(ตติญา)ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้พูดคำนี้ออกมาเหมือนกัน แต่รู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็ผ่านไปหลายปีแล้ว คิรินโตแล้ว กำลังจะขึ้นอนุบาล 3 ปีนี้ และลูกสาวคนเล็กที่มาพร้อมเรือนผมสีเทาเข้มเหมือนพ่อของเขา น้องดิว ชื่อดิว Dwyn มาจากภาษาเวลส์ แปลว่า คลื่นทะเล ฉันตั้งชื่อพี่ชายว่าคิริน ที่แปลว่า ภูเขา เพราะตอนที่หนีจากคามินทร์มา ภาพที่เห็นตรงหน้าเวลาร้องไห้มีแต่ภูเขาที่อยู่เป็นเพื่อน พอมีลูกสาวอีกคน ฉันอยากให้ชื่อนั้นสื่อถึงความทรงจำแทรกที่พ่อแม่ได้เจอกัน นั่นก็คือ ทะเล...ดิวเป็นเด็กที่สุขุมผิดกับเด็กหญิงทั่วไปลิบลับ เธอนั้นไม่ค่อยซุกซน พูดจาดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังใจเย็นและรู้ความ ผิดกับพี่ชายที่นับวันยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อ ทั้งกวนส้นเท้าและเกรียนยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนหนึ่งคงเพราะเมื่อก่อนสมัยอยู่เชียงใหม่ คิรินไม่ได้มีเพื่อนเล่นที่ไหนเลยนอกจากแม่ พอลงมาอยู่ที่นี่ก็มีลูกน้องของพ่อมาเล่นด้วย มีชัลก้า มีดิวและนับดาวที่เกิดไล่หลังมาไม่กี่ปี และตอนนี้ก็ยังมีน้องจินนี่อีก ครอบครัวเรากลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเด็กๆ ไปซะแล้วส่วนบ้านที่เชียงใหม่ บ้านที่แม่นวลยกให้เ
เพียงแค่สวมแหวนเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย...เขาก็จะเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน...ทว่าความจริงที่เป็น คือฉันได้แต่ยืนมองสามีของตัวเองที่ควรจะยืนอยู่ตรงแท่นพิธี กลับกลายเป็นว่าเขากำลังอุ้มหญิงสาวอีกคนออกจากงานไปโดยไม่สนใจฉันที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยแม้แต่นิดเดียวฉันควรจะรู้สึกยังไงดี...“ติญ่า ไปเถอะ บอสบอกว่าให้พาคุณกลับบ้านถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้น”ฝ่ามืออุ่นของคุณน้ำหวานจับข้อมือของฉัน เธอไม่ได้บังคับออกแรงดึงให้ฉันออกไปจากตรงนี้แต่อย่างใด ในทางกลับกันเธอกลับยืนจับมือฉันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ปล่อยให้ความอบอุ่นจากฝ่ามือแทรกซึมเข้ามาในใจฉันอย่างช้าๆ ท่ามกลางผู้คนที่เดินออกจากที่นี่ไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ไม่ต้องคิดมากนะคะ นี่ไม่ใช่งานแต่งจริงๆ หลังเสร็จเรื่อง บอสจะต้องจัดงานแต่งที่ใหญ่กว่านี้ให้คุณแน่”นั่นเป็นคำปลอบใจจากคนที่ฉันไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับเธอด้วยซ้ำ เราเคยเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่กลับเป็นเธอที่ยืนข้างฉันและเข้าใจฉันมากที่สุดในสถานการณ์อย่างนี้“ฉันไม่ต้องการหรอกค่ะ ไม่เป็นไร” ฉันหันไปยิ้มให้คนข้างกาย แต่ทั้งที่ปากบอกว่าไม่เป็นไร น้ำตามันกลับไหลอ
