เสียงฝีเท้าที่กำลังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งต้องเร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่ แต่รองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่นั้นก็ทำให้เธอวิ่งได้ไม่ถนัด หญิงสาวก้มลงถอดรองเท้าขึ้นมาถือไว้แน่นเพราะถ้าจะทิ้งไปก็รู้สึกเสียดาย การวิ่งด้วยเท้าเปล่าถึงมันจะเจ็บแต่ก็สามารถวิ่งได้เร็วกว่าเดิม
อีกไม่กี่เมตรข้างหน้าเธอจะวิ่งไปถึงถนนใหญ่และถ้าวิ่งไปฝั่งตรงกันข้ามได้เธอก็น่าจะรอดจากพวกที่กำลังวิ่งตามหลัง
แต่เสียงที่ตามมานั้นก็ทำให้เธอขนลุกเพราะมันใกล้เข้ามามากอีกทั้งพวกมันยังมีกันหลายคน หญิงสาววิ่งอ้อมมุมตึกออกมาพอใกล้จะถึงถนนใหญ่ก็มีรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ ประตูรถยังเปิดทิ้งไว้เธอจึงรีบขึ้นไปหลบอยู่ทางด้านหลังในจังหวะที่ชายฉกรรจ์สามคนวิ่งโผล่มาจากมุมตึกพอดี
เธอชะโงกหน้าขึ้นมามองและเห็นว่าผู้ชายพวกนั้นวิ่งไปฝั่งตรงข้ามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เธอเป็นใคร แล้วขึ้นมาอยู่บนรถฉันได้ยังไง” เสียงที่ฟังดูมีอำนาจทำให้หญิงสาวกลัวจับจิต เธอค่อยๆ หันหน้ามาอย่างช้าก่อนจะส่งยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่ถามนั้นมีใบหน้าหล่อราวกับเทพบุตร
“หนูขอโทษ”
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ แต่ฉันอยากได้คำตอบ”
“หนูชื่อเม่ล่อน ทำงานที่กาสิโน”
“ทำงานที่กาสิโน แล้วทำไมถึงมาอยู่บนรถฉันหรือว่าเธอไปโกงเขามาพอเขาจับได้เลยวิ่งหนี”
“ไม่ใช่นะคะ หนูไม่ได้โกงใครเลย”
“ไม่โกงแล้วทำไมต้องมาหลบอยู่บนรถ บอกฉันมาตรงๆ ว่าเธอกำลังหนีอะไรมา”
“หนูจะบอกคุณก็ได้ แต่คุณพาหนูไปจากที่นี่ก่อนได้ไหมคะ พวกมันกลับมากันแล้ว” เธอมองไปทางด้านนอกรถแล้วเห็นผู้ชายพวกนั้นกำลังเดินตรงมา
“ถ้าฉันช่วยเธอฉันจะได้อะไร”
“อะไรก็ได้ หนูให้คุณได้ทุกอย่าง แค่อย่าให้พวกนั้นพาหนูกลับไปก็พอ”
“ถ้าเธอไม่ทำตามที่พูดฉันจะเป็นคนพาเธอมาส่งที่นี่เอง”
“หนูสัญญา” หญิงสาวยกนิ้วก้อยยื่นมาตรงหน้าเขา ชายหนุ่มลังเลเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของอีกคนเขาก็ยื่นนิ้วของตัวเองมาเกี่ยวไว้
“ฉันจะเชื่อเธอสักครั้ง ไปนั่งดีๆ เดี๋ยวฉันจะพาออกไปจากที่นี่” พูดจบเขาก็พูดไปยังไมโครโฟนขนาดเล็กที่ใช้สื่อสารระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร
“ภูมิ ออกรถ”
“เราจะไปไหนกันครับ”
“ขับวนไปเรื่อยๆ ก่อนฉันมีเรื่องต้องจัดการ”
“ครับบอส”
พอรถเคลื่อนตัวออกหญิงสาวที่นั่งนิ่งก็ถอนหายใจและพิงกับเบาะนั่งอย่างอ่อนแรง เธอไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนที่แอบขึ้นรถมานั้นเป็นใครมาจากไหน เธอรู้แค่ว่าตอนนี้เขาเป็นผู้มีบุญคุณกับเธอมาก
“เอาล่ะ บอกมาได้แล้วว่าเธอกำลังหนีอะไรมา”
“เรื่องมันยาว”
“ถ้าไม่อยากเล่าฉันจะพากลับไปส่ง”
“หนูก็แค่บอกว่าเรื่องมันยาว ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไปมาเล่า คุณอาก็ทำใจร้อนไปได้”
“เดี๋ยวนะเธอเรียกฉันว่าคุณอา”
“ค่ะ ดูแล้วคุณก็คงอายุมากกว่าหนูหลายปี เรียกพี่ก็คงจะดูไม่ค่อยให้เกียรติเท่าไหร่ใช่ไหมคะ”
“เรียกฉันว่าออสติน ถ้าเรียกฉันว่าอาอีกฉันจะพาเธอกลับ”
“ก็ได้ค่ะคุณออสติน”
