ออสตินมองหน้าวรรษมนเมื่อเห็นแววตาที่ช่างสงสัยก็ยิ้มมุมปาก เขาจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตนเองนั่งคุยกับผู้หญิงนานๆ แบบนี้เมื่อไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็จะพากันขึ้นเตียงอย่างเดียว
“ถ้าเธอรู้ว่าฉันทำอะไรบ้างเธออาจจะกลัวฉันก็ได้นะ”
“ก็ลองเล่ามาสิคะ”
“ฉันชื่อออสติน อายุ 35 แม่เป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย พ่อเป็นคนอิตาลี ตอนนี้ท่านสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลี”
“คุณมีพี่น้องไหมคะ”
“เคยมีน้องสาว”
“เคยเหรอคะ”
“อือ แต่เธอเสียไปตั้งแต่เด็กแล้ว”
“หนูเสียใจด้วยนะคะ แล้วคุณทำงานอะไร”
“ก็โรงแรมที่กรุงเทพและที่เชียงราย กาสิโนที่สามเหลี่ยมทองคำอีกสองแห่งแล้วก็กาสิโนที่เธอหนีออกมานั่นแหละ”
“คุณค้าผู้หญิงด้วยใช่ไหมคะ”
“จะเรียกว่าค้าได้ยังไงในเมื่อทุกคนเต็มใจ”
“แต่หนูไม่เต็มใจ”
“นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันต้องสอบสวนว่าใครเป็นคนทำเพราะกาสิโนที่นั่นมีคนท้องถิ่นเป็นหุ้นส่วนด้วย เธออาจจะคิดว่าฉันแก้ตัวนะ แต่ฉันไม่มีทางบังคับใครทำแบบนั้นหรอก”
“หนูจะเชื่อคุณ”
“ทำไมถึงเชื่อฉันล่ะ”
“เพราะคุณช่วยหนู ไม่ใจร้ายกับหนู” วรรษมนเชื่อจริงๆ ว่าเขาเป็นคนดี ที่เชื่อเพราะเขาไม่ใจร้ายกับเธอ ส่วนเรื่องของเขากับงานของเขามันก็เป็นเรื่องส่วนตัว
“อย่าเชื่อคนอื่นง่ายนะเมล่อน ขนาดพี่สาวเธอเขายังหลอกเธอมาขายได้ แล้วไม่คิดเหรอว่าตอนนี้เธอกำลังโดนฉันหลอก”
“ก็แอบคิดค่ะ แต่หนูไม่ทางเลือก หนูอยากกลับกรุงเทพ อยากไปหางานทำและก็อยากจะเรียนให้จบ” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่มุ่งมั่น
ออสตินรู้สึกพอใจที่เห็นวรรษมนเป็นเด็กรักเรียนเพราะถ้าเป็นคนอื่นต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็อาจจะท้อไปแล้ว
“ดูเธอตั้งใจเรียนดีนะ”
“ก็ต้องตั้งใจสิคะ เรียนจบแล้วจะได้หางานดีๆ ทำ” แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทำให้คนมองรู้สึกถึงพลังบวกในตัวเธอที่ส่งมาทางสายตา
“ถ้าถึงกรุงเทพแล้วฉันจะช่วยหางานให้”
“ขอบคุณนะคะ หนูนึกแล้วว่าคุณต้องเป็นคนใจดีมากๆ” วรรษมนมองเขาแล้วยิ้มอย่างจริงใจ
“ฉันไม่ได้ใจดีกับทุกคนหรอกนะ”
“แต่อย่างน้อยก็ใจดีกับหนู แล้วปกติคุณมาที่นี่บ่อยไหมคะ หนูหมายถึงมาที่กาสิโน” เธอพยายามชวนเขาคุยเพราะอยากรู้จักเขาให้มากขึ้น
“ก็เดือนละครั้งมาตรวจงาน”
“คุณใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพเหรอคะ”
“ฉันก็อยู่ไปเรื่อย”
“หนูขอถามอะไรเพิ่มได้ไหม”
“อือ”
“คุณมีครอบครัวหรือยังคะ ถ้าหนูกลับไปพร้อมคุณจะทำให้คุณมีปัญหากับที่บ้านไหมคะ”
“ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอก ฉันยังไม่มีครอบครัว”
“ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าคุณจะยังไม่มีครอบครัว”
“ทำไมถึงไม่เชื่อ”
“ก็คุณทั้งหล่อทั้งรวยผู้หญิงก็คงจะเยอะ”
“ฉันไม่เถียงว่าฉันมีผู้หญิงเยอะ แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครหรอกนะ”
“คุณพูดเหมือนมีอันตรายอยู่รอบตัว”
“การทำธุรกิจแบบนี้ก็ย่อมมีศัตรูมากกว่าอาชีพอื่น ถ้าฉันมีแฟนหรือมีครอบครัวพวกเขาจะเป็นจุดอ่อนของฉัน”
“หนูไม่เข้าใจความคิดของคุณเลย การมีครอบครัวหนูว่ามันดีออก”
“เธอยังไม่มีครอบครัวจะรู้ได้ยังไงว่ามันดี”
“ก็ตอนพ่อยังไม่ตายพ่อเคยพูดว่าเวลาพ่อทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วมาเจอหนูพ่อก็หายเหนื่อย” วรรษมนนึกถึงวัยเด็กแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ นั่นเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมาก เธอจะรอพ่อที่หน้าบ้านทุกวันรอให้พ่อมกอดมาหอมแล้วเข้านอนด้วยกันทุกคืน
