"คุณชายใหญ่ขอรับ นายท่านเชิญไปพบที่ห้องหนังสือขอรับ"ซีห่าวพ่อบ้านชรารีบวิ่งเข้าไปรายงานเขา
หานสวี่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาหันไปมองหน้าพ่อบ้านชรา คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น เขาแสดงออกถึงความลังเลออกมาเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินตรงไปยังห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว
"ท่านพ่อเรียกหาข้ามีเหตุใดหรือขอรับ" หานจี้กงเงยหน้าขึ้นมองบุตรชาย ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปยังเก้าอี้ตรงข้าม หานสวี่จึงเดินไปทิ้งตัวลงนั่งทันที
"พ่อมีเรื่องจะหารือกับเจ้าเพียงไม่นาน" หานสวี่ไม่มีทางเลือก เขาจำต้องยอมอยู่พูดคุยกับบิดาเสียก่อนแม้จะรีบร้อนอยากไปพบไป่อ้ายเหม่ยเพียงใดก็ตาม หานจี้กงจ้องมองบุตรชายด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขารู้ทันเสียหรอก หานสวี่คงจะรีบไปงานโคมไฟตามที่ได้นัดหมายกับไป่อ้ายเหม่ยเอาไว้เป็นแน่ หานจี้กงไม่อยากจะขัดขวางบุตรชายเท่าใดนัก แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจหักหาญน้ำใจของภรรยาตนได้เช่นกัน เถาฮวาไม่ชอบไป่อ้ายเหม่ย และเขาก็เห็นด้วยกับภรรยา การที่หานสวี่มีภรรยาแล้ว และยังจะไปนัดกับสตรีนางอื่นคงจะไม่ดีนักหานจี้กงจึงมาบังคับบุตรชายคงจะง่ายเสียกว่า
"ท่านพ่อว่ามาเถอะขอรับ" หานสวี่จำต้องนั่งฟังผู้เป็นบิดาเอ่ยถึงเรื่องงานในวังหลวง ซึ่งเขายังไม่เห็นว่าสิ่งที่บิดากล่าวมานั้นจะเกี่ยวข้องกับเขาตรงไหน ทว่าก็ไม่สามารถแย้งอันใดออกไปได้ สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่นั่งฟังเพียงเท่านั้น
...
ด้านไป่อ้ายเหม่ยนางออกมายืนรอชายหนุ่มที่สะพานเฉินเจี้ยนอยู่ก่อนแล้ว นางเหลียวมองหา ทว่าก็ไม่เห็นแม้เพียงเงาของหานสวี่ ใบหน้างามเริ่มบูดบึ้งอย่างไม่พอใจ
"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวว่าฮูหยินน้อยคงจะมิยินยอมให้คุณชายหานมาเป็นแน่เจ้าค่ะ"ซู่ลี่สาวใช้คนสนิทเอ่ยขึ้นมา สายตาก็พลางช่วยเจ้านายตนเองมองหาไปด้วย
"ข้าว่าไม่ใช่!! นังเสิ่นชิงเยียนหาได้มีความสำคัญกับพี่สวี่ไม่ ผู้ที่จะขัดขวางพี่สวี่ได้คงมีแต่สุนัขจิ้งจอกเถาฮวาเท่านั้น" ไป่อ้ายเหม่ยกำมือแน่น แววตาของนางแข็งกร้าวขึ้นมาทันที ท่าทีอ่อนโยนงดงามยามที่อยู่ต่อหน้าหานสวี่พลันมลายหายไปจนหมดสิ้น
"คุณชายหานก็เกรงกลัวมารดาเสียยิ่ง หากคุณหนูแต่งเข้าไปจะไม่เป็นอันใดหรือเจ้าคะ บ่าวก็กลัวแต่เพียงว่าฮูหยินใหญ่จะรังแกคุณหนูของบ่าวก็เท่านั้น"
"หึ!! ไม่มีทางเสียหรอก เจ้าจงคอยดูเอาไว้เถิดซู่ลี่ หากข้าแต่งเข้าไปอยู่ในจวนตระกูลหานได้เมื่อใดนังจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้น จะต้องตกตายในอีกไม่ช้าเป็นแน่" ซู่ลี่เบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่ไม่ใช่ว่าคุณหนูของนางจะลงมือสังหารมารดาของหานสวี่หรอกหรือ
ซู่ลี่อดที่จะหวาดกลัวคุณหนูของตนเองไม่ได้ ใช่ว่านางจะไม่เคยเห็นว่าคุณหนูของนางเคยสั่งฆ่าคนมาก่อน ขนาดน้องสาวตนเองที่เป็นบุตรสาวของอนุภรรยาท่านกงซุน ไป่อ้ายเหม่ยเกิดริษยาที่น้องสาวงดงามยิ่งกว่า นางจึงจัดการลอบวางยาพิษให้น้องสาวตกตายไปเสีย
ซู่ลี่รู้ตัวดีว่าการรับใช้เจ้านายเช่นนี้ควรจะวางตัวเช่นไร ไม่ว่าจะถูกหรือผิดนางก็ต้องว่าตามเจ้านายตนเองเสมอ
"อุ๊ย!! ตาบอดหรืออย่างไร ถึงไม่เห็นข้ายืนอยู่ตรงนี้ ช่างบังอาจนัก รู้หรือไม่ว่าบิดาของข้าคือผู้ใด" ในขณะที่ไป่อ้ายเหม่ยกำลังกระวนกระวายกับการรอคอยหานสวี่อยู่นั้นจู่ ๆ ร่างบางก็โดนกระแทกอย่างไม่ตั้งตัว ไป่อ้ายเหม่ยจึงหันไปต่อว่าด้วยโทสะอย่างทันที
"ขออภัยแม่นางด้วย เป็นเพราะข้าที่ไม่ทันระวังเอง หวังว่าแม่นางจะไม่ถือสา"ไป่อ้ายเหม่ยเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงห้าวหาญนุ่มลึกที่ดังขึ้นเหนือศีรษะของตนเอง นางเบิกตากว้างก่อนจะก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย บุรุษผู้นี้มีใบหน้าคมคายทว่าหล่อเหลา สีผิวคล้ำเสมือนว่าไม่ใช่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง
"เอ่อ...หากท่านไม่ตั้งใจก็แล้วไปเถอะ ข้าจะถือสาหาความได้เช่นไรกัน" ไป่อ้ายเหม่ยเอ่ยออกไปอย่างคนใจกว้าง
"ขอบคุณแม่นางที่ไม่ถือสาข้า ข้าจ้าวเทียนอี้ต้องขออภัยจากใจจริงแม่นางเล่าแซ่อันใดหรือ"
เป็นอีกครั้งที่ไป่อ้ายเหม่ยต้องตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง บุรุษตรงหน้าหาใช่คนธรรมดาไม่ เขาเป็นถึงแม่ทัพบูรพาไร้พ่ายถึงแม้จะมิได้เป็นเชื้อพระวงศ์แต่ก็สืบทอดตำแหน่งโหวมาจากบิดาและฝีมือการรบทัพจับศึกของเขานั้นขนาดฮ่องเต้ยังต้องเกรงใจอยู่หลายส่วน
"ข้าแซ่ไป่ เป็นบุตรสาวของท่านกงซุนไป่หยาง" ไป่อ้ายเหม่ยแนะนำตนเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ การยืนรอหานสวี่ไม่เสียเปล่าเสียแล้ว
หากเลือกได้ผู้ใดบ้างจะไม่อยากเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพไร้พ่ายผู้นี้จ้าวเทียนอี้ยืนสนทนากับไป่อ้ายเหม่ยอีกเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวเดินเข้าไปในงานลอยโคมไฟ
ทว่าเขายังไม่ทันจะได้ก้าวเดินจากไป ไป่อ้ายเหม่ยก็เซเหมือนจะล้มเสียอย่างนั้น แม่ทัพหนุ่มรีบเข้าไปช่วยประคองนางทันที ก่อนจะขยับกายออกมาเล็กน้อย เขาเป็นบุรุษส่วนนางเป็นสตรี ย่อมมิอาจชิดใกล้
"แม่นางไป่เป็นอย่างไรบ้าง" แม่ทัพหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอยู่เพียงแค่ในกองทัพ หาได้ทันเล่ห์เหลี่ยมสตรีก็ตกใจเสียขวัญ เขาคิดเพียงแค่อยากจะช่วยนางไม่ให้ล้มลงไปบนพื้นก็เพียงเท่านั้น
"เอ่อ...ข้ารู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าน่ะเจ้าค่ะ เมื่อครู่ที่โดนชนข้ายังไม่ทันได้รู้สึก แค่เพียงลงน้ำหนักเท้าก็เจ็บขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ท่านแม่ทัพอย่าได้เป็นกังวล ข้าหาได้เป็นอันใดไม่ หากท่านแม่ทัพมีธุระอันใดก็รีบไปทำเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเหม่ยเอ๋อร์ เอ่อ!! ประเดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้พยุงข้ากลับจวนเจ้าค่ะ"
"หากเช่นนั้นให้ข้าไปส่งแม่นางไป่ที่จวน เป็นการไถ่โทษเถอะนะ"
สายตาของจ้าวเทียนอี้ที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา หาได้มีความเสน่หาในสายตานั้นไม่ เขาเพียงแค่ต้องการจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองเป็นต้นเหตุเพียงเท่านั้น ผิดกับไป่อ้ายเหม่ยที่คิดเข้าข้างตนเอง นางลืมเลือนนัดของหานสวี่ไปเสียหมดสิ้น
จ้าวเทียนอี้ผายมือไปข้างหน้า ซู่ลี่ประคองเจ้านายตนเองเดินไปอย่างช้า ๆ หนึ่งหญิงงามกับหนึ่งบุรุษองอาจช่างเหมือนกับว่าทั้งคู่มาเดินเที่ยวงานด้วยกัน สายตาคนรอบข้างต่างก็มองด้วยความชื่นชม ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวข้ามสะพานไม้ หานสวี่ก็ปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังของบุคคลทั้งสาม
"เหม๋ยเอ๋อร์นั่นเจ้าจะไปที่ใดหรือ เรามิใช่นัดกันที่นี่หรอกหรือ" เสียงหานสวี่ดังขึ้นจากทางด้านหลังไป่อ้ายเหม่ยรีบหันไปมองอย่างตกใจ
"พี่สวี่"
นางเบิกตากว้าง เหมือนภรรยาที่โดนจับได้ว่ามีชู้ ทว่าความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ หานสวี่ไม่ใช่สามีของนางเสียหน่อย
"ข้าเอง"
"หากสหายแม่นางมาแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวไปก่อน ขออภัยแม่นางไป่ด้วย ที่ข้าไม่ทันระวังทำให้แม่นางเจ็บตัวเช่นนี้ หากวันหลังมีโอกาสพบเจอ ข้าจะขอเลี้ยงน้ำชาเป็นการไถ่โทษ ข้าขอตัวลาก่อน"
จ้าวเทียนอี้ไม่รั้งรอฟังคำตอบ เขาเดินจากไปด้วยท่าทางองอาจสง่างาม ไป่อ้ายเหม่ยรู้สึกเสียดายโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักอีกฝ่ายอยู่บ้าง หากก็คิดเพียงแค่ว่า จ้าวเทียนอี้เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ บุรุษที่อยู่ตรงนี้เองเล่าที่นางสามารถจับต้องได้ อย่างไรเสียนางก็ต้องเลือกหานสวี่เอาไว้ก่อน
