“หนูอยากกลับเมืองไทยค่ะ คุณพาหนูกลับเมืองไทยได้ไหมคะ” วรรษมนคิดว่าถ้ายังอยู่ที่นี่สักวันพวกนั้นต้องตามเธอเจอแน่ๆ
“ได้สิ แค่นี้ใช่ไหม”
“สำหรับหนูต้องการแค่นี้ แต่หนูอยากพาเพื่อนหนูกลับด้วย”
“เพื่อนเธออยากกลับหรือเธอคิดแทนเพื่อนว่าอยากกลับ”
“ก็เรามาด้วยกัน”
“นั่นไม่ใช่คำตอบนะ เอาล่ะบอกชื่อของเพื่อนเธอมาสิฉันจะให้คนไปสืบให้ถ้าเขาอยากกลับฉันจะหาทางช่วยแต่ถ้าเขาไม่อยากกลับนั่นก็อีกเรื่อง”
“เพื่อนหนูชื่อแพรพลอยค่ะ ชื่อเล่นว่าพลอย”
“เดี๋ยวฉันจะจัดการให้”
“ขอบคุณค่ะ หนูไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคนใจดีอย่างคุณ”
“ฉันไม่ใช่คนใจดีอะไรหรอกนะ แต่ที่ช่วยเพราะไม่ชอบการบังคับ”
“แล้วคุณจะพาหนูกลับเมืองไทยยังไงคะ หนูไม่มีพาสปอร์ต” หญิงสาวเป็นกังวลเพราะกลัวไปถึงด่านแล้วจะถูกให้กลับมาอีกเพราะตอนที่มาเธอแจ้งว่ามาทำงานที่กาสิโน
“มันก็มีวิธีอยู่”
“คุณออสตินคะ คือหนูกลัว”
“กลัวอะไร”
“หนูคงไม่หนีเสือปะจระเข้ใช่ไหม คุณคงไม่ใช่พวกเดียวกับมาเฟียเจ้าของกาสิโนนั่นใช่ไหมคะ”
“หน้าฉันเหมือนพวกมาเฟียเหรอ” เขาถามพลางมองหน้าหญิงสาวไปด้วย
“ไม่ค่ะ หน้าคุณเหมือนพวกนายแบบมากกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับเองแล้วบ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ”
“กรุงเทพค่ะ”
“จะให้ฉันไปส่งที่บ้านเลยไหม”
“ไม่ค่ะ พาหนูไปที่โรงแรมก่อน”
“ไปโรงแรม นี่คงไม่ได้หมายความว่าจะเอาตัวเข้าแลกเพราะฉันช่วยเรื่องนี้ใช่ไหม”
“หนูไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลย หนูก็แต่อยากถามพี่สาวให้รู้เรื่องค่ะ เพราะคนพวกนั้นบอกว่าพี่สาวของหนูเป็นคนบอกว่าหนูอยากมาทำงานบริการ”
“เขาคงไม่ทำแบบนั้นกับน้องสาวตัวเองหรอก”
“มันก็ไม่แน่นะคะ เพราะเรื่องไปทำงานที่กาสิโนเขาเป็นคนเสนอ เพราะเดิมทีหนูแค่สมัครมาทำงานพาทไทม์ที่โรงแรม”
“โรงแรมที่พูดถึงนี่ชื่อโรงแรมอะไร”
“โรงแรมXXX ค่ะ”
“ฉันรู้จักโรงแรมนั้นดี และไม่มีทางที่ทางโรงแรมจะหลอกให้ใครไปทำงานแบบนั้น”
“คุณเอาอะไรมามั่นใจล่ะคะ”
“ก็ฉันเป็นเจ้าของที่นั่น”
“คุณ...” วรรษมนถอยหลังติดเบาะเพราะรู้แล้วว่าตอนนี้ตนเองกำลังหนีเสือปะจระเข้
“กลัวเหรอ”
“จอดรถให้หนูลงเดี๋ยวนี้เลยนะ หนูไม่น่าโง่เลยเห็นท่าทางคุณดูดีก็นึกว่าจะเป็นคนดี ที่ไหนได้คุณมันก็พวกค้ามนุษย์ คุณคงกลั้นหัวเราะแทบแย่ใช่ไหมตอนที่ฟังหนูเล่าเรื่องให้ฟัง คอยดูนะถ้าหนูหนีไปได้หนูจะแจ้งความแล้วจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“ฉันไม่ได้หัวเราะ ฉันก็แค่แปลกใจ”
“คุณจะแปลกใจทำไมในเมื่อมันเป็นธุรกิจของคุณ”
“ฉันยอมรับนะว่าฉันเป็นเจ้าของกาสิโนกับโรงแรม แต่เรื่องบังคับผู้หญิงมาฉันเพิ่งรู้”
“อย่ามาแก้ตัวเลยค่ะ”
“ฉันพูดจริงๆ นะ ผู้หญิงทุกคนที่ไปทำงานที่นั่นจะไปเพราะความสมัครใจกันทั้งนั้น ฉันไม่เคยต้องบังคับหรือหลอกใครไปเลย”
“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะ”
“แล้วเธอเห็นใครที่นั่นถูกบังคับไหมล่ะ” เขาถามด้วยความมั่นใจเพราะที่ผ่านมามีแต่คนเต็มใจไปทำงานด้วยกันทั้งนั้น
“หนูเพิ่งไปไม่กี่วันเองเลยไม่ได้คุยกับคนอื่น แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นค่ะ ประเด็นมันก็คือคุณจะพาหนูกลับไปที่นั่นอีกไหมคะ”
“คนอย่างฉันพูดคำไหนก็คำนั้น”
“ขอบคุณนะคะที่ยังมีมนุษยธรรมอยู่ แล้วเพื่อนหนูล่ะคะ”
“ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนเธอเต็มใจทำงานที่นั่นไหม”
“ไม่แน่นอนยังไงพลอยก็ไม่มีทางเต็มใจไปทำงานแบบนั้นเด็ดขาด คุณต้องช่วยเพื่อนหนูนะคะ”