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้พิธีจบการศึกษาโซนคณะออกแบบแฟชั่น งานแฟชั่นโชว์สำหรับนิสิตปี 3-4 มหาวิทยาลัย Art & Fashion Wang Cheng ฮ่องกงเป็นประจำทุกปลายปีที่ทางมหาวิทยาลัยจะมีการจัดงานเพื่อให้นักศึกษาได้ทำการโชว์ฝีมือของตัวเอง และเป็นการประกาศกลายๆ ว่ากลุ่มคนเหล่านี้นั้นมีของพร้อมที่จะออกไปเฉิดฉายอยู่ในตลาดแฟชั่น แต่ก็มีบางคนที่ความสามารถโดดเด่น เข้าตากรรมการจนมีแบรนด์ดังเข้ามาจองตัวตั้งแต่สมัยเรียน หรือบางคนก็พ่อแม่ทุนหนา เปิดแบรนด์เป็นของตัวเองตั้งแต่เริ่มเรียนเลยก็มีและฉัน ตติญา วีรวรวรรณ นักศึกษาสาวจากประเทศไทยสาขาวิชาออกแบบแฟชั่น ซึ่งกำลังจะเรียนจบจากที่แห่งนี้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทางมหาวิทยาลัยได้จัดงานโดยการเช่าเรือสำราญขนาดใหญ่ที่จุคนได้หลักพันคน เพื่อพานักศึกษาในมหาวิทยาลัยรวมทั้งผู้ปกครองและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมการชมนิทรรศการศิลปะแบบครบวงจรกันที่นี่ถ้ามีคนถามว่าแค่นักศึกษาเรียนจบต้องจัดใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ มหา’ลัยเอางบมาจากไหน ฉันก็อยากจะบอกว่าครึ่งหนึ่งเป็นงบของมหาวิทยาลัย ส่วนอีกครึ่งเป็นของนักศึกษาออกเองซึ่งก็ต้องขอบอกว่า หนักอยู่!แต่ช่างเรื่
เสียงหวูดเรือดังขึ้นพร้อมกับลมที่พัดมาอีกรอบหนึ่ง เล่นเอามือที่กำลังจับราวเอาไว้นั้นรีบกำแน่น ตัวฉันก็แค่นี้ แค่ลมพัดก็พร้อมที่จะปลิวออกทะเลไปแล้ว ฉันไม่ใช่พระมหาชนกนะที่จะหาน้ำมันมาทาตัวกินข้าวให้อิ่มแล้วจะพุ่งลงทะเลว่ายน้ำหนีไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นจิตวิญญาณนักสู้ในตัวฉันก็บอกว่าอย่ายอมแพ้ ปลายเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงอยู่นั้นได้พยายามตะเกียกตะกายไปจนกระทั่งเหยียบขอบหน้าต่างห้องที่ใกล้ที่สุดจนได้ระ...รอดแล้วฉันไม่รอช้าขยับเข้าไปจนกระทั่งเท้าเหยียบตรงนั้นได้อย่างมั่นคงและมือก็จับด้านบนของหน้าต่างเอาไว้ได้ จึงปล่อยมือที่จับราวอยู่แล้วพาตัวเองมุดเข้าห้องนั้นไปอย่างรวดเร็วบุญบาปที่หน้าต่างนี้ดันอยู่ติดกับเตียงนอนพอดิบพอดี ทำให้ฉันไม่ต้องเจ็บตัวเพิ่มจากการที่หล่นลงมากระแทกพื้น ร่างของฉันนอนนิ่งอยู่กับที่นอนนิ่มๆ ของโรงแรมบนเรือแห่งนี้ ในขณะที่สายตาเอาแต่มองเพดานที่มีหลอดไฟกลมเสมือนดวงอาทิตย์แห่งความหวัง ความรู้สึกที่เหมือนได้เกิดใหม่ทำให้น้ำตาแห่งความดีใจค่อยๆ ไหลออกมาอย่างช้าๆนี่ฉัน...รอดแล้วใช่ไหม?ทว่าความดีใจนั้นก็ไม่ได้อยู่กับฉันนานนัก“เธอเป็นใคร?”เสียงกระแอมของใ