ตอนที่ 10แม่สามีจัดให้"เยียนเอ๋อร์แต่งตัวเสร็จแล้วหรือไม่ หากเจ้ายังชักช้าอยู่เช่นนี้เราคงจะตามชายโฉดหญิงชั่วไม่ทันเป็นแน่ เจ้าช่วยเร่งมือหน่อยเถิด"เสิ่นชิงเยียนหันไปมองที่ประตู นางได้ยินเสียงกังวานใสของฮูหยินใหญ่ดังขึ้นอย่างร้อนอกร้อนใจ จะไม่ให้ร้อนใจได้อย่างไรเล่าก็ลูกสะใภ้คนโปรดแต่งตัวอยู่ในห้องหอเป็นนานสองนาน บุตรชายนางก็ออกจากจวนไปตั้งนานแล้ว หากไม่รีบตามไปคงไม่ทันเวลาเป็นแน่"เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่" ครั้นเสิ่นชิงเยียนเปิดประตูออกมา ก็เจอเข้ากับฮูหยินใหญ่ที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้อง"เยียนเอ๋อร์ขออภัยที่ให้ท่านแม่รอนานนะเจ้าคะ"ใบหน้าสวยหวานก้มลงอย่างรู้สึกผิดที่ปล่อยให้แม่สามีต้องมายืนรอตนที่หน้าห้องเป็นเวลานานเช่นนี้"ไปกันเถอะ อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย"เถาฮวาหาได้ถือสาเอาความอันใดกับลูกสะใภ้ นางหันไปคว้าแขนเสิ่นชิงเยียนและดึงนางให้เดินออกไปยังรถม้าที่จอดอยู่หน้าจวนอย่างเร่งรีบเสิ่นชิงเยียนไม่ได้คัดค้านอันใดอีก นางรู้ดีว่าสามีนางมีนัดกับหญิงคนรัก นางเองก็เคยประจักษ์กับตาแล้วว่าทั้งคู่รักกันมากเพียงใด ครั้นจะเข้าไปแยกทั้งคู่หาใช่เรื่องสมควรไม่ เพราะถึงอย่างไรอีกเพียงสามปีนางก็ต้องย
ตอนที่ 11 เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง"พี่เทียนอี้!!!" เสิ่นชิงเยียนได้ยินเสียงกึ่งตัดพ้อตนเองก็นึกสงสัยคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นางค่อย ๆ หันหน้าไปมองแต่แล้วดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้น รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าหวาน ก่อนจะเปล่งเสียงกังวานใสเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปเสียงดังอย่างลืมนึกถึงมารยาทของสตรีที่พึงกระทำ "ใช่แล้วเป็นพี่เทียนอี้ของเจ้าเอง แต่เยียนเอ๋อร์ยังจำพี่ได้อยู่อีกหรือ" น้ำเสียงที่เอ่ยออกมา มีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน เสิ่นชิงเยียนยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ นานเพียงใดแล้วที่นางกับจ้าวเทียนอี้มิได้พบเจอกันเลย ภาพวันวานไหลย้อนเข้ามาในความทรงจำ รอยยิ้มหวานปรากฏอยู่บนใบหน้า สะกดสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมาให้หยุดมอง ไม่เว้นแม้แต่บุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าสามี หานสวี่มิเคยเห็นรอยยิ้มเบิกบานของนางเช่นนี้มาก่อน"พี่เทียนอี้อย่าได้น้อยใจเลย เยียนเอ๋อร์ทราบดีว่าพี่เทียนอี้มีสิ่งที่ต้องทำมากมาย งานมงคลของเยียนเอ๋อร์เป็นเรื่องเล็ก ไหนเลยจะกล้ารบกวนพี่เทียนอี้เล่าเจ้าคะ เอ่อ...พี่เทียนอี้เจ้าคะ นี่ฮูหยินเถาฮวา ฮูหยินใหญ่สกุลหานแม่สามีเยียนเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ" เสิ่นชิงเยียนหันไปมองเห็นเถาฮวาที่ยืนทำหน้างุนงง ก็รี
ตอนที่ 12 ไหน้ำส้มแตก"พี่เทียนอี้เชิญดื่มน้ำชาก่อนเจ้าค่ะ"เสิ่นชิงเยียนรับขนมกับน้ำชาจากสาวใช้คนสนิท แล้วจึงวางเอาไว้ด้านหน้าของแม่ทัพหนุ่ม"อืม!! ชาหลงจิ่งใช่หรือไม่ รสชาติดียิ่งนัก จำได้ว่าพี่เคยนำชาหลงจิ่งจากท่านน้าซุนฟากลับไปที่ชายแดนด้วย หลังจากครั้งนั้นก็ไม่เคยได้ดื่มอีกเลย" จ้าวเทียนอี้ค่อย ๆ ลิ้มรสชาติชาชั้นดีจากจวนตระกูลเสิ่นอย่างมีความสุขชาชนิดนี้จะเป็นชาที่ใช้เฉพาะจวนตระกูลเสิ่นเพียงเท่านั้น ที่อื่นหาได้มีไม่ ทว่าที่จวนตระกูลหานมีชาชนิดนี้ นั่นก็หมายความว่าเสิ่นชิงเยียนต้องนำของดีจากจวนตนเองมาใช้ที่นี่ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็หาใช่เรื่องแปลกไม่ ในเมื่อนางแต่งเข้ามาในสกุลหานแล้ว นางก็คงจะอยากเอาใจผู้คนสกุลหานเช่นนั้นกระมั้ง"เจ้าค่ะ เยียนเอ๋อร์แบ่งเอามาไว้ชงให้ท่านพ่อกับท่านแม่สามีเยียนเอ๋อร์ได้ดื่มเจ้าค่ะพี่เทียนอี้จะกลับชายแดนวันไหนหรือเจ้าคะ"เสิ่นชิงเยียนเห็นแม่ทัพหนุ่มดื่มชาหมดจอกนางก็เป็นคนเติมลงไปให้ ใบหน้าหวานยิ้มกว้างอย่างพอใจ ที่เห็นพี่ชายคนสนิททั้งดื่มชาและกินขนมที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อยเสิ่นชิงเยียนนึกไปถึงสมัยเมื่อครั้งยังเยาว์ นางติดจ้าวเทียนอี้ยิ่งนักไม่ว่าพี่ชายคนนี