“ฉันจะลองถามดูนะแต่ไม่รับปาก”
“ไหนคุณสัญญาว่าจะช่วยหนูกับเพื่อน ยังไม่ทันไรคุณก็ผิดสัญญาแล้ว”
“ฉันบอกว่าจะลองถามดูไม่ได้บอกว่าไม่ช่วย ถ้าถามแล้วเพื่อนเธอไม่ยอมกลับก็ถือว่าหมดหน้าที่ของฉัน”
“ถามตอนนี้เลยได้ไหมคะ จะได้ไปรับมาพร้อมกัน”
“เธอนี่เรื่องมากจริงๆ นะ”
“นะคะคุณออสตินหนูรู้คุณเป็นผู้ใหญ่ใจดี” วรรษมนอ้อนอย่างประจบ
ออสตินส่ายหน้าก่อนจะต่อสายไปยังผู้จัดการกาสิโน รอสักพักใหญ่แพรพลอยก็ถูกตามมาให้คุยกับวรรษมน
“พลอย”
“นี่เมล่อนอยู่ที่ไหน เขาตามหาตัวให้วุ่นเลย”
“เราหนีออกมาแล้ว เดี๋ยวเราจะไปรับพลอยนะ รีบหนีออกมาจากที่นั่นเถอะ”
“ทำไมต้องหนีละ ที่นี่เงินดีจะตาย”
“พลอย แต่ที่เราคุยกันคือมาทำงานในกาสิโนนะไม่ได้มาขายตัว พลอยรู้ไหมเมื่อกี้พวกนั้นมันบังคับให้เราไปรับแขกแต่เราหนีออกมาได้”
“พลอยรู้”
“รู้ว่ายังไง”
“ก็รู้ว่าทุกคนก็ต้องทำงานแบบนั้น”
“พลอยรู้ก่อนที่จะมา หรือเพราะเขาบังคับให้พลอยพูด”
“รู้สิ แม่เราได้เงินไปจากเขาแล้วหนึ่งแสนแลกกับเราต้องมาทำงานที่นี่”
“อะไรนะ หนึ่งแสนเหรอ”
“ใช่หนึ่งแสน เมล่อนไม่รู้เหรอ”
“เราไม่เคยรู้แล้วเราก็ไม่เคยได้เงินหนึ่งแสนนั้นด้วย”
“แม่เรากับพี่สาวของเมล่อนรับเงินมาพร้อมกันเราก็นึกว่าเมล่อนรู้แล้วว่าต้องมาทำงานอะไรเพราะเห็นเมล่อนเข้าไปขัดผิว”
“เราไม่เคยรู้เลย แล้วพลอยจะเอายังไงต่อเรากลับเมืองไทยกันเถอะเงินหนึ่งแสนเดี๋ยวเราช่วยกันหามาคืนเข้าก็ได้”
“จะหาที่ไหนล่ะ ของเราแค่หนึ่งแสนนะ แต่พี่เมย์เอาไปสองแสนแล้วถ้าเมล่อนหนีไปแบบนี้พวกนั้นก็คงไปตามเอาเงินคืน”
“สองแสนเหรอ ถึงว่าล่ะ พี่เมย์ถึงใจดีพาเราไปเข้าสปาพาไปซื้อเสื้อผ้า ไม่รู้ล่ะยังไงเราก็จะต้องหาเงินมาคืน เราไม่ยอมไปทำงานแบบนั้น”
“เมล่อน พลอยรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องดี แต่เราเลือกแล้ว เราอยากทำงานเก็บเงิน”
“พลอย แต่เรายังเรียนไม่จบนะ”
“ใช่ เพราะเรายังเรียนไม่จบแล้วจะไปหางานอะไรได้ล่ะ พลอยตั้งใจแล้วว่าจะทำงานที่นี่พอเปิดเทอมก็น่าจะมีเงินเยอะอยู่”
“พลอยคิดดูดีๆ นะ”
“เราคิดดีแล้วล่ะ แค่นี้ก่อนนะเราต้องไปทำงานต่อ เมล่อนล่ะหนีไปกับใคร”
“มีคนใจดีพาหนีมา”
“ระวังตัวด้วยนะ หนีเขาออกไปแบบนั้นพลอยกลัวว่าพวกเขาจะแค้นแล้วตามไปจับมา”
“เรื่องอะไรจะยอมล่ะ ถ้าอยากจะเอาเงินคืนก็ไปเอาที่เมย์สิ”
“คงยากแล้ว”
“หมายถึงอะไร”
“เราได้ยินพี่เมย์พูดว่าถ้าส่งเมล่อนมาถึงกาสิโนพวกเขาสองคนก็จะย้ายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ทั้งน้าทั้งพี่ไม่น่าเกิดมาร่วมโลกกันเลย” วรรษมนโมโหจนตัวสั่นเพราะไม่คิดว่าคนที่อยู่ร่วมบ้านกันมาหลายปีจะทำแบบนี้ได้
วรรษมนวางสายจากแพรพลอยแล้วก็หันมามองหน้าออสตินเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองจะทำยังไงต่อเพราะเรื่องที่รู้จากเพื่อนมันทำให้หญิงสาวต้องคิดหนัก“คุณคงได้ยินหมดแล้วนะคะ”“ใช่ แล้วเธอจะเอายังไงต่อ”“คุณจะไม่ให้คนจับตัวหนูกลับไปใช่ไหมคะ”“ฉันบอกไปแล้วว่าไม่รู้เรื่องนี้ ทุกคนที่ทำงานให้ฉันก็เต็มใจด้วยกันทั้งนั้น อย่างเพื่อนเธอนั้นไงล่ะ”“แล้วถ้าหนูไม่กลับไปทำงานที่นั่นหนูก็ต้องหาเงินมาใช้พวกเขาใช่ไหมคะ”“ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาที่เธอพูดถึงนั้นคือใคร เพราะฉันไม่เคยใช้เงินซื้อใครมาแบบนั้น นอกจากจะตกลงกันเอง”“คุณไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้”“ฉันจะโกหกเธอให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ เอาล่ะฉันเสียเวลามามากแล้วตกลงเธอจะเอายังไงต่อ”“หนูขอกลับไปพร้อมคุณได้ไหม”“แล้วไม่กลัวคนพวกนั้นตามเอาเงินคืนเหรอ”“กลัวสิคะ หนูถึงอยากกลับพร้อมคุณถ้าหนูอยู่กับคุณหนูคิดว่าตัวเองคงปลอดภัย”“เธอมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ ฉันเป็นผู้ชาย”“หนูรู้ แต่ถ้าให้หนูกลับไปแล้วต้องไปขายตัวแบบนั้นหนูไม่เอาหรอกค่ะ”“แต่เธออย่าลืมนะว่าเธอเป็นหนี้พวกนั้นอยู่ถึงสองแสนแล้วถ้าพวกมันก็คงจะต้องมาทวง”“หนูยืมเงินคุณก่อนได้ไหม เดี๋ยวหนูจะหามาผ่อนคืนให้”“เงินตั้