“ฟังแล้วดูอบอุ่นดีนะ”
“ใช่ค่ะ ถึงตอนนี้พ่อจะไม่อยู่แล้วแต่หนูก็ยังคิดถึงท่านเสมอคิดถึงวันที่มีความสุข”
ออสตินกำลังคิดถามที่เธอพูดและรู้สึกว่าวรรษมนกำลังหาใครสักคนมาแทนพ่อซึ่งเขาไม่อยากให้เธอรู้สึกกับเขาแบบนั้น
“เมล่อน ฉันขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
“ขออะไรคะ” เธอมีสีหน้าตกใจเพราะกลัวเขาจะขอในสิ่งที่เธอยังไม่พร้อม
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
“แล้วมันเรื่องอะไรคะ”
“เลิกแทนตัวเธอว่าหนูเถอะ ฟังแล้วมันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันแก่มาก”
“แล้วจะให้แทนตัวเองว่าอะไร ฉันเหรอคะ”
“เมล่อนไง เธอชื่อเมล่อนไม่ใช่เหรอ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”
“เอาเป็นว่าเรารู้จักกันแล้วนะ อีกนานกว่าจะถึงกรุงเทพเธอจะนอนก่อนไหม”
“ค่ะ หนู เอ้ย เมล่อนก็เริ่มง่วง ว่าแต่ในรถไม่มีผ้าห่มเหรอคะ”
“หนาวเหรอ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ” วรรษมนไม่ค่อยกล้านอนเท่าไหร่ถ้าไม่มีอะไรมาห่มเนื่องจากชุดที่เธอสวมนั้นเป็นชุดเกาะอกตัวสั้นเหนือเข่า แม้เขาบอกว่าจะยังไม่นอนกับเธอวันนี้แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
“เอาเสื้อฉันไปก่อนก็ได้” ออสตินถอดสูทส่งให้เพราะดูแล้ววรรษมนก็คงจะหนาวจริง แม้เขาจะเบาแอร์ให้แล้วก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ คุณไม่หนาวเหรอะคะ”
“ฉันมีเสื้ออีกตัว”
พอรับเสื้อมาแล้ววรรษมนก็เอามาห่ม ก่อนจะปรับให้เอนลงไม่นานหญิงสาวก็หลับ
ออสตินนั่งมองหน้าเธออยู่นานก่อนจะมองออกไปข้างนอกพลางใช้ความคิด เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่นั้นเรียกว่าใจดีอย่างที่หญิงสาวพูดหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ชอบที่เธอถูกหลอกมาแบบนี้ เท่าที่เขารู้ผู้หญิงทุกคนที่มาทำงานล้วนเต็มใจและเรื่องนี้เขาคงต้องให้คนสืบให้รู้เรื่อง
“ภูมิ ไปที่คอนโดนะ” ออสตินบอกคนขับเมื่อรถเข้าเขตกรุงเทพ
“ถึงแล้วเหรอคะ” วรรษมนถาม
“ใกล้ถึงแล้ว ฉันจะให้เธอไปที่อยู่ที่คอนโดก่อน”
“เมล่อนขอกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”
“คิดจะหนีฉันเหรอ”
“เปล่านะคะ ก็แค่อยากไปดูว่าสองคนนั้นเอาอะไรที่บ้านไปบ้าง”
“เอาไวพรุ่งนี้ค่อยไปดูก็ได้ บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า”
“ก็ได้ค่ะ” วรรษมนตกลงเพราะไม่อยากทำตัวเรื่องมาก
“เธอขึ้นไปคนเดียวนะ ฉันบอกคนของฉันไว้แล้วว่าเธอจะมาพัก”
“แล้วคุณล่ะ”
“ปกติฉันพักที่โรงแรม”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” วรรษมนดีใจที่อย่างน้อยวันนี้ตนเองก็ยังไม่ต้องเริ่มงานแต่ก็ไม่รู้ว่าตนเองจะรอดไปถึงเมื่อไหร่ คนอย่างเธอพูดคำไหนก็คำนั้นในเมื่อเขาช่วยเธอกลับมาถึงกรุงเทพได้แค่เรื่องนอนกับเขามันก็ไม่ใช่ปัญหา
หญิงสาวขึ้นมายังคอนโดมิเนียมหรูชั้นบนสุดซึ่งห้องของเขากินพื้นที่มากถึงสองในสาม แล้วอีกส่วนที่เหลือก็เป็นห้องพักของแม่บ้านและคนของเขา
“คุณมีอะไรเรียกป้าได้ตลอดนะคะ กดที่ออดสีฟ้าค่ะ”
“แล้วออดสีแดงล่ะคะ”
“สีแดงสำหรับขอความช่วยเหลือ ถ้ากดปุ่มนั้นคนที่จะเข้ามาก็จะเป็นบอดี้การ์ดของคุณออสตินค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ หนูคงมารบกวนเวลานอนของป้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปกติแล้วคุณออสตินไม่เคยมาใครมาที่นี่ขนาดตัวท่านเองยังค่อยมา ป้าเลยแทบจะไม่ได้ทำงานอะไรเลย”
“หนูคงรบกวนไม่นานหรอกค่ะ”
“รบกวนนานก็ได้ มีคนมาอยู่ที่นี่จะได้ไม่เหมือนห้องร้าง”
“แต่ดูไม่เหมือนห้องร้างเลย ป้าคงทำความสะอาดทุกวัน”
“ใช่ค่ะ ป้าทำความสะอาดทุกวันแล้วก็ดีใจที่มีคนมาอยู่”
“หนูคงอยู่รบกวนป้าไม่นานหรอกค่ะ”