วรรษมนเล่าให้เขาฟังว่าเธอเป็นนักศึกษาและกำลังหางานทำในช่วงปิดเทอม แล้วพี่สาวเธอก็แนะนำให้มาทำงานที่กาสิโน เธอเพิ่งเริ่มงานได้แค่สามวัน วันนี้เธอก็แต่งตัวมาทำงานตามปกติ แต่แล้วคนคุมบ่อนก็เรียกเธอเข้าไปถามว่าสนใจรับงานบริการไหม เพราะมีแขกกระเป๋าหนักหลายคนที่สนใจจะนอนกับหนู พอหนูไม่ยอมพวกมันก็ขู่ว่าจะจับหนูไปขังและไม่ให้หนูกลับประเทศไทยอีกเลย พวกมันยึดพาสปอร์ตของหนูกับเพื่อนไว้”
“แต่เธอก็หนีออกมาได้นี่”
“พวกมันกำลังจะพาหนูไปส่งให้เสี่ยคนนั้นแต่ระหว่างทางมีนักพนันโวยวายแล้วขวางทางอยู่หนูก็เลยวิ่งหนีออกมา”
“ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไ ถ้าเกิดเธอไปขโมยของเขามาหรือทำผิดกฎหมายมาฉันจะไม่ซวยไปด้วยเหรอ”
“คุณก็เห็นนี่ว่าหนูวิ่งมาตัวเปล่า นี่ก็มีแค่ชุดที่ใส่กับรองเท้าคุณจะค้นตัวหนูไหมล่ะ” วรรษมนรีบแสดงความบริสุทธิ์ใจจนลืมไปเลยว่าชุดที่ตนเองสวมนั้นมันทั้งสั้นและรัดรูปจนคนมองแอบกลืนน้ำลาย
“หนีออกมาได้แล้วคิดจะทำยังไงต่อ”
“คุณพาหนูไปแจ้งความได้ไหม”
“ได้สิ แต่เธอมีหลักฐานไหมล่ะ อีกอย่างคนที่นี่ก็พวกพ้องเยอะถ้าไปแจ้งตำรวจแล้วคิดเหรอว่าตำรวจจะไม่เป็นพวกเดียวกัน”
“แล้วหนูจะทำยังไง เพื่อนหนูก็ยังอยู่ที่นั่น แล้วพาสปอร์ตของหนูอีก คุณออสตินพอจะหาใครช่วยได้ไหม”
“ไอ้ช่วยมันก็ช่วยได้หรอกนะ แต่ฉันก็ไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่ง พวกนั้นน่าจะมีอิทธิพลมากพอตัว”
“ถ้าคุณไม่ช่วย ก็ส่งหนูลงข้างหน้าเถอะค่ะ หนูจะลองเสี่ยงไปแจ้งตำรวจดู”
“ฉันช่วยก็ได้”
“ขอบคุณนะคะคุณออสติน นอกจะหน้าตาคุณจะหล่อมากๆ แล้วคุณยังเป็นคนดีอีกด้วย”
“ไหนลองบอกมาว่าจะให้ช่วยยังไงบ้าง”
“หนูอยากกลับเมืองไทยค่ะ คุณพาหนูกลับเมืองไทยได้ไหมคะ” วรรษมนคิดว่าถ้ายังอยู่ที่นี่สักวันพวกนั้นต้องตามเธอเจอแน่ๆ“ได้สิ แค่นี้ใช่ไหม”“สำหรับหนูต้องการแค่นี้ แต่หนูอยากพาเพื่อนหนูกลับด้วย”“เพื่อนเธออยากกลับหรือเธอคิดแทนเพื่อนว่าอยากกลับ”“ก็เรามาด้วยกัน”“นั่นไม่ใช่คำตอบนะ เอาล่ะบอกชื่อของเพื่อนเธอมาสิฉันจะให้คนไปสืบให้ถ้าเขาอยากกลับฉันจะหาทางช่วยแต่ถ้าเขาไม่อยากกลับนั่นก็อีกเรื่อง”“เพื่อนหนูชื่อแพรพลอยค่ะ ชื่อเล่นว่าพลอย”“เดี๋ยวฉันจะจัดการให้”“ขอบคุณค่ะ หนูไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคนใจดีอย่างคุณ”“ฉันไม่ใช่คนใจดีอะไรหรอกนะ แต่ที่ช่วยเพราะไม่ชอบการบังคับ”“แล้วคุณจะพาหนูกลับเมืองไทยยังไงคะ หนูไม่มีพาสปอร์ต” หญิงสาวเป็นกังวลเพราะกลัวไปถึงด่านแล้วจะถูกให้กลับมาอีกเพราะตอนที่มาเธอแจ้งว่ามาทำงานที่กาสิโน“มันก็มีวิธีอยู่”“คุณออสตินคะ คือหนูกลัว”“กลัวอะไร”“หนูคงไม่หนีเสือปะจระเข้ใช่ไหม คุณคงไม่ใช่พวกเดียวกับมาเฟียเจ้าของกาสิโนนั่นใช่ไหมคะ”“หน้าฉันเหมือนพวกมาเฟียเหรอ” เขาถามพลางมองหน้าหญิงสาวไปด้วย“ไม่ค่ะ หน้าคุณเหมือนพวกนายแบบมากกว่า”“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับ
วรรษมนวางสายจากแพรพลอยแล้วก็หันมามองหน้าออสตินเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองจะทำยังไงต่อเพราะเรื่องที่รู้จากเพื่อนมันทำให้หญิงสาวต้องคิดหนัก“คุณคงได้ยินหมดแล้วนะคะ”“ใช่ แล้วเธอจะเอายังไงต่อ”“คุณจะไม่ให้คนจับตัวหนูกลับไปใช่ไหมคะ”“ฉันบอกไปแล้วว่าไม่รู้เรื่องนี้ ทุกคนที่ทำงานให้ฉันก็เต็มใจด้วยกันทั้งนั้น อย่างเพื่อนเธอนั้นไงล่ะ”“แล้วถ้าหนูไม่กลับไปทำงานที่นั่นหนูก็ต้องหาเงินมาใช้พวกเขาใช่ไหมคะ”“ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาที่เธอพูดถึงนั้นคือใคร เพราะฉันไม่เคยใช้เงินซื้อใครมาแบบนั้น