(คามินทร์)งี่เง่า ก็แค่งานจบการศึกษามหาวิทยาลัยที่พ่อแม่ผมถือหุ้นอยู่ไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้กลับต้องส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาเป็นแขกผู้มีเกียรติทุกปี พ่อแม่เองก็ตายไปตั้งนานแล้วไม่รู้จักขายหุ้นไปซะให้มันจบๆ อันที่จริงงานแบบนี้ต้องเป็นหน้าที่ของ ภาคินทร์ พี่ชายคนโตของผม ไอ้หมอนั่นเป็นถึงว่าที่ท่านประธานรุ่นต่อไปของ KL-group บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีธุรกิจในเครือและทรัพย์สินมากกว่าหมื่นล้าน เพราะอย่างนั้นเรื่องที่ต้องออกหน้าก็ไม่พ้นทายาทอย่างมันเพียงแต่วันนี้งานของไอ้คินทร์มันดันรัดตัว น้องชายคนเล็กอย่าง นาวินทร์ ที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็กำลังดิ่งจากการอกหัก ผมไม่อยากรับงานที่ยุ่งยากและวุ่นวายอย่างนี้นักหรอก แต่คนที่ขึ้นเรือมาด้วยดันเป็นคนที่ผมอยากเจอ...เธอคนนั้นคือ จันทร์จ๋า ผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ แต่ความสัมพันธ์ของเรามันก็จบลงไปกว่าสี่ปีแล้ว เหลือเพียงความหลังที่มีแค่ผมตามดูเธออยู่เงียบๆเพียงแต่...เรื่องเหล่านั้นมันไม่สำคัญหรอก ผมเพิ่งจะไปเจออริเก่าที่ด้านนอกแล้วกลับเข้ามาในห้อง ไม่คิดว่าจะเจอสปายที่แอบฟังบุกเข้ามาใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผมมีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มอย่าง
(ตติญา)รอดแล้วตติญา แกรอดแล้วฉันรีบวิ่งกลับเข้ามาในงานอย่างไม่คิดชีวิต เชื่อไหมว่าเมื่อกี้รองเท้าเกือบหล่นกลางทางอย่างกับฉากในการ์ตูนไม่มีผิด ดีที่ฉันไหวตัวทันรีบกลับไปเก็บเพราะเห็นชายชุดดำหนึ่งในกลุ่มนั้นกำลังเดินตามมาเช่นกันโอ๊ย...นี่เขาจะเอาฉันตายให้ได้เลยใช่ไหม ฉันเคยได้ยินจากเคทลินมาบ้างเรื่องที่ในเมืองนี้มีมาเฟีย แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวซ้ำยังเป็นคนไทยด้วยกันอีกต่างหาก ตอนนี้หัวใจฉันยังเต้นแรงอยู่เลย มือไม้ก็สั่นจนทำอะไรไม่ถูก“แกไปทำอะไรมา ทำไมชุดเปื้อนแบบนั้นล่ะ”เข้ามาถึงหลังเวทีเคที่ก็พุ่งเข้ามาหาในทันที ฉันมองหน้าเธอแล้วพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ แต่มันก็ยากเสียเหลือเกิน ความรู้สึกของฉันเหมือนกำลังวิ่งหนีฆาตกรในหนังสยองขวัญไม่มีผิด แล้วไอ้ฆาตกรนั่นมันก็ยังอยู่บนเรือลำนี้ เรือที่กำลังแล่นอยู่กลางทะเล ไม่มีทางหนีมีแต่ตายลูกเดียวอ๊ากกก นี่มันสถานการณ์อันตรายแล้ว ฉันควรจะทำยังไงดี ต้องบอกตำรวจดีหรือเปล่า“แก แก!!”“ฮะ”เสียงตะโกนของเคททำให้ฉันได้สติ ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันเหม่อไปนานแค่ไหน แต่จากสายตาเคท มันคงผ่านไปนานมากแน่ๆ“เป็นอะไรเนี่ย เจอเรื่องอะไรมาห
หลังจากการเดินโชว์สิ้นสุดลง ในงานก็มีการจัดปาร์ตี้และคอนเสิร์ตเล็กๆ โดยวงที่ได้รับการโหวตจากเหล่านักศึกษาในช่วงก่อนที่จะจัดงานขึ้นมา รวมทั้งจะมีการอนุญาตให้นักศึกษาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานของมหา’ลัยเป็นครั้งแรก ตอนนี้ทั้งเพื่อนๆ และเหล่ารุ่นน้องของฉันต่างก็พากันดื่มและโยกย้ายไปตามจังหวะของเสียงเพลง บ้างก็ควงแขนกันออกจากงานไปเป็นคู่ๆ แต่ฉันนี่สิ แค่เหล้าแก้วเดียวยังไม่กล้าดื่มเลยถ้าเกิดว่าไอ้หมอนั่นมันทำเรื่องใหญ่ขึ้นมาล่ะ ถ้าเกิดว่าเขาฆ่าคนอีกโดยที่ฉันรู้ว่าตัวเองมีโอกาสหยุดมันแต่ไม่ยอมทำ หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือคนที่โดนคือเพื่อนฉัน“ญ่า”ทันใดนั้นเสียงของเคทก็แทรกเสียงดนตรี EDM ที่ดังกระหึ่มเข้ามากระทบหูของฉัน พอหันไปมองก็พบกับเคทลินที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสาวแซ่บซี้ดด้วยเดรสยาวสีแดงสุดโดดเด่น บอกเลยว่าคืนนี้เพื่อนฉันไม่ได้มาเล่นๆ แต่ฉันนี่สิ ยังใส่ชุดเดิมชุดเดียวกับในงานอยู่เลยแล้วสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นบางอย่างในมือของเธอ เป็นเหล้าขวดสวยๆ คล้ายๆ กับที่ฉันเคยเห็นในหนังฝรั่งไม่มีผิด“นี่อะไร?”“เอามาให้”“หา?”“ไม่ต้องหาแล้ว นี่เหล้าที่ดีที่สุดของเรือนี้เลยนะขอบอก ฤทธิ
(คามินทร์)ยัยบ้านี่...ไม่ใช่ผมเพิ่งจะปล่อยไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเองไม่ใช่เหรอวะ ทำไมถึงได้กลับมาอีกแล้ว ซ้ำยังกลับมาในสภาพเมาปลิ้น ปรี่เข้ามาจูบผมแบบไม่ให้ตั้งตัวอีก“คุณ...มาเป็นของฉันได้ไหมคะ?”แล้วนี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา คนเราจะขอให้คนอื่นมาเป็นของตัวเองก็ต้องมีความสนใจในตัวอีกฝ่ายมากพอ แต่นี่เราไม่ได้รู้จักกัน เจอกันครั้งแรกก็ไม่ได้ประทับใจเลยด้วยซ้ำใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าผมนั้นแดงก่ำ ร่างกายของเธอมีความผิดปกติบางอย่างที่ดูยังไงก็ไม่ใช่คนเมาแน่ๆไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น ตอนนี้ร่างกายของผมมันก็เกิดอาการเช่นกัน มันทำให้ผมร้อนไปหมดทั้งตัว รู้สึกวูบวาบประหลาดทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลยแท้ๆอาการมันเหมือนกับ...ตอนที่ผมโดนยาก่อนหน้านี้“คุณมาเป็นของฉันเถอะนะคะ ฉันไม่ไหวแล้ว”มือเล็กปัดป่ายไปทั่วร่างกายของผมโดยไม่สนเลยว่าคนอื่นเขาจะมองยังไง โชคดีที่ตอนนี้ทุกคนกำลังฉลองกันอยู่เลยไม่ได้มีใครสนใจตรงนี้ ด้านจาเรดเมื่อเห็นว่าผมเจอปัญหาก็รีบวิ่งตรงเข้ามาดูในทันที“บอสมีอะไรหรือเปล่าครับ”“อือ มี ปัญหาใหญ่ซะด้วย”ก็ช่วยอยู่นิ่งๆ สิโว้ย ดูท่าว่าเธอคนนี้ก็คงกำลังโดนยาบ้าน
(ตติญา)ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้พูดคำนี้ออกมาเหมือนกัน แต่รู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็ผ่านไปหลายปีแล้ว คิรินโตแล้ว กำลังจะขึ้นอนุบาล 3 ปีนี้ และลูกสาวคนเล็กที่มาพร้อมเรือนผมสีเทาเข้มเหมือนพ่อของเขา น้องดิว ชื่อดิว Dwyn มาจากภาษาเวลส์ แปลว่า คลื่นทะเล ฉันตั้งชื่อพี่ชายว่าคิริน ที่แปลว่า ภูเขา เพราะตอนที่หนีจากคามินทร์มา ภาพที่เห็นตรงหน้าเวลาร้องไห้มีแต่ภูเขาที่อยู่เป็นเพื่อน พอมีลูกสาวอีกคน ฉันอยากให้ชื่อนั้นสื่อถึงความทรงจำแทรกที่พ่อแม่ได้เจอกัน นั่นก็คือ ทะเล...ดิวเป็นเด็กที่สุขุมผิดกับเด็กหญิงทั่วไปลิบลับ เธอนั้นไม่ค่อยซุกซน พูดจาดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังใจเย็นและรู้ความ ผิดกับพี่ชายที่นับวันยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อ ทั้งกวนส้นเท้าและเกรียนยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนหนึ่งคงเพราะเมื่อก่อนสมัยอยู่เชียงใหม่ คิรินไม่ได้มีเพื่อนเล่นที่ไหนเลยนอกจากแม่ พอลงมาอยู่ที่นี่ก็มีลูกน้องของพ่อมาเล่นด้วย มีชัลก้า มีดิวและนับดาวที่เกิดไล่หลังมาไม่กี่ปี และตอนนี้ก็ยังมีน้องจินนี่อีก ครอบครัวเรากลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเด็กๆ ไปซะแล้วส่วนบ้านที่เชียงใหม่ บ้านที่แม่นวลยกให้เ
(พาร์ทพิเศษ ราล์ฟ)สำนักข่าวราล์ฟฟี่ รายงาน สวัสดีครับผมราล์ฟ ผู้ครองตำแหน่งมือขวาคนใหม่ของบอสแล้วยังเป็นพี่เลี้ยงเด็กดีเด่นประจำปีอีกด้วย ช่วงนี้ชีวิตผมค่อนข้างที่จะมั่นคง แม้ใครจะบอกว่าตำแหน่งอยู่ไม่นาน ตำนานจะคงอยู่ตลอดไป ส่วนผมนั้นตั้งใจจะเป็นทั้งตำแหน่งและตำนาน ไม่มีใครมาโค่นล้มลงไปได้ก่อนหน้านี้ตำแหน่งมือขวาของบอสไม่ใช่ของผมหรอกนะครับ แต่เป็นของคุณจาเรด ชายผู้ฝีมือดีที่สุดและยังเป็นคนที่บอสไว้วางใจเป็นอย่างมาก ผมต้องนึกขอบคุณเขาเลยนะที่ถูกจับตัวไปในครั้งนั้น เลยทำให้ผมได้มีโอกาสแสดงฝีมือกับเขาบ้างตอนนี้อย่าว่าแต่ปกป้องบอสเลย หน้าที่เล็กใหญ่ในแก๊งตั้งแต่ดูแลแมวยักษ์อย่างชัลก้า หรือแม้แต่การดูแลบอสน้อยของเราอย่างคุณคิริน ก็เป็นของผมไปหมด“ทำให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!!!”ส่วนคุณจาเรดที่ก่อนหน้านี้คือคนโปรดของบอส กลับถูกลดระดับมาเป็นเพียงครูฝึกให้แก่เด็กใหม่ที่เข้ามาในแก๊งเสียอย่างนั้น แต่แม้ว่าหน้าที่ของเขาจะเปลี่ยนไป แต่เรื่องชื่อเสียงของเขาในหมู่เด็กใหม่นั้นไม่ได้ก้อยลงเลย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณจาเรดครูฝึกคนใหม่นั้น ทั้งดุ โหด แล้วไม่มีโหมดคิตตี้ให้
(คามินทร์)“ใจร้ายจังเลยนะ คิรินเป็นเหลนย่าแท้ๆ ทำไมไม่รู้จักบอกย่าเสียบ้าง รู้ไหมว่าใจแทบขาดตอนรู้จากปากน้ำหวานว่าหนูเจออะไรมาบ้าง”ตอนนั้นผมบอกว่ากลัวจะถูกย่าบ่นใช่ไหมครับ ตอนนี้สบายใจแล้วเพราะมีคนมารับแทน ติญ่านั่งหง็อยอยู่หน้าโซฟาโดยมีคิรินนั่งเล่นกับชัลก้าอยู่ ส่วนผมนั้นลอยตัว สามารถนั่งเอกเขนกได้อย่างสบายใจแต่ก็สบายใจได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น พอเห็นว่าหลานสะใภ้ท่าทางน่าสงสาร ย่าก็ได้เบนเข็มมาที่ผมแทน“แกนี่แหละตัวต้นเหตุไอ้หลานเวร ทำอะไรไม่คิดจนทำให้หนูญ่าต้องหนีไป สำนึกบ้างไหม ขึ้นไปนั่งบนโซฟาสบายใจไม่ดูเลยว่าเมียนั่งพื้น ลงมา!”“อ้าวย่า ปกติเราก็นั่งพื้นดูหนังกันบ่อยออก นั่งสบายกว่าโซฟาอายุหมื่นปีของย่าอีก”“ไอ้หลานเวรนี่ อยากปากแตกตายใช่ไหมฮะ”บรรยากาศในบ้านของผมกลับมาครึกครื้นอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องของน้องดาทำให้ไอ้วินทร์ดูซึมๆ และไม่ยอมเข้าบ้านเลยตลอดสามปี จนกระทั่งช่วงเดือนก่อนที่ติญ่ากลับมาทำห้องเสื้ออีกครั้ง และดึงเอาน้องดามาร่วมงานด้วย เราเลยได้มีโอกาสพูดคุยกันแบบครบทั้งครอบครัวเป็นครั้งแรกอันที่จริง...จะว่าครบก็ไม่ครบนัก เพ