“ป้าอยากให้อยู่นานๆ คืนนี้ดึกแล้วป้าว่าเราแยกกันไปนอนดีกว่าหนูมีอะไรก็เรียกป้านะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพวรรษมนก็ไม่ได้เจอกับออสตินอีกเลย เขาให้ลูกน้องพาเธอไปตรวจเลือดจากนั้นก็กลับไปเอาของใช้จำเป็นที่บ้านและให้เธออยู่ที่คอนโดมิเนียมตามลำพัง หญิงสาวนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เขาซื้อให้แล้วก็ลังเลว่าจะโทรไปหาเขาดีไหม เพราะรู้สึกเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แบบนี้เธออยากออกไปข้างนอกไปหางานทำ เมื่อเรียบเรียงคำพูดแล้ววรรษมนก็กดโทรออกตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลูกน้องของเขาบันทึกไว้ให้ แต่พอโทรไปแล้วคนที่รับสายกลับไม่ใช่ออสตินอย่างที่เธอคิด “ฉันจะโทรหาคุณออสตินค่ะ” “ตอนนี้บอสไม่ว่างรับสายคุณมีเรื่องด่วนอะไรไหม” “ไม่ค่ะ เอาไว้ฉันค่อยโทรมาทีหลังก็ได้ แล้วเขาจะว่างตอนไหนล่ะคะ” “ผมระบุเวลาไม่ได้เอาไว้ถ้าเขาว่างผมจะบอกเขาโทรกลับ” “ขอบคุณค่ะ” พอวางสายแล้วหญิงสาวก็กลับมานั่งเหงาอย่างเดิม แม้จะได้คุยกับเพื่อนผ่านทางโลกโซเชียลแต่การอยู่แต่ในห้องมันก็น่าเบื่อ ปกติแล้วถ้าไม่ออกไปเรียนวรรษมนก็ต้องออกไปทำงานพิเศษเธอเลยไม่ชินกับการต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้ หญิงสาวคิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องออกไปข้
ห้องวีไอพีตั้งอยู่บนชั้นสามของผับซึ่งมีอยู่ประมาณห้าห้องด้วยกัน วรรษมนเดินขึ้นมายังชั้นสองก็เจอเพื่อนที่เดินสวนลงมาพอดี“เมล่อน รับงานด้วยเหรอ”“เปล่า แต่แขกไม่ยอมฟังเถ้าแก่เราเลยจะไปบอกเขาว่าเราไม่รับงานนี้ โบว์ว่างใช่ไหม”“อือ มีอะไร”“เราอยากให้โบว์ไปด้วยเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ” เพราะเพื่อนที่ชื่อโบว์คนนี้มีรูปร่างและผิวพรรณใกล้เคียงกับตนเองมากที่สุดวรรษมนเลยพาเธอขึ้นไปด้วย“เรารอนอกห้องนะ เมล่อนเข้าไปคนเดียวก่อนได้เรื่องแล้วค่อยออกมาตามก็ได้”วรรษมนเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน“สวัสดีค่ะ”“อ้อ มาแล้วเหรอมานั่งนี่สิ”“ได้ค่ะ ท่านจะแค่ดื่มใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างตรงประเด็น“ถ้าแค่ดื่มอย่างเดียวฉันคงไม่เหมาถึงร้อยดริ๊งค์หรอกนะ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาปิดแล้วเธอก็เข้าใจการทำงานของที่นี่ดี”“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้ค่ะ ที่ขึ้นมาหาก็เพราะอยากจะมาปฏิเสธด้วยตัวเอง”“จะโก่งค่าตัวหรือเปล่า จะเอาเท่าไหร่ล่ะฉันยินดีจ่าย”“ไม่รับก็คือไม่รับค่ะ มีคนที่พร้อมรับงานนี้แล้วเขาก็รออยู่ข้างนอก ถ้าคุณสนใจหนูจะเรียกเขาเข้ามา”“ฉันสนใจแค่เธอ”“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้”“ฉันให้แสนหนึ่ง” “ไม
ออสตินกลับมาถึงห้องก็อาบน้ำและออกมานั่งดื่มที่ห้องรับแขกด้วยความสบายใจเพราะงานที่ติดขัดตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ช่วงวันหยุดเขาคงมีเวลาอยู่กับวรรษมนมากขึ้นและเธอก็คงไม่คิดจะหนีออกไปข้างนอกอีก เขานั่งดื่มพักใหญ่เสียงโทรศัพท์ของวรรษมนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาก็ดังขึ้นออสตินไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอเลยแต่คนที่โทรเข้ามาก็ดูจะพยายามติดต่อกับหญิงสาวจนเขารู้สึกรำคาญ ออสตินลังเลว่าจะกดรับดีไหม แต่คนที่โทรเข้ามาก็วางสายไปอีกครั้งจากนั้นก็มีข้อความปรากฏขึ้นมา เขาเลยถือวิสาสะเปิดอ่าน ‘เมล่อนนอนแล้วเหรอ’‘พี่กดออดเรียกตั้งนานแต่เมล่อนไม่ยอมออกมาเปิดสักที พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ ตอนนี้แขวนไว้หน้าประตูนะ’‘ถ้าตื่นแล้วก็ออกมาเอาด้วย พรุ่งนี้เจอกันที่ผับนะ มาเร็วๆ หน่อยก็ดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย’ออสตินอ่านข้อความทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจเพราะไม่ค่อยสันทัดในภาษาไทยเท่าไหร่ ชายหนุ่มเริ่มโมโหเมื่อคิดได้ว่าที่วรรษมนหนีออกไปวันนี้ก็เพราะอยากออกไปเจอคนอื่นแล้วถ้าคืนนี้เขาไม่ไปรับเธอที่ผับป่านนี้เธอกับผู้ชายที่ส่งข้อความมาก็คงจ
