ตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพวรรษมนก็ไม่ได้เจอกับออสตินอีกเลย เขาให้ลูกน้องพาเธอไปตรวจเลือดจากนั้นก็กลับไปเอาของใช้จำเป็นที่บ้านและให้เธออยู่ที่คอนโดมิเนียมตามลำพัง
หญิงสาวนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เขาซื้อให้แล้วก็ลังเลว่าจะโทรไปหาเขาดีไหม เพราะรู้สึกเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แบบนี้เธออยากออกไปข้างนอกไปหางานทำ
เมื่อเรียบเรียงคำพูดแล้ววรรษมนก็กดโทรออกตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลูกน้องของเขาบันทึกไว้ให้ แต่พอโทรไปแล้วคนที่รับสายกลับไม่ใช่ออสตินอย่างที่เธอคิด
“ฉันจะโทรหาคุณออสตินค่ะ”
“ตอนนี้บอสไม่ว่างรับสายคุณมีเรื่องด่วนอะไรไหม”
“ไม่ค่ะ เอาไว้ฉันค่อยโทรมาทีหลังก็ได้ แล้วเขาจะว่างตอนไหนล่ะคะ”
“ผมระบุเวลาไม่ได้เอาไว้ถ้าเขาว่างผมจะบอกเขาโทรกลับ”
“ขอบคุณค่ะ”
พอวางสายแล้วหญิงสาวก็กลับมานั่งเหงาอย่างเดิม แม้จะได้คุยกับเพื่อนผ่านทางโลกโซเชียลแต่การอยู่แต่ในห้องมันก็น่าเบื่อ ปกติแล้วถ้าไม่ออกไปเรียนวรรษมนก็ต้องออกไปทำงานพิเศษเธอเลยไม่ชินกับการต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้
หญิงสาวคิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องออกไปข้างนอกให้ได้ แม้ว่าเขาจะสั่งห้ามไว้ก็ตาม
เธอเลือกชุดกางเกงยีนกับเสื้อยืดที่เอามาจากบ้านขึ้นมาสวมแทนที่จะเป็นชุดกระโปรงราคาแพงที่เขาให้คนซื้อมาให้ พอแต่งตัวเสร็จก็ออกไปบอกบอดี้การ์ดให้มาช่วยดูก๊อกน้ำก่อนจะขังเขาไว้
“ขอโทษนะคะที่ต้องทำแบบนี้ คุณก็อยู่ในนั้นไปก่อนนะ” เธอบอกกับบอดี้การ์ดที่กำลังจะพังประตูออกมา
“คุณจะไปไหน บอสสั่งไว้ว่าไม่ให้ออกไปข้างนอก” เสียงบอดี้การ์ดหนุ่มตะโกนออกมา
“ฉันแค่จะไปหาเพื่อนแล้วก็กลับไปที่บ้าน”
“ถ้าบอสรู้เขาคงโกรธมากแล้วถ้าเขามาหาคุณแล้วไม่เจอผมว่าทั้งคุณและผมคงจะเดือดร้อน”
“คุณก็อย่าบอกเขาสิคะ อีกอย่างเขาไม่มาที่นี่หรอกน่า ฉันโทรไปหาเขาแล้วเขากำลังงานยุ่งคงไม่ว่างมาหรอก แต่ถ้าเขาจะมาคุณก็แค่โทรไปบอกแล้วฉันจะรีบมารับรองว่าเรื่องนี้จะมีแค่เราสองคนที่รู้ เอาล่ะ ฉันไม่อยากจะคุยให้เสียเวลา ฉันไปก่อนนะ”
“คุณเมล่อนเดี๋ยวสิ” บอดี้การ์ดตะโกนไล่หลังแต่วรรษมนไม่สนใจฟังเพราะถ้าช้ากว่านี้เขาก็อาจจะโทรให้บอดี้การ์ดอีกคนที่มักจะทำงานคู่กับเขามาช่วยก็ได้
วรรษมนกลับมาที่บ้านของตนเองจากนั้นก็เก็บของใช้ที่ไม่จำเป็นทิ้งเธอคิดว่าจากนี้อาจจะต้องหาคนมาเช่าห้องที่ว่างสองห้องเพื่อเอาเงินที่ได้ไปผ่อนกับธนาคารเพราะตอนนี้เธอยังไม่ได้ทำงานพิเศษก็เลยกลัวว่าเงินเก็บที่มีจะไม่พอกับค่าผ่อนบ้าน
หญิงสาวเก็บของจนเหนื่อยก็ขี่จักรยานยนต์คันเก่าออกไปซื้อข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอย
“ไหนพี่สาวเอ็งว่าเองไปทำงานต่างประเทศไง แล้วทำไมถึงรีบกลับมาแล้วล่ะ” ป้าสมเจ้าของร้านถามขณะที่มือก็ผัดกับข้าวไปด้วย
“หนูแค่ไปลองทำแต่งานไม่เหมาะกับหนูก็เลยกลับ ไม่นึกว่าพอกลับมาพี่เมย์กับน้ารีจะย้ายออกไปแล้ว”
“ป้าก็ตกใจเหมือนกันจู่ๆ สองคนนั้นก็ย้ายออก แต่ป้าได้ยินน้ารีของเอ็งพูดว่าพี่สาวเอ็งได้ที่ทำงานใหม่แล้วเขามีบ้านให้อยู่ก็เลยพากันย้ายออก”
“เหรอ เขาไม่บอกอะไรหนูเลย แล้วป้าพอรู้ไหมว่าเขาได้งานที่ไหน”
“อันนี้ป้าก็ลืมถามมัวแต่ดีใจกับมัน เอ็งลองไปถามนังแก้วตาเพื่อนของพี่เอ็งดูสิ”
“นั้นสิ พี่แก้วตาน่าจะพอรู้อะไรบ้างเดี๋ยวหนูกินข้าวเสร็จว่าจะแวะไปถามดู”
วรรษมนไม่ได้อยากจะแวะไปถามเรื่องพี่สาวของตนเองแต่เธออยากจะแวะไปถามพี่แก้วตาว่าตอนนี้ที่ผับยังรับเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่ไหม