เขาว่ากันว่า ความฝันของหญิงสาวทุกคน คือการได้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก เชื่อไหมคะ ตอนที่ฉันยังทำงานอยู่ในสตูดิโอที่เชียงใหม่ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใส่ชุดแต่งงานพวกนั้นอีกครั้ง คิดแค่ว่าแค่ได้มองผู้คนยิ้มมีความสุขกับครั้งหนึ่งที่แสนสำคัญในชีวิต แค่นั้นก็มากพอแล้วแต่ไม่คิดว่าฉันจะได้สวมมันอีกครั้ง อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้...คนเดียวกับที่ฉันเคยบอกว่าไม่มีวันรักเขาได้ฉันค่อยๆ เดินไปตามทางเดินเพื่อเข้าสู่แท่นพิธีที่มีเจ้าบ่าวชุดขาวยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขามองมาที่ฉันแล้วก็ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่สะกดฉันได้แทบทุกครั้ง รอยยิ้มและสายตาคู่นั้นเขาไม่เคยใช้มองใครเลยนอกจากฉัน มันเป็นของฉัน...ของฉันคนเดียวเท่านั้น...“แม่ค้าบ คิยินหย่อกว่าปะป๊าหยือป่าว”ฉันคงลืมบอกไป วันนี้คนที่จูงฉันเข้าสู่แท่นพิธีไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าคิรินน้อยนี่เอง เขาตื่นเต้นมากๆ เพราะพี่เลี้ยงทุกคนเอาแต่พูดกรอกหูว่า เนี่ยนะ มีไม่กี่คนในโลกหรอกที่จะได้อยู่ในงานแต่งงานของพ่อแม่ตัวเอง เขาคือคนพิเศษ แค่นั้นแหละเจ้าเด็กก็ดีใจใหญ่ เขาเป็นคนที่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานในครั้งนี้ไม่แพ้คนที่แต่งเ
“ปล่อยเมียฉันซะพิมพิ ถ้าเธอไม่อยากโดนเป่าหัวกระจุยตอนนี้”เสียงของคามินทร์ที่ดังขึ้นหยุดทุกอย่าง ฉันลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้าก่อนจะพบว่าเขากำลังเอาปืนจ่อที่หัวของคนที่พยายามจะฆ่าฉัน ทว่ายังไม่ทันที่พิมพิจะได้ตอบโต้ คอเสื้อของเธอก็ถูกดึงอย่างแรงจนร่างปลิวไปกระแทกเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากนั้น ก็มีคนวิ่งเข้ามาจับตัวเธอกดลงกับพื้น“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า ปล่อยฉัน ปล่อย!!!”เสียงโวยวายของเธอดังไปทั่วห้อง ดังจนฉันเห็นสีหน้าหงุดหงิดของทุกคนในห้องนี้ คามินทร์ตรงเข้ามาหาฉันอย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงฉันเข้าไปแนบอกแล้วกอดเอาไว้แน่นความกลัวทุกอย่างก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งถูกระบายออกมาผ่านม่านน้ำตาเมื่อได้สัมผัสกับอ้อมกอดของเขา...มันเป็นอ้อมกอดที่...ทั้งอบอุ่นแล้วก็ปลอดภัยที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับมาเลย...“ฮึก...”“ขอโทษที่มาช้านะ”มันเป็นอย่างนั้นเสมอ อ้อมกอดของเขามันทั้งอบอุ่น ปลอดภัย แล้วก็ทำให้ฉันไม่หวาดกลัวอะไรอีกต่อไป ฉันไม่ได้ยินเสียงของพิมพิที่ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า ไม่ได้ยินความวุ่นวายอะไร มีเพียงเสียงของเขาเท่านั้นที่ดังอยู่ข้างหูฉันกลัว...กลัวเหลือเกินว่าอาจจะไม่