นอกจากจะตกลงกันเอง”“คุณไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้”“ฉันจะโกหกเธอให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ เอาล่ะฉันเสียเวลามามากแล้วตกลงเธอจะเอายังไงต่อ”“หนูขอกลับไปพร้อมคุณได้ไหม”“แล้วไม่กลัวคนพวกนั้นตามเอาเงินคืนเหรอ”“กลัวสิคะ หนูถึงอยากกลับพร้อมคุณถ้าหนูอยู่กับคุณหนูคิดว่าตัวเองคงปลอดภัย”“เธอมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ ฉันเป็นผู้ชาย”“หนูรู้ แต่ถ้าให้หนูกลับไปแล้วต้องไปขายตัวแบบนั้นหนูไม่เอาหรอกค่ะ”“แต่เธออย่าลืมนะว่าเธอเป็นหนี้พวกนั้นอยู่ถึงสองแสนแล้วถ้าพวกมันก็คงจะต้องมาทวง”“หนูยืมเงินคุณก่อนได้ไหม เดี๋ยวหนูจะหามาผ่อนคืนให้”“เงินตั้
ออสตินมองหน้าวรรษมนเมื่อเห็นแววตาที่ช่างสงสัยก็ยิ้มมุมปาก เขาจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตนเองนั่งคุยกับผู้หญิงนานๆ แบบนี้เมื่อไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็จะพากันขึ้นเตียงอย่างเดียว “ถ้าเธอรู้ว่าฉันทำอะไรบ้างเธออาจจะกลัวฉันก็ได้นะ” “ก็ลองเล่ามาสิคะ” “ฉันชื่อออสติน อายุ 35 แม่เป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย พ่อเป็นคนอิตาลี ตอนนี้ท่านสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลี” “คุณมีพี่น้องไหมคะ” “เคยมีน้องสาว” “เคยเหรอคะ” “อือ แต่เธอเสียไปตั้งแต่เด็กแล้ว” “หนูเสียใจด้วยนะคะ แล้วคุณทำงานอะไร” “ก็โรงแรมที่กรุงเทพและที่เชียงราย กาสิโนที่สามเหลี่ยมทองคำอีกสองแห่งแล้วก็กาสิโนที่เธอหนีออกมานั่นแหละ” “คุณค้าผู้หญิงด้วยใช่ไหมคะ” “จะเรียกว่าค้าได้ยังไงในเมื่อทุกคนเต็มใจ” “แต่หนูไม่เต็มใจ” “นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันต้องสอบสวนว่าใครเป็นคนทำเพราะกาสิโนที่นั่นมีคนท้องถิ่นเป็นหุ้นส่วนด้วย เธออาจจะคิดว่าฉันแก้ตัวนะ แต่ฉันไม่มีทางบังคับใครทำแบบนั้นหรอก”“หนูจะเชื่อคุณ”“ทำไมถึงเชื่อฉันล่ะ
ตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพวรรษมนก็ไม่ได้เจอกับออสตินอีกเลย เขาให้ลูกน้องพาเธอไปตรวจเลือดจากนั้นก็กลับไปเอาของใช้จำเป็นที่บ้านและให้เธออยู่ที่คอนโดมิเนียมตามลำพัง หญิงสาวนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เขาซื้อให้แล้วก็ลังเลว่าจะโทรไปหาเขาดีไหม เพราะรู้สึกเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แบบนี้เธออยากออกไปข้างนอกไปหางานทำ เมื่อเรียบเรียงคำพูดแล้ววรรษมนก็กดโทรออกตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลูกน้องของเขาบันทึกไว้ให้ แต่พอโทรไปแล้วคนที่รับสายกลับไม่ใช่ออสตินอย่างที่เธอคิด “ฉันจะโทรหาคุณออสตินค่ะ” “ตอนนี้บอสไม่ว่างรับสายคุณมีเรื่องด่วนอะไรไหม” “ไม่ค่ะ เอาไว้ฉันค่อยโทรมาทีหลังก็ได้ แล้วเขาจะว่างตอนไหนล่ะคะ” “ผมระบุเวลาไม่ได้เอาไว้ถ้าเขาว่างผมจะบอกเขาโทรกลับ” “ขอบคุณค่ะ” พอวางสายแล้วหญิงสาวก็กลับมานั่งเหงาอย่างเดิม แม้จะได้คุยกับเพื่อนผ่านทางโลกโซเชียลแต่การอยู่แต่ในห้องมันก็น่าเบื่อ ปกติแล้วถ้าไม่ออกไปเรียนวรรษมนก็ต้องออกไปทำงานพิเศษเธอเลยไม่ชินกับการต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้ หญิงสาวคิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องออกไปข้