หญิงสาวจอดรถที่หน้าห้องเช่าแห่งหนึ่งจากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้นสามเธอเคาะประตูอยู่หลายครั้งกว่าเจ้าของห้องจะออกมาเปิด
“พี่แก้วตา ฉันมาปลุกพี่หรือเปล่า” เธอถามเพราะเห็นเจ้าของห้องหน้ายุ่งเหมือนคนเพิ่งจะตื่นนอน
“อือ แล้วนี่เอ็งมาได้ยังไงพี่เอ็งว่าเอ็งจะไม่กลับมาแล้ว”
“พี่เมย์ก็พูดไปเรื่อยบ้านฉันอยู่ที่นี่จะไม่กลับมาได้ยังไง พี่แก้วตารู้ไหมว่าตอนนี้พี่ฉันไปทำงานที่ไหน”
“พี่เอ็งก็บอกนะเห็นว่าทางเหนือ แต่พี่เมาเลยจำอะไรไม่ค่อยได้ แล้วนี่เอ็งมาหาพี่เพื่อจะถามแค่นี้ใช่ไหมจะได้นอนต่อ”
“ไปง่วงที่ไหนมาหรือเมื่อคืนออกไปต่อกับแขก” วรรษมนรู้ว่านอกจากจะนั่งดื่มแล้วพี่แก้วตายังออกไปนอนกับแขกด้วยแต่เรื่องนี้ทางร้านจะไม่ยุ่งเพราะถือว่าเป็นการคุยกันเองและไปหลังจากที่ร้านปิดแล้ว
“เออสิ ถ้าเอาแค่ค่าเหล้าอย่างเดียวมันพอใช้ที่ไหน พี่ไม่เหมือนเอ็งนี่ทั้งสาวทั้งสวยคืนหนึ่งก็ได้ตั้งหลายพัน”
“ฉันก็ว่ารายได้มันดี ฉันเลยอยากจะขอกลับไปทำอีก”
“เถ้าแก่ก็บ่นถึงแกอยู่เหมือนกัน เพราะแขกถามถึงกันใหญ่”
“เขาจะไม่ว่าใช่ไหมที่ฉันลาออกแล้วกลับไปทำใหม่”
“ไม่ว่าหรอก เอ็งมันตัวดึงดูดลูกค้า”
“ได้ยินแบบนี้ฉันค่อยสบายใจหน่อย ฉันว่าเย็นนี้จะเข้าไปของานเถ้าแก่”
“เอ็งแต่งตัวไปเลยยังไงเถ้าแก่ก็รับเอ็งทำงานอยู่แล้ว ยิ่งคืนวันศุกร์แบบนี้แขกยิ่งเยอะ”
“ขอบคุณนะพี่ ฉันไปก่อนละ”
วรรษมนขี่จักรยานยนต์กลับมาที่บ้านด้วยรอยยิ้มเพราะคืนวันศุกร์แบบนี้แขกจะเยอะและเธอก็จะได้เงินเยอะตามไปด้วย พอมาถึงผับก็เป็นไปตามที่คาดไว้เพราะเถ้าแก่ยินดีให้หญิงสาวเริ่มงานทันที
เธอทำงานจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาปิดร้าน หญิงสาวคิดว่าคงไม่มีแขกซื้อเครื่องดื่มเพิ่มจึงมานั่งพักในห้องที่ผับมีไว้แต่ยังนั่งไม่ถึงสิบนาทีเถ้าแก่ก็ให้คนมาตามออกไป
“มีแขกเหรอคะ”
“อือ เขาเหมาเครื่องดื่มร้อยดริ๊งค์”
“คนไหนเหรอคะ แล้วมาเหมาอะไรตอนกำลังจะปิดแบบนี้ล่ะ”
“เขาอยู่ในห้องวีไอพี”
“แต่เมล่อนไม่รับงานในห้องวีไอพีนะคะ”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่รับงานแบบนั้นแต่เขาบอกว่าไม่อยากนั่งดื่มกับคนอื่นเขาอยากมีความเป็นส่วนตัว”
“เมล่อนปฏิเสธได้ใช่ไหมคะ”
“ได้สิ ฉันไม่เคยบังคับใครอยู่แล้ว แต่ลองคิดดูนะร้อยดริ๊งค์เธอจะได้เงินเท่าไหร่ หักเปอร์เซ็นต์แล้วก็สองหมื่นเลยนะ” เถ้าแก่เตือนสติวรรษมน
“มันเยอะมากนะคะ แต่เมล่อนกลัวว่ามันจะไม่จบแค่ดื่มสิคะ เพราะนั่นเป็นห้องวีไอพี”
“ถ้าเธอไม่ตกลงฉันจะไปบอกเขาเองเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจออกมานั่งดื่มที่โซนด้านนอก”
“ขอให้เขาเปลี่ยนใจนะคะ” วรรษมนก็อยากรับงานอยู่หรอกแต่การนั่งดื่มในห้องวีไอพีเป็นอันรู้กันดีว่าหลังจากร้านปิดพวกเขาก็อยู่ที่นั่นได้โดยที่ทางร้านจะไม่เข้าไปยุ่งเพราะห้องนั้นจะมีประตูลงอีกทางซึ่งไม่เกี่ยวกับผับ
เถ้าแก่เดินลงมาจากชั้นสองด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทำให้วรรษมนคิดว่าคงไม่ได้งานนี้แน่ๆ
“เขาไม่ยอมเหรอคะ”
“เขาบอกให้เมล่อนขึ้นไปคุยกับเขาเอง”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเมล่อนขึ้นไปเองแล้วจะบอกเขาให้เลือกคนที่พร้อมจะทำงานในห้องนั้น”