ออสตินมองหน้าวรรษมนเมื่อเห็นแววตาที่ช่างสงสัยก็ยิ้มมุมปาก เขาจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตนเองนั่งคุยกับผู้หญิงนานๆ แบบนี้เมื่อไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็จะพากันขึ้นเตียงอย่างเดียว “ถ้าเธอรู้ว่าฉันทำอะไรบ้างเธออาจจะกลัวฉันก็ได้นะ” “ก็ลองเล่ามาสิคะ” “ฉันชื่อออสติน อายุ 35 แม่เป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย พ่อเป็นคนอิตาลี ตอนนี้ท่านสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลี” “คุณมีพี่น้องไหมคะ” “เคยมีน้องสาว” “เคยเหรอคะ” “อือ แต่เธอเสียไปตั้งแต่เด็กแล้ว” “หนูเสียใจด้วยนะคะ แล้วคุณทำงานอะไร” “ก็โรงแรมที่กรุงเทพและที่เชียงราย กาสิโนที่สามเหลี่ยมทองคำอีกสองแห่งแล้วก็กาสิโนที่เธอหนีออกมานั่นแหละ” “คุณค้าผู้หญิงด้วยใช่ไหมคะ” “จะเรียกว่าค้าได้ยังไงในเมื่อทุกคนเต็มใจ” “แต่หนูไม่เต็มใจ” “นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันต้องสอบสวนว่าใครเป็นคนทำเพราะกาสิโนที่นั่นมีคนท้องถิ่นเป็นหุ้นส่วนด้วย เธออาจจะคิดว่าฉันแก้ตัวนะ แต่ฉันไม่มีทางบังคับใครทำแบบนั้นหรอก”“หนูจะเชื่อคุณ”“ทำไมถึงเชื่อฉันล่ะ
ตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพวรรษมนก็ไม่ได้เจอกับออสตินอีกเลย เขาให้ลูกน้องพาเธอไปตรวจเลือดจากนั้นก็กลับไปเอาของใช้จำเป็นที่บ้านและให้เธออยู่ที่คอนโดมิเนียมตามลำพัง หญิงสาวนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เขาซื้อให้แล้วก็ลังเลว่าจะโทรไปหาเขาดีไหม เพราะรู้สึกเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แบบนี้เธออยากออกไปข้างนอกไปหางานทำ เมื่อเรียบเรียงคำพูดแล้ววรรษมนก็กดโทรออกตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลูกน้องของเขาบันทึกไว้ให้ แต่พอโทรไปแล้วคนที่รับสายกลับไม่ใช่ออสตินอย่างที่เธอคิด “ฉันจะโทรหาคุณออสตินค่ะ” “ตอนนี้บอสไม่ว่างรับสายคุณมีเรื่องด่วนอะไรไหม” “ไม่ค่ะ เอาไว้ฉันค่อยโทรมาทีหลังก็ได้ แล้วเขาจะว่างตอนไหนล่ะคะ” “ผมระบุเวลาไม่ได้เอาไว้ถ้าเขาว่างผมจะบอกเขาโทรกลับ” “ขอบคุณค่ะ” พอวางสายแล้วหญิงสาวก็กลับมานั่งเหงาอย่างเดิม แม้จะได้คุยกับเพื่อนผ่านทางโลกโซเชียลแต่การอยู่แต่ในห้องมันก็น่าเบื่อ ปกติแล้วถ้าไม่ออกไปเรียนวรรษมนก็ต้องออกไปทำงานพิเศษเธอเลยไม่ชินกับการต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้ หญิงสาวคิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องออกไปข้
ห้องวีไอพีตั้งอยู่บนชั้นสามของผับซึ่งมีอยู่ประมาณห้าห้องด้วยกัน วรรษมนเดินขึ้นมายังชั้นสองก็เจอเพื่อนที่เดินสวนลงมาพอดี“เมล่อน รับงานด้วยเหรอ”“เปล่า แต่แขกไม่ยอมฟังเถ้าแก่เราเลยจะไปบอกเขาว่าเราไม่รับงานนี้ โบว์ว่างใช่ไหม”“อือ มีอะไร”“เราอยากให้โบว์ไปด้วยเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ” เพราะเพื่อนที่ชื่อโบว์คนนี้มีรูปร่างและผิวพรรณใกล้เคียงกับตนเองมากที่สุดวรรษมนเลยพาเธอขึ้นไปด้วย“เรารอนอกห้องนะ เมล่อนเข้าไปคนเดียวก่อนได้เรื่องแล้วค่อยออกมาตามก็ได้”วรรษมนเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน“สวัสดีค่ะ”“อ้อ มาแล้วเหรอมานั่งนี่สิ”“ได้ค่ะ ท่านจะแค่ดื่มใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างตรงประเด็น“ถ้าแค่ดื่มอย่างเดียวฉันคงไม่เหมาถึงร้อยดริ๊งค์หรอกนะ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาปิดแล้วเธอก็เข้าใจการทำงานของที่นี่ดี”“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้ค่ะ ที่ขึ้นมาหาก็เพราะอยากจะมาปฏิเสธด้วยตัวเอง”“จะโก่งค่าตัวหรือเปล่า จะเอาเท่าไหร่ล่ะฉันยินดีจ่าย”“ไม่รับก็คือไม่รับค่ะ มีคนที่พร้อมรับงานนี้แล้วเขาก็รออยู่ข้างนอก ถ้าคุณสนใจหนูจะเรียกเขาเข้ามา”“ฉันสนใจแค่เธอ”“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้”“ฉันให้แสนหนึ่ง” “ไม
ออสตินกลับมาถึงห้องก็อาบน้ำและออกมานั่งดื่มที่ห้องรับแขกด้วยความสบายใจเพราะงานที่ติดขัดตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ช่วงวันหยุดเขาคงมีเวลาอยู่กับวรรษมนมากขึ้นและเธอก็คงไม่คิดจะหนีออกไปข้างนอกอีก เขานั่งดื่มพักใหญ่เสียงโทรศัพท์ของวรรษมนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาก็ดังขึ้นออสตินไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอเลยแต่คนที่โทรเข้ามาก็ดูจะพยายามติดต่อกับหญิงสาวจนเขารู้สึกรำคาญ ออสตินลังเลว่าจะกดรับดีไหม แต่คนที่โทรเข้ามาก็วางสายไปอีกครั้งจากนั้นก็มีข้อความปรากฏขึ้นมา เขาเลยถือวิสาสะเปิดอ่าน ‘เมล่อนนอนแล้วเหรอ’‘พี่กดออดเรียกตั้งนานแต่เมล่อนไม่ยอมออกมาเปิดสักที พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ ตอนนี้แขวนไว้หน้าประตูนะ’‘ถ้าตื่นแล้วก็ออกมาเอาด้วย พรุ่งนี้เจอกันที่ผับนะ มาเร็วๆ หน่อยก็ดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย’ออสตินอ่านข้อความทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจเพราะไม่ค่อยสันทัดในภาษาไทยเท่าไหร่ ชายหนุ่มเริ่มโมโหเมื่อคิดได้ว่าที่วรรษมนหนีออกไปวันนี้ก็เพราะอยากออกไปเจอคนอื่นแล้วถ้าคืนนี้เขาไม่ไปรับเธอที่ผับป่านนี้เธอกับผู้ชายที่ส่งข้อความมาก็คงจ
เพียงแค่ปลายนิ้วออสตินก็รู้สึกถึงแรงตอดรัดชายหนุ่มดันเข้าหาเธอลึกขึ้นเพื่อเปิดทางเพราะรู้สึกว่าช่องทางรักนั้นทั้งเล็กและแคบ“อื้อ...เจ็บ”ใบหน้าสวยบิดเหยเกเมื่อนิ้วร้ายดันเขามาด้านในลึกจนรู้สึกอึดอัดเธอพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นกลับยิ่งรู้สึกเสียวมากขึ้น“เจ็บหรือเสียวกันแน่เมล่อน”เขาพูดพลางหัวเราะเมื่อเห็นสะโพกเธอเริ่มจะส่ายเข้าหานิ้วที่กำลังควานอยู่ในช่องทางคับแน่น เขาก้มลงจูบเธออย่างเร่าร้อนขณะที่นิ้วก็เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ความเสียวทวีมากขึ้นเมื่อปากร้อนดูดไปตามผิวหนังจนขึ้นรอยแดงก่อนจะดูดดึงเม็ดทับทิมเข้าปากอย่างหิวกระหาย วรรษมนแอ่นอกอิ่มเข้าหาปากร้อนไปตามสัญชาตญาณ “คุณออสติน ไม่ไหว เมล่อนไม่ไหวแล้ว”“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม”“ไม่เจ็บแล้วแต่เมล่อนเสียว ทรมาน”“ตรงนี้ใช่ไหมที่เสียว”เขาเกร็งปลายนิ้วกดเข้าหาจุดกระสันด้านในโพรงถ้ำเป็นจังหวะเร็วขึ้น“อื้อ ตรงนั้น มันสะ เสียว คุนออสติน เมล่อนจะไม่ไหว แรงอีกนิด คุณออสตินอื้อ...”เสียงหวานหลุดครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่อารมณ์ของหญิงสาวพุ่งสูงสุดขีด ปลายนิ้วเท้าจิกเกร็งก่อนจะกระตุกติดกันพร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยอย่างหนัก ช่องทางรักคล
