“ขอบคุณพวกเจ้าสองคนมากนะ ต่อแต่นี้ไปคงต้องรบกวนช่วยคุ้มครองพวกเราแล้ว หากขาดเหลือสิ่งใดก็มาบอกข้ากับน้องสาวได้นะ” เยี่ยนหลิงพยักหน้าตอบกลับเพียงเล็กน้อย และกล่าวกับพวกเขาอย่างถ่อมตัว“ขอบคุณคุณหนูใหญ่ พวกข้าจดจำคำพูดนี้ของท่านไว้แล้วขอรับ”เมื่อมีคนติดตามที่วรยุทธ์สูงถือว่า พวกนางจะปลอดภัยมากกว่าเดิ
ทางด้านซูอันที่อธิบายงานของนางกับจี้หยกวิเศษ สุดท้ายจึงตัดสินใจทำฉากกั้นออกมาสองลาย คือสวนดอกโบตั๋นหลากสี และเรือลำน้อยล่องลอยกลางทะเลสาบ‘จีจี้ข้าต้องการลายปักแบบสามมิติ สำหรับลวดลายทั้งสองอย่างนี้ และช่วยทำให้ลูกค้าสามารถมองได้สองด้านนะ’[โอ้โห! นายหญิงหากท่านขายฉากกั้น ด้วยการปักแบบสามมิติไปแล้วล
แม้จะฟังดูเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกิจการผ้าไหมของครอบครัว แต่สี่คนพ่อแม่ลูกกลับมิได้รู้สึกดีใจกับโอกาสนี้สักนิด มู่ถงที่เคยเอ่ยไว้แล้วว่าเรื่องการค้าเขายกให้ซูอันเป็นคนจัดการ เขาจึงพยักหน้าให้ซูอันทันทีซูอันไม่ละสายตาจากหวังเทียนเวิ่น นอกจากจะให้บ่าวคนสนิทบอกความต้องการแทนแล้ว คนผู้นี้กลับเอาแต่นั่งจ้อ
หลังจากซูอันจัดการไล่แขกน่ารังเกียจออกไปจากจวนได้ ทำให้วันนี้นางไม่มีสมาธิในการทำงานได้อีก เนื่องจากยังจดจำคำพูดหนึ่งของหวังเทียนเวิ่นได้ว่า เขามีน้องเขยเป็นถึงรองเจ้ากรมพิธีการ นั่นหมายความว่าหากนางปล่อยหวังเทียนเวิ่นกลับไป คงกลายเป็นครอบครัวของนางที่จะถูกสังหารทิ้งอย่างไม่ต้องสงสัยแม้แต่เยี่ยนหลิ
“ใช่ขอรับคุณหนูเล็ก ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ที่อันตราย ท่านสามารถสั่งให้บ่าวไปจัดการแทนเป็นเรื่องที่สมควรแล้วขอรับ” ไห่หยุนเห็นด้วยกับคำพูดของเยี่ยนหลิง บางอย่างพวกเขาสามารถลงมือแทนได้“ขอบใจมาก ข้าไม่เชื่อว่าตาแก่นั่นจะรามือเพียงเท่านี้แน่ พวกเราต้องเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน ฟังให้ดีข้าไม่ต้องการใ
ภายในห้องพักของหวังเทียนเวิ่น ยามนี้เย่าฉีต้องพยายามอย่างมากกับการปลอบใจเจ้านาย ที่ถูกซูอันชี้หน้าด่าว่าแก่หนังหน้าก็เหี่ยวย่น ทำให้หวังเทียนเวิ่นเริ่มหมดความมั่นใจ ทั้งที่ผ่านมาไม่ว่าตนจะไปทำการค้าในเมืองใด ล้วนมีสตรีไม่น้อยที่วิ่งเข้าหาโดยไม่ต้องออกแรง แต่สำหรับครั้งนี้กลับมีหญิงสาวท่าทอ ไหนจะท่าท
เดินหมากล้อมกับเจ้ากระมัง”หวังเทียนเวิ่นคิดว่าอวี้เหลียนมาเพียงลำพัง จึงใช้วาจาข่มขู่รวมถึงจะมอบเงินให้จำนวนมาก “ไม่ว่าใครส่งเจ้ามาจัดการข้า หากเจ้ายอมปล่อยข้าไปตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงทอง ไม่ ๆ ๆ ห้าร้อยตำลึงทองจะเป็นของเจ้าทันที”“โอ้ เป็นเงินไถ่ชีวิตที่ข้าเพิ่งเคยได้รับเป็นครั้งแรก แต่ขออภัยบังเอิ
เรื่องการต่อสู้ระหว่างคนของหวังเทียนเวิ่นกับซูอัน เหล่าพ่อค้าเร่หรือคนที่ทำการค้าผ้าไหมราคาแพง ล้วนรู้ดีว่าต่อหน้าเป็นการสวมหน้ากาก แต่ลับหลังกลับขัดแย้งจนเกิดการปะทะที่รุนแรง มีคนรู้เห็นแต่เก็บเงียบไม่ยอมปริปาก เนื่องจากไม่ต้องการเอาชีวิตของตนไปเสี่ยงกลุ่มของอวี้เหลียนและอู๋ซูหลังจากนำศพมาถึงหลังจ
แต่คนที่หวังประจบประแจงองค์ชายน้อย ย่อมไม่รอดพ้นการลงทัณฑ์จากฮ่องเต้ “หึ พวกเจ้าทุกคนควรยึดองค์ชายเจิ้งหลงรวมถึงคุณชายกับคุณหนู จากตระกูลหยางและตระกูลฟงเป็นแบบอย่าง ต้องมีความพยายามในการฝึกฝนให้มากกว่านี้ อย่าได้เกียจคร้านจะได้ไม่ทำให้บิดามารดาพวกเจ้าต้องขายหน้าส่วนเจ้ากู่จื่อเซียวเป็นถึงอาจารย์ของ