ห้องวีไอพีตั้งอยู่บนชั้นสามของผับซึ่งมีอยู่ประมาณห้าห้องด้วยกัน วรรษมนเดินขึ้นมายังชั้นสองก็เจอเพื่อนที่เดินสวนลงมาพอดี“เมล่อน รับงานด้วยเหรอ”“เปล่า แต่แขกไม่ยอมฟังเถ้าแก่เราเลยจะไปบอกเขาว่าเราไม่รับงานนี้ โบว์ว่างใช่ไหม”“อือ มีอะไร”“เราอยากให้โบว์ไปด้วยเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ” เพราะเพื่อนที่ชื่อโบว์คนนี้มีรูปร่างและผิวพรรณใกล้เคียงกับตนเองมากที่สุดวรรษมนเลยพาเธอขึ้นไปด้วย“เรารอนอกห้องนะ เมล่อนเข้าไปคนเดียวก่อนได้เรื่องแล้วค่อยออกมาตามก็ได้”วรรษมนเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน“สวัสดีค่ะ”“อ้อ มาแล้วเหรอมานั่งนี่สิ”“ได้ค่ะ ท่านจะแค่ดื่มใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างตรงประเด็น“ถ้าแค่ดื่มอย่างเดียวฉันคงไม่เหมาถึงร้อยดริ๊งค์หรอกนะ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาปิดแล้วเธอก็เข้าใจการทำงานของที่นี่ดี”“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้ค่ะ ที่ขึ้นมาหาก็เพราะอยากจะมาปฏิเสธด้วยตัวเอง”“จะโก่งค่าตัวหรือเปล่า จะเอาเท่าไหร่ล่ะฉันยินดีจ่าย”“ไม่รับก็คือไม่รับค่ะ มีคนที่พร้อมรับงานนี้แล้วเขาก็รออยู่ข้างนอก ถ้าคุณสนใจหนูจะเรียกเขาเข้ามา”“ฉันสนใจแค่เธอ”“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้”“ฉันให้แสนหนึ่ง” “ไม
ออสตินกลับมาถึงห้องก็อาบน้ำและออกมานั่งดื่มที่ห้องรับแขกด้วยความสบายใจเพราะงานที่ติดขัดตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ช่วงวันหยุดเขาคงมีเวลาอยู่กับวรรษมนมากขึ้นและเธอก็คงไม่คิดจะหนีออกไปข้างนอกอีก เขานั่งดื่มพักใหญ่เสียงโทรศัพท์ของวรรษมนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาก็ดังขึ้นออสตินไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอเลยแต่คนที่โทรเข้ามาก็ดูจะพยายามติดต่อกับหญิงสาวจนเขารู้สึกรำคาญ ออสตินลังเลว่าจะกดรับดีไหม แต่คนที่โทรเข้ามาก็วางสายไปอีกครั้งจากนั้นก็มีข้อความปรากฏขึ้นมา เขาเลยถือวิสาสะเปิดอ่าน ‘เมล่อนนอนแล้วเหรอ’‘พี่กดออดเรียกตั้งนานแต่เมล่อนไม่ยอมออกมาเปิดสักที พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ ตอนนี้แขวนไว้หน้าประตูนะ’‘ถ้าตื่นแล้วก็ออกมาเอาด้วย พรุ่งนี้เจอกันที่ผับนะ มาเร็วๆ หน่อยก็ดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย’ออสตินอ่านข้อความทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจเพราะไม่ค่อยสันทัดในภาษาไทยเท่าไหร่ ชายหนุ่มเริ่มโมโหเมื่อคิดได้ว่าที่วรรษมนหนีออกไปวันนี้ก็เพราะอยากออกไปเจอคนอื่นแล้วถ้าคืนนี้เขาไม่ไปรับเธอที่ผับป่านนี้เธอกับผู้ชายที่ส่งข้อความมาก็คงจ
เพียงแค่ปลายนิ้วออสตินก็รู้สึกถึงแรงตอดรัดชายหนุ่มดันเข้าหาเธอลึกขึ้นเพื่อเปิดทางเพราะรู้สึกว่าช่องทางรักนั้นทั้งเล็กและแคบ“อื้อ...เจ็บ”ใบหน้าสวยบิดเหยเกเมื่อนิ้วร้ายดันเขามาด้านในลึกจนรู้สึกอึดอัดเธอพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นกลับยิ่งรู้สึกเสียวมากขึ้น“เจ็บหรือเสียวกันแน่เมล่อน”เขาพูดพลางหัวเราะเมื่อเห็นสะโพกเธอเริ่มจะส่ายเข้าหานิ้วที่กำลังควานอยู่ในช่องทางคับแน่น เขาก้มลงจูบเธออย่างเร่าร้อนขณะที่นิ้วก็เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ความเสียวทวีมากขึ้นเมื่อปากร้อนดูดไปตามผิวหนังจนขึ้นรอยแดงก่อนจะดูดดึงเม็ดทับทิมเข้าปากอย่างหิวกระหาย วรรษมนแอ่นอกอิ่มเข้าหาปากร้อนไปตามสัญชาตญาณ “คุณออสติน ไม่ไหว เมล่อนไม่ไหวแล้ว”“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม”“ไม่เจ็บแล้วแต่เมล่อนเสียว ทรมาน”“ตรงนี้ใช่ไหมที่เสียว”เขาเกร็งปลายนิ้วกดเข้าหาจุดกระสันด้านในโพรงถ้ำเป็นจังหวะเร็วขึ้น“อื้อ ตรงนั้น มันสะ เสียว คุนออสติน เมล่อนจะไม่ไหว แรงอีกนิด คุณออสตินอื้อ...”เสียงหวานหลุดครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่อารมณ์ของหญิงสาวพุ่งสูงสุดขีด ปลายนิ้วเท้าจิกเกร็งก่อนจะกระตุกติดกันพร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยอย่างหนัก ช่องทางรักคล