ออสตินมองคนที่หลับลงอย่างง่ายดายแล้วก็นึกสงสาร เพราะเมื่อครู่เขาค่อนข้างเอาแต่ใจและตักตวงความสุขให้กับตัวเองจนลืมไปเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของหญิงสาว ชายหนุ่มไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครแบบนี้มาก่อนเพราะทุกครั้งที่นอนกับคนอื่นเขาก็จะมีสิ่งของและเงินตอบแทนให้กับพวกเธอเพื่อแลกกับความสุข แต่กับวรรรษมนเขาไม่คิดแบบนั้นเพราะเงินสองแสนที่เธอพูดถึงนั้นเขาไปสืบมาแล้วจึงรู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นคนเอาไปเพื่อแลกกับการส่งเธอไปทำงานที่กาสิโนอันที่จริงวรรษมนไม่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ แต่ออสตินก็เลือกที่จะไม่บอกเพราะอยากจะเก็บเธอไว้ใกล้ๆ ตัว เขาไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากอยากจะนอนกับเธอเพียงเท่านั้นวรรษมนเป็นผู้หญิงที่สวย ผิวพรรณดีอีกทั้งหุ่นก็ตรงใจเขาอย่างที่สุดจากที่คิดว่าจะหาความสุขกับเธอแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันมากกว่านั้นมาเฟียหนุ่มรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของรู้สึกหวงแหนและหลงใหลในเสียงหวานยามเรียกชื่อเขาอีกทั้งกลิ่นกายของเธอก็หอมมากกว่าน้ำหอมราคาแพงที่เขาเคยสัมผัส“เธอต้องเป็นแม่มดแน่ๆ” เขาพูดคนเดียวเบาๆ ก่อนจะหอมไปที่แก้มเนียนแล้วหลับตาลงนับเป็นครั้งแรกในรอบหลา
“ป้ารู้ไหมว่าไข้ทับระดูคืออะไรอันตรายมากไหม” ออสตินถามป้าแม่บ้านหลังจากที่พยายามหาข้อมูลแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “ไข้ทับระดูไม่อันตรายหรอกค่ะ ก็แค่มีไข้ช่วงที่เป็นประจำเดือน ว่าแต่ใครเป็นเหรอคะ หรือว่าหนูเมล่อน” “ครับ” “แล้วเธอปวดท้องด้วยไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมเอายาลดไข้ให้เธอแล้ว เห็นเธออยากนอนก็ออกมารอข้างนอก” “เดี๋ยวป้าไปเตรียมกระเป๋าน้ำร้อนมาให้นะคะ เผื่อเธอจะปวดท้อง แล้วเย็นนี้ป้าจะทำข้าวต้มให้ทาน แล้วคุณออสตินล่ะคะเย็นนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม” “ผมเอาข้าวต้มก็ได้ ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำหลายรอบ” พอป้าแม่บ้านเอากระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้ามาให้ออสตินก็กลับเข้าไปในห้องนอนของตนเองอีกครั้ง “คุณออสติน” เธอรู้สึกตัวเมื่อเขานั่งลงข้างๆ “เป็นไงบ้าง ปวดท้องไหม” “นิดหน่อยค่ะ” “ป้าแม่บ้านฝากกระเป๋าน้ำร้อนมาให้เธอจะเอาไหม” “เอาค่ะ” พอเขายื่นให้เธอก็รีบรับมาแล้วสอดใต้ผ้าห่มก่อนจะวางลวงบนท้องน้อยของตนเอง “ฉันไม่รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเรื่องเม
วรรษมนอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก็กลับมาเมืองไทยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม เธอกลับมาพร้อมกับออสตินส่วนบิดามารดาของเขานั้นกำลังจัดการเรื่องธุรกิจและวางแผนจะบินตามมาอยู่ที่เมืองไทยถ้าทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว “พี่ออสตินไม่อยู่เมล่อนขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนได้ไหมคะ เมล่อนว่าตอนนี้ตัวเองอ้วนขึ้นคงต้องไปซื้อชุดนักศึกษาเพิ่มใหม่หรือว่าจะลดความอ้วนดีคะ” “อ้วนที่ไหนพี่ว่าแบบนี้ดีออกเวลากอดก็เต็มไม้เต็มมือดี ส่วนเรื่องชุดพี่ว่าซื้อใหม่เถอะแล้วอย่าเอากระโปรงสั้นมากนะ เสื้อก็อย่ารัดรูป เขาแค่พอดีตัว” “พี่ออสตินหวงเหรอคะ” “หวงสิ เมียทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้เป็นใครก็หวง” ตั้งแต่ตกลงว่าจะแต่งงานกับออสตินก็มักจะเรียกเธอว่าเมียจนติดปากแต่วรรษมนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอก็ชอบที่ได้ยินเขาเรียกแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังเป็นแค่เมียลับๆ ของเขาก็ตาม“พี่จะไปนานไหมคะ”“ไปแค่สองวันเองแล้วก็จะรีบกลับมากอดเมีย”“เมล่อนอยากไปด้วยนะคะถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมเมล่อนจะขอไปด้วย”“เอาไว้ครั้งหน้าที่จะเลือกวันไปทำงานให้ตรงกับวันหยุดดีไหมเมล่อนจะได้ไปดูโร
คุณจิโอวานนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกำมะหยี่อีกหลายกล่อง “นี่มันอะไรคะ” “เปิดดูสิผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เขาบอกภรรยา เธอเปิดกล่องที่วางตรงหน้าออกทุกใบซึ่งในนั้นมีสร้อยเพชรและต่างหูที่เขาชุดกันจะขาดก็แต่สร้อยข้อมือซึ่งเธอรู้ดีกว่าใครว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ที่ไหน “คุณซื้อทั้งชุดเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่สร้อยข้อมือ” “ใช่สิ ผมอยากให้คุณใส่ทั้งชุดแต่คุณไม่ยอมสวมเสื้อเปิดคออีกเลย ผมไม่อยากให้คุณคิดมากก็เลยเอาแค่สร้อยข้อมือให้คุณ” ที่ผ่านมาเขาซื้อชุดเครื่องเพชรให้ภรรยามาตลอดแต่ก็จะเก็บสร้อยคอและต่างหูแยกไว้ เขารอวันที่ภรรยาจะกล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นคอซึ่งมีรอยแผลนิดเดียวและถ้าไม่สังเกตหรือจ้องนานก็ไม่มีใครเห็น “ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาให้ ต่อไปนี้ฉันคงจะได้ใส่ครบชุด” “ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กล้าสวมชุดแบบนี้ล่ะ” “ก็แผลมันนิดเดียวนี่ถ้าไม่มองดีๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก จริงไหมเมล่อน” “จริงค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่บอกหนูก็ไม่เห็น” “ผมกับลูกก็เคยบอกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมฟังเราเลย” “ก็
กลับมาถึงบ้านวรรษมนและคุณอลิษาก็ช่วยกันเข้าครัวซึ่งวันนี้คุณอลิษาเป็นคนลงมือทำอาหารเองทั้งหมดโดยมีป้าวิไลและวรรษมนคอยเป็นลูกมือ “อร่อยมากเลยค่ะคุณผู้หญิง วิไลว่าวันนี้คุณผู้ชายกับคุณออสตินคงได้ทานข้าวกันหลายจานแน่ๆ” “อย่าลืมตักไปแบ่งกันกินด้วยนะฉันทำเผื่อทุกคน” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิงมาเรียว่าคงต้องหุงข้าวเพิ่มล่ะคะ กับข้าวฝีมือคุณผู้หญิงอร่อยมากจริงๆ” “อร่อยจริงหรือแกล้งชมกันล่ะมาเรีย” คุณผู้หญิงของบ้านถามเพราะไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากตนเองไม่ได้เข้าครัวมานานหลายปีแล้ว “อร่อยจริงๆ ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า เธอเคยทานอาหารไทยมาแล้วแต่ไม่เคยทานอาหารไทยที่อร่อยแบบนี้มาก่อน “ถ้าพวกเธอชอบฉันจะพยายามเข้าครัวบ่อยๆ” คุณผู้หญิงของบ้านยิ้ม “ชอบสิคะ แต่มาเรียกลัวคุณผู้หญิงเหนื่อยคุณผู้หญิงสอนมาเรียได้ไหมคะ มาเรียอยากทำเก่งๆ” “สอนหนูด้วยนะคะหนูก็อยากทำเก่งๆ” วรรษมนอยากเรียนรู้เพื่อจะเอากลับไปทำให้ออสตินทาน “ถ้าอยากจะเรียนกันจริงก็จะสอนให้” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” / “ขอบคุณค่ะแม่” สองสาวที่วัย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณอลิษาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุข เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่นานก็ได้เสื้อผ้ามาเกือบยี่สิบชุดจนวรรษมนต้องโทรศัพท์ตามคนขับรถมาเอาไปเก็บ ส่วนเธอกับมารดาของคนรักก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ “แม่คะ เราแวะร้านนั้นกันไหม” วรรษมนชี้ไปยังร้านเครื่องประดับแบรนด์ดังที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่มากนัก “ก็เอาสิ” เพราะตนเองได้ของที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากจะตามใจหญิงสาวบ้าง พอเข้ามาถึงในร้านวรรษมนก็เดินไปยังมุมที่มีสร้อยคอโชว์อยู่เต็มตู้ “เธออยากได้สร้อยเหรอ” “เปล่าค่ะ คุณแม่นั่นแหละค่ะที่ต้องซื้อ” “ฉันเหรอ” “ค่ะ ก็ชุดที่เราซื้อเมื่อกี้คอมันกว้างและคุณแม่ก็ต้องมีสร้อยสวยๆ ไว้ใส่คู่กันนะคะจะให้คอโล่งไม่ได้” “แต่เครื่องเพชรที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว” “นั่นมันคือเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงานค่ะ แต่ที่เรามาซื้อมัยเป็นสร้อยที่เราจะใส่ได้ทุกวันเอาหลายๆ แบบเลยนะคะจะได้เปลี่ยนไปตามชุดที่เราใส่” “ทีซื้อกระเป๋าเธอทำเป็นว่าแล้วทำไมสร้อยพวกนี้ถึงไม่ว่าล่ะ” “เมล่อนอยากให้คุณแม่แต่งตัวส
ออสตินพาวรรษมนลงมาจากห้องนอนเพื่อจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมแต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านมารดาของชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิออสติน” “มีอะไรครับแม่” “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะไปทำธุระกับพ่อ” “ครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะรีบไปส่งเมล่อนก่อนแล้วจะตามพ่อไป” “วันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งแล้วบังเอิญว่าไม่มีคนช่วยถือของก็เลยอยากจะให้คนของลูกไปช่วยถือหน่อย” “จะให้หนูไปช่วยถือของใช่ไหมคะ” วรรษมนถามอย่างรู้ทันก็มุกพวกนี้เธอเคยอ่านเจอในนิยายมาเยอะแล้ว “แล้วเธอจะไปถือให้ฉันไหมล่ะ” คุณอลิษาหันมาถามด้วยใบหน้ามึนตึง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ กลับไปโรงแรมหนูก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไปกับคุณแม่น่าจะสนุกกว่านะคะ” “ถ้าไม่อยากไปก็ไปก็ไม่ต้องฝืนนะเมล่อน” ออสตินกลัวว่าคนรักของตนเองจะลำบากใจ “ไม่หรอกค่ะ เมล่อนเต็มใจคุณรีบไปทำงานเถอะนะคะเดี๋ยวเมล่อนไปกับคุณแม่เองแล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ” “งั้นผมไปนะ” ก่อนไปออสตินก็ขโมยหอมแก้มของหญิงสาวอีกฟอดใหญ่ทำให้มารดาของเขาแต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ คุณ
วรรษมนตื่นนอนตั้งแต่เช้าและลงมาด้านล่างก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่นเธอเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเลยคิดจะเดินเข้ามาช่วย “คุณลงมาทำอะไรตั้งแต่เช้ากันคะ” ป้าวิไลแม่ครัวใหญ่ตกใจที่เห็นว่าคนรักของเจ้านายลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ “ป้าเป็นคนไทยเหรอคะ ดีจังตั้งแต่หนูมาที่นี่ก็เจอคนไทยไม่กี่คนเอง” “ป้าเป็นคนไทยจ้ะแต่มาอยู่ที่นี่เกือบสามสิบว่าปีแล้ว” “นานมากเลยนะคะ แล้วป้าทำอะไรคะให้หนูช่วยไหม” “เมื่อวานป้าไปตลาดเอเชียแล้วได้ขนมจีนมาก็เลยจะทำขนมจีนแกงเขียวหวานให้คุณๆ ทานจ้ะ” “ให้หนูช่วยไหมคะ” “หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยทำให้คุณออสตินทานค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเหมือนที่ป้าเคยทำไหม” “หนูทำอย่างที่หนูเคยทำเลย ป้ามาอยู่ที่นี่นานบางครั้งรสชาติก็ไม่เหมือนกับของต้นฉบับเท่าไหร่ แต่ขออย่าให้เผ็ดมากก็พอ” “ป้าจะให้หนูทำจริงๆ เหรอคะ หนูกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย” “ไม่ต้องกลัวป้าจะคอยดูอยู่ใกล้ๆ” วรรษมนลงมือทำแกงเขียวหวานอย่างที่ตนเองถนัดโดยมีป้าแม่ครัวและเด็กรับใช้อีกคนยืนดูอยู่ห่างๆ ใช
