่ชัยชนะ แล้วก็ ต้องเข้าใจอีกว่าอวัยวะส่วนไหนที่ควรจะเอามารับแบดเจ็บแทนเพื่อปกป้องชีวิต นี่เป็นวิธีช่วยชีวิตตัวเองในตอนที่วิกฤติที่สุด""คุณหนูใหญ่มู่ ทำไมบนตัวของเจ้าถึงได้มีอาวุธลับมากมาย?" บางคนที่ทั้งสงสัยและกังวลก็ได้ถามขึ้นมามู่จิ่วซีก้ยิ้มกล่าว : "ข้ากลัวตายไง ดังนั้นขอเพียงว่าซ่อนไว้ได้ ข้าก็จะซ่อนเอาไว้ตามร่างกาย เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน อีกเรื่องหนึ่ง หากตัวเองถูกจับได้ การมีสิ่งของซ่อนไว้ได้มากขึ้นแม้เพียงหนึ่งชิ้น บางทีก็อาจช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แน่นอนว่าสามารถเอาไว้ใช้ปลิดชีพตัวเองก็ได้ เผื่อว่าจะทนการถูกทรมานไม่ไหว"มู่จิ่วซีเผยไพ่ลับก้นหีบออกมาหลายใบ แต่ว่าในผมของนางยังมีสิ่งของที่ยังไม่ถูกเผยออกมาให้เห็น นางเอ
ทุกคนทั้งตืนตระหนกและตื่นเต้น ทหารมังกรดำคนหนึ่งอดไม่ไหวที่จะถามขึ้นมา : "คุณหนูใหญ่มู่ ท่านะจะมอบของดีอะไรให้กับพวกเรางั้นเหรอ""จากที่ข้าดูแล้ว เจ้ากินแส้ของข้าก็คงพอแล้ว ยังจะคิดอยากจะได้ของดีอะไรอีก" มู่จิ่วซีกรอกตามองเขาอย่างโมโหทันใดนั้นทั้งหมดก็ต่างหัวเราะเยาะขึ้นมาหลังจากนั้น ตรงสนามนั้นก็ได้ปรากฎภาพฉากพิสดารให้เห็น ทหารมังกรดำแต่ละคนส่งเสียงร้องอย่างเวทนา พวกเขาต่างกุบบั้นท้ายหนีกันอุตลุดมู่จิ่วซีเดิมทีกำลังใช้แส้ฟาดไปที่ก้นของพวกเขา ตอนที่โม่จุนกำลังจะเดินเข้ามาก็ได้เห็นภาพฉากนี้เช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินออกไปผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ชายหรือเปล่า เขาทนดูไม่ไหวจริงๆทำไมนางทำอะไรถึงได้ดูห่ามขนาดนั้น? นางแปลกประหลาดมากจริงๆ ทำไมนางถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น?ชั่วขณะนั้นโม่จุนก็รู้สึกว่าหากตัวเขาเองไม่ตั้งใจพยายามมากกว่านี้ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องแพ้ให้กับผู้หญิงคนนี้แน่สนามตรงนั้นนอกจากจะมีเสียงโหยหวนออกมาแล้ว ก็ยังมีเสียงกู่ร้องยินดีออกมาด้วย เพราะในตอนสุดท้ายมู่จิ่วซีก็หยิบดาบยาวประมาณนิ้วมือซึ่งใบมีดบางเหมือนกับปีกของจั๊กจั่นมอบให้จี๋เฟิง"รู้ไหมว่าซ่อนเอาไว
"เรื่องแปลกอะไร? เจ้าอย่าบอกข้านะว่าเขาไปหาเซียวหลิงเย่ว์แล้ว?" มู่จิ่วซีคาดเดาและกล่าวออกมาเย่อู่เหิงก็รีบห่ายหัวและกล่าว : "ไม่ใช่แบบนั้นขอรับ หวางจึเย่หลังจากออกไป ภายในร้านเครื่องประดับฮัวคายชี่ไหลก็มีคนเดินออกมาคนหนึ่ง""ใคร?" ม่านตาของมู่จิ่วซีถึงกับหดลง"ท่านอ๋องสี่ขอรับ" สีหน้าของเย่อู๋เหิงดูหนักอึ้งอย่างมากมู่จิ่วซีเองก็ตกใจเหมือนกัน"เจ้าว่าใครนะ?" มู่จิ่วซีถามอีกครั้ง นางเองก็ไม่อยากจะเชื่อ"ท่านอ๋องสี่โม่อี้ซิวขอรับ" เย่อู่เหิงกล่าวอีกครั้ง อันที่จริงเขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกราวกับว่าเรื่องยิ่งซับซ้อนมาขึ้นห่างไกลจากที่พวกเขาคาดคะเนไว้อีก"เจ้าแน่ใจ? หวางจึเย่มาพบกับท่านอ๋องสี่หรือ?" มู่จิ่วซีกล่าวออกมาด้วยเสียงแหลมเย่อู่เหิงส่ายหัว : "ไม่มั่นใจขอรับ คือหวางจึเย่ออกไปได้ไม่นานนัก ท่านอ๋องสี่ก็เดินออกมา แต่ว่าร้านเครื่องประดับฮัวคายชี่ไหลเป็นของท่านอ๋องสี่ หรือว่ามันจะแค่เรื่องบังเอิญ?""เรื่องนี้มีความสำคัญมาก ไม่สามารถหาข้อสรุปแบบเลื่อนลอยได้ บางทีท่านอ๋องสี่อาจบังเอิญอยู่ที่นั่นเพื่อคิดเงินบัญชี" มู่จิ่วซีอธิบายแก้ต่างกับตนเอง "แต่หวางจึเย่ไปที่ร้านเครื่อง
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่