ออสตินมองคนที่หลับลงอย่างง่ายดายแล้วก็นึกสงสาร เพราะเมื่อครู่เขาค่อนข้างเอาแต่ใจและตักตวงความสุขให้กับตัวเองจนลืมไปเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของหญิงสาว ชายหนุ่มไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครแบบนี้มาก่อนเพราะทุกครั้งที่นอนกับคนอื่นเขาก็จะมีสิ่งของและเงินตอบแทนให้กับพวกเธอเพื่อแลกกับความสุข แต่กับวรรรษมนเขาไม่คิดแบบนั้นเพราะเงินสองแสนที่เธอพูดถึงนั้นเขาไปสืบมาแล้วจึงรู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นคนเอาไปเพื่อแลกกับการส่งเธอไปทำงานที่กาสิโนอันที่จริงวรรษมนไม่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ แต่ออสตินก็เลือกที่จะไม่บอกเพราะอยากจะเก็บเธอไว้ใกล้ๆ ตัว เขาไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากอยากจะนอนกับเธอเพียงเท่านั้นวรรษมนเป็นผู้หญิงที่สวย ผิวพรรณดีอีกทั้งหุ่นก็ตรงใจเขาอย่างที่สุดจากที่คิดว่าจะหาความสุขกับเธอแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันมากกว่านั้นมาเฟียหนุ่มรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของรู้สึกหวงแหนและหลงใหลในเสียงหวานยามเรียกชื่อเขาอีกทั้งกลิ่นกายของเธอก็หอมมากกว่าน้ำหอมราคาแพงที่เขาเคยสัมผัส“เธอต้องเป็นแม่มดแน่ๆ” เขาพูดคนเดียวเบาๆ ก่อนจะหอมไปที่แก้มเนียนแล้วหลับตาลงนับเป็นครั้งแรกในรอบหลา
“ป้ารู้ไหมว่าไข้ทับระดูคืออะไรอันตรายมากไหม” ออสตินถามป้าแม่บ้านหลังจากที่พยายามหาข้อมูลแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “ไข้ทับระดูไม่อันตรายหรอกค่ะ ก็แค่มีไข้ช่วงที่เป็นประจำเดือน ว่าแต่ใครเป็นเหรอคะ หรือว่าหนูเมล่อน” “ครับ” “แล้วเธอปวดท้องด้วยไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมเอายาลดไข้ให้เธอแล้ว เห็นเธออยากนอนก็ออกมารอข้างนอก” “เดี๋ยวป้าไปเตรียมกระเป๋าน้ำร้อนมาให้นะคะ เผื่อเธอจะปวดท้อง แล้วเย็นนี้ป้าจะทำข้าวต้มให้ทาน แล้วคุณออสตินล่ะคะเย็นนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม” “ผมเอาข้าวต้มก็ได้ ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำหลายรอบ” พอป้าแม่บ้านเอากระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้ามาให้ออสตินก็กลับเข้าไปในห้องนอนของตนเองอีกครั้ง “คุณออสติน” เธอรู้สึกตัวเมื่อเขานั่งลงข้างๆ “เป็นไงบ้าง ปวดท้องไหม” “นิดหน่อยค่ะ” “ป้าแม่บ้านฝากกระเป๋าน้ำร้อนมาให้เธอจะเอาไหม” “เอาค่ะ” พอเขายื่นให้เธอก็รีบรับมาแล้วสอดใต้ผ้าห่มก่อนจะวางลวงบนท้องน้อยของตนเอง “ฉันไม่รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเรื่องเม
“เย็นนี้คุณจะกลับมาค้างที่นี่ไหมคะ” วรรษมนถามออสตินระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าด้วยกัน เพราะวันนี้เขาต้องออกไปทำงานหลังจากที่อยู่กับเธอตลอดทั้งวันหยุด “ฉันก็ไม่แน่ใจ” ช่วงนี้งานเขาค่อนข้างยุ่งเพราะกำลังก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ “แต่เมล่อนไม่อยากอยู่คนเดียวเลย ถ้าคุณไม่กลับเมล่อนขอกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ” “ไม่ได้นะ ฉันว่าที่นั่นมันอันตรายในซอยก็เปลี่ยวมาก” “แต่เมล่อนก็อยู่มาตั้งนานแล้วไม่เห็นมีอันตรายอะไรเลยนี่คะ” “เธออยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านเพราะเหงาจริงๆ หรือเพราะคิดจะออกไปเจอคนอื่นกันแน่” แม้จะรู้ว่าวรรษมนไม่เคยมีใครมาก่อนแต่ออสตินก็ยังอดระแวงไม่ได้ “ก็แล้วแต่คุณจะคิดเลยค่ะ เมล่อนขอตัวไปกินยาแล้วนอนพักนะคะ” วรรษมนรู้สึกว่าตนเองจะเอาแต่ใจเกินไปแต่มันก็ช่วยไม่ได้เพราะช่วงที่เป็นรอบเดือนแบบนี้อารมณ์ของเธอก็จะขึ้นๆ ลงอยู่ตลอด ออสตินนั่งทำงานตั้งแต่เช้าจนบ่าย ชายหนุ่มไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเท่าไหร่เพราะเอาแต่คิดถึงวรรษมนแต่จะโทรศัพท์ไปหาก็กลัวว่าหญิงสาวจะได้ใจและเขาจะควบคุมอยาก ที่ผ่านมาผู้หญิงของเขาจะอยู่ในพื