การเดินทางมาอิตาลีครั้งนี้นอกจากออสตินจะมาทำธุระเรื่องงานแล้วเขายังถือโอกาสมาอวยพรวันเกิดให้กับมารดาของตนเองอีกด้วย ตั้งแต่มาถึงเขาก็ยังไม่เคยพาวรรษมนไปเจอกับบิดามารดาเพราะอยากจะพาเธอไปให้ท่านรู้จักในงานวันเกิดซึ่งจะมีคนมากันหลายคนและมารดาของเขาคงไม่กล้าที่จะหักหน้าเขาหน้าบรรดาเพื่อนและญาติคนอื่น “เมล่อนไม่มั่นใจเลยค่ะ” วรรษมนมองตนเองในกระจกหลังจากแต่งหน้าและสวมชุดราตรีเปิดใหล่สีครีมที่ยาวกร่อมเท้า “สวยแล้ว คุณใส่อะไรก็สวย” ออสตินที่สวมสูทสีเข้มกับเนกไทสีเดียวกับหญิงสาวพูดให้กำลังใจ “เมล่อนไม่ได้หมายถึงชุดที่ใส่ค่ะ แต่หมายถึงการไปงานวันเกิดของแม่คุณวันนี้” “ไหนว่าไม่กลัวอะไรไงครับ” “เมล่อนไม่กลัวอะไรก็จริงแต่เม่ล่อนกลัวแม่คุณนะคะ” “ผมอยู่ทั้งคนคุณจะกลัวอะไรล่ะ” “แล้วงานนี้จะเจอคุณมิเชลไหมคะ เมล่อนกลัวเธอจำได้แล้วจะโกรธเมล่อนเรื่องกระเป๋าค่ะ” “มิเชลก็คงจะมานั่นแหละ แต่แม่ไม่คิดจะจับคู่ผมกับเธอแล้ว” “ทำไมคะ” “ก็ระหว่างที่มิเชลอยู่เมืองไทยเธอชอบออกไปเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ แ
“ออสตินคะ” “มองหน้าผมทำไมคิดว่าที่ผมให้ลงมาเพราะผมจะพอแค่นี้เหรอเมล่อน หันหลังให้ผมสิ” วรรษมนทำตามอย่างว่าง่ายเธอพลิกตัวหันหลังให้เขาก่อนที่เขาจะโน้มตัวเธอให้ราบลงบนโต๊ะให้สะโพกสวยลอยเด่น “เซ็กซี่ชะมัด” ออสตินพึมพำขณะที่สองมือบีบสะโพกปลุกเร้าหญิงสาวอีกครั้ง ปลายท่อนเอ็นที่เขี่ยขึ้นลงบนกลีบกุหลาบก็ทำให้วรรษมนสั่นสะท้าน “อ๊ะ!...อื้อ...” เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อตัวตนของเขามันเข้ามาทีเดียวจนรู้สึกว่าลึกกว่าทุกครั้ง “อ่า...เมล่อน ตอดแรงเลยเสียวเหรอ” “ยังจะถามอีกนะคะ ใครไม่เสียวบ้างล่ะ” “แล้วชอบไหม” “แล้วคุณล่ะคะชอบให้เมล่อนทำแบบนี้ไหม” “อ้า...เมล่อนจ๋า อย่ารัดแรงแบบนี้” เขาครางลั่นเมื่อวรรษมนขมิบช่องทางรักเข้าหาความใหญ่โตของเขา ออสตินพอใจกับผู้หญิงของเขาอย่างที่สุด สองมือเขาประคองสะโพกกลมกลึงไว้ขณะที่สะโพกก็เสยเข้าหาช่องทางอ่อนนุ่มด้วยความกระสันเสียวอย่างที่สุด จังหวะรักครั้งนี้เต็มไปด้วยความดิบเถื่อนและรุนแรง ชายหนุ่มไม่อาจห้ามความรู้สึกของตนเองได้ ทุกจัง
เพราะต้องออกเดินทางจากเมืองไทยไปอิตาลีในเวลาตีหนึ่งคืนนี้ทั้งวรรษมนและออสตินจึงเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม พอสี่ทุ่มหญิงสาวก็รู้สึกหิวน้ำจึงลงมายังห้องครัวด้านล่าง พอดื่มเสร็จและกำลังจะหันหลังกลับออสตินก็ตามลงมาพอดี“หิวน้ำเหรอคะ” หญิงสาวเปิดประตูตู้เย็นอีกครั้งแล้วรินน้ำส่งให้เขา“หิวน้ำเมล่อน” เขาหยิบแก้วน้ำในมือเธอไปวางไว้ด้านบนของตู้เย็นก่อนที่จะกอดเธอไว้สองมือบีบสะโพกเบาแล้วดึงเข้าหาตัว“ไม่นะคะ เราคุยกันแล้วนะคะเมล่อนกลัวตื่นไม่ทันไปสนามบิน”“เราไปนอนบนเครื่องก็ได้นะ ถ้าไม่ให้ผมตอนนี้ผมนอนไม่หลับหรอก คุณไม่รู้สึกเลยเหรอว่าน้องชายผมมันกำลังตื่น นะครับ”“ถ้าเมล่อนไม่ยอมล่ะคะ” วรรษมนแกล้งถามไปแบบนั้นทั้งที่ตอนนี้ตัวเองก็มีความต้องการไม่ต่างจากเขา“ผมไม่บังคับแต่จะให้คุณเลือก” “เลือกอะไรคะ”“เลือกระหว่างให้ผมกินคุณตอนนี้หรือจะให้ผมอดทนแล้วไปกินบนเครื่องบิน”“คุณมีทางเลือกให้เมล่อนแค่นี้เหรอคะ เมล่อนว่า....”เสียงหวานยังพูดไม่จบออสตินกดจูบลงบนเรียวปากอย่างเร่าร้อน บดเบียดจนเธอยอมให้เขาส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหวานอย่างที่เขาต้องการ กว่าจะยอมปล่อยให้ปากเธอเป็นอิสระเขาก็ทำเธอแทบขาดใจ