ตอนที่ 1งานมงคลอันยิ่งใหญ่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่ประดับประดาด้วยผ้าสีแดงสด กำลังเคลื่อนขบวนทอดยาวไปตามท้องถนนอย่างยิ่งใหญ่ สินเดิมมากมายนับไม่ถ้วนที่ทางจวนตระกูลเสิ่นจัดเตรียมให้แก่บุตรสาวมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองหลวงแห่งนี้เจ้าบ่าวหน้าตาหล่อเหลาแต่ทว่ากลับไร้รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า เขาขี่อาชาสีนิลนำอยู่ด้านหน้าขบวน เหล่าบรรดาชาวบ้านต่างออกมามุงดูมากกว่าจะออกมาแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว เพราะทุกคนต่างรู้ว่างานมงคลอันยิ่งใหญ่ของสกุลหานกับสกุลเสิ่นนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ทุกคนรู้อยู่เต็มอกว่าหานสวี่บัณฑิตหนุ่มรูปงามผู้เลื่องชื่อ มีหญิงงามในดวงใจอยู่ก่อนแล้ว ทว่าทั้งสองไม่อาจเคียงคู่กันได้ เพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่สองตระกูลที่มีต่อกัน ท่านพ่อเอ่ยเพียงว่าตระกูลหานกับตระกูลเสิ่นมีสัญญาใจที่ติดค้างต่อกัน คนเป็นลูกเช่นเขาจะทำอย่างไรได้เล่า สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ก้มหน้ารับชะตากรรมเท่านั้นหานสวี่ยื่นมือไปรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยว ทั้งสองเดินเคียงคู่กันเข้าไปในจวนตระกูลหาน เสิ่นชิงเยียนก้มหน้ามองพื้นเดินตามร่างหนาเข้าไปด้วยหัวใจสั่นไหว ใบหน้าหวานแต่งแต้มด้วยชาดสีชมพูหวานขับผิวนางให้สวยง
ตอนที่ 2 ฮูหยินก๊อก ก๊อก ก๊อก"คุณหนูเจ้าขา ตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นปลุกฮูหยินคนใหม่ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของตนเองให้ลืมตาตื่นขึ้นมา เสิ่นชิงเยียนลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงด้วยดวงตาที่เหม่อลอยตั้งแต่ยามเช้าแล้ว นางหันไปมองที่หน้าประตูห้องก่อนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่าจนเปียกชุ่มแก้มสวยทั้งสองข้าง เมื่อคืนถึงแม้จะบอกว่านางเข้านอนแล้ว ทว่าก็ไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับลงได้ นางหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ทั้งคืน ในใจหวังอยากให้ผู้เป็นสามีกลับเข้ามาหานาง นางนั่งรอเขาจนถึงยามเช้าก็ไร้เงาร่างของบุรุษผู้นั้นบุรุษที่เย็นชากับนาง!"อืม ข้าตื่นแล้ว เจ้าเข้ามาเถอะ" เสียงหวานเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบายามเฉิน (07.00 - 08.59 น.) เสี่ยวเจียงสาวใช้คนสนิทของเสิ่นชิงเยียนเข้ามาปรนนิบัติเจ้านายของตนเอง เสี่ยวเจียงเป็นสาวใช้ที่ตามเสิ่นชิงเยียนมาจากตระกูลเสิ่น นางดูแลรับใช้คุณหนูของนางมาตั้งแต่เด็กย่อมมีความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นเมื่อนางเดินมาถึงเตียงนอนที่เรียบร้อยเหมือนกับว่ายังไม่เคยมีผู้ใดใช้งาน เสี่ยวเจียงก็รับรู้ได้ทันทีว่า เมื่อคืนคุณหนูของนางไม่
ตอนที่ 3ลองดูสักครั้งเสิ่นชิงเยียนแต่งเข้าสกุลหานมานานร่วมเดือนแล้ว ตามธรรมเนียมนางจะต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมหลังแต่งงาน แต่ทว่าเมื่อใดที่นางเอ่ยถึงเรื่องนี้กลับถูกหานสวี่เอ่ยต่อว่านางด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเสียทุกครั้ง"...ท่านพี่เจ้าคะ"เมื่อหลายวันก่อน หานสวี่กำลังนั่งทบทวนตำราที่จะนำไปสอนเหล่านักเรียนที่สำนักศึกษาหลวงกั๋วจื่อเจี้ยน หานสวี่เป็นคนรักในการอ่านตำราและบทกลอนเช่นเดียวกับเหล่าบัณฑิตทั่วๆ ไป หนังสือทุกเล่มย่อมเคยผ่านตาเขาทั้งหมด หากลองได้อ่านแม้เพียงครั้ง เขาก็จำมันได้เป็นอย่างดี แต่ไม่นานนักเสียงหวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา ถึงแม้เสียงนั้นจะหวานหยาดเยิ้มชวนฟังเพียงใด แต่หานสวี่ก็เห็นเป็นเพียงเสียงหวานที่อาบไปด้วยยาพิษหาได้น่าฟังให้รื่นหูไม่ ซ้ำร้ายยิ่งได้ฟังยิ่งบาดหูเขาจนน่ารำคาญ"อย่าเรียกข้าเช่นนั้นอีก เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกข้าเช่นนั้น" เสียงทุ้มต่ำตวาดลั่นด้วยความไม่พอใจ คำว่าท่านพี่คงจะมีแค่ไป่อ้ายเหม่ยคนเดียวเท่านั้น ที่เขายอมให้นางได้เรียกหาตามใจปรารถนาได้"แต่ว่า...ข้าเป็นฮูหยินของท่าน หากไม่ให้ข้าเรียกท่านว่าท่านพี่ แล้วข้าจะเรียกท่านว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ" เสิ่นชิงเ
ตอนที่ 4คนที่ไม่อยากเจอ"ฮูหยินเจ้าคะ ร้านขายผ้ามู่ต๋านฮวากำลังเป็นที่นิยมในหมู่สตรี บ่าวได้ยินมาว่าผ้าของร้านนี้เนื้อผ้าดียิ่งนัก หากเรานำมาตัดเป็นอาภรณ์สำหรับเอาไว้ใส่ในงานโคมไฟที่จะถึงในอีกไม่ช้านี้ คงจะดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ" เสี่ยวเจียงเห็นคุณหนูของตนนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ศาลาริมน้ำเป็นนานตั้งแต่แต่งเข้าสกุลหานมา จากคุณหนูที่มีใบหน้าสดใสร่าเริงราวกับดอกไม้แรกแย้มก็มลายหายไป บัดนี้นางเห็นแต่เพียงหญิงสาวที่ใบหน้าโศกเศร้าทุกข์ระทม เสี่ยวเจียงคิดในใจหากมีรักแล้วต้องทุกข์ นางไม่ขอมีคู่ไปตลอดชีวิตเสียยังดีกว่า"งานโคมไฟหรือ"แววตาของเสิ่นชิงเยียนเป็นประกายขึ้นมาทันที เมื่อสาวใช้พูดถึงเทศกาลที่เหล่าคู่รัก มักจะนิยมออกไปลอยโคมขอพรที่ริมแม่น้ำกันเป็นคู่ ๆ ครั้งหนึ่งนางก็เคยใฝ่ฝันที่จะได้ลอยคู่กับชายคนรัก แต่มาบัดนี้ความหวังนั้นช่างเลือนรางไปเสียแล้ว เมื่อคิดถึงตรงนี้แววตาที่เป็นประกายเมื่อสักครู่ก็หม่นแสงลงอีกครั้ง"เจ้าค่ะ อีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้เองเราไปหาซื้อผ้ามาไว้ตัดอาภรณ์กันดีหรือไม่เจ้าคะ"เสี่ยวเจียงไม่ทันสังเกตแววตาของเจ้านายตนเอง นางยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงกังวานใสไม่หยุด เสิ่นชิ
ตอนที่ 5 ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ"พวกเจ้าออกไปให้พ้น" หานสวี่เดินเข้ามาที่เรือนของเสิ่นชิงเยียนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาหันไปตวัดสายตาไล่เสี่ยวเจียงและเสี่ยวอวี้สองสาวใช้ประจำตัวของเสิ่นชิงเยียนให้ออกจากห้องไปเสีย สาวใช้สองนางเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตนเองด้วยท่าทีหวาดหวั่นไม่น้อย"พ่อบ้านมาลากตัวนังบ่าวสองคนนี้ออกไปโบยคนละห้าสิบไม้"หานสวี่เห็นทั้งสองไม่ยอมเชื่อฟังตนเองก็เกิดโมโหขึ้นมา เขาตะโกนสั่งพ่อบ้านด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เขาสั่งให้ออกไปยังจะกล้าขัดคำสั่ง มองหน้าเจ้านายตนเองอย่างนั้นหรือ ช่างบังอาจเกินไปแล้ว ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไรกัน ถึงได้กล้ากำเริบเสิบสานไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาเช่นนี้ไม่นานพ่อบ้านชราก็วิ่งเข้ามาเอาตัวเสี่ยวเจียงและเสี่ยวอวี้ออกไป ทว่าเสิ่นชิงเยียนกลับไม่ยินยอม"หยุดนะ!! ห้ามนำตัวพวกนางออกไป เหตุใดท่านจึงมาสั่งโบยสาวใช้ข้าเล่าเจ้าคะ นางทำอันใดผิดต่อท่านกันหรือ" เสิ่นชิงเยียนลุกขึ้นมองหน้าหานสวี่ครั้งนี้เขาไร้เหตุผลเกินไปแล้ว นึกอยากจะโบยใครก็โบยได้อย่างนั้นหรือ ทั้งสองเป็นสาวใช้ของนาง หากนางไม่ปกป้องคนของตน แล้วจะให้ใครมาปกป้องกันเล่า"ที่นี่คือจวนของข้า ข้า
ตอนที่ 12 ไหน้ำส้มแตก"พี่เทียนอี้เชิญดื่มน้ำชาก่อนเจ้าค่ะ"เสิ่นชิงเยียนรับขนมกับน้ำชาจากสาวใช้คนสนิท แล้วจึงวางเอาไว้ด้านหน้าของแม่ทัพหนุ่ม"อืม!! ชาหลงจิ่งใช่หรือไม่ รสชาติดียิ่งนัก จำได้ว่าพี่เคยนำชาหลงจิ่งจากท่านน้าซุนฟากลับไปที่ชายแดนด้วย หลังจากครั้งนั้นก็ไม่เคยได้ดื่มอีกเลย" จ้าวเทียนอี้ค่อย ๆ ลิ้มรสชาติชาชั้นดีจากจวนตระกูลเสิ่นอย่างมีความสุขชาชนิดนี้จะเป็นชาที่ใช้เฉพาะจวนตระกูลเสิ่นเพียงเท่านั้น ที่อื่นหาได้มีไม่ ทว่าที่จวนตระกูลหานมีชาชนิดนี้ นั่นก็หมายความว่าเสิ่นชิงเยียนต้องนำของดีจากจวนตนเองมาใช้ที่นี่ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็หาใช่เรื่องแปลกไม่ ในเมื่อนางแต่งเข้ามาในสกุลหานแล้ว นางก็คงจะอยากเอาใจผู้คนสกุลหานเช่นนั้นกระมั้ง"เจ้าค่ะ เยียนเอ๋อร์แบ่งเอามาไว้ชงให้ท่านพ่อกับท่านแม่สามีเยียนเอ๋อร์ได้ดื่มเจ้าค่ะพี่เทียนอี้จะกลับชายแดนวันไหนหรือเจ้าคะ"เสิ่นชิงเยียนเห็นแม่ทัพหนุ่มดื่มชาหมดจอกนางก็เป็นคนเติมลงไปให้ ใบหน้าหวานยิ้มกว้างอย่างพอใจ ที่เห็นพี่ชายคนสนิททั้งดื่มชาและกินขนมที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อยเสิ่นชิงเยียนนึกไปถึงสมัยเมื่อครั้งยังเยาว์ นางติดจ้าวเทียนอี้ยิ่งนักไม่ว่าพี่ชายคนนี
ตอนที่ 11 เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง"พี่เทียนอี้!!!" เสิ่นชิงเยียนได้ยินเสียงกึ่งตัดพ้อตนเองก็นึกสงสัยคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นางค่อย ๆ หันหน้าไปมองแต่แล้วดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้น รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าหวาน ก่อนจะเปล่งเสียงกังวานใสเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปเสียงดังอย่างลืมนึกถึงมารยาทของสตรีที่พึงกระทำ "ใช่แล้วเป็นพี่เทียนอี้ของเจ้าเอง แต่เยียนเอ๋อร์ยังจำพี่ได้อยู่อีกหรือ" น้ำเสียงที่เอ่ยออกมา มีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน เสิ่นชิงเยียนยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ นานเพียงใดแล้วที่นางกับจ้าวเทียนอี้มิได้พบเจอกันเลย ภาพวันวานไหลย้อนเข้ามาในความทรงจำ รอยยิ้มหวานปรากฏอยู่บนใบหน้า สะกดสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมาให้หยุดมอง ไม่เว้นแม้แต่บุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าสามี หานสวี่มิเคยเห็นรอยยิ้มเบิกบานของนางเช่นนี้มาก่อน"พี่เทียนอี้อย่าได้น้อยใจเลย เยียนเอ๋อร์ทราบดีว่าพี่เทียนอี้มีสิ่งที่ต้องทำมากมาย งานมงคลของเยียนเอ๋อร์เป็นเรื่องเล็ก ไหนเลยจะกล้ารบกวนพี่เทียนอี้เล่าเจ้าคะ เอ่อ...พี่เทียนอี้เจ้าคะ นี่ฮูหยินเถาฮวา ฮูหยินใหญ่สกุลหานแม่สามีเยียนเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ" เสิ่นชิงเยียนหันไปมองเห็นเถาฮวาที่ยืนทำหน้างุนงง ก็รี
ตอนที่ 10แม่สามีจัดให้"เยียนเอ๋อร์แต่งตัวเสร็จแล้วหรือไม่ หากเจ้ายังชักช้าอยู่เช่นนี้เราคงจะตามชายโฉดหญิงชั่วไม่ทันเป็นแน่ เจ้าช่วยเร่งมือหน่อยเถิด"เสิ่นชิงเยียนหันไปมองที่ประตู นางได้ยินเสียงกังวานใสของฮูหยินใหญ่ดังขึ้นอย่างร้อนอกร้อนใจ จะไม่ให้ร้อนใจได้อย่างไรเล่าก็ลูกสะใภ้คนโปรดแต่งตัวอยู่ในห้องหอเป็นนานสองนาน บุตรชายนางก็ออกจากจวนไปตั้งนานแล้ว หากไม่รีบตามไปคงไม่ทันเวลาเป็นแน่"เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่" ครั้นเสิ่นชิงเยียนเปิดประตูออกมา ก็เจอเข้ากับฮูหยินใหญ่ที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้อง"เยียนเอ๋อร์ขออภัยที่ให้ท่านแม่รอนานนะเจ้าคะ"ใบหน้าสวยหวานก้มลงอย่างรู้สึกผิดที่ปล่อยให้แม่สามีต้องมายืนรอตนที่หน้าห้องเป็นเวลานานเช่นนี้"ไปกันเถอะ อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย"เถาฮวาหาได้ถือสาเอาความอันใดกับลูกสะใภ้ นางหันไปคว้าแขนเสิ่นชิงเยียนและดึงนางให้เดินออกไปยังรถม้าที่จอดอยู่หน้าจวนอย่างเร่งรีบเสิ่นชิงเยียนไม่ได้คัดค้านอันใดอีก นางรู้ดีว่าสามีนางมีนัดกับหญิงคนรัก นางเองก็เคยประจักษ์กับตาแล้วว่าทั้งคู่รักกันมากเพียงใด ครั้นจะเข้าไปแยกทั้งคู่หาใช่เรื่องสมควรไม่ เพราะถึงอย่างไรอีกเพียงสามปีนางก็ต้องย