(ตติญา)“พี่ฟอง หนูฝากตรงนี้ด้วยนะคะ ดูแลแขกด้านหน้าด้วยค่ะ”ไม่คิดเลยนะ ว่าฉันจะได้จัดงานศพให้แม่นวลเร็วอย่างนี้เลย ตั้งแต่เด็กฉันคิดว่าตัวเองโชคร้ายมากๆ เจอเรื่องร้ายต่างๆ จนไม่น่าจะเจออีกแล้วหลังจากนี้ อย่างที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ แต่ชีวิตฉันมันคงยังอยู่ท่ามกลางพายุ ไม่เจอฟ้าหลังฝนที่ว่าสักทีล่ะมั้งหวังแต่เพียงว่า ขอให้นี่เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันหลบจากทางหน้าฝานที่มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันหลายคน ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนมีหน้ามีตาอะไรมากมายเพราะนี่ก็เป็นแค่งานศพของแม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน รวมทั้งป้าๆ แถวนี้ที่รู้จักแม่นวลมาหลายปีที่หน้าโลงศพของแม่นวล ฉันเป็นคนจัดดอกไม้เองทุกดอก แม้ว่าท่านจะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ว่าก็มีดอกไม้ที่ชอบอยู่ดอกหนึ่งแม่นวลเคยเอารูปให้ฉันดู ตอนนั้นท่านไม่รู้ชื่อ แต่เห็นแล้วชอบมันมากๆ ยิ่งพอได้รู้ความหมาย ท่านก็ยิ่งชอบจนใฝ่ฝันว่าอยากเอามาปลูกภายในบ้าน แต่น้าพาแพ้เกสรดอกไม้เลยทำได้แค่ตั้งเป็นภาพหน้าจอมือถือดอกไม้ชนิดนั้นคือ บลูบอนเน็ต ดอกไม้ที่มีความหมายแสนเศร้า แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ขอไ
เรากลับมากรุงเทพฯทันทีที่รู้เรื่อง ก่อนเดินทางผมและติญ่ารวมทั้งพี่เลี้ยงทั้งสี่ของคิรินเตรียมตัวกันหนักมากๆ เพราะกลัวว่าคิรินจะงอแงตลอดทาง แต่โชคดีที่แค่ขึ้นเครื่องก็หลับปุ๋ย เลยทำให้ทั้งพ่อและแม่มีเวลาพักผ่อนก่อนถึงกรุงเทพฯทันทีที่มาถึงผมได้ให้น้ำหวานมารับคิรินไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรับศพป้านวลกลับมาทำพิธี ระหว่างทางนั้นผมต้องจับมือติญ่าเอาไว้ตลอด เธอดูเสียใจจนไม่สนแล้วว่าตอนนี้จะมีผมอยู่ข้างกายหรือไม่“ขอบคุณนะคะคุณหมอ เดี๋ยวพิมพิจะเอาเอกสารนี้ไปให้ญาติของป้าเองค่ะ”พวกเรามาถึงที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทว่าเมื่อมาถึง มีคนจัดการทุกอย่างแม้แต่เรื่องการจ่ายเงินค่าดำเนินการต่างๆ ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พิมพินั่นเองพอเธอเห็นพวกเรา หญิงสาวในชุดดำที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมก็ได้เดินตรงเข้ามา เธอยกมือไหว้ผมตามประสาผู้น้อยไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะทักเสียงเรียบ“สวัสดีค่ะพี่คามินทร์ ติญ่า”“สวัสดีพิมพิ มารับศพป้านวลเหรอ?”“ค่ะ ป้าแกไม่ได้มีญาติที่ไหน ก่อนเสียท่านก็ดูแลแม่หนูอย่างดี หนูเลย...”“เอามาให้ฉัน”ติญ่าพูดเสียงแผ่ว เธอยื่นมือสั่นๆ ไปรับเอาเ