“สวัสดีค่ะ เลิกงานแล้วเหรอคะ” เสียงปลายสายรีบถามมาอย่างรวดเร็ว“อือ เพิ่งประชุมเสร็จ”“เหนื่อยไหมคะ”“อือ”“ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องมาหาเมล่อนหรอกค่ะ เมล่อนอยู่คนเดียวได้” เสียงของคนพูดฟังแล้วไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่“ห้ามฉันไปให้หาไม่ใช่จะหนีกลับไปนอนที่บ้านนะ” ออสตินรีบพูดดักทางเพราะคิดว่าวรรษมนจะต้องแอบกลับบ้านๆ“ไม่หรอกค่ะ เมล่อนแค่อยากจะขออนุญาตคุณออสตินลงไปซื้อของใช้ที่มินิมาร์ทหน้าคอนโดได้ไหมคะ”“จะซื้ออะไร ให้ลูกน้องฉันไปซื้อให้สิ”“อย่าเลยค่ะมันเป็นของใช้ผู้หญิง เมล่อนอาย”“งั้นก็ใช้ป้าแม่บ้านสิ”“ถึงป้าเขาจะเป็นลูกจ้างแต่ของบางอย่างเมล่อนว่าซื้อเองดีกว่า”“ทำไมเรื่องเยอะจัง จะซื้ออะไรหรือจะหาข้ออ้างแล้วแอบกลับบ้าน” ชายหนุ่มเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา“เมล่อนโตแล้วนะคะคุณออสติน เรื่องคุณไม่ให้เมล่อนกลับบ้านเมล่อนก็ไม่กลับหรอกค่ะ”“แล้วจะซื้ออะไร บอกมาสิเดี๋ยวฉันจะซื้อไปให้ก็ได้” ออสตินปรับเสียงให้อ่อนลง“คุณจะกลับมาค้างที่นี่เหรอคะ”“ฉันแค่จะแวะเอาของไปให้ ไม่ต้องทำเสียงดีใจขนาดนั้นหรอก”“ก็แค่รู้ว่าคุณจะมาเมล่อนก็ดีใจแล้วค่ะ คุณจะซื้อของมาให้จริงๆ ใช่ไหมคะ”“ก็ใช่น่ะสิบอกมาว่าจะเอาอะไร
เสียงเปิดประตูทำให้คนที่กำลังเก็บกวาดห้องครัวอยู่รีบเช็ดมือก่อนจะเดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ “คุณมาจริงๆ ด้วย” “ฉันบอกจะมาก็ต้องมาสิ นี่ของที่เธอฝากซื้อ” “ขอบคุณนะคะ คุณทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วยังใจดีซื้อของมาให้เมล่อนอีก” “ฉันทำให้ขนาดนี้แล้วมีอะไรตอบแทนไหม” “มีสิคะ เมล่อนทำกับข้าวเผื่อคุณด้วยค่ะ” “ฉันไม่ได้หมายถึงกับข้าว” เขารวบคนที่ยืนหน้าระรื่นเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเธอเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว “แล้วหมายถึงอะไร” วรรษมนดึงเนกไทเขาออกพลางมองด้วยสายตาหวานเชื่อม เธอรู้ว่าเขาต้องการ “เธอก็รู้ว่าฉันต้องการอะไรจากเธอ” “รู้ค่ะ เมล่อนว่าเอาไว้อีกสองวันนะคะ” “ตั้งสองวันเลยเหรอ ฉันไม่เคยต้องรออะไรนานๆ แบบนี้มาก่อน” เขาแกล้งทำเป็นโมโหแต่ที่จริงก็รู้ว่าเธอยังไม่พร้อม แล้วที่แวะมาหาวันนี้ก็ไม่ได้ต้องการเรื่องอย่างว่าเขาแค่อยากมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอยังอยู่ที่คอนโดจริงๆ “เมล่อนรู้ว่ามันนาน แต่คุณก็ต้องเข้าใจเมล่อนด้วยนะคะ เมล่อนเป็นผู้หญิงแล้วผู้หญิงทุกคนก็ต
วรรษมนอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก็กลับมาเมืองไทยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม เธอกลับมาพร้อมกับออสตินส่วนบิดามารดาของเขานั้นกำลังจัดการเรื่องธุรกิจและวางแผนจะบินตามมาอยู่ที่เมืองไทยถ้าทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว “พี่ออสตินไม่อยู่เมล่อนขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนได้ไหมคะ เมล่อนว่าตอนนี้ตัวเองอ้วนขึ้นคงต้องไปซื้อชุดนักศึกษาเพิ่มใหม่หรือว่าจะลดความอ้วนดีคะ” “อ้วนที่ไหนพี่ว่าแบบนี้ดีออกเวลากอดก็เต็มไม้เต็มมือดี ส่วนเรื่องชุดพี่ว่าซื้อใหม่เถอะแล้วอย่าเอากระโปรงสั้นมากนะ เสื้อก็อย่ารัดรูป เขาแค่พอดีตัว” “พี่ออสตินหวงเหรอคะ” “หวงสิ เมียทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้เป็นใครก็หวง” ตั้งแต่ตกลงว่าจะแต่งงานกับออสตินก็มักจะเรียกเธอว่าเมียจนติดปากแต่วรรษมนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอก็ชอบที่ได้ยินเขาเรียกแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังเป็นแค่เมียลับๆ ของเขาก็ตาม“พี่จะไปนานไหมคะ”“ไปแค่สองวันเองแล้วก็จะรีบกลับมากอดเมีย”“เมล่อนอยากไปด้วยนะคะถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมเมล่อนจะขอไปด้วย”“เอาไว้ครั้งหน้าที่จะเลือกวันไปทำงานให้ตรงกับวันหยุดดีไหมเมล่อนจะได้ไปดูโร
คุณจิโอวานนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกำมะหยี่อีกหลายกล่อง “นี่มันอะไรคะ” “เปิดดูสิผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เขาบอกภรรยา เธอเปิดกล่องที่วางตรงหน้าออกทุกใบซึ่งในนั้นมีสร้อยเพชรและต่างหูที่เขาชุดกันจะขาดก็แต่สร้อยข้อมือซึ่งเธอรู้ดีกว่าใครว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ที่ไหน “คุณซื้อทั้งชุดเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่สร้อยข้อมือ” “ใช่สิ ผมอยากให้คุณใส่ทั้งชุดแต่คุณไม่ยอมสวมเสื้อเปิดคออีกเลย ผมไม่อยากให้คุณคิดมากก็เลยเอาแค่สร้อยข้อมือให้คุณ” ที่ผ่านมาเขาซื้อชุดเครื่องเพชรให้ภรรยามาตลอดแต่ก็จะเก็บสร้อยคอและต่างหูแยกไว้ เขารอวันที่ภรรยาจะกล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นคอซึ่งมีรอยแผลนิดเดียวและถ้าไม่สังเกตหรือจ้องนานก็ไม่มีใครเห็น “ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาให้ ต่อไปนี้ฉันคงจะได้ใส่ครบชุด” “ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กล้าสวมชุดแบบนี้ล่ะ” “ก็แผลมันนิดเดียวนี่ถ้าไม่มองดีๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก จริงไหมเมล่อน” “จริงค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่บอกหนูก็ไม่เห็น” “ผมกับลูกก็เคยบอกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมฟังเราเลย” “ก็
กลับมาถึงบ้านวรรษมนและคุณอลิษาก็ช่วยกันเข้าครัวซึ่งวันนี้คุณอลิษาเป็นคนลงมือทำอาหารเองทั้งหมดโดยมีป้าวิไลและวรรษมนคอยเป็นลูกมือ “อร่อยมากเลยค่ะคุณผู้หญิง วิไลว่าวันนี้คุณผู้ชายกับคุณออสตินคงได้ทานข้าวกันหลายจานแน่ๆ” “อย่าลืมตักไปแบ่งกันกินด้วยนะฉันทำเผื่อทุกคน” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิงมาเรียว่าคงต้องหุงข้าวเพิ่มล่ะคะ กับข้าวฝีมือคุณผู้หญิงอร่อยมากจริงๆ” “อร่อยจริงหรือแกล้งชมกันล่ะมาเรีย” คุณผู้หญิงของบ้านถามเพราะไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากตนเองไม่ได้เข้าครัวมานานหลายปีแล้ว “อร่อยจริงๆ ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า เธอเคยทานอาหารไทยมาแล้วแต่ไม่เคยทานอาหารไทยที่อร่อยแบบนี้มาก่อน “ถ้าพวกเธอชอบฉันจะพยายามเข้าครัวบ่อยๆ” คุณผู้หญิงของบ้านยิ้ม “ชอบสิคะ แต่มาเรียกลัวคุณผู้หญิงเหนื่อยคุณผู้หญิงสอนมาเรียได้ไหมคะ มาเรียอยากทำเก่งๆ” “สอนหนูด้วยนะคะหนูก็อยากทำเก่งๆ” วรรษมนอยากเรียนรู้เพื่อจะเอากลับไปทำให้ออสตินทาน “ถ้าอยากจะเรียนกันจริงก็จะสอนให้” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” / “ขอบคุณค่ะแม่” สองสาวที่วัย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณอลิษาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุข เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่นานก็ได้เสื้อผ้ามาเกือบยี่สิบชุดจนวรรษมนต้องโทรศัพท์ตามคนขับรถมาเอาไปเก็บ ส่วนเธอกับมารดาของคนรักก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ “แม่คะ เราแวะร้านนั้นกันไหม” วรรษมนชี้ไปยังร้านเครื่องประดับแบรนด์ดังที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่มากนัก “ก็เอาสิ” เพราะตนเองได้ของที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากจะตามใจหญิงสาวบ้าง พอเข้ามาถึงในร้านวรรษมนก็เดินไปยังมุมที่มีสร้อยคอโชว์อยู่เต็มตู้ “เธออยากได้สร้อยเหรอ” “เปล่าค่ะ คุณแม่นั่นแหละค่ะที่ต้องซื้อ” “ฉันเหรอ” “ค่ะ ก็ชุดที่เราซื้อเมื่อกี้คอมันกว้างและคุณแม่ก็ต้องมีสร้อยสวยๆ ไว้ใส่คู่กันนะคะจะให้คอโล่งไม่ได้” “แต่เครื่องเพชรที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว” “นั่นมันคือเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงานค่ะ แต่ที่เรามาซื้อมัยเป็นสร้อยที่เราจะใส่ได้ทุกวันเอาหลายๆ แบบเลยนะคะจะได้เปลี่ยนไปตามชุดที่เราใส่” “ทีซื้อกระเป๋าเธอทำเป็นว่าแล้วทำไมสร้อยพวกนี้ถึงไม่ว่าล่ะ” “เมล่อนอยากให้คุณแม่แต่งตัวส
ออสตินพาวรรษมนลงมาจากห้องนอนเพื่อจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมแต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านมารดาของชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิออสติน” “มีอะไรครับแม่” “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะไปทำธุระกับพ่อ” “ครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะรีบไปส่งเมล่อนก่อนแล้วจะตามพ่อไป” “วันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งแล้วบังเอิญว่าไม่มีคนช่วยถือของก็เลยอยากจะให้คนของลูกไปช่วยถือหน่อย” “จะให้หนูไปช่วยถือของใช่ไหมคะ” วรรษมนถามอย่างรู้ทันก็มุกพวกนี้เธอเคยอ่านเจอในนิยายมาเยอะแล้ว “แล้วเธอจะไปถือให้ฉันไหมล่ะ” คุณอลิษาหันมาถามด้วยใบหน้ามึนตึง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ กลับไปโรงแรมหนูก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไปกับคุณแม่น่าจะสนุกกว่านะคะ” “ถ้าไม่อยากไปก็ไปก็ไม่ต้องฝืนนะเมล่อน” ออสตินกลัวว่าคนรักของตนเองจะลำบากใจ “ไม่หรอกค่ะ เมล่อนเต็มใจคุณรีบไปทำงานเถอะนะคะเดี๋ยวเมล่อนไปกับคุณแม่เองแล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ” “งั้นผมไปนะ” ก่อนไปออสตินก็ขโมยหอมแก้มของหญิงสาวอีกฟอดใหญ่ทำให้มารดาของเขาแต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ คุณ
วรรษมนตื่นนอนตั้งแต่เช้าและลงมาด้านล่างก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่นเธอเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเลยคิดจะเดินเข้ามาช่วย “คุณลงมาทำอะไรตั้งแต่เช้ากันคะ” ป้าวิไลแม่ครัวใหญ่ตกใจที่เห็นว่าคนรักของเจ้านายลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ “ป้าเป็นคนไทยเหรอคะ ดีจังตั้งแต่หนูมาที่นี่ก็เจอคนไทยไม่กี่คนเอง” “ป้าเป็นคนไทยจ้ะแต่มาอยู่ที่นี่เกือบสามสิบว่าปีแล้ว” “นานมากเลยนะคะ แล้วป้าทำอะไรคะให้หนูช่วยไหม” “เมื่อวานป้าไปตลาดเอเชียแล้วได้ขนมจีนมาก็เลยจะทำขนมจีนแกงเขียวหวานให้คุณๆ ทานจ้ะ” “ให้หนูช่วยไหมคะ” “หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยทำให้คุณออสตินทานค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเหมือนที่ป้าเคยทำไหม” “หนูทำอย่างที่หนูเคยทำเลย ป้ามาอยู่ที่นี่นานบางครั้งรสชาติก็ไม่เหมือนกับของต้นฉบับเท่าไหร่ แต่ขออย่าให้เผ็ดมากก็พอ” “ป้าจะให้หนูทำจริงๆ เหรอคะ หนูกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย” “ไม่ต้องกลัวป้าจะคอยดูอยู่ใกล้ๆ” วรรษมนลงมือทำแกงเขียวหวานอย่างที่ตนเองถนัดโดยมีป้าแม่ครัวและเด็กรับใช้อีกคนยืนดูอยู่ห่างๆ ใช