เพียงแค่ปลายนิ้วออสตินก็รู้สึกถึงแรงตอดรัดชายหนุ่มดันเข้าหาเธอลึกขึ้นเพื่อเปิดทางเพราะรู้สึกว่าช่องทางรักนั้นทั้งเล็กและแคบ“อื้อ...เจ็บ”ใบหน้าสวยบิดเหยเกเมื่อนิ้วร้ายดันเขามาด้านในลึกจนรู้สึกอึดอัดเธอพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นกลับยิ่งรู้สึกเสียวมากขึ้น“เจ็บหรือเสียวกันแน่เมล่อน”เขาพูดพลางหัวเราะเมื่อเห็นสะโพกเธอเริ่มจะส่ายเข้าหานิ้วที่กำลังควานอยู่ในช่องทางคับแน่น เขาก้มลงจูบเธออย่างเร่าร้อนขณะที่นิ้วก็เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ความเสียวทวีมากขึ้นเมื่อปากร้อนดูดไปตามผิวหนังจนขึ้นรอยแดงก่อนจะดูดดึงเม็ดทับทิมเข้าปากอย่างหิวกระหาย วรรษมนแอ่นอกอิ่มเข้าหาปากร้อนไปตามสัญชาตญาณ “คุณออสติน ไม่ไหว เมล่อนไม่ไหวแล้ว”“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม”“ไม่เจ็บแล้วแต่เมล่อนเสียว ทรมาน”“ตรงนี้ใช่ไหมที่เสียว”เขาเกร็งปลายนิ้วกดเข้าหาจุดกระสันด้านในโพรงถ้ำเป็นจังหวะเร็วขึ้น“อื้อ ตรงนั้น มันสะ เสียว คุนออสติน เมล่อนจะไม่ไหว แรงอีกนิด คุณออสตินอื้อ...”เสียงหวานหลุดครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่อารมณ์ของหญิงสาวพุ่งสูงสุดขีด ปลายนิ้วเท้าจิกเกร็งก่อนจะกระตุกติดกันพร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยอย่างหนัก ช่องทางรักคล
ออสตินมองคนที่หลับลงอย่างง่ายดายแล้วก็นึกสงสาร เพราะเมื่อครู่เขาค่อนข้างเอาแต่ใจและตักตวงความสุขให้กับตัวเองจนลืมไปเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของหญิงสาว ชายหนุ่มไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครแบบนี้มาก่อนเพราะทุกครั้งที่นอนกับคนอื่นเขาก็จะมีสิ่งของและเงินตอบแทนให้กับพวกเธอเพื่อแลกกับความสุข แต่กับวรรรษมนเขาไม่คิดแบบนั้นเพราะเงินสองแสนที่เธอพูดถึงนั้นเขาไปสืบมาแล้วจึงรู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นคนเอาไปเพื่อแลกกับการส่งเธอไปทำงานที่กาสิโนอันที่จริงวรรษมนไม่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ แต่ออสตินก็เลือกที่จะไม่บอกเพราะอยากจะเก็บเธอไว้ใกล้ๆ ตัว เขาไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากอยากจะนอนกับเธอเพียงเท่านั้นวรรษมนเป็นผู้หญิงที่สวย ผิวพรรณดีอีกทั้งหุ่นก็ตรงใจเขาอย่างที่สุดจากที่คิดว่าจะหาความสุขกับเธอแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันมากกว่านั้นมาเฟียหนุ่มรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของรู้สึกหวงแหนและหลงใหลในเสียงหวานยามเรียกชื่อเขาอีกทั้งกลิ่นกายของเธอก็หอมมากกว่าน้ำหอมราคาแพงที่เขาเคยสัมผัส“เธอต้องเป็นแม่มดแน่ๆ” เขาพูดคนเดียวเบาๆ ก่อนจะหอมไปที่แก้มเนียนแล้วหลับตาลงนับเป็นครั้งแรกในรอบหลา