ผมเดินตามเมียขึ้นมาที่ชั้นบน กะว่าอยากจะจัดการเด็กดื้อสักหน่อย ทว่ากลับได้ยินเสียงเล็กๆ สะอื้นมาจากห้องของคิริน ก่อนที่ติญ่าจะอุ้มลูกออกมา ปากเธอก็พึมพำปลอบลูกไม่หยุด“ไม่มีอะไรนะครับ แม่ขอโทษน้า ผีไม่มีหรอก”“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”คิรินร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดคอแม่เป็นการใหญ่ มือเล็กชี้เข้าไปในห้องแล้วพูดแต่คำว่า ผี ผี ผี อยู่ตลอด จนกระทั่งหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ตอนนี้ติญ่าพาคิรินมานอนในห้องของตัวเอง ผมได้แต่ยืนมองไม่กล้าถามอะไรมาก เพราะเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเธอรอจนกระทั่งเธอลูบหลังคิรินหลับไป เลยถามออกไปเสียงแผ่ว“มีอะไรหรือเปล่า ละเมอเหรอ?”ติญ่ามองไปที่ลูกซึ่งตอนนี้หลับไปแล้ว แต่ก็ยังมีอาการสะอื้นให้เห็นอยู่เป็นระยะ“ก็นิดหน่อยค่ะ”สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของเธอทำให้ผมพลอยกังวลไปด้วย ติญ่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอได้เดินไปยังห้องลูกก่อนจะสำรวจที่หน้าต่างด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก“ช่วงนี้คิรินบอกว่าเจอผีที่หน้าต่างบ่อยๆ ค่ะ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเผลอเปิดหนังผีดูด้วยกันเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเลยทำให้ลูกฝันร้าย แต่อยู่ดีๆ ลูกก็บอกว่าเห็นจริงๆ อยู่ที่ต้นไม้ข้าง
กลับมาถึงบ้านก็นั่นแหละ แบตหมดตามระเบียบ ผมพาคิรินไปนอนบนห้องแล้วก็ไปดูคนป่วยที่น่าจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาได้บ้างแล้วจากการพักมาทั้งวัน แต่กลับพบว่าเธอยังอยู่ในชุดนอนตัวเดิมแล้วดื่มน้ำเย็นลงไปหลายอึก“ดื่มน้ำเย็นแล้วจะหายไหมไข้น่ะ”ผมตรงเข้าไปหาเธอแล้วกอดอกพูดยิ้มๆ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ชอบดื่มน้ำเย็นเป็นชีวิตจิตใจ แต่ดื่มแล้วก็เสียวฟันจนชอบทำหน้าประหลาดๆ ตลอดเวลา อย่างเช่นตอนนี้ก็ด้วย“หายเจ็บคอหรือยังครับ?”ผมถามเพราะเมื่อเช้ายังได้ยินเสียงเธอแหบแห้งเป็นนักร้องหมอลำอยู่เลย ถึงแม้กลับมาเสียงเธอจะเป็นปกติแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะหายง่ายๆ“หายแล้ว ไปซื้อยามากิน”“ยาอะไร?”“ถามทำไม”พูดจบก็ชักสีหน้าใส่ผมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง ถ้าให้เดานี่คงเป็นการอาบน้ำครั้งแรกในรอบวัน นึกไปถึงเมื่อวานที่เธอเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าผมในสภาพที่หมดสติ ถ้าเป็นผมคนเมื่อก่อนที่เธอไม่ได้โกรธอยู่ล่ะก็ เธอไม่รอดแน่ระหว่างที่รอติญ่าอาบน้ำ ผมก็สั่งกับข้าวรอไปด้วย ที่นี่เป็นอำเภอเล็กๆ ดึกอย่างนี้ไม่ได้มีบริการเดลิเวอร์รี่ให้บริการ เลยต้องใช้เดลิเวอร์รี่จำเป็นอย่างราล์ฟไปซื้อมาใ