ห้องวีไอพีตั้งอยู่บนชั้นสามของผับซึ่งมีอยู่ประมาณห้าห้องด้วยกัน วรรษมนเดินขึ้นมายังชั้นสองก็เจอเพื่อนที่เดินสวนลงมาพอดี“เมล่อน รับงานด้วยเหรอ”“เปล่า แต่แขกไม่ยอมฟังเถ้าแก่เราเลยจะไปบอกเขาว่าเราไม่รับงานนี้ โบว์ว่างใช่ไหม”“อือ มีอะไร”“เราอยากให้โบว์ไปด้วยเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ” เพราะเพื่อนที่ชื่อโบว์คนนี้มีรูปร่างและผิวพรรณใกล้เคียงกับตนเองมากที่สุดวรรษมนเลยพาเธอขึ้นไปด้วย“เรารอนอกห้องนะ เมล่อนเข้าไปคนเดียวก่อนได้เรื่องแล้วค่อยออกมาตามก็ได้”วรรษมนเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน“สวัสดีค่ะ”“อ้อ มาแล้วเหรอมานั่งนี่สิ”“ได้ค่ะ ท่านจะแค่ดื่มใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างตรงประเด็น“ถ้าแค่ดื่มอย่างเดียวฉันคงไม่เหมาถึงร้อยดริ๊งค์หรอกนะ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาปิดแล้วเธอก็เข้าใจการทำงานของที่นี่ดี”“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้ค่ะ ที่ขึ้นมาหาก็เพราะอยากจะมาปฏิเสธด้วยตัวเอง”“จะโก่งค่าตัวหรือเปล่า จะเอาเท่าไหร่ล่ะฉันยินดีจ่าย”“ไม่รับก็คือไม่รับค่ะ มีคนที่พร้อมรับงานนี้แล้วเขาก็รออยู่ข้างนอก ถ้าคุณสนใจหนูจะเรียกเขาเข้ามา”“ฉันสนใจแค่เธอ”“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้”“ฉันให้แสนหนึ่ง” “ไม
ออสตินกลับมาถึงห้องก็อาบน้ำและออกมานั่งดื่มที่ห้องรับแขกด้วยความสบายใจเพราะงานที่ติดขัดตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ช่วงวันหยุดเขาคงมีเวลาอยู่กับวรรษมนมากขึ้นและเธอก็คงไม่คิดจะหนีออกไปข้างนอกอีก เขานั่งดื่มพักใหญ่เสียงโทรศัพท์ของวรรษมนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาก็ดังขึ้นออสตินไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอเลยแต่คนที่โทรเข้ามาก็ดูจะพยายามติดต่อกับหญิงสาวจนเขารู้สึกรำคาญ ออสตินลังเลว่าจะกดรับดีไหม แต่คนที่โทรเข้ามาก็วางสายไปอีกครั้งจากนั้นก็มีข้อความปรากฏขึ้นมา เขาเลยถือวิสาสะเปิดอ่าน ‘เมล่อนนอนแล้วเหรอ’‘พี่กดออดเรียกตั้งนานแต่เมล่อนไม่ยอมออกมาเปิดสักที พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ ตอนนี้แขวนไว้หน้าประตูนะ’‘ถ้าตื่นแล้วก็ออกมาเอาด้วย พรุ่งนี้เจอกันที่ผับนะ มาเร็วๆ หน่อยก็ดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย’ออสตินอ่านข้อความทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจเพราะไม่ค่อยสันทัดในภาษาไทยเท่าไหร่ ชายหนุ่มเริ่มโมโหเมื่อคิดได้ว่าที่วรรษมนหนีออกไปวันนี้ก็เพราะอยากออกไปเจอคนอื่นแล้วถ้าคืนนี้เขาไม่ไปรับเธอที่ผับป่านนี้เธอกับผู้ชายที่ส่งข้อความมาก็คงจ
เพียงแค่ปลายนิ้วออสตินก็รู้สึกถึงแรงตอดรัดชายหนุ่มดันเข้าหาเธอลึกขึ้นเพื่อเปิดทางเพราะรู้สึกว่าช่องทางรักนั้นทั้งเล็กและแคบ“อื้อ...เจ็บ”ใบหน้าสวยบิดเหยเกเมื่อนิ้วร้ายดันเขามาด้านในลึกจนรู้สึกอึดอัดเธอพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นกลับยิ่งรู้สึกเสียวมากขึ้น“เจ็บหรือเสียวกันแน่เมล่อน”เขาพูดพลางหัวเราะเมื่อเห็นสะโพกเธอเริ่มจะส่ายเข้าหานิ้วที่กำลังควานอยู่ในช่องทางคับแน่น เขาก้มลงจูบเธออย่างเร่าร้อนขณะที่นิ้วก็เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ความเสียวทวีมากขึ้นเมื่อปากร้อนดูดไปตามผิวหนังจนขึ้นรอยแดงก่อนจะดูดดึงเม็ดทับทิมเข้าปากอย่างหิวกระหาย วรรษมนแอ่นอกอิ่มเข้าหาปากร้อนไปตามสัญชาตญาณ “คุณออสติน ไม่ไหว เมล่อนไม่ไหวแล้ว”“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม”“ไม่เจ็บแล้วแต่เมล่อนเสียว ทรมาน”“ตรงนี้ใช่ไหมที่เสียว”เขาเกร็งปลายนิ้วกดเข้าหาจุดกระสันด้านในโพรงถ้ำเป็นจังหวะเร็วขึ้น“อื้อ ตรงนั้น มันสะ เสียว คุนออสติน เมล่อนจะไม่ไหว แรงอีกนิด คุณออสตินอื้อ...”เสียงหวานหลุดครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่อารมณ์ของหญิงสาวพุ่งสูงสุดขีด ปลายนิ้วเท้าจิกเกร็งก่อนจะกระตุกติดกันพร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยอย่างหนัก ช่องทางรักคล
ออสตินมองคนที่หลับลงอย่างง่ายดายแล้วก็นึกสงสาร เพราะเมื่อครู่เขาค่อนข้างเอาแต่ใจและตักตวงความสุขให้กับตัวเองจนลืมไปเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของหญิงสาว ชายหนุ่มไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครแบบนี้มาก่อนเพราะทุกครั้งที่นอนกับคนอื่นเขาก็จะมีสิ่งของและเงินตอบแทนให้กับพวกเธอเพื่อแลกกับความสุข แต่กับวรรรษมนเขาไม่คิดแบบนั้นเพราะเงินสองแสนที่เธอพูดถึงนั้นเขาไปสืบมาแล้วจึงรู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นคนเอาไปเพื่อแลกกับการส่งเธอไปทำงานที่กาสิโนอันที่จริงวรรษมนไม่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ แต่ออสตินก็เลือกที่จะไม่บอกเพราะอยากจะเก็บเธอไว้ใกล้ๆ ตัว เขาไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากอยากจะนอนกับเธอเพียงเท่านั้นวรรษมนเป็นผู้หญิงที่สวย ผิวพรรณดีอีกทั้งหุ่นก็ตรงใจเขาอย่างที่สุดจากที่คิดว่าจะหาความสุขกับเธอแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันมากกว่านั้นมาเฟียหนุ่มรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของรู้สึกหวงแหนและหลงใหลในเสียงหวานยามเรียกชื่อเขาอีกทั้งกลิ่นกายของเธอก็หอมมากกว่าน้ำหอมราคาแพงที่เขาเคยสัมผัส“เธอต้องเป็นแม่มดแน่ๆ” เขาพูดคนเดียวเบาๆ ก่อนจะหอมไปที่แก้มเนียนแล้วหลับตาลงนับเป็นครั้งแรกในรอบหลา
วรรษมนอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก็กลับมาเมืองไทยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม เธอกลับมาพร้อมกับออสตินส่วนบิดามารดาของเขานั้นกำลังจัดการเรื่องธุรกิจและวางแผนจะบินตามมาอยู่ที่เมืองไทยถ้าทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว “พี่ออสตินไม่อยู่เมล่อนขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนได้ไหมคะ เมล่อนว่าตอนนี้ตัวเองอ้วนขึ้นคงต้องไปซื้อชุดนักศึกษาเพิ่มใหม่หรือว่าจะลดความอ้วนดีคะ” “อ้วนที่ไหนพี่ว่าแบบนี้ดีออกเวลากอดก็เต็มไม้เต็มมือดี ส่วนเรื่องชุดพี่ว่าซื้อใหม่เถอะแล้วอย่าเอากระโปรงสั้นมากนะ เสื้อก็อย่ารัดรูป เขาแค่พอดีตัว” “พี่ออสตินหวงเหรอคะ” “หวงสิ เมียทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้เป็นใครก็หวง” ตั้งแต่ตกลงว่าจะแต่งงานกับออสตินก็มักจะเรียกเธอว่าเมียจนติดปากแต่วรรษมนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอก็ชอบที่ได้ยินเขาเรียกแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังเป็นแค่เมียลับๆ ของเขาก็ตาม“พี่จะไปนานไหมคะ”“ไปแค่สองวันเองแล้วก็จะรีบกลับมากอดเมีย”“เมล่อนอยากไปด้วยนะคะถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมเมล่อนจะขอไปด้วย”“เอาไว้ครั้งหน้าที่จะเลือกวันไปทำงานให้ตรงกับวันหยุดดีไหมเมล่อนจะได้ไปดูโร
คุณจิโอวานนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกำมะหยี่อีกหลายกล่อง “นี่มันอะไรคะ” “เปิดดูสิผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เขาบอกภรรยา เธอเปิดกล่องที่วางตรงหน้าออกทุกใบซึ่งในนั้นมีสร้อยเพชรและต่างหูที่เขาชุดกันจะขาดก็แต่สร้อยข้อมือซึ่งเธอรู้ดีกว่าใครว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ที่ไหน “คุณซื้อทั้งชุดเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่สร้อยข้อมือ” “ใช่สิ ผมอยากให้คุณใส่ทั้งชุดแต่คุณไม่ยอมสวมเสื้อเปิดคออีกเลย ผมไม่อยากให้คุณคิดมากก็เลยเอาแค่สร้อยข้อมือให้คุณ” ที่ผ่านมาเขาซื้อชุดเครื่องเพชรให้ภรรยามาตลอดแต่ก็จะเก็บสร้อยคอและต่างหูแยกไว้ เขารอวันที่ภรรยาจะกล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นคอซึ่งมีรอยแผลนิดเดียวและถ้าไม่สังเกตหรือจ้องนานก็ไม่มีใครเห็น “ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาให้ ต่อไปนี้ฉันคงจะได้ใส่ครบชุด” “ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กล้าสวมชุดแบบนี้ล่ะ” “ก็แผลมันนิดเดียวนี่ถ้าไม่มองดีๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก จริงไหมเมล่อน” “จริงค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่บอกหนูก็ไม่เห็น” “ผมกับลูกก็เคยบอกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมฟังเราเลย” “ก็
กลับมาถึงบ้านวรรษมนและคุณอลิษาก็ช่วยกันเข้าครัวซึ่งวันนี้คุณอลิษาเป็นคนลงมือทำอาหารเองทั้งหมดโดยมีป้าวิไลและวรรษมนคอยเป็นลูกมือ “อร่อยมากเลยค่ะคุณผู้หญิง วิไลว่าวันนี้คุณผู้ชายกับคุณออสตินคงได้ทานข้าวกันหลายจานแน่ๆ” “อย่าลืมตักไปแบ่งกันกินด้วยนะฉันทำเผื่อทุกคน” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิงมาเรียว่าคงต้องหุงข้าวเพิ่มล่ะคะ กับข้าวฝีมือคุณผู้หญิงอร่อยมากจริงๆ” “อร่อยจริงหรือแกล้งชมกันล่ะมาเรีย” คุณผู้หญิงของบ้านถามเพราะไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากตนเองไม่ได้เข้าครัวมานานหลายปีแล้ว “อร่อยจริงๆ ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า เธอเคยทานอาหารไทยมาแล้วแต่ไม่เคยทานอาหารไทยที่อร่อยแบบนี้มาก่อน “ถ้าพวกเธอชอบฉันจะพยายามเข้าครัวบ่อยๆ” คุณผู้หญิงของบ้านยิ้ม “ชอบสิคะ แต่มาเรียกลัวคุณผู้หญิงเหนื่อยคุณผู้หญิงสอนมาเรียได้ไหมคะ มาเรียอยากทำเก่งๆ” “สอนหนูด้วยนะคะหนูก็อยากทำเก่งๆ” วรรษมนอยากเรียนรู้เพื่อจะเอากลับไปทำให้ออสตินทาน “ถ้าอยากจะเรียนกันจริงก็จะสอนให้” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” / “ขอบคุณค่ะแม่” สองสาวที่วัย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณอลิษาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุข เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่นานก็ได้เสื้อผ้ามาเกือบยี่สิบชุดจนวรรษมนต้องโทรศัพท์ตามคนขับรถมาเอาไปเก็บ ส่วนเธอกับมารดาของคนรักก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ “แม่คะ เราแวะร้านนั้นกันไหม” วรรษมนชี้ไปยังร้านเครื่องประดับแบรนด์ดังที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่มากนัก “ก็เอาสิ” เพราะตนเองได้ของที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากจะตามใจหญิงสาวบ้าง พอเข้ามาถึงในร้านวรรษมนก็เดินไปยังมุมที่มีสร้อยคอโชว์อยู่เต็มตู้ “เธออยากได้สร้อยเหรอ” “เปล่าค่ะ คุณแม่นั่นแหละค่ะที่ต้องซื้อ” “ฉันเหรอ” “ค่ะ ก็ชุดที่เราซื้อเมื่อกี้คอมันกว้างและคุณแม่ก็ต้องมีสร้อยสวยๆ ไว้ใส่คู่กันนะคะจะให้คอโล่งไม่ได้” “แต่เครื่องเพชรที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว” “นั่นมันคือเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงานค่ะ แต่ที่เรามาซื้อมัยเป็นสร้อยที่เราจะใส่ได้ทุกวันเอาหลายๆ แบบเลยนะคะจะได้เปลี่ยนไปตามชุดที่เราใส่” “ทีซื้อกระเป๋าเธอทำเป็นว่าแล้วทำไมสร้อยพวกนี้ถึงไม่ว่าล่ะ” “เมล่อนอยากให้คุณแม่แต่งตัวส
ออสตินพาวรรษมนลงมาจากห้องนอนเพื่อจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมแต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านมารดาของชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิออสติน” “มีอะไรครับแม่” “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะไปทำธุระกับพ่อ” “ครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะรีบไปส่งเมล่อนก่อนแล้วจะตามพ่อไป” “วันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งแล้วบังเอิญว่าไม่มีคนช่วยถือของก็เลยอยากจะให้คนของลูกไปช่วยถือหน่อย” “จะให้หนูไปช่วยถือของใช่ไหมคะ” วรรษมนถามอย่างรู้ทันก็มุกพวกนี้เธอเคยอ่านเจอในนิยายมาเยอะแล้ว “แล้วเธอจะไปถือให้ฉันไหมล่ะ” คุณอลิษาหันมาถามด้วยใบหน้ามึนตึง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ กลับไปโรงแรมหนูก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไปกับคุณแม่น่าจะสนุกกว่านะคะ” “ถ้าไม่อยากไปก็ไปก็ไม่ต้องฝืนนะเมล่อน” ออสตินกลัวว่าคนรักของตนเองจะลำบากใจ “ไม่หรอกค่ะ เมล่อนเต็มใจคุณรีบไปทำงานเถอะนะคะเดี๋ยวเมล่อนไปกับคุณแม่เองแล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ” “งั้นผมไปนะ” ก่อนไปออสตินก็ขโมยหอมแก้มของหญิงสาวอีกฟอดใหญ่ทำให้มารดาของเขาแต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ คุณ
วรรษมนตื่นนอนตั้งแต่เช้าและลงมาด้านล่างก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่นเธอเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเลยคิดจะเดินเข้ามาช่วย “คุณลงมาทำอะไรตั้งแต่เช้ากันคะ” ป้าวิไลแม่ครัวใหญ่ตกใจที่เห็นว่าคนรักของเจ้านายลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ “ป้าเป็นคนไทยเหรอคะ ดีจังตั้งแต่หนูมาที่นี่ก็เจอคนไทยไม่กี่คนเอง” “ป้าเป็นคนไทยจ้ะแต่มาอยู่ที่นี่เกือบสามสิบว่าปีแล้ว” “นานมากเลยนะคะ แล้วป้าทำอะไรคะให้หนูช่วยไหม” “เมื่อวานป้าไปตลาดเอเชียแล้วได้ขนมจีนมาก็เลยจะทำขนมจีนแกงเขียวหวานให้คุณๆ ทานจ้ะ” “ให้หนูช่วยไหมคะ” “หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยทำให้คุณออสตินทานค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเหมือนที่ป้าเคยทำไหม” “หนูทำอย่างที่หนูเคยทำเลย ป้ามาอยู่ที่นี่นานบางครั้งรสชาติก็ไม่เหมือนกับของต้นฉบับเท่าไหร่ แต่ขออย่าให้เผ็ดมากก็พอ” “ป้าจะให้หนูทำจริงๆ เหรอคะ หนูกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย” “ไม่ต้องกลัวป้าจะคอยดูอยู่ใกล้ๆ” วรรษมนลงมือทำแกงเขียวหวานอย่างที่ตนเองถนัดโดยมีป้าแม่ครัวและเด็กรับใช้อีกคนยืนดูอยู่ห่างๆ ใช