ตอนที่ 9 เทศกาลโคมไฟ"คุณชายใหญ่ขอรับ นายท่านเชิญไปพบที่ห้องหนังสือขอรับ"ซีห่าวพ่อบ้านชรารีบวิ่งเข้าไปรายงานเขาหานสวี่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาหันไปมองหน้าพ่อบ้านชรา คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น เขาแสดงออกถึงความลังเลออกมาเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินตรงไปยังห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว"ท่านพ่อเรียกหาข้ามีเหตุใดหรือขอรับ" หานจี้กงเงยหน้าขึ้นมองบุตรชาย ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปยังเก้าอี้ตรงข้าม หานสวี่จึงเดินไปทิ้งตัวลงนั่งทันที"พ่อมีเรื่องจะหารือกับเจ้าเพียงไม่นาน" หานสวี่ไม่มีทางเลือก เขาจำต้องยอมอยู่พูดคุยกับบิดาเสียก่อนแม้จะรีบร้อนอยากไปพบไป่อ้ายเหม่ยเพียงใดก็ตาม หานจี้กงจ้องมองบุตรชายด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขารู้ทันเสียหรอก หานสวี่คงจะรีบไปงานโคมไฟตามที่ได้นัดหมายกับไป่อ้ายเหม่ยเอาไว้เป็นแน่ หานจี้กงไม่อยากจะขัดขวางบุตรชายเท่าใดนัก แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจหักหาญน้ำใจของภรรยาตนได้เช่นกัน เถาฮวาไม่ชอบไป่อ้ายเหม่ย และเขาก็เห็นด้วยกับภรรยา การที่หานสวี่มีภรรยาแล้ว และยังจะไปนัดกับสตรีนางอื่นคงจะไม่ดีนักหานจี้กงจึงมาบังคับบุตรชายคงจะง่ายเสียกว่า"ท่านพ่อว่ามาเถอะขอรับ" หานสวี่จำต้องนั่งฟังผู้เป็นบิ
ตอนที่ 8 ข้าหาใช่คนโง่ที่จะถูกเจ้าหลอกหานสวี่ตื่นมาในรุ่งเช้าชายหนุ่มนั่งมองไปยังพื้นห้องที่เคยมีใครบางคนนอนอยู่ แต่บัดนี้กลับว่างเปล่า ค่ำคืนที่ผ่านระหว่างเขากับนางไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เสิ่นชิงเยียนมิได้ปีนขึ้นเตียงเขาอย่างที่เขากล่าวหา หานสวี่นอนเฝ้ารอจนกระทั่งหลับไป นางก็ยังคงนอนอยู่บนที่นอนของนางดั่งเดิม เขาเองจึงหลับสบายไปจนถึงเช้า"ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าเตรียมน้ำให้ท่านล้างหน้าล้างตาแล้วเจ้าค่ะ"เมื่อเสิ่นชิงเยียนเดินกลับเข้ามาในห้อง ก็เห็นว่าหานสวี่นั่งทำท่ามึนงงอยู่ก่อนแล้ว นางไม่ใคร่สนใจว่าเขาจะคิดอันใด เพราะหากถามออกไปก็ไม่พ้นจะโดนตำหนิเหมือนเช่นทุกครา"อืม" หานสวี่ปรายตาไปมองนาง เขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย มันก็สมควรแล้วมิใช่หรือ นางอยากแต่งเข้ามาในจวนเขา ก็สมควรที่นางจะต้องปรนนิบัติเขาเช่นนี้มันเป็นหน้าที่ของภรรยาที่พึงปฏิบัติต่อสามีย่อมถูกต้องอยู่แล้ว..."เจ้าว่าอย่างไรนะ คุณชายใหญ่และฮูหยินน้อยไม่ร่วมหลับนอนเช่นสามีภรรยาทั่วไปเช่นนั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร ก็ไหนเจ้าบอกข้าว่าคุณชายใหญ่ไม่ได้ออกมาจากห้องทั้งคืน"ฮูหยินเถาฮวาขมวดคิ้วมุ่นนางหันไปมองหน้าเสี่ยวอวี้
ตอนที่ 7บุรุษโง่เขลากับสตรีไร้ยางอายเสิ่นชิงเยียนเดินกลับมาที่ห้องนอนของตนเองด้วยหัวใจที่แตกสลาย ในเมื่อเห็นเต็มสองตาเช่นนี้แล้ว นางจะรั้งรอจนครบสามปีได้หรือ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์คำพูดนี้ยังใช้ได้ดีเสมอ'เยียนเอ๋อร์ แม่ทำถูกจริงหรือไม่ หากเจ้าต้องหมองเศร้าเช่นนี้ ขอเวลาให้แม่อีกเพียงนิดเถิด หากเจ้าลูกชั่วยังตามืดบอดแม่ก็จะปล่อยเจ้าไป' เถาฮวามองเห็นลูกสะใภ้ตนเองเดินกลับเรือนด้วยความเศร้าหมอง นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างอับจนหนทาง ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปที่ศาลาริมน้ำ ฮูหยินใหญ่เห็นมือหนาของบุตรชายยังคงกุมมือบางของไป่อ้ายเหม่ย ก็เกิดโทสะขึ้นมาทันควัน นางเชิดหน้าและเดินตรงเข้าไปยังทั้งสองคนที่ยืนพลอดรักกันอยู่ทันที"ข้าก็คิดว่าสตรีใดที่หน้าด้านวิ่งโร่มาหาบุรุษที่มีภรรยาแล้วถึงจวนของข้า ที่แท้ก็คุณหนูไป่อ้ายเหม่ย บุตรสาวของท่านกงซุนนี่เอง เป็นอย่างไรบ้างเล่า อยากได้บุตรชายของข้ามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ อ้อ!! ข้าได้ยินว่าเจ้าสองคนนัดพบกันที่งานโคมไฟหรือ ดีจริงเชียวบุรุษโง่เขลากับสตรีไร้ยางอาย ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก"เพียงแค่เห็นฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาไป่อ้ายเหม่ยกับหานสวี่ก็รีบแยกออกจากกัน มือที่