ฟงเหยาเหวินยืดหลังตรงสายตาเย็นชา เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเพราะถูกหยางเฟิ่งเซียนพูดแทนเสียก่อน “ข้ากับญาติผู้พี่ไม่ได้เริ่มก่อเรื่องวุ่นวาย แต่เป็นองค์ชายกับองค์หญิงต่างหากที่เริ่มก่อน พวกเขาต้องการเอากระดาษที่มีตัวอักษรของพวกเราไป” หยางเฟิ่งเซียนกล่าวตอบอย่างไม่เกรงกลัวผู้เป็นอาจารย์องค์ชายและองค์หญิ
หยางเฟิ่งเซียนได้ยินญาติผู้พี่เริ่มตอบกลับ จึงพูดเสริมด้วยเสียงเล็ก ๆ ตามประสาเด็ก แต่ใช่ว่าภายในหัวของหยางเฟิ่งเซียนจะไม่คิดอันใด “ส่วนฝีมือหัดเขียนของหม่อมฉันยังไม่ดีพอ หากถวายไปแล้วหมึกไม่สมดุลหรือเส้นขาดความสง่างาม มันอาจจะทำให้เสียเกียรติขององค์หญิงได้เช่นกัน”องค์ชายและองค์หญิงขมวดพระขนง พระพั
หนึ่งปีต่อมาณ วังหลวงอันโอ่อ่าซึ่งมีสำนักวั่งซูเก๋อ สถานที่สำหรับให้ความรู้แก่องค์ชายองค์หญิง รวมถึงบุตรหลานขุนนาง ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเรียนร่วมเป็นสหายของเชื้อพระวงศ์ยามเยาว์วัย และสองคู่แฝดจากตระกูลหยางกับตระกูลฟง ก็เป็นผู้ถูกเลือกจากฮ่องเต้ที่ทรงเล็งเห็นความสามารถแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระราชนัดด
สองคู่แฝดจากสองตระกูลที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เด็กน้อยทั้งสี่คนถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายายหรือท่านลุงท่านน้า ตั้งแต่สองคู่แฝดเริ่มหัดคลานจนเดินก้าวแรกได้ อยากหยิบจับสิ่งใดหรือจ้องมองสิ่งที่อยากได้ล้วนได้รับสิ่งนั้นเสมอในเมื่อมีคนเอาใจย่อมมีคนคอยขัด โดยให้เหตุผลสำหร
“ไอหยา ฮูหยินน้อยสงสัยลูก ๆ ของท่านจะกลัวคำขู่ไม่น้อย คนน้องถึงได้รีบตามออกมาทันที ท่านออกแรงเบ่งอีกครั้งนะเจ้าคะ”ซูอันรวบรวมลมหายใจอีกครั้ง และออกแรงเบ่งเพื่อให้บุตรอีกคนรีบออกมา เพราะตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว และในที่สุดเสียงร้องอันไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ฮูหยินน้อยคนนี้เป็นคุณหนูเจ้
เยี่ยนหลิงกัดฟันแน่นมือจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่น นางรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งกับการให้ชีวิตใหม่ของบุตรของนาง “ลูกแม่พวกเจ้ารีบออกมาเถิดอย่าได้กลั่นแกล้งแม่เช่นนี้เลย หากยังไม่ยอมออกมาแม่อาจขาดใจตายเอาได้ แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นเด็กกำพร้อมแม่นะ”“จินฮูหยินหัวเด็กคนแรกเริ่มโผล่ออกมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแข็งใจเบ่งออก
ข่าวการตั้งครรภ์ของบุตรสาวนายท่านตระกูลจิน ผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมทอเมฆาต่างกระจายไปถึงหูของคู่ค้า เมื่อใดที่ได้แวะเวียนมายังเมืองผู่เถียน ล้วนมีของขวัญติดไม้ติดมือมาเสมอ ซูอันไม่มีอาการแพ้ท้องอย่างอื่น มีเพียงการให้สามีตัวติดกับนางเท่านั้น ส่วนเยี่ยนหลิงกว่าจะหายเหม็นสามี อายุครรภ์ก็ปาเข้าไปเกือบห
“หลิงเอ๋อร์! เจ้าอาการหนักถึงเพียงนี้ ไยไม่ให้น้องเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเล่า หากเจ้าหมดสติล้มลงจนบาดเจ็บจะทำเช่นไร ท่านพี่พาลูกขึ้นไปนอนพักบนเตียงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“ได้ ๆ ๆ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับลูกกันแน่ฮูหยิน เมื่อเช้าก่อนจะแยกกลับเรือนยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ” มู่ถงไม่เคยเจออาการแพ้ท้องของสตรีตั้งครรภ์ เนื