“ป้ารู้ไหมว่าไข้ทับระดูคืออะไรอันตรายมากไหม” ออสตินถามป้าแม่บ้านหลังจากที่พยายามหาข้อมูลแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “ไข้ทับระดูไม่อันตรายหรอกค่ะ ก็แค่มีไข้ช่วงที่เป็นประจำเดือน ว่าแต่ใครเป็นเหรอคะ หรือว่าหนูเมล่อน” “ครับ” “แล้วเธอปวดท้องด้วยไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมเอายาลดไข้ให้เธอแล้ว เห็นเธออยากนอนก็ออกมารอข้างนอก” “เดี๋ยวป้าไปเตรียมกระเป๋าน้ำร้อนมาให้นะคะ เผื่อเธอจะปวดท้อง แล้วเย็นนี้ป้าจะทำข้าวต้มให้ทาน แล้วคุณออสตินล่ะคะเย็นนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม” “ผมเอาข้าวต้มก็ได้ ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำหลายรอบ” พอป้าแม่บ้านเอากระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้ามาให้ออสตินก็กลับเข้าไปในห้องนอนของตนเองอีกครั้ง “คุณออสติน” เธอรู้สึกตัวเมื่อเขานั่งลงข้างๆ “เป็นไงบ้าง ปวดท้องไหม” “นิดหน่อยค่ะ” “ป้าแม่บ้านฝากกระเป๋าน้ำร้อนมาให้เธอจะเอาไหม” “เอาค่ะ” พอเขายื่นให้เธอก็รีบรับมาแล้วสอดใต้ผ้าห่มก่อนจะวางลวงบนท้องน้อยของตนเอง “ฉันไม่รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเรื่องเม
“เย็นนี้คุณจะกลับมาค้างที่นี่ไหมคะ” วรรษมนถามออสตินระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าด้วยกัน เพราะวันนี้เขาต้องออกไปทำงานหลังจากที่อยู่กับเธอตลอดทั้งวันหยุด “ฉันก็ไม่แน่ใจ” ช่วงนี้งานเขาค่อนข้างยุ่งเพราะกำลังก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ “แต่เมล่อนไม่อยากอยู่คนเดียวเลย ถ้าคุณไม่กลับเมล่อนขอกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ” “ไม่ได้นะ ฉันว่าที่นั่นมันอันตรายในซอยก็เปลี่ยวมาก” “แต่เมล่อนก็อยู่มาตั้งนานแล้วไม่เห็นมีอันตรายอะไรเลยนี่คะ” “เธออยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านเพราะเหงาจริงๆ หรือเพราะคิดจะออกไปเจอคนอื่นกันแน่” แม้จะรู้ว่าวรรษมนไม่เคยมีใครมาก่อนแต่ออสตินก็ยังอดระแวงไม่ได้ “ก็แล้วแต่คุณจะคิดเลยค่ะ เมล่อนขอตัวไปกินยาแล้วนอนพักนะคะ” วรรษมนรู้สึกว่าตนเองจะเอาแต่ใจเกินไปแต่มันก็ช่วยไม่ได้เพราะช่วงที่เป็นรอบเดือนแบบนี้อารมณ์ของเธอก็จะขึ้นๆ ลงอยู่ตลอด ออสตินนั่งทำงานตั้งแต่เช้าจนบ่าย ชายหนุ่มไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเท่าไหร่เพราะเอาแต่คิดถึงวรรษมนแต่จะโทรศัพท์ไปหาก็กลัวว่าหญิงสาวจะได้ใจและเขาจะควบคุมอยาก ที่ผ่านมาผู้หญิงของเขาจะอยู่ในพื
“สวัสดีค่ะ เลิกงานแล้วเหรอคะ” เสียงปลายสายรีบถามมาอย่างรวดเร็ว“อือ เพิ่งประชุมเสร็จ”“เหนื่อยไหมคะ”“อือ”“ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องมาหาเมล่อนหรอกค่ะ เมล่อนอยู่คนเดียวได้” เสียงของคนพูดฟังแล้วไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่“ห้ามฉันไปให้หาไม่ใช่จะหนีกลับไปนอนที่บ้านนะ” ออสตินรีบพูดดักทางเพราะคิดว่าวรรษมนจะต้องแอบกลับบ้านๆ“ไม่หรอกค่ะ เมล่อนแค่อยากจะขออนุญาตคุณออสตินลงไปซื้อของใช้ที่มินิมาร์ทหน้าคอนโดได้ไหมคะ”“จะซื้ออะไร ให้ลูกน้องฉันไปซื้อให้สิ”“อย่าเลยค่ะมันเป็นของใช้ผู้หญิง เมล่อนอาย”“งั้นก็ใช้ป้าแม่บ้านสิ”“ถึงป้าเขาจะเป็นลูกจ้างแต่ของบางอย่างเมล่อนว่าซื้อเองดีกว่า”“ทำไมเรื่องเยอะจัง จะซื้ออะไรหรือจะหาข้ออ้างแล้วแอบกลับบ้าน” ชายหนุ่มเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา“เมล่อนโตแล้วนะคะคุณออสติน เรื่องคุณไม่ให้เมล่อนกลับบ้านเมล่อนก็ไม่กลับหรอกค่ะ”“แล้วจะซื้ออะไร บอกมาสิเดี๋ยวฉันจะซื้อไปให้ก็ได้” ออสตินปรับเสียงให้อ่อนลง“คุณจะกลับมาค้างที่นี่เหรอคะ”“ฉันแค่จะแวะเอาของไปให้ ไม่ต้องทำเสียงดีใจขนาดนั้นหรอก”“ก็แค่รู้ว่าคุณจะมาเมล่อนก็ดีใจแล้วค่ะ คุณจะซื้อของมาให้จริงๆ ใช่ไหมคะ”“ก็ใช่น่ะสิบอกมาว่าจะเอาอะไร
วรรษมนอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก็กลับมาเมืองไทยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม เธอกลับมาพร้อมกับออสตินส่วนบิดามารดาของเขานั้นกำลังจัดการเรื่องธุรกิจและวางแผนจะบินตามมาอยู่ที่เมืองไทยถ้าทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว “พี่ออสตินไม่อยู่เมล่อนขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนได้ไหมคะ เมล่อนว่าตอนนี้ตัวเองอ้วนขึ้นคงต้องไปซื้อชุดนักศึกษาเพิ่มใหม่หรือว่าจะลดความอ้วนดีคะ” “อ้วนที่ไหนพี่ว่าแบบนี้ดีออกเวลากอดก็เต็มไม้เต็มมือดี ส่วนเรื่องชุดพี่ว่าซื้อใหม่เถอะแล้วอย่าเอากระโปรงสั้นมากนะ เสื้อก็อย่ารัดรูป เขาแค่พอดีตัว” “พี่ออสตินหวงเหรอคะ” “หวงสิ เมียทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้เป็นใครก็หวง” ตั้งแต่ตกลงว่าจะแต่งงานกับออสตินก็มักจะเรียกเธอว่าเมียจนติดปากแต่วรรษมนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอก็ชอบที่ได้ยินเขาเรียกแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังเป็นแค่เมียลับๆ ของเขาก็ตาม“พี่จะไปนานไหมคะ”“ไปแค่สองวันเองแล้วก็จะรีบกลับมากอดเมีย”“เมล่อนอยากไปด้วยนะคะถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมเมล่อนจะขอไปด้วย”“เอาไว้ครั้งหน้าที่จะเลือกวันไปทำงานให้ตรงกับวันหยุดดีไหมเมล่อนจะได้ไปดูโร
คุณจิโอวานนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกำมะหยี่อีกหลายกล่อง “นี่มันอะไรคะ” “เปิดดูสิผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เขาบอกภรรยา เธอเปิดกล่องที่วางตรงหน้าออกทุกใบซึ่งในนั้นมีสร้อยเพชรและต่างหูที่เขาชุดกันจะขาดก็แต่สร้อยข้อมือซึ่งเธอรู้ดีกว่าใครว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ที่ไหน “คุณซื้อทั้งชุดเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่สร้อยข้อมือ” “ใช่สิ ผมอยากให้คุณใส่ทั้งชุดแต่คุณไม่ยอมสวมเสื้อเปิดคออีกเลย ผมไม่อยากให้คุณคิดมากก็เลยเอาแค่สร้อยข้อมือให้คุณ” ที่ผ่านมาเขาซื้อชุดเครื่องเพชรให้ภรรยามาตลอดแต่ก็จะเก็บสร้อยคอและต่างหูแยกไว้ เขารอวันที่ภรรยาจะกล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นคอซึ่งมีรอยแผลนิดเดียวและถ้าไม่สังเกตหรือจ้องนานก็ไม่มีใครเห็น “ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาให้ ต่อไปนี้ฉันคงจะได้ใส่ครบชุด” “ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กล้าสวมชุดแบบนี้ล่ะ” “ก็แผลมันนิดเดียวนี่ถ้าไม่มองดีๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก จริงไหมเมล่อน” “จริงค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่บอกหนูก็ไม่เห็น” “ผมกับลูกก็เคยบอกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมฟังเราเลย” “ก็
กลับมาถึงบ้านวรรษมนและคุณอลิษาก็ช่วยกันเข้าครัวซึ่งวันนี้คุณอลิษาเป็นคนลงมือทำอาหารเองทั้งหมดโดยมีป้าวิไลและวรรษมนคอยเป็นลูกมือ “อร่อยมากเลยค่ะคุณผู้หญิง วิไลว่าวันนี้คุณผู้ชายกับคุณออสตินคงได้ทานข้าวกันหลายจานแน่ๆ” “อย่าลืมตักไปแบ่งกันกินด้วยนะฉันทำเผื่อทุกคน” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิงมาเรียว่าคงต้องหุงข้าวเพิ่มล่ะคะ กับข้าวฝีมือคุณผู้หญิงอร่อยมากจริงๆ” “อร่อยจริงหรือแกล้งชมกันล่ะมาเรีย” คุณผู้หญิงของบ้านถามเพราะไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากตนเองไม่ได้เข้าครัวมานานหลายปีแล้ว “อร่อยจริงๆ ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า เธอเคยทานอาหารไทยมาแล้วแต่ไม่เคยทานอาหารไทยที่อร่อยแบบนี้มาก่อน “ถ้าพวกเธอชอบฉันจะพยายามเข้าครัวบ่อยๆ” คุณผู้หญิงของบ้านยิ้ม “ชอบสิคะ แต่มาเรียกลัวคุณผู้หญิงเหนื่อยคุณผู้หญิงสอนมาเรียได้ไหมคะ มาเรียอยากทำเก่งๆ” “สอนหนูด้วยนะคะหนูก็อยากทำเก่งๆ” วรรษมนอยากเรียนรู้เพื่อจะเอากลับไปทำให้ออสตินทาน “ถ้าอยากจะเรียนกันจริงก็จะสอนให้” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” / “ขอบคุณค่ะแม่” สองสาวที่วัย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณอลิษาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุข เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่นานก็ได้เสื้อผ้ามาเกือบยี่สิบชุดจนวรรษมนต้องโทรศัพท์ตามคนขับรถมาเอาไปเก็บ ส่วนเธอกับมารดาของคนรักก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ “แม่คะ เราแวะร้านนั้นกันไหม” วรรษมนชี้ไปยังร้านเครื่องประดับแบรนด์ดังที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่มากนัก “ก็เอาสิ” เพราะตนเองได้ของที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากจะตามใจหญิงสาวบ้าง พอเข้ามาถึงในร้านวรรษมนก็เดินไปยังมุมที่มีสร้อยคอโชว์อยู่เต็มตู้ “เธออยากได้สร้อยเหรอ” “เปล่าค่ะ คุณแม่นั่นแหละค่ะที่ต้องซื้อ” “ฉันเหรอ” “ค่ะ ก็ชุดที่เราซื้อเมื่อกี้คอมันกว้างและคุณแม่ก็ต้องมีสร้อยสวยๆ ไว้ใส่คู่กันนะคะจะให้คอโล่งไม่ได้” “แต่เครื่องเพชรที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว” “นั่นมันคือเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงานค่ะ แต่ที่เรามาซื้อมัยเป็นสร้อยที่เราจะใส่ได้ทุกวันเอาหลายๆ แบบเลยนะคะจะได้เปลี่ยนไปตามชุดที่เราใส่” “ทีซื้อกระเป๋าเธอทำเป็นว่าแล้วทำไมสร้อยพวกนี้ถึงไม่ว่าล่ะ” “เมล่อนอยากให้คุณแม่แต่งตัวส
ออสตินพาวรรษมนลงมาจากห้องนอนเพื่อจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมแต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านมารดาของชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิออสติน” “มีอะไรครับแม่” “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะไปทำธุระกับพ่อ” “ครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะรีบไปส่งเมล่อนก่อนแล้วจะตามพ่อไป” “วันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งแล้วบังเอิญว่าไม่มีคนช่วยถือของก็เลยอยากจะให้คนของลูกไปช่วยถือหน่อย” “จะให้หนูไปช่วยถือของใช่ไหมคะ” วรรษมนถามอย่างรู้ทันก็มุกพวกนี้เธอเคยอ่านเจอในนิยายมาเยอะแล้ว “แล้วเธอจะไปถือให้ฉันไหมล่ะ” คุณอลิษาหันมาถามด้วยใบหน้ามึนตึง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ กลับไปโรงแรมหนูก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไปกับคุณแม่น่าจะสนุกกว่านะคะ” “ถ้าไม่อยากไปก็ไปก็ไม่ต้องฝืนนะเมล่อน” ออสตินกลัวว่าคนรักของตนเองจะลำบากใจ “ไม่หรอกค่ะ เมล่อนเต็มใจคุณรีบไปทำงานเถอะนะคะเดี๋ยวเมล่อนไปกับคุณแม่เองแล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ” “งั้นผมไปนะ” ก่อนไปออสตินก็ขโมยหอมแก้มของหญิงสาวอีกฟอดใหญ่ทำให้มารดาของเขาแต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ คุณ
วรรษมนตื่นนอนตั้งแต่เช้าและลงมาด้านล่างก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่นเธอเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเลยคิดจะเดินเข้ามาช่วย “คุณลงมาทำอะไรตั้งแต่เช้ากันคะ” ป้าวิไลแม่ครัวใหญ่ตกใจที่เห็นว่าคนรักของเจ้านายลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ “ป้าเป็นคนไทยเหรอคะ ดีจังตั้งแต่หนูมาที่นี่ก็เจอคนไทยไม่กี่คนเอง” “ป้าเป็นคนไทยจ้ะแต่มาอยู่ที่นี่เกือบสามสิบว่าปีแล้ว” “นานมากเลยนะคะ แล้วป้าทำอะไรคะให้หนูช่วยไหม” “เมื่อวานป้าไปตลาดเอเชียแล้วได้ขนมจีนมาก็เลยจะทำขนมจีนแกงเขียวหวานให้คุณๆ ทานจ้ะ” “ให้หนูช่วยไหมคะ” “หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยทำให้คุณออสตินทานค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเหมือนที่ป้าเคยทำไหม” “หนูทำอย่างที่หนูเคยทำเลย ป้ามาอยู่ที่นี่นานบางครั้งรสชาติก็ไม่เหมือนกับของต้นฉบับเท่าไหร่ แต่ขออย่าให้เผ็ดมากก็พอ” “ป้าจะให้หนูทำจริงๆ เหรอคะ หนูกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย” “ไม่ต้องกลัวป้าจะคอยดูอยู่ใกล้ๆ” วรรษมนลงมือทำแกงเขียวหวานอย่างที่ตนเองถนัดโดยมีป้าแม่ครัวและเด็กรับใช้อีกคนยืนดูอยู่ห่างๆ ใช