ตอนที่ 6 ภาพบาดตา"อืมลูกว่าจะถามท่านแม่หลายวันแล้ว ท่านแม่เปลี่ยนแม่ครัวมาใหม่หรือขอรับ อาหารถูกปากลูกยิ่งนัก ยิ่งหมาผัวโต้วฟู (เต้าหู้มาโฝ) นี่ยิ่งรสเลิศ น้ำซอสเข้มข้นเผ็ดร้อนกำลังดี ไม่หวานไม่เค็ม พรุ่งนี้ท่านแม่บอกแม่ครัวทำมาเพิ่มอีกได้หรือไม่ขอรับ"หานสวี่รู้สึกว่าตนเองค่อนข้างเจริญอาหารมากกว่าแต่ก่อน เขาคิดว่าจะต้องตกรางวัลให้กับแม่ครัวผู้มาใหม่บ้างเสียแล้ว อาหารแต่ละมื้อล้วนเป็นอาหารที่เขาชอบ เมื่อก่อนหานสวี่จะไม่กินของหวานเลย เพราะไม่ชอบรสชาติที่หวานมากจนแสบคอ ทว่าตอนนี้หานสวี่กลับรู้สึกว่า หลังรับอาหารหนักๆแล้ว เขามักจะต้องตบท้ายด้วยของหวานเป็นประจำฮูหยินเถาฮวามองใบหน้าบุตรชายที่กำลังมีความสุขกับอาหารรสเลิศก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ นางหันไปมองหน้าลูกสะใภ้ เห็นว่าอีกฝ่ายก้มหน้ายิ้มอย่างเขินอาย ก็พลันรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองบอกและสั่งสอนลูกสะใภ้น่าจะเห็นผลขึ้นมาบ้างเสียแล้ว"นั่นสิข้าก็เจริญอาหารยิ่งนัก ฮูหยินรับแม่ครัวมาจากที่ใดกันหรือ" หานจี้กงก็เห็นด้วยกับบุตรชาย ตั้งแต่แต่งลูกสะใภ้เข้าจวน อาหารการกินก็รสชาติดีขึ้นเป็นอย่างมาก หรืออาจจะเป็นเพราะฮูหยินใหญ่ เอาใจใส่ลูกสะใ
ตอนที่ 5 ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ"พวกเจ้าออกไปให้พ้น" หานสวี่เดินเข้ามาที่เรือนของเสิ่นชิงเยียนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาหันไปตวัดสายตาไล่เสี่ยวเจียงและเสี่ยวอวี้สองสาวใช้ประจำตัวของเสิ่นชิงเยียนให้ออกจากห้องไปเสีย สาวใช้สองนางเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตนเองด้วยท่าทีหวาดหวั่นไม่น้อย"พ่อบ้านมาลากตัวนังบ่าวสองคนนี้ออกไปโบยคนละห้าสิบไม้"หานสวี่เห็นทั้งสองไม่ยอมเชื่อฟังตนเองก็เกิดโมโหขึ้นมา เขาตะโกนสั่งพ่อบ้านด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เขาสั่งให้ออกไปยังจะกล้าขัดคำสั่ง มองหน้าเจ้านายตนเองอย่างนั้นหรือ ช่างบังอาจเกินไปแล้ว ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไรกัน ถึงได้กล้ากำเริบเสิบสานไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาเช่นนี้ไม่นานพ่อบ้านชราก็วิ่งเข้ามาเอาตัวเสี่ยวเจียงและเสี่ยวอวี้ออกไป ทว่าเสิ่นชิงเยียนกลับไม่ยินยอม"หยุดนะ!! ห้ามนำตัวพวกนางออกไป เหตุใดท่านจึงมาสั่งโบยสาวใช้ข้าเล่าเจ้าคะ นางทำอันใดผิดต่อท่านกันหรือ" เสิ่นชิงเยียนลุกขึ้นมองหน้าหานสวี่ครั้งนี้เขาไร้เหตุผลเกินไปแล้ว นึกอยากจะโบยใครก็โบยได้อย่างนั้นหรือ ทั้งสองเป็นสาวใช้ของนาง หากนางไม่ปกป้องคนของตน แล้วจะให้ใครมาปกป้องกันเล่า"ที่นี่คือจวนของข้า ข้า
ตอนที่ 4คนที่ไม่อยากเจอ"ฮูหยินเจ้าคะ ร้านขายผ้ามู่ต๋านฮวากำลังเป็นที่นิยมในหมู่สตรี บ่าวได้ยินมาว่าผ้าของร้านนี้เนื้อผ้าดียิ่งนัก หากเรานำมาตัดเป็นอาภรณ์สำหรับเอาไว้ใส่ในงานโคมไฟที่จะถึงในอีกไม่ช้านี้ คงจะดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ" เสี่ยวเจียงเห็นคุณหนูของตนนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ศาลาริมน้ำเป็นนานตั้งแต่แต่งเข้าสกุลหานมา จากคุณหนูที่มีใบหน้าสดใสร่าเริงราวกับดอกไม้แรกแย้มก็มลายหายไป บัดนี้นางเห็นแต่เพียงหญิงสาวที่ใบหน้าโศกเศร้าทุกข์ระทม เสี่ยวเจียงคิดในใจหากมีรักแล้วต้องทุกข์ นางไม่ขอมีคู่ไปตลอดชีวิตเสียยังดีกว่า"งานโคมไฟหรือ"แววตาของเสิ่นชิงเยียนเป็นประกายขึ้นมาทันที เมื่อสาวใช้พูดถึงเทศกาลที่เหล่าคู่รัก มักจะนิยมออกไปลอยโคมขอพรที่ริมแม่น้ำกันเป็นคู่ ๆ ครั้งหนึ่งนางก็เคยใฝ่ฝันที่จะได้ลอยคู่กับชายคนรัก แต่มาบัดนี้ความหวังนั้นช่างเลือนรางไปเสียแล้ว เมื่อคิดถึงตรงนี้แววตาที่เป็นประกายเมื่อสักครู่ก็หม่นแสงลงอีกครั้ง"เจ้าค่ะ อีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้เองเราไปหาซื้อผ้ามาไว้ตัดอาภรณ์กันดีหรือไม่เจ้าคะ"เสี่ยวเจียงไม่ทันสังเกตแววตาของเจ้านายตนเอง นางยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงกังวานใสไม่หยุด เสิ่นชิ