การเดินทางมาอิตาลีครั้งนี้นอกจากออสตินจะมาทำธุระเรื่องงานแล้วเขายังถือโอกาสมาอวยพรวันเกิดให้กับมารดาของตนเองอีกด้วย ตั้งแต่มาถึงเขาก็ยังไม่เคยพาวรรษมนไปเจอกับบิดามารดาเพราะอยากจะพาเธอไปให้ท่านรู้จักในงานวันเกิดซึ่งจะมีคนมากันหลายคนและมารดาของเขาคงไม่กล้าที่จะหักหน้าเขาหน้าบรรดาเพื่อนและญาติคนอื่น “เมล่อนไม่มั่นใจเลยค่ะ” วรรษมนมองตนเองในกระจกหลังจากแต่งหน้าและสวมชุดราตรีเปิดใหล่สีครีมที่ยาวกร่อมเท้า “สวยแล้ว คุณใส่อะไรก็สวย” ออสตินที่สวมสูทสีเข้มกับเนกไทสีเดียวกับหญิงสาวพูดให้กำลังใจ “เมล่อนไม่ได้หมายถึงชุดที่ใส่ค่ะ แต่หมายถึงการไปงานวันเกิดของแม่คุณวันนี้” “ไหนว่าไม่กลัวอะไรไงครับ” “เมล่อนไม่กลัวอะไรก็จริงแต่เม่ล่อนกลัวแม่คุณนะคะ” “ผมอยู่ทั้งคนคุณจะกลัวอะไรล่ะ” “แล้วงานนี้จะเจอคุณมิเชลไหมคะ เมล่อนกลัวเธอจำได้แล้วจะโกรธเมล่อนเรื่องกระเป๋าค่ะ” “มิเชลก็คงจะมานั่นแหละ แต่แม่ไม่คิดจะจับคู่ผมกับเธอแล้ว” “ทำไมคะ” “ก็ระหว่างที่มิเชลอยู่เมืองไทยเธอชอบออกไปเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ แ
“ออสตินคะ” “มองหน้าผมทำไมคิดว่าที่ผมให้ลงมาเพราะผมจะพอแค่นี้เหรอเมล่อน หันหลังให้ผมสิ” วรรษมนทำตามอย่างว่าง่ายเธอพลิกตัวหันหลังให้เขาก่อนที่เขาจะโน้มตัวเธอให้ราบลงบนโต๊ะให้สะโพกสวยลอยเด่น “เซ็กซี่ชะมัด” ออสตินพึมพำขณะที่สองมือบีบสะโพกปลุกเร้าหญิงสาวอีกครั้ง ปลายท่อนเอ็นที่เขี่ยขึ้นลงบนกลีบกุหลาบก็ทำให้วรรษมนสั่นสะท้าน “อ๊ะ!...อื้อ...” เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อตัวตนของเขามันเข้ามาทีเดียวจนรู้สึกว่าลึกกว่าทุกครั้ง “อ่า...เมล่อน ตอดแรงเลยเสียวเหรอ” “ยังจะถามอีกนะคะ ใครไม่เสียวบ้างล่ะ” “แล้วชอบไหม” “แล้วคุณล่ะคะชอบให้เมล่อนทำแบบนี้ไหม” “อ้า...เมล่อนจ๋า อย่ารัดแรงแบบนี้” เขาครางลั่นเมื่อวรรษมนขมิบช่องทางรักเข้าหาความใหญ่โตของเขา ออสตินพอใจกับผู้หญิงของเขาอย่างที่สุด สองมือเขาประคองสะโพกกลมกลึงไว้ขณะที่สะโพกก็เสยเข้าหาช่องทางอ่อนนุ่มด้วยความกระสันเสียวอย่างที่สุด จังหวะรักครั้งนี้เต็มไปด้วยความดิบเถื่อนและรุนแรง ชายหนุ่มไม่อาจห้ามความรู้สึกของตนเองได้ ทุกจัง
เพราะต้องออกเดินทางจากเมืองไทยไปอิตาลีในเวลาตีหนึ่งคืนนี้ทั้งวรรษมนและออสตินจึงเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม พอสี่ทุ่มหญิงสาวก็รู้สึกหิวน้ำจึงลงมายังห้องครัวด้านล่าง พอดื่มเสร็จและกำลังจะหันหลังกลับออสตินก็ตามลงมาพอดี“หิวน้ำเหรอคะ” หญิงสาวเปิดประตูตู้เย็นอีกครั้งแล้วรินน้ำส่งให้เขา“หิวน้ำเมล่อน” เขาหยิบแก้วน้ำในมือเธอไปวางไว้ด้านบนของตู้เย็นก่อนที่จะกอดเธอไว้สองมือบีบสะโพกเบาแล้วดึงเข้าหาตัว“ไม่นะคะ เราคุยกันแล้วนะคะเมล่อนกลัวตื่นไม่ทันไปสนามบิน”“เราไปนอนบนเครื่องก็ได้นะ ถ้าไม่ให้ผมตอนนี้ผมนอนไม่หลับหรอก คุณไม่รู้สึกเลยเหรอว่าน้องชายผมมันกำลังตื่น นะครับ”“ถ้าเมล่อนไม่ยอมล่ะคะ” วรรษมนแกล้งถามไปแบบนั้นทั้งที่ตอนนี้ตัวเองก็มีความต้องการไม่ต่างจากเขา“ผมไม่บังคับแต่จะให้คุณเลือก” “เลือกอะไรคะ”“เลือกระหว่างให้ผมกินคุณตอนนี้หรือจะให้ผมอดทนแล้วไปกินบนเครื่องบิน”“คุณมีทางเลือกให้เมล่อนแค่นี้เหรอคะ เมล่อนว่า....”เสียงหวานยังพูดไม่จบออสตินกดจูบลงบนเรียวปากอย่างเร่าร้อน บดเบียดจนเธอยอมให้เขาส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหวานอย่างที่เขาต้องการ กว่าจะยอมปล่อยให้ปากเธอเป็นอิสระเขาก็ทำเธอแทบขาดใจ