การเดินทางมาอิตาลีครั้งนี้นอกจากออสตินจะมาทำธุระเรื่องงานแล้วเขายังถือโอกาสมาอวยพรวันเกิดให้กับมารดาของตนเองอีกด้วย ตั้งแต่มาถึงเขาก็ยังไม่เคยพาวรรษมนไปเจอกับบิดามารดาเพราะอยากจะพาเธอไปให้ท่านรู้จักในงานวันเกิดซึ่งจะมีคนมากันหลายคนและมารดาของเขาคงไม่กล้าที่จะหักหน้าเขาหน้าบรรดาเพื่อนและญาติคนอื่น “เมล่อนไม่มั่นใจเลยค่ะ” วรรษมนมองตนเองในกระจกหลังจากแต่งหน้าและสวมชุดราตรีเปิดใหล่สีครีมที่ยาวกร่อมเท้า “สวยแล้ว คุณใส่อะไรก็สวย” ออสตินที่สวมสูทสีเข้มกับเนกไทสีเดียวกับหญิงสาวพูดให้กำลังใจ “เมล่อนไม่ได้หมายถึงชุดที่ใส่ค่ะ แต่หมายถึงการไปงานวันเกิดของแม่คุณวันนี้” “ไหนว่าไม่กลัวอะไรไงครับ” “เมล่อนไม่กลัวอะไรก็จริงแต่เม่ล่อนกลัวแม่คุณนะคะ” “ผมอยู่ทั้งคนคุณจะกลัวอะไรล่ะ” “แล้วงานนี้จะเจอคุณมิเชลไหมคะ เมล่อนกลัวเธอจำได้แล้วจะโกรธเมล่อนเรื่องกระเป๋าค่ะ” “มิเชลก็คงจะมานั่นแหละ แต่แม่ไม่คิดจะจับคู่ผมกับเธอแล้ว” “ทำไมคะ” “ก็ระหว่างที่มิเชลอยู่เมืองไทยเธอชอบออกไปเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ แ
“ออสตินคะ” “มองหน้าผมทำไมคิดว่าที่ผมให้ลงมาเพราะผมจะพอแค่นี้เหรอเมล่อน หันหลังให้ผมสิ” วรรษมนทำตามอย่างว่าง่ายเธอพลิกตัวหันหลังให้เขาก่อนที่เขาจะโน้มตัวเธอให้ราบลงบนโต๊ะให้สะโพกสวยลอยเด่น “เซ็กซี่ชะมัด” ออสตินพึมพำขณะที่สองมือบีบสะโพกปลุกเร้าหญิงสาวอีกครั้ง ปลายท่อนเอ็นที่เขี่ยขึ้นลงบนกลีบกุหลาบก็ทำให้วรรษมนสั่นสะท้าน “อ๊ะ!...อื้อ...” เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อตัวตนของเขามันเข้ามาทีเดียวจนรู้สึกว่าลึกกว่าทุกครั้ง “อ่า...เมล่อน ตอดแรงเลยเสียวเหรอ” “ยังจะถามอีกนะคะ ใครไม่เสียวบ้างล่ะ” “แล้วชอบไหม” “แล้วคุณล่ะคะชอบให้เมล่อนทำแบบนี้ไหม” “อ้า...เมล่อนจ๋า อย่ารัดแรงแบบนี้” เขาครางลั่นเมื่อวรรษมนขมิบช่องทางรักเข้าหาความใหญ่โตของเขา ออสตินพอใจกับผู้หญิงของเขาอย่างที่สุด สองมือเขาประคองสะโพกกลมกลึงไว้ขณะที่สะโพกก็เสยเข้าหาช่องทางอ่อนนุ่มด้วยความกระสันเสียวอย่างที่สุด จังหวะรักครั้งนี้เต็มไปด้วยความดิบเถื่อนและรุนแรง ชายหนุ่มไม่อาจห้ามความรู้สึกของตนเองได้ ทุกจัง
เพราะต้องออกเดินทางจากเมืองไทยไปอิตาลีในเวลาตีหนึ่งคืนนี้ทั้งวรรษมนและออสตินจึงเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม พอสี่ทุ่มหญิงสาวก็รู้สึกหิวน้ำจึงลงมายังห้องครัวด้านล่าง พอดื่มเสร็จและกำลังจะหันหลังกลับออสตินก็ตามลงมาพอดี“หิวน้ำเหรอคะ” หญิงสาวเปิดประตูตู้เย็นอีกครั้งแล้วรินน้ำส่งให้เขา“หิวน้ำเมล่อน” เขาหยิบแก้วน้ำในมือเธอไปวางไว้ด้านบนของตู้เย็นก่อนที่จะกอดเธอไว้สองมือบีบสะโพกเบาแล้วดึงเข้าหาตัว“ไม่นะคะ เราคุยกันแล้วนะคะเมล่อนกลัวตื่นไม่ทันไปสนามบิน”“เราไปนอนบนเครื่องก็ได้นะ ถ้าไม่ให้ผมตอนนี้ผมนอนไม่หลับหรอก คุณไม่รู้สึกเลยเหรอว่าน้องชายผมมันกำลังตื่น นะครับ”“ถ้าเมล่อนไม่ยอมล่ะคะ” วรรษมนแกล้งถามไปแบบนั้นทั้งที่ตอนนี้ตัวเองก็มีความต้องการไม่ต่างจากเขา“ผมไม่บังคับแต่จะให้คุณเลือก” “เลือกอะไรคะ”“เลือกระหว่างให้ผมกินคุณตอนนี้หรือจะให้ผมอดทนแล้วไปกินบนเครื่องบิน”“คุณมีทางเลือกให้เมล่อนแค่นี้เหรอคะ เมล่อนว่า....”เสียงหวานยังพูดไม่จบออสตินกดจูบลงบนเรียวปากอย่างเร่าร้อน บดเบียดจนเธอยอมให้เขาส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหวานอย่างที่เขาต้องการ กว่าจะยอมปล่อยให้ปากเธอเป็นอิสระเขาก็ทำเธอแทบขาดใจ