การเดินทางมาอิตาลีครั้งนี้นอกจากออสตินจะมาทำธุระเรื่องงานแล้วเขายังถือโอกาสมาอวยพรวันเกิดให้กับมารดาของตนเองอีกด้วย ตั้งแต่มาถึงเขาก็ยังไม่เคยพาวรรษมนไปเจอกับบิดามารดาเพราะอยากจะพาเธอไปให้ท่านรู้จักในงานวันเกิดซึ่งจะมีคนมากันหลายคนและมารดาของเขาคงไม่กล้าที่จะหักหน้าเขาหน้าบรรดาเพื่อนและญาติคนอื่น “เมล่อนไม่มั่นใจเลยค่ะ” วรรษมนมองตนเองในกระจกหลังจากแต่งหน้าและสวมชุดราตรีเปิดใหล่สีครีมที่ยาวกร่อมเท้า “สวยแล้ว คุณใส่อะไรก็สวย” ออสตินที่สวมสูทสีเข้มกับเนกไทสีเดียวกับหญิงสาวพูดให้กำลังใจ “เมล่อนไม่ได้หมายถึงชุดที่ใส่ค่ะ แต่หมายถึงการไปงานวันเกิดของแม่คุณวันนี้” “ไหนว่าไม่กลัวอะไรไงครับ” “เมล่อนไม่กลัวอะไรก็จริงแต่เม่ล่อนกลัวแม่คุณนะคะ” “ผมอยู่ทั้งคนคุณจะกลัวอะไรล่ะ” “แล้วงานนี้จะเจอคุณมิเชลไหมคะ เมล่อนกลัวเธอจำได้แล้วจะโกรธเมล่อนเรื่องกระเป๋าค่ะ” “มิเชลก็คงจะมานั่นแหละ แต่แม่ไม่คิดจะจับคู่ผมกับเธอแล้ว” “ทำไมคะ” “ก็ระหว่างที่มิเชลอยู่เมืองไทยเธอชอบออกไปเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ แ
“ออสตินคะ” “มองหน้าผมทำไมคิดว่าที่ผมให้ลงมาเพราะผมจะพอแค่นี้เหรอเมล่อน หันหลังให้ผมสิ” วรรษมนทำตามอย่างว่าง่ายเธอพลิกตัวหันหลังให้เขาก่อนที่เขาจะโน้มตัวเธอให้ราบลงบนโต๊ะให้สะโพกสวยลอยเด่น “เซ็กซี่ชะมัด” ออสตินพึมพำขณะที่สองมือบีบสะโพกปลุกเร้าหญิงสาวอีกครั้ง ปลายท่อนเอ็นที่เขี่ยขึ้นลงบนกลีบกุหลาบก็ทำให้วรรษมนสั่นสะท้าน “อ๊ะ!...อื้อ...” เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อตัวตนของเขามันเข้ามาทีเดียวจนรู้สึกว่าลึกกว่าทุกครั้ง “อ่า...เมล่อน ตอดแรงเลยเสียวเหรอ” “ยังจะถามอีกนะคะ ใครไม่เสียวบ้างล่ะ” “แล้วชอบไหม” “แล้วคุณล่ะคะชอบให้เมล่อนทำแบบนี้ไหม” “อ้า...เมล่อนจ๋า อย่ารัดแรงแบบนี้” เขาครางลั่นเมื่อวรรษมนขมิบช่องทางรักเข้าหาความใหญ่โตของเขา ออสตินพอใจกับผู้หญิงของเขาอย่างที่สุด สองมือเขาประคองสะโพกกลมกลึงไว้ขณะที่สะโพกก็เสยเข้าหาช่องทางอ่อนนุ่มด้วยความกระสันเสียวอย่างที่สุด จังหวะรักครั้งนี้เต็มไปด้วยความดิบเถื่อนและรุนแรง ชายหนุ่มไม่อาจห้ามความรู้สึกของตนเองได้ ทุกจัง
เพราะต้องออกเดินทางจากเมืองไทยไปอิตาลีในเวลาตีหนึ่งคืนนี้ทั้งวรรษมนและออสตินจึงเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม พอสี่ทุ่มหญิงสาวก็รู้สึกหิวน้ำจึงลงมายังห้องครัวด้านล่าง พอดื่มเสร็จและกำลังจะหันหลังกลับออสตินก็ตามลงมาพอดี“หิวน้ำเหรอคะ” หญิงสาวเปิดประตูตู้เย็นอีกครั้งแล้วรินน้ำส่งให้เขา“หิวน้ำเมล่อน” เขาหยิบแก้วน้ำในมือเธอไปวางไว้ด้านบนของตู้เย็นก่อนที่จะกอดเธอไว้สองมือบีบสะโพกเบาแล้วดึงเข้าหาตัว“ไม่นะคะ เราคุยกันแล้วนะคะเมล่อนกลัวตื่นไม่ทันไปสนามบิน”“เราไปนอนบนเครื่องก็ได้นะ ถ้าไม่ให้ผมตอนนี้ผมนอนไม่หลับหรอก คุณไม่รู้สึกเลยเหรอว่าน้องชายผมมันกำลังตื่น นะครับ”“ถ้าเมล่อนไม่ยอมล่ะคะ” วรรษมนแกล้งถามไปแบบนั้นทั้งที่ตอนนี้ตัวเองก็มีความต้องการไม่ต่างจากเขา“ผมไม่บังคับแต่จะให้คุณเลือก” “เลือกอะไรคะ”“เลือกระหว่างให้ผมกินคุณตอนนี้หรือจะให้ผมอดทนแล้วไปกินบนเครื่องบิน”“คุณมีทางเลือกให้เมล่อนแค่นี้เหรอคะ เมล่อนว่า....”เสียงหวานยังพูดไม่จบออสตินกดจูบลงบนเรียวปากอย่างเร่าร้อน บดเบียดจนเธอยอมให้เขาส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหวานอย่างที่เขาต้องการ กว่าจะยอมปล่อยให้ปากเธอเป็นอิสระเขาก็ทำเธอแทบขาดใจ